ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 33 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 641 - 660 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
641 | ข้อเสนอเชิงนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านชุมชนเก่า | ทส | 10/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านชุมชนเก่า โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายฯ รวม ๔ ด้าน คือ ด้านนโยบาย ด้านโครงสร้าง ด้านการขับเคลื่อน และด้านเครื่องมือกลไก ซึ่งผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ และผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับข้อเสนอด้านการขับเคลื่อน ควรมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละระดับในการกำหนดกลไก มาตรการ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และสร้างการมีส่วนร่วมของพื้นที่ในการร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมลงมือปฏิบัติ และร่วมรับผิดชอบ สำหรับข้อเสนอด้านเครื่องมือ/กลไก ควรให้มีการศึกษาเพิ่มช่องทางหารายได้ รวมถึงมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือทั้งจากชุมชน เอกชนในการขับเคลื่อน และเกิดความยั่งยืนได้ด้วยตนเอง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามข้อเสนอเชิงนโยบายฯ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้เตรียมความพร้อมและจัดทำรายละเอียดของค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
642 | การดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี 2559 | ทส | 10/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี ๒๕๕๙ โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้มีการดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี ๒๕๕๙ โดยจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แนวทางร่วมกันและข้อเสนอแนะ (๑) ให้ประเด็นการพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนเป็นนโยบายระดับชาติ (๒) การดำเนินการเตรียมการเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและขยายผลการดำเนินงานอย่างครอบคลุมในปีต่อไป และ (๓) การจัดกิจกรรมการประกวดเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแนวทางการขับเคลื่อนเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานอย่างบูรณาการร่วมกัน และผลักดันให้การดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนขยายผลและครอบคลุมพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการขับเคลื่อนเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น แผนงาน/โครงการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้ภายในปี ๒๕๖๓ ทั้งนี้ กรอบแนวทางการขับเคลื่อนดังกล่าวควรมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การพัฒนาเมืองไปสู่ความยั่งยืนควรพิจารณามิติในการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดขึ้น โดยให้ความสำคัญกับประเด็นการพัฒนาในแนวทางการขับเคลื่อนเมืองเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืนเพิ่มเติม อาทิ การผลิตและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างหลักประกันให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ศิลปะ สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น การใช้ประโยชน์ที่ดิน อาคาร และโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาเมืองอย่างมีส่วนร่วม เป็นต้น รวมทั้งควรสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมให้กับภาคีพัฒนาทุกภาคส่วนให้เกิดความร่วมมือกันและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินงานที่มุ่งสู่เมืองสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ตลอดจนเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ร่วมคิด ร่วมดำเนินการ ร่วมติดตามตรวจสอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
643 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | ทส | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน และเพื่อให้เกิดความสมดุลในการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามร่างประกาศฯ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ร่างประกาศฯ ใช้บังคับ ให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ และเห็นควรปรับปรุงร่างประกาศฯ ในข้อ ๔ เพื่อให้ยกเว้นการดำเนินการด้านความมั่นคงทางพลังงาน โดยเพิ่มเติมข้อความบางประการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
644 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการสูงสุด และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีรายละเอียดที่สอดคล้องกับภารกิจถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) และในการจัดทำแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบแล้ว ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของส่วนราชการมีหน้าที่เสนอคำของบประมาณประจำปีนั้น ให้ส่วนราชการนั้นรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย รวมทั้งควรแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับที่มาของเงินและทรัพย์สินของกองทุนสิ่งแวดล้อมในร่างมาตรา ๒๓ ที่กำหนดให้ส่วนหนึ่งมาจาก “เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามอัตราที่คณะรัฐมนตรีกำหนด” และให้มีบทบัญญัติเพิ่มเติมในหมวด ๘ ความรับผิดทางแพ่ง สำหรับการดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาที่รัฐเป็นผู้เสียหาย นอกจากนี้ หากมีกรณีจะต้องมีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ควรจะนำปัจจัยผลทางเศรษฐกิจที่ประเทศและประชาชนจะได้รับมาร่วมในการวิเคราะห์ผลกระทบในภาพรวมอย่างรอบด้าน และจะต้องคำนึงถึงค่าเสียโอกาสโดยรวมของประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเรื่อง กองทุนสิ่งแวดล้อมต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนตามนัยมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง แล้วแจ้งผลการพิจารณาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบริหารจัดการเชิงโครงสร้างระยะยาว โดยในส่วนของกองทุนสิ่งแวดล้อมควรมีการบริหารงานที่เป็นอิสระ มีความคล่องตัว มีแหล่งที่มาของรายได้กองทุนที่มั่นคงและสม่ำเสมอ โดยในระยะยาวอาจพิจารณาจัดตั้งกองทุนเป็นรัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน หรืออาจพิจารณาจัดตั้งในลักษณะหน่วยงานอิสระ สำหรับโครงสร้างระบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมควรมีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ และกระบวนการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมควรเป็นภารกิจของหน่วยงานอิสระ โดยอาจพิจารณาประเด็นเรื่องการปฏิรูประบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
645 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 2/2560 | ทส | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) และครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว โดยยังคงมีเรื่องที่มีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเพิ่มเติมอีก ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในท้องที่ดังกล่าวข้างต้น พ.ศ. .... (๒) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... (๓) โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการทำเหมืองแร่ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดดินดาน และชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และ (๕) โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๗/๒๕๕๗ ของบริษัทชีวิลเอนจีเนียริง จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔ เรื่อง เช่น (๑) รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงาน EIA โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต : การปรับปรุง Runway Strip, RESA และทางขับขนานท่าอากาศยานภูเก็ต ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (๒) รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เรื่อง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา ของกรมทางหลวง (๓) โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ส่วนต่อขยายช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน และบ้านฉิมพลี-ศาลายา ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการอาคารศูนย์บริการทางการแพทย์หริภุญไชยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๕) การปรับปรุงมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ในบรรยากาศโดยทั่วไป และ (๖) ร่างนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
646 | รายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ปี พ.ศ. 2558 - 2559 | ทส | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ ๒ ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ สถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และส่วนที่ ๒ สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
647 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 41 | ทส | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๑ ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองคราคูฟ สาธารณรัฐโปแลนด์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งมีข้อมติคณะกรรมการฯ ที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น ประเมินทางเลือกอื่น ๆ หลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลในการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘ และยกเลิกแผนการก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่แหล่งทรัพย์สินอย่างถาวร รวมถึงโครงการก่อสร้างเขื่อนห้วยสะโตนและเขื่อนลำพระยาธาร เป็นต้น ทั้งนี้ พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ไม่ได้รับการบรรจุเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย และหากเอกสารรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ที่ต้องจัดส่งต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ได้รับการพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความก้าวหน้าเพียงพอก็จะไม่มีการนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๒ ในปี ๒๕๖๑ ๑.๒ ให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น ให้จัดส่งเอกสารรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาฉบับปรับปรุง และแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เพื่อคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ในปี ๒๕๖๒ เป็นต้น ๑.๓ เห็นชอบการบรรจุแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมพระธาตุพนม กลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้องในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดโลก ตามที่ราชอาณาจักรไทยนำเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมระงับการดำเนินการขยายเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘ ในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และให้พิจารณาทางเลือกในการขยายทางหลวงแผ่นดินเส้นทางอื่นแทนตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมในการก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างเขื่อนห้วยสะโตนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
648 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 1 | ทส | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส รวมทั้งสิ้น ๓๗ คน ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ประธานอนุกรรมการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท (๓) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (๕) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (๖) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (๗) ผู้แทนกระทรวงการคลัง และ (๘) ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของอนุสัญญามินามาตะฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่บรรยากาศและการปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศและภูมิภาคด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร โดยผ่านการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคีต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการร่วมกันในการดำเนินงานตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๑ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๑ ในข้อ ๔.๒ ประเด็นด้านเทคนิควิชาการและวิทยาศาสตร์ และข้อ ๔.๔ ประเด็นความช่วยเหลือด้านเทคนิควิชาการ ควรเพิ่มการกำหนดค่ามาตรฐานของปริมาณ และมาตรฐานวิธีการทดสอบเมทิลเมอร์คิวรี่ (Methyl Mercury) และขอรับการสนับสนุนการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือในการตรวจวัดสารประกอบเมทิลเมอร์คิวรี่ และอนุพันธุ์ของสารดังกล่าวที่เกิดจากกระบวนการ Methylation ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมินามาตะ รวมทั้งประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
649 | ความก้าวหน้าในการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและอุทกภัย และข้อเสนอแผนงานโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลาง | ทส | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าในการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและอุทกภัย ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ (Area-based) อย่างเป็นระบบ ครบวงจร และยั่งยืน ประกอบด้วย พื้นที่ภาคเหนือ ๑๓ พื้นที่ ภาคตะวันออก ๖ พื้นที่ ภาคใต้ ๕ พื้นที่ และภาคใต้ชายแดน ๒ พื้นที่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจความถูกต้องในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และน้ำเค็มรุกล้ำอย่างเป็นระบบในพื้นที่ภาคกลาง (Area-based) จำนวน ๑๐ พื้นที่ เพื่อให้มีความชัดเจนในการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ๒. ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลางในภาพรวมทั้งระบบ รวมทั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการทั้งหมดแล้วเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
650 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการอนุรักษ์ป่าชายเลน ระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย กับศูนย์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน - จีน และมูลนิธิการอนุรักษ์ป่าชายเลนและพื้นที่ชุ่มน้ำเซินเจิ้น | ทส | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการอนุรักษ์ป่าชายเลน ระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย กับศูนย์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน และมูลนิธิการอนุรักษ์ป่าชายเลนและพื้นที่ชุ่มน้ำเซินเจิ้น เป็นกรอบความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการศึกษาวิจัยร่วมกันในด้านป่าชายเลน ตลอดจนสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านป่าชายเลน เพื่อยกระดับศักยภาพในการอนุรักษ์ การจัดการ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนของทรัพยากรป่าชายเลน โดยไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันตามกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบและมีมาตรการเพื่อป้องกันมิให้ความร่วมมือทางวิชาการดังกล่าวกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิในพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความสูญเสียผลประโยชน์ของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
651 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 14 | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารจำนวน ๓ ฉบับ ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 14th AMME) วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เนการาบรูไนดารุสซาลาม ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ร่างแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ (ASEAN Strategic Plan on Environment 2016-2025) เพื่อเป็นแผนงานและกรอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อไปสู่เป้าหมายแผนงานประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๘ ๑.๑.๒ ร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN-China Environmental Cooperation Action Plan 2016-2020) เพื่อเป็นแนวทางดำเนินการตามยุทธศาสตร์อาเซียน-จีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ๑.๑.๓ ร่างแผนดำเนินงานอาเซียน-สหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ (ASEAN-UN Action Plan on Environment and Climate Change 2017-2020) เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการร่วมมือกับสหประชาชาติต่อการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาเซียน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองเอกสารจำนวน ๓ ฉบับดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
652 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 23 (ASEAN Joint Statement on Climate Change to COP 23) | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๓ (ASEAN Joint Statement on Climate Change to COP 23) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในความร่วมมือการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การสนับสนุนด้านการเงิน การเสริมสร้างศักยภาพ และการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เพียงพอ คาดการณ์ได้ โปร่งใส การเข้าถึงการสนับสนุนการเตรียมความพร้อมและการดำเนินงานจากกองทุน Green Climate Fund การจัดให้มีกลไกการดำเนินงานแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ เพื่อยกระดับการป้องกันและการจัดการอย่างยั่งยืน เป็นต้น โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เนการาบรูไนดารุสซาลาม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
653 | ร่างปฏิญญารัฐมนตรีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment ระหว่างวันที่ ๕-๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๓) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ (๔) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญารัฐมนตรีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก เป็นเอกสารที่แสดงแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน และการยืนยันคำมั่นที่จะดำเนินการตามพันธกรณีระดับโลกที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
654 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 8 ราย 1. นายสมชัย มาเสถียร ฯลฯ) | ทส | 05/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชัย มาเสถียร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๕. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๖. นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๗. นายสากล ฐินะกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายเสริมยศ สมมั่น ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
655 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน | ทส | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน โดยเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ ได้มีการเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน มีจังหวัดดำเนินโครงการ จำนวน ๖๖ จังหวัด ซึ่งได้ปลูกต้นไม้รวมทั้งสิ้น ๓๒๖,๖๘๕ ต้น ในเนื้อที่รวมทั้งสิ้น ๑,๖๕๒ ไร่ ในส่วนของกรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรมโครงการฯ เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยปลูกต้นไม้ยืนต้น ได้แก่ รวงผึ้ง เสลา และทองอุไร จำนวน ๑,๑๕๘ ต้น บริเวณถนนตัดใหม่ เริ่มจากแยกจรัญสนิทวงศ์-ถนนกาญจนาภิเษก รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้น ๗ กิโลเมตร สำหรับจังหวัดอื่น ๆ จำนวน ๑๐ จังหวัด อยู่ระหว่างการเตรียมการดำเนินโครงการ ฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
656 | รายงานผลการประชุม United Nations Conference to Support the Implementation of Sustainable Development Goal 14 | ทส | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุม United Nations Conference to Support the Implementation of Sustainable Development Goal 14 ระหว่างวันที่ ๕-๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมเต็มคณะ (Plenary Meeting) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กล่าวถ้อยแถลงโดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ ๑๔ เรื่องทะเลและมหาสมุทร รวมทั้งได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก UN ประชาคมระหว่างประเทศ ภาคประชาสังคม และผู้มีส่วนได้เสียร่วมกันอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรอย่างยั่งยืนเพื่อส่งต่อมรดกทางธรรมชาติให้แก่คนรุ่นต่อไป ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เข้าร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม Our Ocean, Our Future : Call for Action เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ๒. การประชุม Partnership Dialogues ประเทศไทยประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ (Voluntary Commitment) จำนวน ๓ หัวข้อ ได้แก่ (๑) การประมงยั่งยืน (๒) มลพิษทางทะเล และ (๓) การบริหารจัดการ ปกป้อง และอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ๓. ผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญ เช่น ที่ประชุมเสนอแนวทางในการจัดการมลพิษทางทะเลโดยการพัฒนาและการใช้กระบวนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งที่ประชุมหารือและตกลงร่วมกันที่จะยกระดับการจัดการประมงอย่างยั่งยืน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
657 | โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียน ระยะที่ 2 | ทส | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียน ระยะที่ ๒ (Energy Efficiency and Climate Change Mitigation in the Land Transport Sector of the ASEAN Region Phase II) มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสภาพต่าง ๆ สำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับชาติ ๑.๒ ให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยเฉพาะในข้อกำหนดที่เกี่ยวกับความพยายามของอาเซียนในการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนต้องรับมาดำเนินการให้เป็นไปได้ภายใต้กฎหมาย กฎ และระเบียบของประเทศไทยต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ ๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ ๒ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
658 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์) | ทส | 29/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) โดยกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๙๐,๐๐๐ บาท สิทธิประโยน์อื่นและร่างสัญญาจ้างผู้อำนวยการ อ.อ.ป. แล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์ ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
659 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และข้อเสนอแผนงานโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | ทส | 22/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (เลขานุการ กนช.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุม กนช. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยที่ประชุมมีมติสำคัญ เช่น (๑) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำจัดทำรายละเอียดแผนงาน โครงการ และงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ และแผนงานเร่งด่วนเพิ่มเติม และให้ฝ่ายเลขานุการ กนช. นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน (๒) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสิ่งกีดขวางทางน้ำเร่งรัดการดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำ (๓) เห็นชอบการหาพื้นที่บริเวณเนินเขาเพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำไม่ให้น้ำไหลลงสู่พื้นที่ราบ (๔) รับทราบแผนการเติมน้ำลงสู่ใต้ดิน และ (๕) รับทราบการโอนกรมทรัพยากรน้ำไป สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบการกำหนดพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งอย่างเป็นระบบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Area-based) จำนวน ๘ พื้นที่ ประกอบด้วย (๑) ลุ่มน้ำเลยตอนล่าง (๒) ลุ่มน้ำห้วยหลวง (๓) ลุ่มน้ำแม่น้ำสงคราม (๔) ลุ่มน้ำพุง-น้ำก่ำ (๕) ลุ่มน้ำชีตอนบน (๖) ลุ่มแม่น้ำชีตอนล่าง (๗) ลุ่มน้ำมูลตอนบน และ (๘) ลุ่มน้ำมูลตอนล่าง เพื่อให้มีความชัดเจนในการบูรณาการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ๑.๓ เห็นชอบให้กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมทรัพยากรน้ำเสนอโครงการที่มีความพร้อมเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพิ่มเติม รวม ๓๔๘ โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น ๘,๘๒๐ ล้านบาท มีพื้นที่ได้รับประโยชน์รวม ๕๔๙,๗๐๐ ไร่ คิดเป็นปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ๑๐๗ ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน ๘ พื้นที่ โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนช. รวบรวมพิจารณาและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการและงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป ๑.๔ เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการ กนช. รวบรวมแผนงานโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในระยะยาว (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๙) ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยแผนงานดังกล่าวจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของพื้นที่เสี่ยงรุนแรง และร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ทั้งหมด ๑.๕ รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำตามที่ฝ่ายเลขานุการ กนช. เสนอ และให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินการแก้ไข จัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำ หรือกำหนดมาตรการรองรับกรณีเกิดอุทกภัย หากสิ่งกีดขวางดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยกำหนดให้การแก้ไขสิ่งกีดขวางลำน้ำทั้งหมดต้องแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ สำหรับสิ่งกีดขวางทางน้ำ จำนวน ๑๒ แห่ง ที่ไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบ กรมทรัพยากรน้ำจะได้ประสานกับทางจังหวัดเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ฝ่ายเลขานุการ กนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรรวบรวมโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามพื้นที่บริหารจัดการน้ำ ๘ พื้นที่ ที่มิได้อยู่ในแผนฯ ที่เสนอในครั้งนี้ โดยจัดเตรียมรายละเอียดโครงการ งบประมาณ และความพร้อมต่าง ๆ รวมถึงจัดลำดับความสำคัญของโครงการ สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการในเชิงบูรณาการเพื่อแก้ไขจัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำ หรือกำหนดมาตรการรองรับกรณีเกิดอุทกภัยในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนช. รับไปประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในระยะยาว ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
660 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 13 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมี อันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 8 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 8 | ทส | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๓ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๘ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๔ เมษายน-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งหัวข้อของการประชุมรัฐภาคีฯ เน้นเรื่องการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ไร้มลพิษโดยการจัดการสารเคมีและของเสียอย่างเหมาะสม รวมทั้งมีมติข้อตัดสินใจสำคัญต่าง ๆ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติข้อตัดสินใจที่สำคัญในการประชุมรัฐภาคีฯ ดังนี้ ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority : CA) ภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการโรงงานมีการดำเนินงานด้านการจัดการของเสียอันตรายอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environmentally Sound Management : ESM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การป้องกัน การลดการเกิดของเสียอันตรายและการกำจัด ตามข้อบทที่ ๔ (๒) ของอนุสัญญาบาเซลฯ ๒.๒ มอบหมาย (๑) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐ (Designated National Authority : DNA) ด้านสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้า (import response) สำหรับสาร carbofuran และสาร trichlorfon และ (๒) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐด้านสารเคมีอุตสาหกรรมดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้าสำหรับสาร short-chain chlorinated paraffins และสาร tributyltin compounds ที่ได้รับการบรรจุเพิ่มเติมในภาคผนวก III ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ ๒.๓ มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการเพื่อควบคุมสาร POPs ชนิดใหม่ที่ได้รับการบรรจุในภาคผนวก เอ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ๒ ชนิด คือ สาร decabromodiphenyl ether และสาร short-chain chlorinated paraffins ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๓ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ
|
.....