ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 29 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 561 - 580 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
561 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์) | ทส | 17/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาการเงินในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
562 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 | ทส | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (กรณีการจัดระบบการใช้ประโยชน์) พื้นที่นิคมสร้างตนเอง พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน (ฉบับที่แก้ไข) และพื้นที่ป่าชายเลน (ฉบับแก้ไข) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งที่ประชุม คทช. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑ ได้มีมติรับทราบและเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ เช่น ๑.๑ รับทราบผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ มีพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน จำนวน ๓๗๑ พื้นที่ ๖๖ จังหวัด เนื้อที่ประมาณ ๑,๐๔๓,๓๐๖ ไร่ และรับทราบข้อมูลผู้ขึ้นทะเบียนของผู้ยากไร้ที่ดินทำกินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมที่ดิน กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวนทั้งสิ้น ๘๔๑,๑๗๐ ราย เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ระยะเร่งด่วน และเห็นชอบกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลใน (๑) พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน (๒) พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (๓) พื้นที่นิคมสร้างตนเอง (๔) พื้นที่ป่าชายเลน (ขอปรับแก้กระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนฯ จากเดิมเฉพาะในพื้นที่ป่าชายเลน อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น ทั่วประเทศ) ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนของงบประมาณ ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบภายใต้แผนงานบูรณาการการจัดการปัญหาที่ดินทำกินเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ร่วมกันอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
563 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงในการสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุที่ยั่งยืนและการบรรเทาหมอกควันในอาเซียน | ทส | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุที่ยั่งยืนและการบรรเทาหมอกควันในอาเซียน และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามของอาเซียน โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเป็นการตอบรับข้อเสนอตามหนังสือแลกเปลี่ยนของสหภาพยุโรปในการแก้ไขความตกลงในการสนับสนุนทางการเงิน (Financing Agreement) ภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุฯ โดยแก้ไขข้อ ๒.๒ วรรค ๒ ภาคผนวก ๑ (ข้อกำหนดด้านเทคนิคและการบริหารจัดการ) ของความตกลงฯ เพื่อให้บรูไนดารุสซาลามและสาธารณรัฐสิงคโปร์สามารถเข้าร่วมการได้รับเงินสนับสนุนภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุฯ (เดิมมีสิทธิ์เข้าร่วมได้เพียงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่ได้กำหนดให้ได้รับเงินสนับสนุน) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหมที่เห็นควรพิจารณาใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุภายในพื้นที่ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
564 | ผลการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 8 (The 8th World Water Forum) | ทส | 03/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ ๘ (The 8th World Water Forum) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ภายใต้หัวข้อ “การแบ่งปันน้ำ” (Sharing Water) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อเสนอแนะเชิงเทคนิค การเมือง และสถาบัน ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มประชาสังคม แลกเปลี่ยนวิธีการแก้ไขปัญหา การปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อให้การใช้น้ำเกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการแลกเปลี่ยนการดำเนินงานระหว่างประเทศ โดยที่ประชุมฯ ได้มีการรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ว่าด้วยเรื่องข้อเรียกร้องเร่งด่วนให้มีการดำเนินการด้านน้ำอย่างเด็ดขาด ซึ่งกำหนดลำดับความสำคัญในการปฏิบัติเพื่อเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงน้ำและสุขาภิบาล ทั้งนี้ ปฏิญญาฯ ได้เสนอข้อเรียกร้องโดยเร่งด่วนให้มีการดำเนินการด้านน้ำอย่างเด็ดขาด และจะต้องเร่งดำเนินการ ๑๑ ประการ เช่น (๑) การเสริมสร้างพันธสัญญาทางการเมืองให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดแคลนน้ำในบริบทของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๒) เชิญชวนให้ระบบขององค์การสหประชาชาติเสริมสร้างการสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ในเรื่องน้ำ และปรับปรุงการบูรณาการและการประสานงานขององค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับน้ำภายใต้เสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน และ (๓) ระดมทุนและจัดสรรทรัพยากรทางการเงินที่เพียงพอจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
565 | ผลการจัดโครงการค่ายเยาวชนอาเซียนรักษ์สิ่งแวดล้อม (ASEAN Youth Camp : ASEAN Youth Stepping Towards Environmental Sustainability) | ทส | 27/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการจัดโครงการค่ายเยาวชนอาเซียนรักษ์สิ่งแวดล้อม (ASEAN Youth Camp : ASEAN Youth Stepping Towards Environmental Sustainability) ระหว่างวันที่ ๒๔-๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้ การศึกษาดูงาน และการเข้าร่วมกิจกรรมและฝึกปฏิบัติ ซึ่งมีเนื้อหาวิชาการที่ครอบคลุมทั้งด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการมลพิษในภาคอุตสาหกรรม และการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน/เมืองยั่งยืน นอกจากนี้ กลุ่มเยาวชนอาเซียนฯ ได้จัดทำข้อเสนอโครงการที่สามารถนำไปใช้ได้จริงตามความเหมาะสมของแต่ละบริบทของประเทศสมาชิกฯ และได้มีการนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน โดยในส่วนของประเทศไทยเสนอโครงการ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการลดการเผาเศษวัชพืช ณ จังหวัดลำปาง (๒) โครงการค่ายสร้างจิตสำนึกเรื่องป่าไม้ ณ จังหวัดกาญจนบุรี และ (๓) โครงการบำบัดน้ำเสียธาตุเชิงชุม ณ จังหวัดสกลนคร ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการจัดโครงการฯ จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา (ASEAN Working Group on Environmental Education : AWGEE) ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๒๙ (the Meeting of the ASEAN Senior Officials on the Environment : ASOEN) ในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
566 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นางอัษฎาพร ไกรพานนท์) | ทส | 27/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอัษฎาพร ไกรพานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
567 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 19/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในความร่วมมือทางวิชาการในสาขาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบของแต่ละประเทศบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน โดยความร่วมมือจะดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้แทนของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ การศึกษาดูงาน และการพัฒนาโครงการที่เห็นชอบร่วมกัน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดพิธีลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้าร่วมในกระบวนการทำงานหรือให้ความรู้เพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะในประเด็นที่ทั้งสองประเทศอาจจะยังขาดองค์ความรู้ เพื่อยกระดับความสามารถของทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
568 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2560 | ทส | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ในช่วง พ.ศ. ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๐ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา โดยแบ่งเป็นสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง รวมถึงการคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในอนาคตและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ทุกภาคส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่เยาวชนและประชาชนทุกช่วงวัยให้มีความตระหนักรู้ในคุณค่า และร่วมอนุรักษ์ ดูแล พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมทั้งควรพิจารณานำเสนอประเด็นหรือข้อมูลที่มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย/ตัวชี้วัดตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสอดคล้องกับตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Indicators) ขององค์การสหประชาชาติ ที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ในการติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
569 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 6 คน 1. นายประทีป เจริญพร ฯลฯ) | ทส | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายประทีป เจริญพร ด้านการบริหารจัดการที่ดิน ๒. นายอิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ ด้านกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับที่ดิน ๓. นายมานัส ฉั่วสวัสดิ์ ด้านการจัดการที่ดินของรัฐ ๔. นายมณฑล สุดประเสริฐ ด้านการผังเมือง ๕. นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ ด้านการจัดการที่ดินป่าไม้ ๖. นายสิริวิชญ กลิ่นภักดี ด้านการจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
570 | รายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. 2553 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. .... | ทส | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ ที่เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. ๒๕๕๓ และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. .... [ยุบเลิกองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (กอสส.)] และเห็นชอบการจ่ายค่าชดเชยบุคลากรสนับสนุนการปฏิบัติงาน กอสส. จำนวน ๒๐ คน โดยเทียบเคียงการจ่ายค่าชดเชยตามมาตรา ๑๑๘ ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นเงิน ๒,๓๖๙,๘๐๐ บาท โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพัสดุที่สำนักงาน กอสส. ได้ยืมจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแต่งตั้งคณะกรรมการรับมอบพัสดุ ซึ่งคณะกรรมการรับมอบพัสดุได้รับคืนพัสดุ รวมทั้งสิ้น ๗๓๕ รายการ โดยได้ตรวจสอบความครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นไปตามระเบียบทางราชการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาการจ่ายค่าชดเชยบุคลากรสนับสนุนการปฏิบัติงาน กอสส. โดยจ่ายค่าชดเชยให้แก่บุคลากรดังกล่าว จำนวน ๑๘ คน เป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๓๙๙,๘๐๐ บาท เกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากมีการคาดการณ์ระยะเวลาในการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อยุบเลิกองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพคลาดเคลื่อน (เดิมคาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แต่ระเบียบฯ มีผลใช้บังคับวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
571 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือสำหรับโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถาบันความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง | ทส | 15/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือสำหรับโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง เพื่อดำเนินการขอรับทุนสำหรับดำเนินโครงการกลไกความร่วมมือข้ามพรมแดนเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง จำนวน ๓๘๙,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่กรมทรัพยากรน้ำ โดยมีสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงเป็นหน่วยงานดำเนินโครงการฯ ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ ทั้ง ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง อย่างสูงสุด และเพื่อดำเนินความร่วมมือในการสนับสนุนการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง การพัฒนาศักยภาพขององค์กรและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจทั้งสองฉบับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นควรให้ความสำคัญและบูรณาการความร่วมมือในด้านสาขาพลังงานกับกลุ่มประเทศในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ก่อนเป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
572 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ (Fifth Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ meeting : GMS EMM-5) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย การประชุมประกอบด้วย ๓ ส่วนสำคัญ ได้แก่ (๑) การประชุมเชิงวิชาการ (๒) การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และ (๓) การประชุมระดับรัฐมนตรี ซี่งให้การรับรองกรอบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบแผนงานสำหรับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงภายในระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) รวมทั้งให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ มีสาระสำคัญในการให้คำมั่นร่วมกันเพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวที่ครอบคลุมและยั่งยืนตามแนวทางของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นหลักการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วยการเสริมสร้างนโยบายที่เชื่อมต่อการลงทุน ปรับปรุงกระบวนการวางแผนทางยุทธศาสตร์ และให้การสนับสนุนเพื่อสร้างความพร้อมด้านการลงทุน โดยโครงการที่มีศักยภาพภายใต้แผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมจะถูกรวบรวมอยู่ในกรอบการลงทุนระดับภูมิภาค ปี ๒๕๕๖-๒๕๖๕ และแผนปฏิบัติการฮานอย ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ซึ่งได้มีการนำเสนอในที่ประชุมสุดยอดผู้นำของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖ ที่จัดขึ้นในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
573 | ร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างอำนวยความสะดวกและพัฒนาความร่วมมือซึ่งกันและกันในสาขาสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากจะมีการจัดทำความตกลงเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยี รายละเอียดด้านเทคนิค รวมถึงเรื่องการจัดสรรงบประมาณสำหรับกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความร่วมมือฯ การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่มีชั้นความลับตามที่ระบุไว้ในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในอนาคต ควรส่งร่างความตกลงดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาต่อไปด้วย และควรให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นผลมาจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้บันทึกความร่วมมือฯ ที่ต้องใช้สิทธิให้สอดคล้องกับกฎหมายและกฎข้อบังคับของแต่ละประเทศที่จะต้องทำข้อตกลงแยกออกไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามบันทึกความร่วมมือฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น และเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
574 | รายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2559 | ทส | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สถานการณ์การขับเคลื่อนการพัฒนา นโยบาย และยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ (๒) สถานการณ์ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง (๓) สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่ง (๔) สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งรายจังหวัด (๕) สถานการณ์การใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่งและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (๖) การวิเคราะห์สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ โดยใช้กรอบแนวคิด DPSIR (๗) การใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ในการประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ และ (๘) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
575 | อุทยานธรณีสตูลได้รับการรับรองจากยูเนสโกเป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง อุทยานธรณีสตูลได้รับการรับรองจากยูเนสโกเป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geoparks) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุทยานธรณีสตูลได้รับการพิจารณารับรองการเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) แล้ว ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโก ครั้งที่ ๒๐๔ (204th Session of the Executive Board) เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ ณ องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ทั้งนี้ อุทยานธรณีโลกเมื่อได้รับการจัดตั้งแล้วจะมีสถานะเป็นอุทยานธรณีโลก ภายในระยะเวลา ๔ ปี หลังจากนั้นจะต้องได้รับการประเมินอุทยานธรณีโลกใหม่อีกครั้ง (Revalidation) เพื่อให้รักษาคุณสมบัติและคุณภาพของอุทยานธรณีโลก หากผลการประเมินผ่านเกณฑ์จะได้รับการต่ออายุเป็นอุทยานธรณีโลกอีก ๔ ปี แต่หากไม่ผ่านการประเมิน หน่วยงานผู้รับผิดชอบในการบริหารอุทยานธรณีโลกต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามขั้นตอนและข้อเสนอแนะของยูเนสโกให้แล้วเสร็จภายใน ๒ ปี หากไม่สามารถดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในกำหนดได้ จะถูกถอดถอนจากการเป็นอุทยานธรณีโลก ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรธรณี) จะประสานหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดสตูล และอุทยานธรณีโลกยูเนสโกสตูล พิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของสมาชิกสภาอุทยานธรณีโลกต่อการพัฒนาอุทยานธรณี เช่น การดำเนินการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง การเร่งรัดการป้องกันพื้นที่ชายฝั่งทะเลและสิ่งก่อสร้างบริเวณแนวชายฝั่งที่ได้รับการกัดเซาะโดยธรรมชาติอย่างรวดเร็ว และการจัดทำแผนการดำเนินงาน ๔ ปี ของอุทยานธรณีสตูล เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานเพื่อพัฒนามาตรฐานของอุทยานธรณีสตูลและเตรียมรองรับการประเมินใน ๔ ปีข้างหน้า เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
576 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2560 (เพิ่มเติม) | ทส | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) จำนวน ๑ เรื่อง คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และให้ กนอ. รับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การจัดการด้านมลพิษที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมในนิคมอุตสาหกรรม เห็นควรให้เพิ่มเติมมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเรื่องการกำจัดกากอุตสาหกรรม การจัดการน้ำเสียส่วนกลางหรือน้ำทิ้ง และการจัดการคุณภาพอากาศ (๒) การกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายและกลุ่มอุตสาหกรรมห้ามตั้ง เห็นควรระบุประเภทของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้ชัดเจน รวมทั้งพิจารณาและประกาศกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและศักยภาพของพื้นที่ภาคใต้ให้ชัดเจน และให้ความสำคัญกับการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๓) พิจารณาเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นแนวกันชน ในบริเวณทิศเหนือของพื้นที่ตั้งสำนักงานขนส่งและกระจายสินค้าและเขตประกอบการเสรี เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนโดยรอบ และเป็นการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
577 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิก The United Nations Collaborative Programme on Reducing Emissions From Deforestation and Forest Degradation in Developing Countries (UN-REDD Programme) ของประเทศไทย | ทส | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก The United Nations Collaborative Programme on Reducing Emissions From Deforestation and Forest Degradation in Developing Countries (UN-REDD Programme) ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นสมาชิกให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินการตามกรอบงานเรดด์พลัส (REDD+) หรือที่เกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเกิดจากการทำลายป่าและการทำให้ป่าเสื่อมโทรม รวมถึงการอนุรักษ์ป่า การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน และการเพิ่มการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่า โดยโครงการจะสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ทั้งในเชิงเทคนิค วิชาการ และการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เป็นข้อตัดสินใจของการประชุมประเทศภาคีสมาชิกอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๒ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานดำเนินงาน UN-REDD Programme ๑.๓ ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในเอกสารแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการอย่างเป็นทางการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเป็นแนวทางดำเนินงานตามกรอบงาน REDD+ อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและทิศทางการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ส่วนของงบประมาณในการดำเนินงานเข้าร่วมเป็นสมาชิก UN-REDD Programme ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว และ/หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
578 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) (นายธัญญา เนติธรรมกุล ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนางสาวนงพงา บุญเปี่ยม (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) | ทส | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ เมษายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายธัญญา เนติธรรมกุล ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. นางสาวนงพงา บุญเปี่ยม ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
579 | ร่างหนังสือการบริหารจัดการระหว่างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (EANET) และโครงการเฝ้าระวังบรรยากาศโลก ภายใต้องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO/GAW) เกี่ยวกับการตกลงยอมรับให้ EANET เป็นเครือข่ายสนับสนุนของ WMO/GAW | ทส | 03/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือการบริหารจัดการระหว่างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (Acid Deposition Monitoring Network in East Asia : EANET) และโครงการเฝ้าระวังบรรยากาศโลก ภายใต้องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization : WMO/Global Atmospheric Watch Programme : GAW) เกี่ยวกับการตกลงยอมรับให้ EANET เป็นเครือข่ายสนับสนุนของ WMO/GAW ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่าย EANET กับ WMO/GAW ในการเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม รวมทั้งเพื่อกำหนดความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย โดยมีการกำหนดกิจกรรมร่วมกัน เช่น ให้ข้อมูลสำหรับทุกสถานีของ EANET แก่ WMO/GAW จัดเตรียมข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้แก่ระบบสารสนเทศข้อมูลสถานีของ GAW อนุญาตให้ WMO/GAW และ EANET ใช้ข้อมูลของซึ่งกันและกันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบให้ผู้ประสานงานหลักของประเทศไทย (National Focal Point) ภายใต้เครือข่าย EANET (ผู้อำนวยการสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ) เห็นชอบต่อร่างหนังสือฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการพิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อมูลและผลิตผลจากการปฏิบัติงานภายใต้เครือข่ายความร่วมมือดังกล่าวสำหรับการจัดการมลพิษอากาศและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
580 | ร่างปฏิญญาเสียมราฐ ค.ศ. 2018 | ทส | 03/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาเสียมราฐ ค.ศ. ๒๐๑๘ ที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๔-๕ เมษายน ๒๕๖๑ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชาโดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในการมุ่งเน้นการดำเนินงานตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยมีแนวคิดหลักคือ การเพิ่มพูนความพยายามและความเป็นหุ้นส่วนของประเทศสมาชิกในการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยในการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๓ เป็นผู้รับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
.....