ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 2163 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
421 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ | ทส | 17/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจตรี วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ ๓. นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ๔. นายกมลชัย รัตนสกาววงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย (ผู้แทนภาคเอกชน) ๕. นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ (ผู้แทนภาคเอกชน) ๖. นายศศิน เฉลิมลาภ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนภาคเอกชน) ๗. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนภาคเอกชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
422 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 10/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ขององค์กร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
423 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 3 | ทส | 10/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น (๑) ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๓ มีมติแต่งตั้งให้ ดร. ประเสริฐ ตปนียางกูร เป็นผู้แทนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารแผนงานพิเศษระหว่างประเทศต่อเป็นวาระที่ ๒ (๒) สาระสำคัญที่มีความก้าวหน้าในมติข้อตัดสินใจของการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๓ และจะนำไปหารือต่อเนื่องในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๔ ต่อไป เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทและกระบวนการผลิตที่มีการใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอท การปลดปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำ และการปล่อยปรอทจากการเผาในที่โล่งของของเสีย เป็นต้น และ (๓) การกำหนดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๓๑ ตุลาคม-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สมัยที่ ๓ ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ในการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท และขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมรัฐภาคีฯ สมัยที่ ๓ ดังนี้ ๒.๑ มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม (กรมโรงงานอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมควบคุมมลพิษ) และกระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ) นำแนวทางการจัดการพื้นที่ปนเปื้อนที่ผ่านการรับรองโดยที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๓ มาปรับใช้ในทางปฏิบัติสำหรับประเทศไทยต่อไป ๒.๒ มอบหมายกระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) จัดส่งผู้แทนเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้แทนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจ ในการพิจารณาทบทวนภาคผนวก เอ และ บี โดยแจ้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ภายในวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ๒.๓ มอบหมายกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) จัดส่งผู้แทนผู้มีความชำนาญในการใช้งานพิกัดศุลกากรสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทตามภาคผนวก เอ โดยแจ้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ภายในวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ เพื่อแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอททราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
424 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (นายธัญญา เนติธรรมกุล) | ทส | 10/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายธัญญา เนติธรรมกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
425 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 15 (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 2 (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน | ทส | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ [United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC), the 25th Session of the Conference of the Parties : COP 25] การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน โดยมีผลการประชุมและข้อตัดสินใจ เช่น แนวปฏิบัติและกฎการดำเนินงานสำหรับข้อ ๖ ของความตกลงปารีส (Article 6 of the Paris Agreement) กลไกระหว่างประเทศวอร์ซอสำหรับการสูญเสียและความเสียหายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Warsaw International Mechanism for Loss and Damage associated with Climate Change Impacts) การประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้หัวข้อ Koronivia Joint Work on Agriculture และการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานให้สอคดล้องกับผลการประชุมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและเข้าร่วมการประชุมในประเด็นที่เกี่ยวข้อง (๒) พิจารณานำผลการประชุมที่เป็นประโยชน์มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติภายในประเทศ (๓) ประสานการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยให้บรรลุตามเป้าหมายที่ประเทศไทยกำหนด และ (๔) ประสานแจ้งความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปงสภาพภูมิอากาศให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับทราบ และรายงานความคืบหน้าในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดท่าทีของไทยต่อการเข้าร่วมกลไกภายใต้ข้อ ๖ ของความตกลงปารีส รวมถึงท่าทีเกี่ยวกับการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตมาสู่การดำเนินการภายใต้ระบอบของความตกลงปารีส ซึ่งรัฐภาคีมีการแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน เพื่อประกอบการเจรจากำหนดท่าทีไทยในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีการเจรจาอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ในปี ๒๕๖๓ และพิจารณาให้มีกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เหมาะสมและกระบวนการเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้ประเด็นที่ได้รับมอบหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
426 | วันป่าชายเลนแห่งชาติ | ทส | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้วันที่ ๑๐ พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันป่าชายเลนแห่งชาติ” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๔ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับป่าชายเลนเป็นครั้งแรกและส่งผลให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันอนุรักษ์ป่าชายเลนมาอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการดำเนินงาน จัดกิจกรรมนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับการอนุรักษ์ป่าชายเลน รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจและเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ป่าชายเลนในวันป่าชายเลนแห่งชาติในทุก ๆ ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
427 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลก | ทส | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลก โดยขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าพิษณุโลก ครอบคลุมอาณาบริเวณกำแพงเมือง คูเมืองพิษณุโลก พระราชวังจันทน์ วัด และโบราณสถานที่สำคัญ ซึ่งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) มีการพิจารณาแนวทางการอนุรักษ์และกรอบเวลาที่ชัดเจน ส่วนแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่งควรเน้นพัฒนาโครงข่ายการสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีความเหมาะสม กลมกลืน และรองรับการเป็นเมืองเก่า (๒) ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับท้องถิ่น เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์ สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และ (๓) ให้จังหวัดพิษณุโลกเร่งรัดการจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลกให้สอดคล้องกับกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเขตพื้นที่เมืองเก่า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
428 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ทส | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและหน้าที่และอำนาจขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น โดยให้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
429 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2562 | ทส | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กก.วล. มีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวม (รายงานสถานการณ์) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีข้อเสนอแนะต่อ กก.วล. เช่น ควรระบุหน่วยงานอนุญาตและขั้นตอนการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) ให้สอดคล้องกับขั้นตอนการอนุญาตตามกฎหมายของหน่วยงานอนุญาต พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Smart EIA ให้เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานอนุญาต เพื่อให้สามารถใช้งานระบบฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นต้น ๒. กก.วล. มีมติรับทราบนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๘๐ และแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อรายงาน EIA จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดภูเก็ต (เทพกระษัตรี ๒ และ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๒) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ๕๐๐ กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี ๒-ภูเก็ต ๓ (ส่วนที่พาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. กก.วล. มีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง คณะกรรมการเปรียบเทียบและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่งตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบในเขตกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาคตามความเหมาะสม และ (๒) การเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบ ๕. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ โดยเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๔๒ จังหวัด และเห็นชอบโครงการภายใต้แผนดังกล่าว จำนวน ๗ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๑๖๐,๒๔๕,๑๐๐ บาท ซี่งเป็นการก่อสร้างหรือดำเนินการเพื่อให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม ๖. กก.วล. มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีเหตุผลของการยกเลิก เนื่องจากในระยะที่ผ่านมามีรายงาน EIA ด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่ดังกล่าวเพียง ๓ โครงการ ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงทำให้ไม่มีการนำเสนอรายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง ๑๐ จังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
430 | รายงานผลการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. 2562 - 2566 | ทส | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง จำนวน ๙ ที่นั่ง จัดขึ้นในระหว่างการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ (22nd General Assembly of States Parties to the World Heritage Convention) เมื่อวันที่ ๒๗-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งผลการคัดเลือกคณะกรรมการมรดกโลก จำนวน ๙ ที่นั่ง ได้แก่ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย สาธารณรัฐมาลี สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย รัฐสุลต่านโอมาน สหพันธรัฐรัสเซีย ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐแอฟริการใต้ และราชอาณาจักรไทย โดยราชอาณาจักรไทยได้รับเลือกเข้าเป็นกรรมการมรดกโลก ด้วยคะแนน ๑๕๖ เสียง จากจำนวนรัฐภาคีสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม ๑๗๐ ประเทศ โดยเป็นบัตรดี ๑๕๖ ใบ และบัตรเสีย (Invalid votes) ๑๔ ใบ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
431 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 9 ราย 1. นายชวลิต ชูขจร ฯลฯ) | ทส | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ รวม ๙ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งและลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก กรรมการด้านการศึกษา ๓. นายสรวิศ ธานีโต กรรมการด้านสัตวแพทย์และสวัสดิภาพสัตว์ ๔. รองศาสตราจารย์วรสัณฑ์ บูรณากาญจน์ กรรมการด้านสถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม ๕. นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการด้านบริหารธุรกิจ ๖. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน กรรมการด้านกฎหมาย ๗. นางรัชดาภรณ์ ราชเทวินทร์ กรรมการด้านการเงิน และบัญชี ๘. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา กรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๙. นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
432 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 18/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยยกเลิกคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ ๗๐/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแต่งตั้ง นายพุฒิพงศ์ สุรพฤกษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ ๔๑/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
433 | รายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 | ทส | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งไม่อาจดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎกระทรวงตามมาตรา ๗๘ เหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงได้ เนื่องจากการยกร่างกฎกระทรวงตามมาตรา ๗๘ มีความซับซ้อนและเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อน รวมถึงมีความใกล้เคียงกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม และมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายผังเมือง ตลอดจนกฎหมายอื่นอีกหลายฉบับ อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก จึงต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และจำเป็นต้องใช้ผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในการยกร่างฯ ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาของมาตรา ๗๘ แล้ว พบว่า เป็นการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะและกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรน้ำสาธารณะอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสมแก่สภาพของพื้นที่ โดยจะกำหนดให้ใช้บังคับเป็นการทั่วไปหรือใช้บังคับในท้องที่ใดท้องที่หนึ่งหรือจะกำหนดข้อยกเว้นการใช้บังคับทั้งหมดหรือบางส่วนสำหรับกิจกรรมบางประเภทหรือบางพื้นที่ก็ได้ ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายที่สามารถรอการดำเนินการได้ หากยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทันภายใน ๙๐ วัน นับแต่พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนและการบังคับใช้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ประกาศกระทรวงตามมาตรา ๘๑ เหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงได้ เนื่องจากการยกร่างประกาศกระทรวงตามมาตรา ๘๑ ต้องมีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนแล้วจึงประกาศกำหนดรูปแบบบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการกำหนดว่าผู้ใดควรเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในส่วนที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการศึกษาและรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
434 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ | ทส | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา เป็นประธานกรรมการ ๒. นางสาวธัญลักษ์ เจริญปรุ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. นางจิราวรรณ แย้มประยูร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ๖. นายโยธิน มูลกำบิล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์ ๗. นายชัยเกียรติ ห่านสัมฤทธิ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารธุรกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
435 | โครงการจัดทำรายงานแห่งชาติ ฉบับที่ 4 และรายงานความก้าวหน้ารายสองปี ฉบับที่ 3 ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความตกลงระหว่างโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติและหน่วยงานร่วมปฏิบัติการ ภายใต้โครงการจัดทำรายงานแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ และรายงานความก้าวหน้ารายสองปี ฉบับที่ ๓ ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเห็นชอบให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความตกลงฯ โดยบันทึกความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดการให้การสนับสนุนแก่โครงการดำเนินงานในระดับประเทศ โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) จะให้การสนับสนุนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการ เช่น การจัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ แล้วเสร็จ การพัฒนากระบวนการทำงาน และการพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรในประเทศ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดโครงการให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
436 | ขอทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 | ทส | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๖ (เรื่อง ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อให้กองทัพอากาศใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ) เฉพาะในส่วนของข้อ ๒.๒ ที่ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ ที่มิให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ไม่ว่ากรณีใด เป็นว่ากรณีจำเป็นที่ต้องขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ต่อคณะรัฐมนตรี ส่วนราชการจะต้องจัดทำรายงานการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาก่อน เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีทุกครั้ง ๑.๒ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๘ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดชั้นของป่าต้นน้ำลำธารและการทำเหมืองในพื้นที่ป่าปิด) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำปิงและวัง ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดังกล่าวนำโครงการนั้นเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๓ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๙ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำยมและน่าน และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำยมและน่าน ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดังกล่าวนำโครงการนั้นเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๔ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำมูลและชี และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำมูลและชี ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดังกล่าวนำโครงการนั้นเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๕ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำภาคใต้ ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๑.๖ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพน้ำภาคตะวันออก และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำภาคตะวันออก ที่กำหนดให้ในกรณีส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา ๑.๗ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ [เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก และการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่น ๆ (ลุ่มน้ำชายแดน)] เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก ในเขตลุ่มน้ำภาคเหนือส่วนอื่น ๆ และในเขตลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่น ๆ (ลุ่มน้ำชายแดน) ที่กำหนดให้ในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ตั้งแต่ในระยะทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา ๒. ในการขอเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง ขอผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อก่อสร้างทางเพื่อความมั่นคง) อย่างเคร่งครัด ๓. ในกรณีโครงการ กิจการ หรือการดำเนินงานของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ก่อนวันที่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้ ซึ่งเมื่อครบกำหนดการขออนุญาตให้ใช้พื้นที่ลุ่มน้ำแล้วยังประสงค์จะใช้พื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวต่อไป โดยเป็นการดำเนินโครงการ กิจการหรือการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์เดิมและอยู่ภายในขอบเขตพื้นที่เดิม รวมถึงกรณีโครงการ กิจการ หรือการดำเนินงานอื่น ๆ ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : รายงาน EIA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว แต่ต้องจัดทำรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Accounting Report : รายงาน EAR) ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการ กิจการ หรือการดำเนินงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติให้เป็นไปตามรายงาน EAR อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่อนุมัติหรืออนุญาต เช่น กรมป่าไม้หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ติดตาม กำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามรายงาน EAR ดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย ๔. ในการดำเนินการตามข้อ ๒ และ ๓ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำการ ไม่กระทำการ หรือการดำเนินการใด ๆ ทั้งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐหรือเอกชนที่ไม่ถูกต้องตามข้อกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรี ประกาศ ตลอดจนข้อกำหนดและเงื่อนไขในรายงานที่เกี่ยวข้อง ให้ถือเป็นความผิดอันก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ และให้ผู้มีอำนาจหน้าที่เร่งดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรทำการศึกษาเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ป่าต้นน้ำของประเทศไทยทั้งในภาพรวม และในเชิงพื้นที่ของแต่ละลุ่มน้ำ ให้มีความชัดเจนว่าอยู่ในสภาวะอย่างไร ประเทศไทยจำเป็นต้องมีพื้นที่ป่าต้นน้ำเท่าไร พื้นที่ที่คงเหลืออยู่นั้นเพียงพอหรือไม่ พื้นที่ใดที่อยู่ในภาวะวิกฤติ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามสภาพความเป็นจริงของประเทศในภาพรวม และตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งในการให้อนุญาตทำประโยชน์ การกำกับดูแล และการฟื้นฟูต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
437 | มาตรการการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสาธารณะ | ทส | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสาธารณะ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบการดำเนินงานในลักษณะงานบูรณาการร่วมกันในการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสาธารณะ ซึ่งใช้แนวทางการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากอากาศยานอย่างสมดุลที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้เสนอ ประกอบกับมาตรการจัดการมลพิษอากาศและเสียงจากท่าอากาศยานที่ได้จัดทำในปี ๒๕๔๗ ประกอบด้วย ๔ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการการนำแผนที่เส้นเท่าระดับเสียงไปใช้ในการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยรอบสนามบิน (๒) มาตรการการจัดการผลกระทบด้านเสียงจากอากาศยานและวิธีปฏิบัติการบิน (๓) มาตรการการพัฒนาเครื่องมือในการบริหารจัดการมลพิษทางเสียงและแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน และ (๔) มาตรการการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและเผยแพร่ข้อมูลการจัดการเสียงสนามบิน และมอบหมายกระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
438 | การนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารเพิ่มเติม (Additional Information) การนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการจัดส่งเอกสารดังกล่าวต่อศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เช่น การเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา การเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
439 | การยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต | ทส | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า จะนำเรื่องการยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤตเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
440 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 | ทส | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบร่างรายงานดังกล่าวแล้ว โดยรายงานดังกล่าวเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ รวมไปถึงการคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต ตลอดจนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังกล่าวเพื่อร่วมกันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีก่อนหน้า รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขมาพร้อมกันด้วย ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาตินำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีผลบังคับใช้ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในลักษณะของแผนงานบูรณาการหรือแผนงานยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....