ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 21 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 401 - 420 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
401 | ขอเพิ่มเติมองค์ประกอบในคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ | ทส | 23/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มเติมองค์ประกอบในคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ จำนวน ๔ คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
402 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการและค่าตอบแทนบุคคลหรือสถาบันที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการมอบหมาย พ.ศ. .... | ทส | 23/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการและค่าตอบแทนบุคคลหรือสถาบันที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการมอบหมาย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเบี้ยประชุมของคณะกรรมการผู้ชำนาญการและค่าตอบแทนของบุคคลหรือสถาบันที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการมอบหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
403 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 | ทส | 09/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) รับทราบผลการดำเนินงานของ คทช. เกี่ยวกับจัดที่ดินให้ชุมชน (๒) รับทราบความคืบหน้าการเสนอร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) (๓) เห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรบ้านปางมะโอ หมู่ที่ ๑๒ ตำบลแม่พุง อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ (๔) เห็นชอบกับความเห็นกรณีโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการทุกประเภทในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ (๕) รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) และ (๖) รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน (สคจ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นหลักในการจัดหาที่ดิน จัดที่ดิน หรือปฏิรูปที่ดินแล้วแต่กรณี เพื่อให้ชุมชน/ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวว่าจะต้องพิจารณาเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น ๆ อย่างแท้จริง เช่น ที่ดินสำหรับเกษตรกรต้องเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้เพาะปลูกได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
404 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) | ทส | 09/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) ต่อรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
405 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 09/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการยืนยันขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาระดับประเทศ (ฝ่ายไทย) คณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ฝ่ายไทย และคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี ขอให้ยึดหลักการปฏิบัติงานที่เกิดประสิทธิผล เป็นรูปธรรม เป็นที่ประจักษ์ มีความรับผิดชอบ โปร่งใสและสุจริตอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
406 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า (๑) อำนาจหน้าที่ของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติที่ปรับปรุงใหม่ได้ครอบคลุมการกำหนดและเสนอแนะนโยบาย มาตรการและแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ ที่อาจมีความซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว และคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (๒) ควรพิจารณาเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลรองรับองค์ประกอบของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติในวาระเริ่มแรกให้ปฏิบัติหน้าที่ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีนี้ได้ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตามร่างข้อ ๖ (๖) เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติมีความต่อเนื่องสามารถบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพตามแผนการปฏิรูปประเทศต่อไปได้ และ (๓) ควรปรับร่างข้อ ๑๕ ที่กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับเฉพาะกรณีระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ และการได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นการอุดช่องว่างของกฎหมายและลดปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๔๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
407 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) | ทส | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
408 | ผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 18 การประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 71 และครั้งที่ 72 | ทส | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ [Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora (CITES)] ครั้งที่ ๑๘ และการประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๗๑ และครั้งที่ ๗๒ ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญา CITES เช่น ช้าง แรด สัตว์ในกลุ่มแมวใหญ่ เต่าบกและเต่าน้ำจืด ลิ่น เป็นต้น ตลอดจนการปรับเปลี่ยนบัญชีชนิดพันธุ์ และการพิจารณามาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับการบังคับใช้อนุสัญญา โดยในส่วนของประเทศไทย ที่ประชุมฯ ได้รับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบสารสนเทศการค้าช้าง (Elephant Trade Information System : ETIS Report) ว่าประเทศไทยไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการค้างาช้างผิดกฎหมายอีกต่อไป เนื่องจากประเทศไทยไม่มีคดีค้างาช้างรายใหญ่และมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ประเทศไทยในฐานะภาคีอนุสัญญา CITES ยังมีพันธกิจที่จะต้องดำเนินการตามมติที่ประชุมฯ เช่น (๑) การออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์ป่าควบคุม และประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง พืชอนุรักษ์ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าในการประชุมฯ (๒) การจัดทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เช่น รายงานเสือ ลิ่น การปิดตลาดการค้างาช้าง ส่งสำนักเลขาธิการ CITES ตามกำหนดเวลา (๓) การขอสงวนสิทธิ์สำหรับชนิดพันธุ์ที่พบว่ามีการค้ามากในประเทศไทยที่มีการบรรจุอยู่ในบัญชี CITES หรือปรับเลื่อนบัญชี ได้แก่ ตุ๊กแกบ้าน เต่าดาวอินเดีย เต่าแพนเค้ก และยีราฟ (๔) การขอรับจัดสรรงบประมาณในส่วนของเงินอุดหนุนการเป็นสมาชิกอนุสัญญา CITES ระยะเวลา ๓ ปีที่ถูกปรับเพิ่มขึ้น ๖,๘๑๑ ดอลลาร์สหรัฐ (๒๑๒,๗๐๗.๕๓ บาท) จากเดิม ๕๔,๙๐๑ ดอลลาร์สหรัฐ (๑,๗๑๔,๕๕๘.๒๓ บาท) เป็น ๖๑,๗๑๒ ดอลลาร์สหรัฐ (๑,๙๒๗,๒๖๕.๗๖ บาท) และ (๕) การเร่งรัดให้มีการออกพระราชบัญญัติช้าง พ.ศ. .... เพื่อจัดการและควบคุมการค้างาช้างบ้าน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดควบคุมในส่วนดังกล่าว และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านการจัดการช้างในประเทศไทยรักษามาตรฐานการดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อตกลงตามอนุสัญญา CITES และเตรียมความพร้อมในการจัดทำฐานข้อมูลการตรวจสอบรูปพรรณและขึ้นบัญชีเสือที่อยู่ในการครอบครองของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งขยายความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการตัดวงจรการค้าที่ผิดกฎหมาย เพื่อเตรียมการตอบรับการเข้าตรวจสอบจากสำนักเลขาธิการ CITES เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้พิจารณาโอนหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
409 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2562 | ทส | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กก.วล. มีมติรับทราบรายงานสถานภาพการเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ณ สิ้นไตรมาส ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ มีสถานะเงินคงเหลือสุทธิ จำนวน ๒,๑๐๕.๖๘ ล้านบาท ๒. กก.วล. มีมติเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง [ภายใต้โครงการจ้างที่ปรึกษา ศึกษา ทบทวนความเหมาะสม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร] ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (๒) รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และ (๓) รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ส่วนช่องนนทรี-สาทร) : กรณีปรับปรุงสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน (S6) ของสำนักงานการจราจรและขนส่ง กรุงเทพามหานคร ๓. กก.วล. มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาฐานข้อมูลลายนิ้วมือน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ภายใต้ กก.วล. และเห็นชอบองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ๔. กก.วล.มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
410 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า | ทส | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า จำนวน ๖ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. พลตำรวจตรี วิวัฒน์ ชัยสังฆะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๓. นายชาย นครชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชุมชน ๔. รองศาสตราจารย์ปานเทพ รัตนากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสัตว์ป่า (ผู้แทนจากภาคประชาสังคม) ๕. นายศศิน เฉลิมลาภ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนจากภาคประชาสังคม) ๖. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสัตว์ป่า (ผู้แทนจากภาคประชาสังคม)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
411 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ | ทส | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจตรี วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ ๓. นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ๔. นายกมลชัย รัตนสกาววงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย (ผู้แทนภาคเอกชน) ๕. นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ (ผู้แทนภาคเอกชน) ๖. นายศศิน เฉลิมลาภ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนภาคเอกชน) ๗. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนภาคเอกชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
412 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ขององค์กร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
413 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 3 | ทส | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น (๑) ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๓ มีมติแต่งตั้งให้ ดร. ประเสริฐ ตปนียางกูร เป็นผู้แทนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารแผนงานพิเศษระหว่างประเทศต่อเป็นวาระที่ ๒ (๒) สาระสำคัญที่มีความก้าวหน้าในมติข้อตัดสินใจของการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๓ และจะนำไปหารือต่อเนื่องในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๔ ต่อไป เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทและกระบวนการผลิตที่มีการใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอท การปลดปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำ และการปล่อยปรอทจากการเผาในที่โล่งของของเสีย เป็นต้น และ (๓) การกำหนดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๓๑ ตุลาคม-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สมัยที่ ๓ ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ในการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท และขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมรัฐภาคีฯ สมัยที่ ๓ ดังนี้ ๒.๑ มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม (กรมโรงงานอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมควบคุมมลพิษ) และกระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ) นำแนวทางการจัดการพื้นที่ปนเปื้อนที่ผ่านการรับรองโดยที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๓ มาปรับใช้ในทางปฏิบัติสำหรับประเทศไทยต่อไป ๒.๒ มอบหมายกระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) จัดส่งผู้แทนเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้แทนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจ ในการพิจารณาทบทวนภาคผนวก เอ และ บี โดยแจ้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ภายในวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ๒.๓ มอบหมายกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) จัดส่งผู้แทนผู้มีความชำนาญในการใช้งานพิกัดศุลกากรสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทตามภาคผนวก เอ โดยแจ้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ภายในวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ เพื่อแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอททราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
414 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (นายธัญญา เนติธรรมกุล) | ทส | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายธัญญา เนติธรรมกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
415 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 15 (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 2 (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ [United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC), the 25th Session of the Conference of the Parties : COP 25] การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน โดยมีผลการประชุมและข้อตัดสินใจ เช่น แนวปฏิบัติและกฎการดำเนินงานสำหรับข้อ ๖ ของความตกลงปารีส (Article 6 of the Paris Agreement) กลไกระหว่างประเทศวอร์ซอสำหรับการสูญเสียและความเสียหายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Warsaw International Mechanism for Loss and Damage associated with Climate Change Impacts) การประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้หัวข้อ Koronivia Joint Work on Agriculture และการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานให้สอคดล้องกับผลการประชุมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและเข้าร่วมการประชุมในประเด็นที่เกี่ยวข้อง (๒) พิจารณานำผลการประชุมที่เป็นประโยชน์มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติภายในประเทศ (๓) ประสานการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยให้บรรลุตามเป้าหมายที่ประเทศไทยกำหนด และ (๔) ประสานแจ้งความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปงสภาพภูมิอากาศให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับทราบ และรายงานความคืบหน้าในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดท่าทีของไทยต่อการเข้าร่วมกลไกภายใต้ข้อ ๖ ของความตกลงปารีส รวมถึงท่าทีเกี่ยวกับการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตมาสู่การดำเนินการภายใต้ระบอบของความตกลงปารีส ซึ่งรัฐภาคีมีการแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน เพื่อประกอบการเจรจากำหนดท่าทีไทยในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีการเจรจาอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ในปี ๒๕๖๓ และพิจารณาให้มีกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เหมาะสมและกระบวนการเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้ประเด็นที่ได้รับมอบหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
416 | วันป่าชายเลนแห่งชาติ | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้วันที่ ๑๐ พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันป่าชายเลนแห่งชาติ” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๔ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับป่าชายเลนเป็นครั้งแรกและส่งผลให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันอนุรักษ์ป่าชายเลนมาอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการดำเนินงาน จัดกิจกรรมนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับการอนุรักษ์ป่าชายเลน รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจและเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ป่าชายเลนในวันป่าชายเลนแห่งชาติในทุก ๆ ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
417 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลก | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลก โดยขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าพิษณุโลก ครอบคลุมอาณาบริเวณกำแพงเมือง คูเมืองพิษณุโลก พระราชวังจันทน์ วัด และโบราณสถานที่สำคัญ ซึ่งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) มีการพิจารณาแนวทางการอนุรักษ์และกรอบเวลาที่ชัดเจน ส่วนแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่งควรเน้นพัฒนาโครงข่ายการสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีความเหมาะสม กลมกลืน และรองรับการเป็นเมืองเก่า (๒) ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับท้องถิ่น เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์ สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และ (๓) ให้จังหวัดพิษณุโลกเร่งรัดการจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลกให้สอดคล้องกับกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเขตพื้นที่เมืองเก่า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
418 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ทส | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและหน้าที่และอำนาจขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น โดยให้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
419 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2562 | ทส | 24/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กก.วล. มีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวม (รายงานสถานการณ์) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีข้อเสนอแนะต่อ กก.วล. เช่น ควรระบุหน่วยงานอนุญาตและขั้นตอนการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) ให้สอดคล้องกับขั้นตอนการอนุญาตตามกฎหมายของหน่วยงานอนุญาต พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Smart EIA ให้เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานอนุญาต เพื่อให้สามารถใช้งานระบบฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นต้น ๒. กก.วล. มีมติรับทราบนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๘๐ และแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อรายงาน EIA จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดภูเก็ต (เทพกระษัตรี ๒ และ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๒) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ๕๐๐ กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี ๒-ภูเก็ต ๓ (ส่วนที่พาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. กก.วล. มีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง คณะกรรมการเปรียบเทียบและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่งตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบในเขตกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาคตามความเหมาะสม และ (๒) การเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบ ๕. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ โดยเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๔๒ จังหวัด และเห็นชอบโครงการภายใต้แผนดังกล่าว จำนวน ๗ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๑๖๐,๒๔๕,๑๐๐ บาท ซี่งเป็นการก่อสร้างหรือดำเนินการเพื่อให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม ๖. กก.วล. มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีเหตุผลของการยกเลิก เนื่องจากในระยะที่ผ่านมามีรายงาน EIA ด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่ดังกล่าวเพียง ๓ โครงการ ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงทำให้ไม่มีการนำเสนอรายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง ๑๐ จังหวัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
420 | รายงานผลการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. 2562 - 2566 | ทส | 24/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง จำนวน ๙ ที่นั่ง จัดขึ้นในระหว่างการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ (22nd General Assembly of States Parties to the World Heritage Convention) เมื่อวันที่ ๒๗-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งผลการคัดเลือกคณะกรรมการมรดกโลก จำนวน ๙ ที่นั่ง ได้แก่ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย สาธารณรัฐมาลี สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย รัฐสุลต่านโอมาน สหพันธรัฐรัสเซีย ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐแอฟริการใต้ และราชอาณาจักรไทย โดยราชอาณาจักรไทยได้รับเลือกเข้าเป็นกรรมการมรดกโลก ด้วยคะแนน ๑๕๖ เสียง จากจำนวนรัฐภาคีสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม ๑๗๐ ประเทศ โดยเป็นบัตรดี ๑๕๖ ใบ และบัตรเสีย (Invalid votes) ๑๔ ใบ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
.....