ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 27 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 521 - 540 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
521 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2562 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดทำข้อเสนอ “ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน” ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น (๑) ยกเว้นค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ และศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จังหวัดขอนแก่น (๒) การประกาศอุทยานธรณีโคราช เป็นอุทยานธรณีระดับประเทศ แห่งที่ ๒ ของประเทศไทย (๓) กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ต้นแบบวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (๔) ห้องสมุดความหลากหลายทางชีวภาพในรูปแบบดิจิทัล (Biodiversity Digital Library) และ (๕) จัดงาน Botanic Festival 2019 “ผักสวนครัว รั้วดอกไม้” (Home Garden) เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
522 | ร่างปฏิญญาที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24 ณ เมืองคาโตวีเซ สาธารณรัฐโปแลนด์ | ทส | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๔ ณ เมืองคาโตวีเซ สาธารณรัฐโปแลนด์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้รับรองร่างปฏิญญาซิเลเซียว่าด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Solidarity and Just Transition Silesia Declaration) สำหรับการประชุมระดับผู้นำ โดยมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึงคณะผู้แทนถาวรโปแลนด์ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เพื่อแจ้งชื่อนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ไว้ในรายชื่อผู้สนับสนุน (List of supporters) ของร่างปฏิญญาฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้งการรับรองร่างปฏิญญาคาโตวีเซระดับรัฐมนตรีว่าด้วยป่าไม้เพื่อสภาพภูมิอากาศ (The Ministerial Katowice Declaration on Forests for the Climate) สำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรี ไปยังสาธารณรัฐโปแลนด์ผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิสก์ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
523 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 25 | ทส | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๕ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ จังหวัด Ha Long สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยกรอบการหารือฯ มีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ภายใต้พันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘ ในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ (๑) แผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๙) ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (๒) การเพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา (จีน-เมียนมา) หุ้นส่วนการพัฒนาและความร่วมมือในภูมิภาค (๓) การดำเนินงานตามระเบียบปฏิบัติด้านการใช้น้ำและการปรึกษาหารือล่วงหน้ากรณีโครงการไฟฟ้าพลังน้ำปากลายของ สปป.ลาว และ (๔) การคัดเลือกหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง วาระปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ ๑.๒ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงตามประเด็นในกรอบการหารือฯ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงฯ ๒. ในการเจรจาหารือในกรอบการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และการประชุมต่าง ๆ เกี่ยวกับความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขงในทุก ๆ ครั้ง ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดหลักการ ๓ ข้อ ได้แก่ ๒.๑ หลักการได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างเท่าเทียมกันของประเทศสมาชิก ๒.๒ หลักการได้รับความเห็นชอบร่วมกันของประเทศสมาชิก โดยควรต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาด้วย ๒.๓ ในส่วนของการเจรจาซื้อขายไฟฟ้าของไทยกับประเทศคู่เจรจาใด ๆ ต้องอยู่บนพื้นฐานของความจำเป็น เหมาะสม ตามความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าของไทย โดยคำนึงถึงสัดส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าในประเทศและจากต่างประเทศ รวมทั้งความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในภาพรวมเป็นสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
524 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. นายสมหมาย เตชวาล ฯลฯ) | ทส | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมหมาย เตชวาล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๒. นายอรรถพล เจริญชันษา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๓. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายโสภณ ทองดี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
525 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561 | ทส | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี ๒๕๖๐ ๒. การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ (ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟฟ้าทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าฯ) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๓. การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการโครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุข และทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร (ภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมและออกแบบรายละเอียดโครงข่ายทางเชื่อมฯ) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ๔. กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๔๘ ๕. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ดำเนินการ หรือผู้ขออนุญาตจะต้องจัดทำเมื่อได้รับอนุญาตให้ดำเนินโครงการหรือกิจการแล้ว [กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๕๑/๕] ๖. แนวทางการขับเคลื่อนการจัดทำพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
526 | พื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) | ทส | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
527 | การปรับปรุงคำอธิบายประกอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าปัตตานี | ทส | 20/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงคำอธิบายประกอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าปัตตานี โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปัตตานีในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าปัตตานีมีหนังสือถึงสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้งข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าปัตตานีเกี่ยวกับการปรับปรุงคำอธิบายขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าปัตตานี เพื่อให้มีความครบถ้วน โดยยังคงขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าปัตตานีบริเวณเดิม ซึ่งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า [รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานกรรมการ] ได้มีมติเห็นชอบรายละเอียดข้อมูลคำอธิบายขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าปัตตานีด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
528 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 เรื่อง ขอความเห็นชอบส่งคืนพื้นที่สวนป่าสมเด็จ เนื้อที่ 900 ไร่ ให้กรมป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 20/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ส่งคืนพื้นที่สวนป่าสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ แปลงปลูกปี ๒๕๒๒ และแปลงปลูกปี ๒๕๒๖ ตามที่สำรวจรังวัดได้จริง จำนวน ๗๕๖-๐-๙๖ ไร่ ให้กรมป่าไม้เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อส่งมอบพื้นที่สวนป่าสมเด็จให้กรมป่าไม้เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนแล้ว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ รวมถึงการคัดกรองคุณสมบัติของราษฎรว่าเป็นผู้ยากไร้หรือไม่มีที่ดินทำกิน เพื่อจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดินตามหลักเกณฑ์การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเห็นชอบอย่างเคร่งครัด สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นภายหลังที่กรมป่าไม้ได้รับมอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. สำหรับแปลงปลูกปี ๒๕๒๒ และแปลงปลูกปี ๒๕๒๖ เนื้อที่รวม ๑๓๔-๓-๐๔ ไร่ ที่จะนำมาสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินเพิ่มเติม ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตรวจสอบความพร้อมในด้านต่าง ๆ อย่างละเอียดรอบคอบ เช่น สภาพพื้นที่ การพิสูจน์สิทธิ์ร่องรอยและการเข้าทำประโยชน์ การตรวจสอบคุณสมบัติของราษฎรตามหลักเกณฑ์การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เป็นต้น รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีราษฎรเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ได้ข้อยุติก่อน และเมื่อมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ แล้ว จึงให้นำพื้นที่ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
529 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 7 คน 1. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ฯลฯ) | ทส | 20/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ประธานกรรมการ (ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๒. นายณพงศ์ ศิริขันตยกุล กรรมการ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๓. นายอนุพร อรุณรัตน์ กรรมการ ๔. นายวิษณุ ตัณฑวิรุฬห์ กรรมการ ๕. นายประสิทธิ์ วังภคพัฒนวงศ์ กรรมการ ๖. นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๗. นางภัทรพร วรทรัพย์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
530 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 2 | ทส | 13/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๒ ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส รวมทั้งสิ้น ๒๓ คน ประกอบด้วย (๑) รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ประธานอนุกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญามินามาตะฯ (๓) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (๕) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (๖) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (๗) ผู้แทนกระทรวงพลังงาน (๘) ผู้แทนกระทรวงการคลัง และ (๙) ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ เห็นชอบท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๒ โดยจะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของอนุสัญญามินามาตะฯ โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศและภูมิภาค ด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรให้มีการเพิ่มแผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและด้านสังคม และแผนยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีแห่งชาติ ในกรอบท่าทีของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
531 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อปรับปรุงมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนหรือไม่เอื้อต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตพื้นที่ดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในร่างประกาศฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด เนื่องจากองค์ประกอบคณะกรรมการฯ มีเพียงผู้แทนของส่วนราชการประจำจังหวัดพังงาเท่านั้น ทำให้ผู้แทนของสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นส่วนราชการในสังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโบราณสถานในเขตพื้นที่จังหวัดพังงาไม่สามารถเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการฯ ได้ และควรพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของภาคเอกชน เช่น การเพิ่มประเภทโรงงานในบัญชี ๑ ท้ายประกาศฯ โดยรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
532 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล (Special ASEAN Ministerial Meeting on Marine Debris) ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ ๕-๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ โรงแรมในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และให้จัดประชุมฯ ภายใต้กรอบวงเงิน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมกำหนดเป้าหมายและนโยบายแบบบูรณาการและกรอบแนวทางความร่วมมือข้ามภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงการจัดการขยะจากแหล่งทั้งบนบกและในทะเล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ในการประชุมฯ จะมีการรับรองร่างปฏิญญาเพื่อการแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศสมาชิกอาเซียนจะร่วมกันยกร่างให้แล้วเสร็จก่อนการประชุมฯ รวมทั้งจะมีการนำผลลัพธ์ของการประชุมไปเสนอต่อที่ประชุมผู้นำ G20 ต่อไป ทั้งนี้ ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณากำหนดขอบเขตของการแก้ไขปัญหาขยะทะเลให้ชัดเจน โดยเฉพาะขยะทะเลที่เป็นพลาสติกและโฟม ซึ่งเสื่อมสลายยากและเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
533 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ในช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ และเห็นชอบให้จัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษฯ ภายใต้กรอบวงเงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง ก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งการจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อประมวลสถานการณ์การลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย การร่วมกันกำหนดแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และการรับรองแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย เป็นต้น โดยการประกาศข้อริเริ่มของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษฯ จะถูกบรรจุไว้ในถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ ในระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมอาเซียนด้านอาชญากรรมสัตว์ป่าและพืชป่าข้ามชาติซึ่งเป็นหนึ่งในผลที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษฯ จึงควรมีการจัดทำรายละเอียด แผนงาน แผนงบประมาณ และกรอบระยะเวลาการจัดตั้งให้ชัดเจน รวมทั้งควรกำหนดประเด็นการหารือและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการในการแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมายร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ชัดเจน เพื่อใช้โอกาสดังกล่าวในการแสวงหาแนวทางขับเคลื่อนร่วมกันที่สามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษฯ ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
534 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 14 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง และร่างปฏิญญาชาร์ม เอล เชค (Sharm El-Sheikh Declaration) | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๔ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๔-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ๒. เห็นชอบในการรับรองร่างปฏิญญาชาร์ม เอล เชค (Sharm El-Sheikh Declaration) โดยไม่มีการลงนาม ซึ่งร่างปฏิญญาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เป็นการแสดงเจตจำนงร่วมกันระหว่างผู้แทนรัฐภาคีฯ ในการดำเนินการอนุรักษ์ ใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน และแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองปฏิญญาชาร์ม เอล เชค ๔. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีไทยฯ และร่างปฏิญญาดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
535 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน รวมทั้งให้แจ้งความเห็นของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป โดยสาระสำคัญของการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนฯ จะมีการขอปรับแก้ไขความตกลงฯ ใน ๒ ประเด็น ได้แก่ การขอเพิ่มระยะเวลาในการดำเนินงานภายใต้ความตกลงฯ จากเดิม ๖๐ เดือน เป็น ๖๖ เดือน และการขอเพิ่มเชิงอรรถ ๒ ข้อ ในภาคผนวก ๑ ข้อบทที่ ๒.๒ ข้อกำหนดด้านเทคนิคและการบริหารจัดการของความตกลงฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดแผนปฏิบัติการที่มีความสอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินการที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อรองรับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซี่งใช้จ่ายจากเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปภายใต้กรอบอาเซียน-สหภาพยุโรป ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
536 | การดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ควรเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามร่างมาตรา ๑๐ (๔) จากเดิม “กำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหา การคุ้มครองป้องกันที่ดิน การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม เพื่อให้การใช้ที่ดินของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด” แก้ไขเป็น “กำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหา การคุ้มครองป้องกันที่ดิน การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม รวมถึงการจัดที่ดินในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพื่อให้การใช้ที่ดินของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด” ๑.๒ ควรเพิ่มเติมร่าง “มาตรา ๑๐ (๖/๑) พิจารณาให้ความเห็นกรณีอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายอื่นหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกัน” ๑.๓ ควรเพิ่มเติมร่าง “มาตรา ๑๐ (๖/๒) กำหนดนโยบายและพิจารณาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินของรัฐหรือมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐเสนอคณะรัฐมนตรี” ๒. มอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
537 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน ในท้องที่อำเภอขนอม และอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช | ทส | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลน ท้องที่อำเภอเมือง และอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ที่เข้าข่ายเป็น “ที่จับสัตว์น้ำ” ตามนัยมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพื้นที่ที่ทับซ้อนตามข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [พื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าเลนปากพญา-ปากนคร แปลง ๔” และ “ป่าเลนคลองขนอม” พื้นที่ที่จำแนกออกจากป่าไม้ถาวร “ป่าเลนคลองขนอม” เพื่อเป็นที่ทำกินของราษฎร หรือเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่จัดสรรเพื่อการเกษตรกรรมหรือเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น “ที่ดินของรัฐ (ที่จัดสรร) ตำบลควนทอง (ร.๑)”] ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนก่อนดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. ในส่วนของการปลูกป่าทดแทน ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามนัยระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความตระหนักให้กับชุมชนในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์และรักษาระบบนิเวศของพื้นที่ป่าชายเลนตามเจตนารมณ์เดิมด้วย และการนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนดังกล่าว ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ และคัดกรองคุณสมบัติของราษฎรว่าเป็นผู้ยากไร้หรือไม่มีพื้นที่ดินทำกิน เพื่อจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดินตามหลักเกณฑ์การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเห็นชอบอย่างเคร่งครัด รวมถึงการกำหนดให้มีมาตรการในการป้องกันและคุ้มครองการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้ดำเนินการตามเป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
538 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 13 | ทส | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย โดยมีเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยร่างท่าทีไทยฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) ฝ่ายไทยจะสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการดำเนินการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาดร่วมกับประชาคมโลก (๒) ฝ่ายไทยขอให้ภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำขับเคลื่อนการดำเนินงานการให้ความรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากพื้นที่ชุ่มน้ำไปสู่การปฏิบัติโดยอาศัยกลไกความริเริ่มระดับภูมิภาคที่มีอยู่ และ (๓) ฝ่ายไทยเห็นควรสนับสนุนให้มีการใช้เครื่องมือ Rapid assessment of wetland ecosystem service (RAWES) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการประเมินการให้บริการทางนิเวศของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำโดยความสมัครใจ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างท่าทีไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่ณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง และควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงท่าทีและข้อตกลงของที่ประชุมดังกล่าวที่อาจมีภาระผูกพันให้ไทยต้องมีมาตรการดำเนินการรองรับซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจากการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งควรพิจารณาความเหมาะสมในการขอรับการสนับสนุนทางด้านวิชาการ เทคโนโลยี และด้านการเงินจากสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถของประเทศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
539 | ร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๗) เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เฉพาะไม้ที่ขึ้นหรือปลูกในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินไม่เป็นไม้หวงห้าม และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ให้ครอบคลุมถึงการใช้ประโยชน์จากไม้ที่ขึ้นหรือที่ปลูกขึ้นในพื้นที่อื่นนอกจากที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินด้วย ซึ่งการเพิ่มพื้นที่ดังกล่าวนอกจากจะไม่สอดคล้องกับหลักทรัพยสิทธิตามมาตรา ๑๔๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่กำหนดให้ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกับที่ดินที่ไม้นั้นขึ้นอยู่แล้ว ยังขัดต่อหลักการของกฎหมายที่เกี่ยวกับป่าไม้ซึ่งเป็นการควบคุมและดูแลไม้ในพื้นที่ป่าทั้งหมด และแม้จะแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ เพื่อกำหนดให้ไม้ในพื้นที่อื่นนอกจากที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้ามแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุผลได้ เพราะหากที่ดินนั้นเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ประชาชนก็ไม่อาจทำไม้ในพื้นที่ดังกล่าวได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ประกอบกับการแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถทำไม้ที่ขึ้นหรือที่ปลูกขึ้นในพื้นที่อื่นนอกจากที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายดิน เป็นหลักการเดียวกับที่พระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ กำหนดไว้แล้ว ดังนั้น จึงควรดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติสวนป่าฯ จะเป็นการสมประโยชน์และเป็นผลดียิ่งกว่าการแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และหากการดำเนินการตามพระราชบัญญัติสวนป่าฯ มีข้อติดขัดและส่งผลให้เกิดความล่าช้าในเรื่องใด ก็ควรแก้ไขปรับปรุงกระบวนการในพระราชบัญญัติสวนป่าฯ แทน เพื่อมิให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎหมายต่อไป ๒. ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
540 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2561 | ทส | 10/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งที่ประชุมรับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งได้ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน แบบอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในลักษณะแปลงรวม โดยมิให้กรรมสิทธิ์เป็นรายบุคคล และได้ติดตามและประเมินผลโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ (๒) รับทราบการดำเนินงานแก้ไขปัญหาข้อเรียกร้องของกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และ (๓) เห็นชอบพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เช่น การที่ประชาชนบางส่วนไม่เข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากไม่มั่นใจในนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการให้เอกสารสิทธิ การห้ามเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตลุ่มน้ำชั้น ๑-๒ และการที่ประชาชนที่ได้รับสิทธิให้เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ใหม่แทนพื้นที่เดิมแต่ไม่เข้าไปทำกินหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยในพื้นที่แห่งใหม่ดังกล่าว เนื่องจากมีสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีความพร้อมในการทำการเกษตร เป็นต้น เพื่อให้โครงการดังกล่าวบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับเจตนารมณ์ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการดำเนินโครงการฯ ให้ชัดเจนและถูกต้องตรงกันด้วย
|
.....