ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 24 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 461 - 480 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
461 | กลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก | ทส | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เพื่อเป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานเพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-Use Plastic) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมบูรณาการการดำเนินงานในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการการลดให้ถุงพลาสติก และพิจารณากำหนดแนวทาง วิธีการปฏิบัติสำหรับมาตรการการงดให้ถุงพลาสติก การติดตามผลและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ และภาครัฐควรให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเพื่อผลิตวัสดุทดแทนพลาสติก รวมทั้งการร่วมสร้างจิตสำนึกการลดการใช้ถุงพลาสติกและส่งเสริมพฤติกรรมในการแยกขยะควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในกรณีกิจการการจัดส่งอาหารและสินค้าที่สั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชันด้วย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินมาตรการอื่น ๆ เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกควบคู่ไปกับกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาติกด้วย ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดให้มีมาตรการด้านภาษีเพื่อลดการใช้พลาสติกตั้งแต่ต้นทางการผลิต หรือมาตรการด้านภาษีเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนำพลาสติกมารีไซเคิล (Recycle) ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดแนวทางการนำขยะพลาสติกมาใช้ในการก่อสร้างถนน โดยให้นำรูปแบบโครงการต้นแบบถนนพลาสติกรีไซเคิลตามหลักการ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ “Circular Economy” ของภาคเอกชน มาต่อยอดและปรับใช้กับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคมให้เหมาะสมต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดแนวทางในการลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปริมาณการนำเข้าพลาสติกจากต่างประเทศไปพร้อมกับการลดการใช้พลาสติกภายในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
462 | ร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติ | ทส | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ที่เหมาะสม หยุดยั้งและป้องกันการทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของชาติ ก่อให้เกิดการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นฐานการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน ประกอบด้วยบทบัญญัตินโยบายป่าไม้แห่งชาติ จำนวน ๒๔ ข้อ ครอบคลุม ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) นโยบายด้านการจัดการป่าไม้ (๒) นโยบายด้านการใช้ประโยชน์ผลิตผลและการบริการจากป่าไม้และอุตสาหกรรมป่าไม้ และ (๓) นโยบายด้านการพัฒนาระบบบริหารและองค์กรเกี่ยวกับการป่าไม้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้มีการบูรณาการในการอนุญาตการเข้าใช้พื้นที่ร่วมกันระหว่างกรมป่าไม้และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นกระบวนการเดียวกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
463 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
464 | รายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism: JCM) | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) ครั้งที่ ๕ ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ รวม ๒๘ โครงการ (โครงการประเภทการผลิตพลังงานหมุนเวียน ๑๐ โครงการ และโครงการประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ๑๘ โครงการ) มูลค่ากว่า ๒ พันล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๖ พันล้านบาท โดยผู้รับทุนเป็นบริษัทเอกชนไทย ๒๖ บริษัท และรัฐวิสาหกิจ ๑ แห่ง คือ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ๒. สถานภาพการดำเนินโครงการ ปัจจุบันโครงการต้นแบบ JCM ๒๘ โครงการ ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ๕ โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๕,๔๑๕ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และมีโครงการที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้ว ๑ โครงการ คือ โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองเท่ากับ ๓๐๐ ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
465 | การรับรองร่างปฏิญญาความร่วมมือด้านการป่าไม้เพื่อความผาสุกและความเจริญมั่งคั่ง | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาความร่วมมือด้านการป่าไม้เพื่อความผาสุกและความเจริญมั่งคั่ง (Declaration on Forest Cooperation for Peace and Prosperity) มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและให้คำมั่นระหว่างกันว่าจะร่วมมือกันในการดำเนินการด้านการป่าไม้ของอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี เช่น (๑) เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน (๒) สนับสนุนการป้องกันพิบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับป่าไม้ และ (๓) สนับสนุนโครงการความร่วมมือด้านการป่าไม้สำหรับแนวชายแดนพื้นที่รอยต่อ เป็นต้น โดยร่างปฏิญญาฯ จะต้องได้รับการรับรองในการประชุม The ASEAN-Republic of Korea (ROK) High-Level Meeting on Forestry 2019 ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
466 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
467 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) ๑.๒ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย) ๑.๓ คณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ฝ่ายไทย ๑.๔ คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
468 | สรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 | ทส | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน และได้มอบนโยบายการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๒ แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อำนวยการสั่งการ (Single command) โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามสถานการณ์และบูรณาการสั่งการป้องกันและควบคุมการเผาในจังหวัดอย่างเคร่งครัด จัดระเบียบการเผาอย่างเป็นระบบ สนับสนุนการลาดตระเวนและดับไฟ กวดขันไม่ให้มีการเผาพื้นที่ริมทางหลวงโดยเด็ดขาด เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันปัญหาหมอกควันภาคเหนือของ ๙ จังหวัดภาคเหนือ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณจังหวัดละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น ในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้เสนอตั้งงบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้รับจัดสรรค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา จึงเห็นควรให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการด้านการเผาและลดหมอกควันเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มฤดูแล้ง ตามความจำเป็น เหมาะสม ในโอกาสแรก หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขอรับการจัดสรรเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน และเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหักงบประมาณที่ได้รับในโครงการหรือรายการที่มีวัตถุประสงค์ลักษณะเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากมีกรณีที่เกิดภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควันขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด และควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในทุกกลุ่มเป้าหมาย สร้างเครือข่ายภาคีในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มศักยภาพของภาคีให้มีความเข้มแข็งในการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
469 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 15/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 15th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๘-๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศไทยได้กล่าวถ้อยแถลงพร้อมให้ความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสำคัญของภูมิภาค อาทิ การจัดการขยะทะเล โดยประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ๔๓ แห่ง งดการแจกถุงพลาสติกให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้ความสำคัญต่อการเร่งเสริมสร้างภูมิต้านทานผ่านมาตรการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ประเทศไทยร่วมรับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียนแห่งใหม่ จำนวน ๕ แห่ง เป็นอุทยานมรดกอาเซียน ได้แก่ ลำดับที่ ๔๕ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และลำดับที่ ๔๖ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ของประเทศไทย ลำดับที่ ๔๗ อุทยานแห่งชาติ Lo Go-Xa Mat และลำดับที่ ๔๘ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Ngoc Linh ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และลำดับที่ ๔๙ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Htamanthi ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๓. ที่ประชุมเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ ซึ่งยกร่างและเสนอโดยประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน และจะมีการเสนอร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนดังกล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาให้การรับรองต่อไป ๔. ประเทศไทยรายงานให้ที่ประชุมทราบถึงข้อริเริ่มของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยได้ยกร่างและพัฒนาเอกสาร ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และกรอบปฏิบัติการอาเซียนวาด้วยขยะทะเล โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ได้ให้การรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ และรับทราบกรอบปฏิบัติการอาเซียนฯ และ (๒) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุม Climate Action Summit 2019 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียนต่อการประชุมดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
470 | ขออนุมัติโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | ทส | 15/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี ๒๕๖๒ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในกรอบวงเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจและตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย และให้พิจารณาดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานเป็นลำดับแรก สำหรับกรณีนอกเขตพื้นที่ประสบภัยที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย นั้น ให้กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจพื้นที่โดยคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายการจัดตั้งหน่วยงาน รวมถึงบูรณาการเป้าหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่เกษตรกรจะได้รับ และเสนอแผนงานโครงการต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาก่อนและนำเสนอคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
471 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ และคณะ) | ทส | 07/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพุฒิพงศ์ สุรพฤกษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายเฉลิมชัย ปาปะทา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสุรชัย อจลบุญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
472 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคี กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 | ทส | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change) สำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (United Nations Framework Convention on Climate Change, the 25th Session of the Conference of the Parties : UNFCCC COP 25) โดยร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ (๑) เน้นย้ำความมุ่งมั่นของรัฐภาคีต่อกรอบอนุสัญญาฯ ภายใต้การดำเนินการที่ผ่านมาในด้านต่าง ๆ ของภูมิภาคอาเซียน (๒) เน้นย้ำผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากรายงานการประเมินและรายงานพิเศษของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเรียกร้องให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามการประกาศการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (๓) ยินดีต่อข้อตัดสินใจที่รับรองในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๒๔ และที่ประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑ ที่เมืองคาโตวิเซ สาธารณรัฐโปแลนด์ และเรียกร้องให้เร่งดำเนินการเพื่อหาข้อยุติในการเจรจาในประเด็นสำคัญที่กำหนดให้มีข้อสรุปภายในปีนี้ (๔) ตระหนักถึงความสำคัญของการยกระดับการดำเนินงานก่อนปี ๒๕๖๓ และข้อกำหนดกลไกการดำเนินงานของรัฐภาคีประเทศพัฒนาแล้ว (๕) เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการเสริมสร้างการสนับสนุนประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (๖) เน้นย้ำความจำเป็นของการสนับสนุนและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนด้านการพัฒนาและถ่ายทอดทางเทคโนโลยีและการเสริมสร้างศักยภาพต่อประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมเห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๕ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในวันที่ ๗-๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ และมอบหมายให้รัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรอง (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ ๑.๓ มอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายนำเสนอ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ต่อที่ประชุม UNFCCC COP 25 ในวันที่ ๒-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ตามความเหมาะสมในฐานะที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปี ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
473 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนและความตกลงการดำเนินงานโครงการ Strengthening Regional Experiences on Sustainable Peatland Management (ASEAN - REPEAT) ภายใต้โครงการการใช้ประโยชน์ป่าพรุอย่างยั่งยืนและบรรเทาหมอกควันในอาเซียน (Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN : SUPA) | ทส | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำอาเซียนกับเลขาธิการอาเซียน และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ระบุถึงวัตถุประสงค์ งบประมาณ และประเด็นด้านการบริหารเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการ Strengthening Regional Experiences on Sustainable Peatland Management (ASEAN-REPEAT) ภายใต้โครงการการใช้ประโยชน์ป่าพรุอย่างยั่งยืนและบรรเทาหมอกควันในอาเซียน (Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN : SUPA) และหนังสือของฝ่ายอาเซียนจะตอบรับข้อเสนอของฝ่ายเยอรมนี ทั้งนี้ โครงการ ASEAN-REPEAT จะมีผลบังคับใช้ในวันที่เลขาธิการอาเซียนลงนามในหนังสือตอบรับดังกล่าว ๑.๒ เห็นชอบร่างความตกลงการดำเนินงาน (Implementation Agreement) ระหว่างอาเซียนกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี (German Society for International Cooperation : GIZ) เกี่ยวกับโครงการ Strengthening Regional Experiences on Sustainable Peatland Management (ASEAN-REPEAT) ภายใต้โครงการการใช้ประโยชน์ป่าพรุอย่างยั่งยืนและบรรเทาหมอกควันในอาเซียน (Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN : SUPA) และอนุมัติให้รองเลขาธิการอาเซียนด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ในนามของอาเซียน โดยร่างความตกลงฯ จะกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ อาทิ การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและบุคลากร การสนับสนุนทางการเงิน การจัดหาสถานที่ และวัสดุอุปกรณ์ การบริหารจัดการ การประเมินผล รวมทั้งข้อบทเกี่ยวกับการแก้ไขและบอกเลิกความตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
474 | แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง" | ทส | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในภาพรวมของประเทศ และในพื้นที่วิกฤต โดยการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันในทุกภาคส่วน และเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนในช่วงสถานการณ์วิกฤตปัญหาฝุ่นละอองด้วย ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ (๒) การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) และ (๓) การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม แล้วแต่กรณี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของแหล่งกำเนิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยการจัดกลุ่มมาตรการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองแต่ละประเภทแต่ละแหล่งกำเนิดให้ชัดเจน รวมทั้งการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการป้องกันปัญหาด้านฝุ่นละอองและดูแลสุขภาพอย่างถูกต้องและทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
475 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุม United Nations Climate Action Summit 2019 | ทส | 17/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและมอบหมายตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุม United Nations Climate Action Summit 2019 มีสาระสำคัญเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เน้นย้ำถึงผลกระทบต่อประเทศสมาชิกอาเซียนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และให้ความสำคัญต่อการดำเนินการทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นำเสนอการดำเนินการของอาเซียนทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมถึงเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงผ่านในด้านพลังงานและเป้าหมายในด้านการคมนาคม และเน้นย้ำความสำคัญของกลไกในการสนับสนุนการดำเนินงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการให้การสนับสนุนทางการเงินและความร่วมมือทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรอง (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะ ad-referendum เนื่องจากการประชุม UN Climate Action Summit 2019 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก่อนการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ๑.๓ มอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนประเทศไทยที่ได้รับมอบหมายนำเสนอแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ต่อที่ประชุม UN Climate Action Summit 2019 ตามความเหมาะสม ในฐานะที่ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปี ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
476 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายทรงธรรม สุขสว่าง) | ทส | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายทรงธรรม สุขสว่าง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า (นักวิชาการป่าไม้ทรงคุณวุฒิ) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
477 | การขอขยายระยะเวลาบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย (พ.ศ. 2558-2562) | ทส | 27/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารการขอขยายระยะเวลาบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒) โดยขยายวันสิ้นผลใช้บังคับบันทึกความตกลงฯ จากวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ และเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในเอกสารการขอขยายระยะเวลาบันทึกความตกลงฯ ร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลในเอเชียตะวันออก (Partnerships in Environmental Management for the Seas of East Asia : PEMSEA) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารการขอขยายระยะเวลาบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
478 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นางอัษฎาพร ไกรพานนท์ และคณะ) | ทส | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางอัษฎาพร ไกรพานนท์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๓. นายโสภณ ทองดี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๔. นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
479 | (ร่าง) กรอบข้อคิดเห็นของประเทศไทยต่อวาระการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 18 และการประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 71 และครั้งที่ 72 | ทส | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) กรอบข้อคิดเห็นของประเทศไทยต่อวาระการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๘ (The 18th Meeting of the Conference of the Parties to the Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES CoP18) และการประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๗๑ และครั้งที่ ๗๒ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีและบทบาทของประเทศไทยในฐานะประเทศภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ในเรื่องการดำเนินการต่าง ๆ ที่ให้เป็นไปตามอนุสัญญา CITES เช่น การรายงานของระบบสารสนเทศการค้าช้าง การปิดตลาดการค้างาช้างภายในประเทศ การดำเนินงานตามมติที่ประชุมและข้อตัดสินใจที่เกี่ยวกับการจัดการและการป้องกันการลักลอบค้าผิดกฎหมายซึ่งสัตว์จำพวกแมวใหญ่ของเอเชีย รวมถึงท่าทีของไทยที่มีต่อข้อเสนอต่าง ๆ (Proposals) เพื่อขอเปลี่ยนแปลงสถานะของชนิดพันธุ์ตามบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) กรอบข้อคิดเห็นฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
480 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 13/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายอิทธิพล คุณปลื้ม) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์)
|
.....