ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 26 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 501 - 520 จากข้อมูลทั้งหมด 2163 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
501 | การเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ ภายใต้ชื่อ The Ancient Town of Si Thep เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๒ เห็นชอบเอกสารนำเสนอกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด ภายใต้ชื่อ Ensemble of Phanom Rung, Muang Tam and Plai Bat Sanctuaries เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๓ เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในหนังสือถึงศูนย์มรดกโลกเพื่อนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๔ รับทราบการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอแห่งมรดกทางวัฒนธรรม และแหล่งมรดกทางธรรมชาติ เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
502 | การขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 ออกไปอีก 2 ปี | ทส | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดอายุการใช้บังคับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
503 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ (จำนวน 26 คน) | ทส | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบรวม ๒๖ คน ประกอบด้วย คณะที่ปรึกษา จำนวน ๔ คน คณะกรรมการ จำนวน ๒๒ คน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ แนวทางในการใช้ประโยชน์ การบริหารจัดการถ้ำ และแนวทางในการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่น และบูรณาการการบริหารจัดการการท่องเที่ยวถ้ำ โดยมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ควรพิจารณาถึงความจำเป็น เหมาะสม รวมทั้งรูปแบบการบริหารและดำเนินการในภาพรวม เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการงานเรื่องดังกล่าว และไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในภาพรวม (๒) การสำรวจ ศึกษา วิจัย จัดทำข้อมูลและประเมินศักยภาพถ้ำ ควรจะต้องมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในการดำเนินการควรคำนึงถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๓) หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เช่น ค่าเบี้ยประชุม ควรกำหนดให้ได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
504 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | ทส | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๐ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอม จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ส่วนช่องนนทรี-สาทร) ของสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (๒) โครงการทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ สายร้องกวาง-น่าน ตอนที่ ๒ ของกรมทางหลวง (๓) โครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑-ถนนกาญจนาภิเษก จังหวัดนนทบุรี (๔) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเชียงใหม่ (หนองหอย) ของการเคหะแห่งชาติ (๕) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ประชานิเวศน์ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๖) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาวและหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด ๒. เรื่องอื่น ๆ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๔ (๒) สรุปผผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (๓) การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และ (๔) ผลการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
505 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
506 | สรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 25 (The 25th Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๕ (The 25th Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ เมืองฮาลอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีอุปทูต ณ กรุงฮานอย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือและกำหนดนโยบายความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน การบริหารองค์กรของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และกำหนดแนวทางความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา หุ้นส่วนการพัฒนาและองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๒ ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประกอบด้วย รายรับ ๑๕.๘๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากเงินอุดหนุนของประเทศสมาชิกและอื่น ๆ) และรายจ่าย ๑๕.๘๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินกิจกรรมหลัก เช่น การศึกษาวิจัย การจัดทำกลยุทธ์ และการจัดทำแนวปฏิบัติการดำเนินงาน เป็นต้น และขอให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงปรับปรุงขอบเขตกิจกรรมโครงการตามความเห็นของประเทศสมาชิก เช่น การพัฒนาศูนย์บริหารจัดการและบรรเทาน้ำท่วม การริเริ่มกิจกรรมพยากรณ์น้ำท่วมในแม่น้ำสาขา การจัดทำคำแนะนำสำหรับการออกแบบระบบชลประทานที่เป็นมิตรต่อการประมง และการพัฒนานักวิชาการรุ่นเยาว์ของประเทศสมาชิก เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามปฏิญญาเสียมราฐ ๒๕๖๑ ที่สำคัญ เช่น การระบุโอกาสในการพัฒนาและความท้าทายของลุ่มแม่น้ำโขงผ่านการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำและโครงการร่วมระหว่างประเทศสมาชิก การเพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและองค์กรความร่วมมือในภูมิภาค และการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนกับองค์กรภาคเอกชน เป็นต้น รวมทั้งรับทราบสาระสำคัญและข้อเสนอจากการจัดทำกลยุทธ์การพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ได้แก่ การวางแผนร่วมและโครงข่ายเชื่อมโยงด้านพลังงานจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้น และการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำควรดำเนินการควบคู่กับพลังงานแหล่งอื่น ๆ ซึ่งมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการพัฒนาและบริหารโครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
507 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย | ทส | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Statement of ASEAN Ministers Responsible for CITES and Wildlife Enforcement on Illegal Wildlife Trade) และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและมุ่งเน้นความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมายอย่างมีแบบแผนและมีทิศทางที่แน่นอน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
508 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นางฤชุกร สิริโยธิน) | ทส | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางฤชุกร สิริโยธิน เป็นกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
509 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2561 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ การคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ แบ่งออกเป็น (๑) มาตรการระยะสั้น (ควรดำเนินการในช่วง ๑-๒ ปี) ได้แก่ การพัฒนาระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อม การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองพื้นที่ที่มีความสำคัญหรือมีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม และ (๒) มาตรการระยะยาว (ควรดำเนินการในช่วง ๓-๑๐ ปี) ได้แก่ การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การป้องกันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินศักยภาพการรองรับของพื้นที่ การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนากลไกความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ การสำนึกรักและหวงแหน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ การพิจารณาถึงความกลมกลืนและผลกระทบเชิงลบต่อเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และการลดทอนคุณค่าของแหล่งศิลปกรรมโดยปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
510 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 4 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๔ (The fourth session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 4) มีสาระสำคัญเป็นเอกสารที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมกันหาแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรมการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้ยั่งยืน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดมลพิษ ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย (เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำ UN ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา) ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม UNEA 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
511 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 (เพิ่มเติม) | ทส | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ เรื่อง ๑.๑ โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดชลบุรี (แหลมฉบัง) ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ของการเคหะแห่งชาติ ๑.๒ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ของการไฟรถแห่งประเทศไทย ๒. เรื่องเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด จำนวน ๓ เรื่อง ๒.๑ รายงานความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ๒.๒ รายงานการติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ๒.๓ แนวทางการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการอุดหนุนงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการฯ กรณีมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
512 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 14 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ | ทส | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๔ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ซึ่งการประชุมฯ มีการดำเนินการที่สำคัญ เช่น (๑) การอภิปรายร่วมภายใต้หัวข้อ “ลงทุนกับความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อผู้คนและโลก” โดยที่ประชุมฯ เห็นพ้องกันว่าจะต้องขยายความร่วมมือผ่านการบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพในภาคส่วนที่สำคัญ อาทิ ด้านพลังงานและเหมืองแร่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านสุขอนามัย และ (๒) การรับรองปฏิญญาชาร์ม เอล เชค ลงทุนกับความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อผู้คนและโลก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมรับรองปฏิญญาฯ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ เป็นต้น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามข้อมติจากการประชุมฯ เช่น การร่วมกันดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง การดำเนินงานเรื่องผลกระทบจากขยะและน้ำเสียอันเกิดจากกิจกรรมบนบกในมหาสมุทร และการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมต่อความหลากหลายทางชีวภาพและสุขอนามัยของมนุษย์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น มอบหมายกระทรวงศึกษาธิการร่วมดำเนินการกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนแผนแม่บทบูรณาการการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ เพิ่มอีกหน่วยงานหนึ่ง และเพิ่มองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมเสริมความรู้ความเข้าใจและความตระหนักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
513 | บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขอเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็ก แปลงที่ 1 เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผ่อนผันให้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็ก แปลงที่ ๑ (ท้องที่ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก และตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี) เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวน ๑๕ แปลง ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ (พื้นที่ประทานบัตร ๑๕ แปลง รวมเนื้อที่ ๓,๓๑๑ ไร่ ๒ งาน ๖๗ ตารางวา โดยอยู่ในเขตกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันออก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก ชั้นที่ ๑ เอ รวมเนื้อที่ ๓,๒๒๓ ไร่ ๒ งาน ๓๕ ตารางวา) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้ผู้รับอนุญาตปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องและมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [หนังสือคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ ทส (กก.วล) ๑๐๐๕/ว ๑๑๓๙๙ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗] รวมทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [เรื่อง แนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ] โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และสามารถจัดการปัญหาความทับซ้อนในการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ดังกล่าวได้ รวมทั้งต้องให้ความสำคัญต่อมาตรการป้องกันและจัดการผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนอันเกิดจากการประกอบกิจการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
514 | ร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล | ทส | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน (Bangkok Declaration on Combating Marine Debris in ASEAN Region) ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบ (Endorsement) จากที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล ก่อนที่จะนำเสนอในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้การรับรองต่อไป (๒) ร่างกรอบปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยขยะทะเล (ASEAN Framework of Action on Marine Debris) ที่จะถูกรับรอง (Adoption) ในที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล (๓) ร่างแถลงข่าวร่วม (Joint Media Statement) และ (๔) ร่างบทสรุปประธาน (Chair’s Summary) เป็นเอกสารสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน (Bangkok Declaration on Combating Marine Debris in ASEAN Region) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
515 | การรับรองร่างปฏิญญา 3R กรุงเทพ ว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน | ทส | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญา 3R กรุงเทพ ว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้านนโยบายร่วมกันของผู้แทนประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อส่งเสริมการนำหลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อลดมลพิษจากขยะพลาสติก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน 3R ในประเทศไทย รวมทั้งเป็นการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนา ปรับปรุงระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยในประเทศให้ครบวงจร ทันสมัย และเป็นไปตามหลักสากล ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิเศษร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๙ (The Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) ระหว่างวันที่ ๔-๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
516 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากเดิม นายประลอง ดำรงค์ไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น นายโสภณ ทองดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ ๗๐/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
517 | การเข้าร่วมกับความร่วมมือ Climate and Clean Air Coalition (CCAC) ของประเทศไทย ด้านที่ 3 | ทส | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าร่วมกับความร่วมมือ Climate and Clean Air Coalition (CCAC) ของประเทศไทย ด้านที่ ๓ การประเมินมลสาร Short-Lived Climate Pollutants (SLCPs) (คาร์บอนดำและโอโซน) ในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๕ และจะสิ้นสุดในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (ปัจจุบันมีประเทศที่เข้าร่วมกับความร่วมมือ CCAC เพื่อลดมลสาร SLCPs จำนวน ๖.๑ ประเทศ) และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษเป็นหน่วยงานกลางประสานการดำเนินงาน (National Focal Point) CCAC ของประเทศไทย และดำเนินการตามขั้นตอนในการเข้าร่วมกับความร่วมมือ CCAC รวมถึงกำหนดรายละเอียดการดำเนินงานและกรอบเวลาร่วมกับ UNEP ต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและในหนังสือแจ้งเข้าร่วมกับความร่วมมือ CCAC ควรระบุด้านการดำเนินการเกี่ยวกับมลสารช่วงชีวิตสั้นที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศที่ประเทศไทยสนใจ เป็น “การประเมินมลสาร SLCPs (คาร์บอนดำและโอโซน) ในระดับภูมิภาค” แทนการระบุด้านที่ ๓ เพราะในความร่วมมือ CCAC มิได้กำหนดเลขหมายไว้ อาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนได้ (๒) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศและหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณากำหนดรายละเอียดการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือ CCAC เพื่อลดมลสาร SLCPs และ (๓) หากมีค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำองค์ความรู้ที่จะได้รับจากการเข้าร่วมกับความร่วมมือ CCAC มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
518 | แนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ | ทส | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเตรียมการป้องกันและลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) แบ่งเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗) เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการ “สร้างอากาศดี เพื่อคนไทย และผู้มาเยือน” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแนวทางและมาตรการฯ ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมาตรการระยะเร่งด่วน ขั้นปฏิบัติการ ระดับที่ ๒ [ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีค่ามากกว่า ๕๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร] ให้พิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการเพิ่มเติมเพื่อขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้รถยนต์ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รวมทั้งให้ปรับเพิ่มแนวทางและมาตรการฯ ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการด้านสาธารณสุขในการป้องกันและดูแลสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ดังกล่าว รวมทั้งมาตรการเร่งด่วนต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น กรณีการปิดสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการและกรุงเทพมหานคร มิใช่เป็นการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) หรือลดสาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยตรง แต่มีเจตนารมณ์สำคัญที่จะปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีความเปราะบางและอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว และกรณีการฉีดพ่นละอองน้ำในอากาศจากอาคารสูงและโดยเครื่องบินในพื้นที่ต่าง ๆ อาจไม่สามารถลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ได้โดยตรง แต่เป็นการดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับมาตรการอื่นอีกหลายมาตรการที่หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ลดปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมลงได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
519 | การสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. 2562 -2566 | ทส | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ราชอาณาจักรไทยสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ๑.๒ เห็นชอบให้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการสมัครคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียงและแลกเสียง สนับสนุนกับรัฐภาคีสมาชิกอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และการไขว้เสียงกับอนุสัญญาอื่น ๆ ๑.๔ เห็นชอบให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานในการรณรงค์สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก ในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปดำเนินการสนับสนุนการสมัครเข้ารับการคัดเลือกดังกล่าว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อไป เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
520 | ร่างบันทึกความตกลงระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) | ทส | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความตกลงระหว่างโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Standard Letter of Agreement : LOA) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ : การสร้างความยั่งยืนผ่านกลไกทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในประเทศไทย [Nationally Determined Contribution (NDC) Support Project : Delivering Sustainability through Climate Finance Actions in Thailand] และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความตกลงฯ เพื่อดำเนินโครงการ NDC โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเรื่องการให้การสนับสนุนแก่โครงการ NDC เช่น สนับสนุนสำหรับความช่วยเหลือตามที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC (ความช่วยเหลือเชิงวิชาการ การอำนวยความสะดวกในการจัดประชุมหรือการฝึกอบรม การตีพิมพ์รายงานการวิเคราะห์ ฯลฯ) และสนับสนุนการให้งบประมาณช่วยเหลือ จำนวน ๙๓๑,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ เป็นต้น ส่วนโครงการ NDC มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนประเทศไทยให้สามารถดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้บรรลุเป้าหมายได้ตามแนวทางการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ ๒๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำแผนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแผนด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณากำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC
|
.....