ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 30 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 581 - 600 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
581 | การประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 24 (The 24th Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 27/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๔ (The 24th Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๓ ที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๑ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา และมีมติอนุมัติ (๑) แผนดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๑ (๒) แผนยุทธศาสตร์การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มแม่น้ำโขงและแผนปฏิบัติการ (๓) แผนกลยุทธการบริหารจัดการและการพัฒนาการประมงในระดับลุ่มน้ำ และ (๔) การจ่ายเงินอุดหนุนคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๓ รวมทั้งอนุมัติหลักการจ่ายเงินอุดหนุนแก่คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๓ โดยในปี ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ไทยจะจ่ายเงินอุดหนุนลดลงร้อยละ ๑ ในทุก ๆ ๓ ปี (ปัจจุบันไทยจ่ายเงินอุดหนุนร้อยละ ๓๐) และในปี ๒๕๗๓ ไทยและประเทศสมาชิกจะมีสัดส่วนการจ่ายเงินอุดหนุนเท่ากันที่ร้อยละ ๒๕ ซึ่งเงินอุดหนุนรวมของประเทศสมาชิกจะมีการปรับฐานเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราร้อยละ ๑๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินอุดหนุนของไทยให้แก่คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุน และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๓ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
582 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan International Research Center for Agricultural Science : JIRCAS) ร่างแผนปฏิบัติงาน 2559-2564 วนวัฒนวิธีที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมการปลูกสวนป่าสักและร่างข้อตกลงการใช้ตัวอย่างชีวภาพ | ทส | 27/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมป่าไม้และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan International Research Center for Agricultural Science : JIRCAS) ร่างแผนปฏิบัติงาน ๒๕๕๙-๒๕๖๔ วนวัฒนวิธีที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมการปลูกสวนป่าสักและร่างข้อตกลงการใช้ตัวอย่างชีวภาพ คืนไปได้ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ร่างแผนปฏิบัติการฯ และร่างข้อตกลงฯ ดังกล่าวไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งมีความเห็นเพิ่มเติมในส่วนของร่างข้อตกลงฯ เช่น ควรพิจารณากำหนดเงื่อนไข (ปริมาณวัสดุที่ต้องส่งในแต่ละครั้ง จำนวนครั้งสูงสุดที่ต้องจัดส่ง) ซึ่งอาจเกิดการร้องขอเกินความจำเป็นและจะมีผลต่อเนื่องในข้อตกลงเรื่องการขนส่งที่กรมป่าไม้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดส่งแต่ฝ่ายเดียว เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
583 | รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism: JCM) | ทส | 13/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการ JCM Model Project กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการ JCM Model Project จำนวน ๒๓ โครงการ มูลค่ามากกว่า ๑.๕ พันล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๔ พันล้านบาท โดยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดลงจากโครงการทั้งหมด เท่ากับ ๙๙,๘๗๐ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทั้งนี้ กิจกรรมที่ได้รับทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการ JCM Model Project ก่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ (๑) การผลิตพลังงาน และ (๒) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ๒. การประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่น จำนวน ๓ ครั้ง โดยที่ประชุมมีมติรับรองกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแบบฟอร์มต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำเนินงานรับรองระเบียบวิธีการคำนวณปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก จำนวน ๖ วิธี พร้อมทั้งรับรองผู้ตรวจประเมินโครงการ จำนวน ๔ ราย และขึ้นทะเบียนโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน ๑ โครงการ ๓. การจัดการอบรม/สัมมนาร่วมกับหน่วยงานของประเทศญี่ปุ่น จำนวน ๑๑ ครั้ง มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด ๗๒๘ คน และได้เข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการที่จะขอขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ JCM จำนวน ๕ โครงการ รวมทั้งเยี่ยมชมโครงการ จำนวน ๔ โครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
584 | ผลการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 3 (3rd Asia-Pacific Water Summit) | ทส | 13/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๓ (3rd Asia-Pacific Water Summit) ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับรองปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) โดยได้แสดงเจนารมณ์ที่จะทำให้ความมั่นคงของน้ำเกิดผลสัมฤทธิ์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประกาศว่าจะดำเนินการในเรื่องน้ำ เช่น จัดหาน้ำดื่มที่ปลอดภัยและการสุขาภิบาลขั้นมูลฐานสำหรับทุกคนในภูมิภาคภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๕ เพิ่มการลงทุนในระดับภูมิภาคทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินการระดับชุมชนเพื่อแก้ปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำ เพิ่มการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการศึกษาและการฝึกอบรมเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านประสิทธิภาพการใช้น้ำและผลผลิตการนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้เห็นพ้องกับหนทางที่จะเดินหน้าต่อไปสู่การยกระดับนวัตกรรมและการปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคงของน้ำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น การจัดการวัฏจักรน้ำที่ดี ธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม การเงินสำหรับการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านน้ำ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
585 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 3 | ทส | 13/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ (The Third session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 3) ระหว่างวันที่ ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา โดยมีนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูตประจำกรุงไนโรบีและผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม UNEA 3 ซึ่งในที่ประชุม UNEA 3 ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันรับรองข้อมติและข้อตัดสินใจเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับทุกประเทศ รวมถึงได้ร่วมกันรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรีซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกัน บรรเทา และจัดการมลพิษในทุกรูปแบบ และมีการระบุถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญและจำเป็นต้องมีการดำเนินงานแก้ไขอย่างเร่งด่วน ตลอดจนเป็นแนวทางสำคัญเพื่อการบรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ มอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในประเด็นต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละเป้าหมาย เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการเพื่อเพิ่มการศึกษาวิจัยและส่งเสริมการพัฒนาข้อมูลวิทยาศาสตร์และเผยแพร่ข้อมูล กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศที่อ้างอิงตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการพัฒนามาตรการและกฎหมายที่เหมาะสมในระดับประเทศในการลดความเสี่ยงที่เกิดจากสารเคมี และจัดการแบตเตอรี่ตะกั่วที่ใช้แล้วอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนดำเนินการให้มีมาตรการส่งเสริมและลงทุนด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
586 | การขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 8 (The 8th World Water Forum) | ทส | 13/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ ๘ (The 8th World Water Forum) กำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดข้อเรียกร้องเร่งด่วนให้มีการดำเนินการด้านน้ำอย่างเด็ดขาด เช่น (๑) ให้รัฐบาลก่อตั้งหรือเสริมสร้างนโยบายและแผนการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการในระดับชาติและระดับต่ำกว่าโดยใช้ลุ่มน้ำเป็นหน่วยงานในการวางแผน (๒) สนับสนุนการจัดการองค์กรด้านน้ำระดับชาติและระดับต่ำกว่าตามที่เหมาะสม (๓) ระดมทุนและจัดสรรทรัพยากรทางการเงินจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลร่วมรับรองในปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
587 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2560 | ทส | 20/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๔ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก นครราชสีมา ระยะที่ ๒ (เพื่อขยายโอกาสใช้พลังงานสะอาดและลดมลภาวะในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) ครั้งที่ ๒ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่อำเภอสูงเนิน อำเภอปักธงชัย อำเภอโชคชัย และอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ๒. โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา) (ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ๓. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๔. การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๙-๒๕๔๐ (กรณีจัดซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย เทศบาลเมืองเลย จังหวัดเลย) เนื่องจากเทศบาลเมืองเลยยังไม่ได้ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย ประกอบกับสภาพพื้นที่ตามแนวเขตท่อ และจุดพักน้ำเสียจากการศึกษาออกแบบ ได้เปลี่ยนแปลงไปสำหรับการจัดการน้ำเสียในเขตเทศบาลเมืองเลย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
588 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 เพื่อปรับปรุงมาตรการป้องกัน ควบคุม และกำจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น | ทส | 20/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๒ (เรื่อง ร่างมาตรการป้องกัน ควบคุม และกำจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น) เพื่อปรับปรุงมาตรการป้องกัน ควบคุม และกำจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการป้องกัน ควบคุม และกำจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น จากเดิม ๔ มาตรการ ๑๕ แนวทางปฏิบัติ เป็น ๕ มาตรการ ๒๒ แนวทางปฏิบัติ และได้กำหนดให้มีแนวทางปฏิบัติในการควบคุมหรือกำจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (ชนิดพันธุ์พืชต่างถิ่นและชนิดพันธุ์สัตว์ต่างถิ่น) ที่มีลำดับความสำคัญสูงของประเทศไทยแยกออกเป็นการเฉพาะ ๑.๒ ปรับปรุงทะเบียนรายการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่ควรควบคุม ป้องกัน และกำจัด จากทะเบียนรายการเดิมในปี ๒๕๕๒ ที่มีจำนวน ๒๗๓ ชนิด ปรับปรุงเป็นจำนวน ๓๒๓ ชนิด ซี่งได้เพิ่มการจำแนกชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่มีการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกมาให้ชัดเจนว่าสามารถขยายพันธุ์ ขยายถิ่นที่เพาะเลี้ยง และแจกจ่ายพันธุ์ได้แต่ต้องมีมาตรการป้องกันเฉพาะที่รัดกุม เพื่อมิให้เกิดการแพร่กระจายเข้าไปในเขตพื้นที่อนุรักษ์ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานมาตรการป้องกัน ควบคุม และกำจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในลักษณะบูรณาการ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เช่น ควรสนับสนุนการสร้างเครือข่ายวิจัยกับสถาบันวิจัยที่อยู่ในประเทศที่มีชนิดพันธุ์ต่างถิ่นทั้งที่เป็นประเทศต้นกำเนิดและประเทศที่พบการระบาด ควรให้ความสำคัญกับการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอย่างเป็นระบบ และมีการเผยแพร่ความรู้ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นต่อสาธารณะอย่างถูกต้อง ทั่วถึง และต่อเนื่อง รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนเพื่อการเฝ้าระวังและการแจ้งเตือนการรุกรานของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น รวมถึงสนับสนุนการวิจัยร่วมกับนักวิจัยในภูมิภาคอาเซียน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน ควบคุม และกำจัดชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ให้แก่สาธารณชนทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการระบุให้ชัดเจนเกี่ยวกับชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศของไทย หรือที่เป็นพาหะของโรค ก่อให้เกิดอันตราย และมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนด้วย ทั้งนี้ ในการสร้างการรับรู้ดังกล่าวให้ดำเนินการในรูปแบบและการใช้ถ้อยคำที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
589 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นางสาวจงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล) | ทส | 20/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
590 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาขาการดำเนินงานที่สำคัญ รวมทั้งไม่ให้ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในกฎหมายอื่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
591 | เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทถ้ำ | ทส | 06/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทถ้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ ประเภทถ้ำ ประกอบด้วย (๑) ปัจจัยชี้วัด เพื่อแสดงถึงคุณภาพของสภาวะแวดล้อมด้านต่าง ๆ รวม ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านองค์ประกอบของระบบถ้ำและสิ่งแวดล้อม ด้านองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรม ด้านผลผลิตจากการบริการสิ่งแวดล้อมของถ้ำ และด้านการบริหารจัดการ และ (๒) ระดับเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระดับสูงหรือดี คือ ไม่มีผลกระทบหรือมีระดับผลกระทบน้อย ระดับปานกลาง คือ มีระดับผลกระทบปานกลาง และระดับต่ำ คือ มีระดับผลกระทบมากหรือรุนแรง ๒. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ ประเภทถ้ำ และมอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่แหล่งธรรมชาติ ประเภทถ้ำ ทำการประเมินตามเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ เป็นประจำทุกปี โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานประสานกลางให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ ประเภทถ้ำ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
592 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 | ทส | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ (Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM) จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ร่างกรอบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม (ระยะที่ ๓) (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เป็นเอกสารที่กำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานในการดำเนินการตามแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมในระยะที่ ๓ (ระยะเสริมสร้างความเข้มแข็ง) โดยเป็นการกำหนดให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ และ (๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการให้คำมั่นร่วมกันเพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวที่ครอบคลุมและยั่งยืนตามแนวทางของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งเน้นการเชื่อมโยงแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมกับระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและส่งเสริมการดำเนินโครงการของกรอบการลงทุนระดับภูมิภาคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายนำเสนอประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาและเพิ่มพื้นที่การปลูกป่าต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดศึกษาการจัดการผลกระทบเนื่องมาจากการจัดการความเสี่ยงและป้องกันผลกระทบเนื่องมาจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติข้ามแดน และร่วมหารือเพื่อสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
593 | ขออนุมัติดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย - ลาว พ.ศ. 2561 - 2564 (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018 - 2021) | ทส | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ แหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายของพันธุ์พืชที่มีค่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ประจำท้องถิ่นไทยและลาว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติของไทยและลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย-ลาว พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018-2021) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-พ.ศ. ๒๕๖๔ กรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑๕.๐๑๕๗ ล้านบาท ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการดังกล่าว และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
594 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทยและกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | ทส | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING on Cooperation on Protected Areas and Transboundary Biodiversity Conservation Landscapes Management between Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation, Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and General Directorate of Administration for Nature Conservation and Protection, Ministry of Environment of the Kingdom of Cambodia) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูขา โดยจะร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น (๑) การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการระหว่างเจ้าหน้าที่ (๒) การศึกษาดูงาน การฝึกอบรม และ (๓) การศึกษาวิจัยร่วม เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือผู้ที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งกำหนดจะมีการลงนามในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ และ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจกรรมใด ๆ ตามบริเวณชายแดนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์ตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ขอให้งดเว้นในพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติแน่ชัดว่าเป็นของประเทศไทยหรือของราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการรักษาสิทธิในเขตแดนของประเทศไทยในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. กรณีมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
595 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อโอนย้ายองค์การจัดการน้ำเสียไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาฯ แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย เพื่อให้การบูรณาการงานด้านการจัดการน้ำเสียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้องค์การจัดการน้ำเสียรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๐ ที่กำหนดให้องค์การจัดการน้ำเสียซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจทบทวนปรับสถานภาพให้เป็นองค์การมหาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
596 | การดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีและออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าแล้ว คือ โครงการสนับสนุนธุรกิจประมงพื้นบ้าน จังหวัดปัตตานี ตามแนวทางขับเคลื่อนโครงการต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เนื้อที่ ๓ ไร่ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังมิได้ออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมคุณภาพตำบลน้ำน้อย เนื้อที่ ๑๕๑-๑/๗๓ ไร่ (๒) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๓.๖ ไร่ (๓) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๗.๖๘ ไร่ (๔) โครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๔๕๓ ไร่ และ (๕) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำคลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เนื้อที่ ๑๖๕-๓-๖๗ ไร่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
597 | ผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region) | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยที่ประชุมได้ร่วมกันทบทวนสถานภาพและสถานการณ์ของมลภาวะด้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนโยบาย ความคิดริเริ่ม และการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอแนะแนวทางในการจัดการและแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน ได้แก่ (๑) สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านนโยบาย โดยกำหนดนโยบายแบบบูรณาการและกรอบแนวทางความร่วมมือข้ามภาคส่วนในการจัดการขยะจากแหล่งทั้งบนบกและในทะเล (๒) เสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและการริเริ่มต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหามลภาวะขยะทะเลระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และภูมิภาค (๓) เร่งดำเนินการศึกษาเพื่อให้ได้ฐานข้อมูลสถานภาพและผลกระทบของมลภาวะด้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และพัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทะเล (๔) ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาขยะทะเล และ (๕) สร้างความตระหนักรู้และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบของขยะทะเล โดยผลสำเร็จจากการประชุมดังกล่าวได้ถูกนำเสนอในที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ ณ สาธารณรัฐเคนยา เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการประชุมของอาเซียนอย่างเป็นทางการ เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะดังกล่าวทั้ง ๕ ข้อ เป็นกรอบการดำเนินงานในแนวทางที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการกำจัดขยะในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เหมาะสม เป็นระบบครบวงจร ทั้งที่เป็นขยะต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ หากโครงการ/กิจกรรมใดมีความพร้อมขอให้เริ่มดำเนินการก่อน และในกรณีที่มีการฝังกลบขยะในพื้นที่แล้ว ให้พิจารณาปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งบริษัท ห้างร้าน หรือสถานประกอบการต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการลดการใช้วัสดุที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกเนื่องจากจะกลายเป็นขยะตกค้างที่ย่อยสลายได้ยาก เช่น การใช้ถุงพลาสติกใส่สินค้าเท่าที่จำเป็นและกระตุ้นให้ผู้ซื้อสินค้านำถุงผ้ามาใส่สินค้าเอง การให้ส่วนลดราคาสินค้ากรณีที่ลูกค้าไม่ใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
598 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 23 (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 13 (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1.2 (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Conference of the Parties to the UNFCCC : COP) สมัยที่ ๒๓ (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต (Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP) สมัยที่ ๑๓ (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส (Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Paris Agreement) สมัยที่ ๑.๒ (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยงานภายใต้คณะทำงานเจรจาสำหรับการประชุมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติด้านการประสานท่าทีเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ จัดเตรียมบุคลากรและงบประมาณสำหรับเข้าร่วมการประชุมภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พิธีสารเกียวโตและความตกลงปารีสอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมปกติประจำปี ได้แก่ การประชุมองค์กรย่อยในช่วงกลางปี และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ในช่วงปลายปี รวมถึงการประชุมสมัยพิเศษเพิ่มเติม โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว หากไม่เพียงพอ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์หรือจากการจัดซื้อจัดจ้างแล้วไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นการดำเนินการในกรอบด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมทั้งการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาแบบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและมีความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบูรณาการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
599 | แนวทางการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง | ทส | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ที่คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบแล้ว ซึ่งประกอบด้วย ๔ แนวทาง คือ (๑) การปรับสมดุลชายฝั่งโดยธรรมชาติ (๒) การป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง (๓) การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และ (๔) การฟื้นฟูเสถียรภาพชายฝั่ง และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทยต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น เร่งการจัดทำแผนแม่บทในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะกลางในลักษณะบูรณาการเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแนวทางการปฏิรูประบบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งดำเนินการเชิงรุกในการเผยแพร่แนวทางการจัดทำงานแผนงาน/โครงการฯ และขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสานให้คำแนะนำแก่จังหวัด กลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบูรณาการจัดทำแผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยให้จัดทำเป็นแผนงาน/โครงการให้มีความชัดเจน จัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ที่จะดำเนินการ โดยให้เริ่มดำเนินการในพื้นที่ที่ประชาชนให้ความร่วมมือและไม่มีปัญหาข้อคัดค้านใด ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งดังกล่าว ให้ส่วนราชการเจ้าของแผนงาน/โครงการพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
600 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 5 คน 1. นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ฯลฯ) | ทส | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำนวน ๕ คน แทนกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ๑.๒ นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ๑.๓ นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ๑.๔ นายอวยชัย คูหากาญจน์ ๑.๕ นายพีรพันธ์ คอทอง ๒. ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ดังกล่าวในครั้งต่อไป ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
.....