ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | การยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต | ทส | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า จะนำเรื่องการยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤตเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
442 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 | ทส | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบร่างรายงานดังกล่าวแล้ว โดยรายงานดังกล่าวเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ รวมไปถึงการคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต ตลอดจนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังกล่าวเพื่อร่วมกันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีก่อนหน้า รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขมาพร้อมกันด้วย ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาตินำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีผลบังคับใช้ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในลักษณะของแผนงานบูรณาการหรือแผนงานยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
443 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ | ทส | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๒. นายวิจารย์ สิมาฉายา ด้านสิ่งแวดล้อม ๓. นายศศิน เฉลิมลาภ ด้านทรัพยากรธรณี ๔. ศาสตราจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ๕. รองศาสตราจารย์อรพรรณ ศรีเสาวลักษณ์ ด้านเศรษฐศาสตร์ ๖. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ ด้านนิติศาสตร์ ๗. นายนิวัติ ธัญญะชาติ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ผู้แทนชุมชนชายฝั่งกลุ่มจังหวัดที่ ๑ ระยอง จันทบุรี ตราด) ๘. นายบรรเจิด อุดมสมุทรหิรัญ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ผู้แทนชุมชนชายฝั่งกลุ่มจังหวัดที่ ๒ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม) ๙. นายมนูญ คุ้มรักษ์ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ผู้แทนชุมชนชายฝั่งกลุ่มจังหวัดที่ ๓ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี) ๑๐. นายสุไลมาน ดาราโอะ ด้านการประมง (ผู้แทนชุมชนชายฝั่งกลุ่มจังหวัดที่ ๔ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส) ๑๑. นายธนู แนบเนียร ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ผู้แทนชุมชนชายฝั่งกลุ่มจังหวัดที่ ๕ ระนอง พังงา ภูเก็ต) ๑๒. นายบรรจง นฤพรเมธี ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ผู้แทนชุมชนชายฝั่งกลุ่มจังหวัดที่ ๖ กระบี่ ตรัง สตูล)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
444 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | ทส | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแผนที่หมายเลข ๑/๒ ท้ายประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับแผนที่ดังกล่าว ระบุหมายเลขทางหลวงไม่ตรงกับข้อมูลของกรมทางหลวง ขอให้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวต่อไปด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
445 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2563 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ สร้างสุขของคนไทย ได้แก่ จุดบริการที่พักระหว่างการเดินทางเพื่อรองรับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ กิจกรรมป่าในเมือง ชมฟรี มีความรู้ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แจกฟรีเมล็ดพันธุ์ไม้มีค่า กล้าไม้ และพันธุ์กล้วยไม้ บริการตรวจสอบอัญมณีและแร่ โครงการรับคืนซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า คาราวานสิ่งแวดล้อม สร้างสุขประชาชน ตรวจลดมลพิษจากรถโดยสารประจำทาง รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ และหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ (รถ mobile) ๒. ของขวัญปีใหม่ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ จัดที่ดินอยู่อาศัย/ทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จัดที่ดินอยู่อาศัย/ทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ การแก้ไขปัญหาขยะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน Green Digital Library Application การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อประชาชน โครงการน้ำบาดาลริมทาง การจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และการวิเคราะห์/พัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาชุมชนและคุณภาพแหล่งน้ำสายหลัก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
446 | การลงนามในร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | ทส | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง จัดทำขึ้นระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณโครงการที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการที่ได้รับสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการสาธิตการบรรเทาความยากจน โดยภาคการป่าไม้ในประเทศ (Demonstration on Forestry Poverty Alleviation in Thailand) จำนวน ๒,๔๓๐,๐๐๐ หยวน (RMB) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบหมายให้กรมป่าไม้รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินโครงการฯ รวมทั้งบริหารงบประมาณโครงการฯ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่กำกับ ดูแล ตรวจสอบความก้าวหน้า ประสิทธิภาพของการดำเนินโครงการและการใช้งบประมาณให้เป็นไปตามข้อกำหนด ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
447 | การเข้าร่วม NDC Partnership ของประเทศไทย | ทส | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ประเทศไทยเข้าร่วม Nationally Determined Contribution Partnership (NDC Partnership) โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยประสานงานหลัก (Focal Point) ของประเทศร่วมกัน โดยการเข้าร่วม NDC Partnership จะส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านวิชาการ (Technical Assistance) ด้านผลิตผลทางความรู้ (Knowledge Products) และด้านการสนับสนุนทางการเงิน (Facilitating Finance) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาพใหญ่ (Large-scale Climate Target) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ (พ.ศ. ๒๕๗๓) ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะแสดงเจตจำนงอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๖๒-มกราคม ๒๕๖๓ ๑.๒ ร่างหนังสือแสดงความจำนงอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วม NDC Partnership และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยื่นหนังสือดังกล่าวเพื่อแสดงเจตจำนงอย่างเป็นทางการในการเข้าร่วม NDC Partnership ตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานมายังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อสอบทานชื่อและหมายเลขติดต่อของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องและอาจมีผลกระทบด้านความมั่นคง ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามแต่กรณี ประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ก่อนเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
448 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Special ASEAN Ministerial Meeting on Illegal Wildlife Trade: SAMM - IWT) | ทส | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Special ASEAN Ministerial Meeting on Illegal Wildlife Trade : SAMM-IWT) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยแบ่งการประชุมออกเป็น ๒ กิจกรรมหลัก ได้แก่ (๑) การประชุมแบบเต็มคณะ (Plenary) และ (๒) กิจกรรมพิเศษระหว่างการประชุม (Side Events) โดยการประชุมแบบเต็มคณะ (Plenary) ที่ประชุมได้รับรอง (Adopted) “แถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Statement of ASEAN Ministers Responsible for CITES and Wildlife Enforcement on Illegal Wildlife Trade)” และที่ประชุมได้เห็นชอบให้เพิ่มเติมคำว่า “Chiang Mai” ในชื่อของแถลงการณ์ดังกล่าว เพื่อสื่อถึงสถานที่ที่ได้มีการประกาศ (Issued) แถลงการณ์นี้ขึ้น เป็น “แถลงการณ์เชียงใหม่ของรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Chiang Mai Statement of ASEAN Ministers Responsible for CITES and Wildlife Enforcement on Illegal Wildlife Trade)” ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวจะเป็นกรอบนโยบายหลักที่จะใช้กำหนดโครงการ/แผนงาน/กิจกรรมของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าและพืชป่า ภายใต้สาขาความร่วมมืออาเซียนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับกิจกรรมพิเศษระหว่างการประชุม (Side Events) เช่น การประชุมทวิภาคี การประชุมพันธมิตรด้านการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย การจัดนิทรรศการภายใต้แนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
449 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. 2558 | ทส | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๘ ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
450 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุ การออกใบแทน การสั่งพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุ การออกใบแทน การสั่งพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาต คุณสมบัติของผู้ชำนาญการ การสั่งพักและเพิกถอนใบอนุญาต การควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ได้รับใบอนุญาตของผู้มีสิทธิทำรายงานเกี่ยวกับการศึกษาและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ร่างข้อ ๖ ร่างข้อ ๗ ร่างข้อ ๘ และร่างข้อ ๙ กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมไว้ อาจเกินกฎหมายแม่บท (๒) การออกใบอนุญาตตามร่างข้อ ๑๔ อาจกำหนดเงื่อนไขหรือจำกัดประเภทของการจัดทำรายงานฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประเมินด้านสุขภาพ และ (๓) ควรระบุระยะเวลาการได้รับการต่ออายุใบอนุญาตให้ชัดเจนว่าไม่เกินกี่ปีนับแต่วันที่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตครั้งล่าสุด เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ เนื่องจากในการยกร่างกฎกระทรวงฯ มีการเพิ่มข้อกำหนดที่เกี่ยวกับผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เช่น ออกใบอนุญาตให้กับผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอิสระที่เป็นบุคคลธรรมดา และเปิดโอกาสให้นิติบุคคลมหาชนสามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้ต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นข้อเสนอใหม่เพื่อดำเนินการคัดเลือกใหม่เมื่อสิ้นอายุการอนุญาตทุกครั้ง ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามแนวทางในการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายและแนวทางการรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย รวมทั้งการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากแสดงความคิดเห็น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาเป็นอย่างมาก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
451 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 14 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 9 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 9 | ทส | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๔ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๙ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๙ ซึ่งได้มีการประชุมในระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยที่ประชุมได้มีมติข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในประเด็นหลักที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาบาเซลฯ อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ โดยการบรรจุรายชื่อของเสียอันตราย และสารเคมีเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลผูกพันต่อไทยในฐานะภาคีสมาชิกที่จะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับผลการประชุม เช่น การแก้ไขบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย เพื่อกำหนดเป็นวัตถุอันตรายชนิดต่าง ๆ ต่อไป ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติข้อตัดสินใจที่สำคัญในการประชุมรัฐภาคีของ ๓ อนุสัญญาดังกล่าว ดังนี้ ๑.๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินการ (๑) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority : CA) ภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรายการของเสียอันตราย ภายใต้ขอบเขตการปฏิบัติงานตามกฎหมายภายในประเทศ กล่าวคือ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับการแก้ไขภาคผนวก ๒ ภาคผนวก ๘ และภาคผนวก ๙ ของอนุสัญญาบาเซลฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับขยะพลาสติก (๒) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐ (Designate National Authority : DNA) ด้านสารเคมีอุตสาหกรรม ภายใต้อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ ดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้า (import response) สำหรับสาร hexabromocyclododecane ที่ได้รับการบรรจุเพิ่มเติมในภาคผนวกที่ ๓ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และ (๓) ควบคุมสาร PFOA, its salts and PFOA-related compounds ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๓ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ๑.๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ดำเนินการ (๑) ในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐ ด้านสารเคมีป้องกันจำกัดศัตรูพืชและสัตว์ ภายใต้อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ ดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้าสำหรับสาร phorate เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ และ (๒) ยกระดับการควบคุมสาร dicofol เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ ๔ ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๓ ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดประชุมชี้แจงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
452 | การเข้าร่วม Nitric Acid Climate Action Group (NACAG) Initiative ของประเทศไทย | ทส | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วม Nitric Acid Climate Action Group (NACAG) Initiative เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแสดงเจตจำนงในคราวการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (United Nations Framework Convention on Climate Change, the 25th Session of the Conference of the Parties : UNFCCC COP 25) ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ๑.๒ เห็นชอบปฏิญญาว่าด้วยการลดก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) ในการผลิตกรดไนตริก (Declaration on N2O Mitigation in Nitric Acid production) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามในปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการสนับสนุนวัตถุประสงค์ของข้อริเริ่ม NACAG และความตั้งใจมีส่วนร่วมในการลดก๊าซไนตรัสออกไซต์จากการผลิตกรดไนตริกเพื่อมุ่งสู่การยุติการปล่อยก๊าซดังกล่าวอย่างถาวรให้เร็วที่สุด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรพิจารณาผลกระทบและแนวทางการดำเนินงานในการลดใช้สารเคมีไนโตรเจนทางการเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
453 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายประทีป เจริญพร ฯลฯ) | ทส | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายประทีป เจริญพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการที่ดิน ๒. รองศาสตราจารย์วิโรจ อิ่มพิทักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรดิน ๓. นายธนู มีแสงเงิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปฏิรูปที่ดิน ๔. รองศาสตราจารย์เอกรินทร์ อนุกูลยุทธธน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผังเมือง ๕. นายสันติ บุญประคับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๖. นายมานัส ฉั่วสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๗. นายชนินทร์ ทินนโชติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ๘. รองศาสตราจารย์อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
454 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
455 | ผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 และการดำเนินงานเพื่อผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยที่ประชุมฯ มีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย คือ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด บรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) รวมทั้งมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Referral) กรณีการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก โดยให้ไทยดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวขอบเขตการนำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติที่อาจกระทบเส้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมา และการแก้ไขข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนกลับกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของพื้นที่ดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และการจัดทำเอกสารวิชาการ (Nomination Dossier) แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดโลก ได้แก่ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้ แล้วแต่กรณี รวมถึงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เช่น ควรเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
456 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 15 (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 2 (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย รวมทั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ มีสาระสำคัญครอบคลุมหลักการภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไทยให้ความสำคัญ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพแก่ไทยและประเทศกำลังพัฒนาภายใต้หลักการที่คำนึงถึงขีดความสามารถและสถานการณ์ของประเทศที่แตกต่างกัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน โดยจะมีการรับรองข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีสสมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปผลการประชุมและเผยแพร่ความรู้ภายหลังจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ เสร็จสิ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบท่าทีเจรจาของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
457 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
458 | การเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีโคราชสมัครเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) โดยส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรงการท่องเที่ยงและกีฬา กระทรวงมหาดไทยเสนอ และกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณากำหนดแผนงานรองรับการบริหารจัดการพื้นที่ การดูแลบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อคงความเป็นอุทยานธรณีโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ในอนาคตหากมีดครงการพัฒนาพื้นที่อุทยานธรณีโคราช ซึ่งมีผลกระทบต่อโบราณสถาน ขอให้แจ้งไปยังกระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง และ (๒) ให้จังหวัดนครราชสีมาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
459 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 3 | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๓ รวมทั้งสิ้น ๒๕ คน ประกอบด้วย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยฯ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญามินามาตะฯ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงพลังงาน ผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทสมัยที่ ๓ จะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของอนุสัญญามินามาตะฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่บรรยากาศและการปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศและภูมิภาคด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างท่าทีฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
460 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ บางส่วนในท้องที่ตำบลแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย พ.ศ. .... | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ออกจากพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ ในท้องที่ตำบลแสงภา ตำบลเหล่ากอหก และตำบลนาแห้ว อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๗ เนื้อที่ประมาณ ๑๔ ไร่ ๓ งาน ๔๖ ตารางวา เพื่อจัดตั้งสำนักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธรเป็นวัดป่าเทิดพระเกียรติสิรินธร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดเขตอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ควรมีความสอดคล้องกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นพื้นที่ป่า ผู้ที่เกี่ยวข้องควรประสานงานและหารือกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติในการดำเนินการก่อสร้าง ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับภูมิสังคม ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....