ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายประทีป เจริญพร ฯลฯ) | ทส | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายประทีป เจริญพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการที่ดิน ๒. รองศาสตราจารย์วิโรจ อิ่มพิทักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรดิน ๓. นายธนู มีแสงเงิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปฏิรูปที่ดิน ๔. รองศาสตราจารย์เอกรินทร์ อนุกูลยุทธธน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผังเมือง ๕. นายสันติ บุญประคับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๖. นายมานัส ฉั่วสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๗. นายชนินทร์ ทินนโชติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ๘. รองศาสตราจารย์อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
442 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
443 | ผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 และการดำเนินงานเพื่อผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยที่ประชุมฯ มีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย คือ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด บรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) รวมทั้งมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Referral) กรณีการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก โดยให้ไทยดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวขอบเขตการนำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติที่อาจกระทบเส้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมา และการแก้ไขข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนกลับกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของพื้นที่ดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และการจัดทำเอกสารวิชาการ (Nomination Dossier) แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดโลก ได้แก่ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้ แล้วแต่กรณี รวมถึงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เช่น ควรเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
444 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 15 (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 2 (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย รวมทั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ มีสาระสำคัญครอบคลุมหลักการภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไทยให้ความสำคัญ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพแก่ไทยและประเทศกำลังพัฒนาภายใต้หลักการที่คำนึงถึงขีดความสามารถและสถานการณ์ของประเทศที่แตกต่างกัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน โดยจะมีการรับรองข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีสสมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปผลการประชุมและเผยแพร่ความรู้ภายหลังจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ เสร็จสิ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบท่าทีเจรจาของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
445 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
446 | การเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีโคราชสมัครเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) โดยส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรงการท่องเที่ยงและกีฬา กระทรวงมหาดไทยเสนอ และกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณากำหนดแผนงานรองรับการบริหารจัดการพื้นที่ การดูแลบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อคงความเป็นอุทยานธรณีโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ในอนาคตหากมีดครงการพัฒนาพื้นที่อุทยานธรณีโคราช ซึ่งมีผลกระทบต่อโบราณสถาน ขอให้แจ้งไปยังกระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง และ (๒) ให้จังหวัดนครราชสีมาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
447 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 3 | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๓ รวมทั้งสิ้น ๒๕ คน ประกอบด้วย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยฯ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญามินามาตะฯ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงพลังงาน ผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทสมัยที่ ๓ จะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของอนุสัญญามินามาตะฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่บรรยากาศและการปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศและภูมิภาคด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างท่าทีฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
448 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ บางส่วนในท้องที่ตำบลแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย พ.ศ. .... | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ออกจากพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ ในท้องที่ตำบลแสงภา ตำบลเหล่ากอหก และตำบลนาแห้ว อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๗ เนื้อที่ประมาณ ๑๔ ไร่ ๓ งาน ๔๖ ตารางวา เพื่อจัดตั้งสำนักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธรเป็นวัดป่าเทิดพระเกียรติสิรินธร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดเขตอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ควรมีความสอดคล้องกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นพื้นที่ป่า ผู้ที่เกี่ยวข้องควรประสานงานและหารือกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติในการดำเนินการก่อสร้าง ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับภูมิสังคม ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
449 | กลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก | ทส | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เพื่อเป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานเพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-Use Plastic) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมบูรณาการการดำเนินงานในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการการลดให้ถุงพลาสติก และพิจารณากำหนดแนวทาง วิธีการปฏิบัติสำหรับมาตรการการงดให้ถุงพลาสติก การติดตามผลและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ และภาครัฐควรให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเพื่อผลิตวัสดุทดแทนพลาสติก รวมทั้งการร่วมสร้างจิตสำนึกการลดการใช้ถุงพลาสติกและส่งเสริมพฤติกรรมในการแยกขยะควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในกรณีกิจการการจัดส่งอาหารและสินค้าที่สั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชันด้วย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินมาตรการอื่น ๆ เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกควบคู่ไปกับกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาติกด้วย ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดให้มีมาตรการด้านภาษีเพื่อลดการใช้พลาสติกตั้งแต่ต้นทางการผลิต หรือมาตรการด้านภาษีเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนำพลาสติกมารีไซเคิล (Recycle) ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดแนวทางการนำขยะพลาสติกมาใช้ในการก่อสร้างถนน โดยให้นำรูปแบบโครงการต้นแบบถนนพลาสติกรีไซเคิลตามหลักการ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ “Circular Economy” ของภาคเอกชน มาต่อยอดและปรับใช้กับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคมให้เหมาะสมต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดแนวทางในการลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปริมาณการนำเข้าพลาสติกจากต่างประเทศไปพร้อมกับการลดการใช้พลาสติกภายในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
450 | ร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติ | ทส | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ที่เหมาะสม หยุดยั้งและป้องกันการทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของชาติ ก่อให้เกิดการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นฐานการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน ประกอบด้วยบทบัญญัตินโยบายป่าไม้แห่งชาติ จำนวน ๒๔ ข้อ ครอบคลุม ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) นโยบายด้านการจัดการป่าไม้ (๒) นโยบายด้านการใช้ประโยชน์ผลิตผลและการบริการจากป่าไม้และอุตสาหกรรมป่าไม้ และ (๓) นโยบายด้านการพัฒนาระบบบริหารและองค์กรเกี่ยวกับการป่าไม้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้มีการบูรณาการในการอนุญาตการเข้าใช้พื้นที่ร่วมกันระหว่างกรมป่าไม้และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นกระบวนการเดียวกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
451 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
452 | รายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism: JCM) | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) ครั้งที่ ๕ ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ รวม ๒๘ โครงการ (โครงการประเภทการผลิตพลังงานหมุนเวียน ๑๐ โครงการ และโครงการประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ๑๘ โครงการ) มูลค่ากว่า ๒ พันล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๖ พันล้านบาท โดยผู้รับทุนเป็นบริษัทเอกชนไทย ๒๖ บริษัท และรัฐวิสาหกิจ ๑ แห่ง คือ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ๒. สถานภาพการดำเนินโครงการ ปัจจุบันโครงการต้นแบบ JCM ๒๘ โครงการ ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ๕ โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๕,๔๑๕ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และมีโครงการที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้ว ๑ โครงการ คือ โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองเท่ากับ ๓๐๐ ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
453 | การรับรองร่างปฏิญญาความร่วมมือด้านการป่าไม้เพื่อความผาสุกและความเจริญมั่งคั่ง | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาความร่วมมือด้านการป่าไม้เพื่อความผาสุกและความเจริญมั่งคั่ง (Declaration on Forest Cooperation for Peace and Prosperity) มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและให้คำมั่นระหว่างกันว่าจะร่วมมือกันในการดำเนินการด้านการป่าไม้ของอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี เช่น (๑) เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน (๒) สนับสนุนการป้องกันพิบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับป่าไม้ และ (๓) สนับสนุนโครงการความร่วมมือด้านการป่าไม้สำหรับแนวชายแดนพื้นที่รอยต่อ เป็นต้น โดยร่างปฏิญญาฯ จะต้องได้รับการรับรองในการประชุม The ASEAN-Republic of Korea (ROK) High-Level Meeting on Forestry 2019 ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
454 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก | ทส | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
455 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) ๑.๒ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย) ๑.๓ คณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ฝ่ายไทย ๑.๔ คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
456 | สรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 | ทส | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน และได้มอบนโยบายการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๒ แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อำนวยการสั่งการ (Single command) โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามสถานการณ์และบูรณาการสั่งการป้องกันและควบคุมการเผาในจังหวัดอย่างเคร่งครัด จัดระเบียบการเผาอย่างเป็นระบบ สนับสนุนการลาดตระเวนและดับไฟ กวดขันไม่ให้มีการเผาพื้นที่ริมทางหลวงโดยเด็ดขาด เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันปัญหาหมอกควันภาคเหนือของ ๙ จังหวัดภาคเหนือ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณจังหวัดละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น ในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้เสนอตั้งงบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้รับจัดสรรค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา จึงเห็นควรให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการด้านการเผาและลดหมอกควันเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มฤดูแล้ง ตามความจำเป็น เหมาะสม ในโอกาสแรก หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขอรับการจัดสรรเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน และเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหักงบประมาณที่ได้รับในโครงการหรือรายการที่มีวัตถุประสงค์ลักษณะเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากมีกรณีที่เกิดภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควันขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด และควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในทุกกลุ่มเป้าหมาย สร้างเครือข่ายภาคีในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มศักยภาพของภาคีให้มีความเข้มแข็งในการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
457 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 15/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 15th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๘-๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศไทยได้กล่าวถ้อยแถลงพร้อมให้ความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสำคัญของภูมิภาค อาทิ การจัดการขยะทะเล โดยประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ๔๓ แห่ง งดการแจกถุงพลาสติกให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้ความสำคัญต่อการเร่งเสริมสร้างภูมิต้านทานผ่านมาตรการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ประเทศไทยร่วมรับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียนแห่งใหม่ จำนวน ๕ แห่ง เป็นอุทยานมรดกอาเซียน ได้แก่ ลำดับที่ ๔๕ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และลำดับที่ ๔๖ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ของประเทศไทย ลำดับที่ ๔๗ อุทยานแห่งชาติ Lo Go-Xa Mat และลำดับที่ ๔๘ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Ngoc Linh ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และลำดับที่ ๔๙ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Htamanthi ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๓. ที่ประชุมเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ ซึ่งยกร่างและเสนอโดยประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน และจะมีการเสนอร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนดังกล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาให้การรับรองต่อไป ๔. ประเทศไทยรายงานให้ที่ประชุมทราบถึงข้อริเริ่มของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยได้ยกร่างและพัฒนาเอกสาร ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และกรอบปฏิบัติการอาเซียนวาด้วยขยะทะเล โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ได้ให้การรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ และรับทราบกรอบปฏิบัติการอาเซียนฯ และ (๒) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุม Climate Action Summit 2019 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียนต่อการประชุมดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
458 | ขออนุมัติโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | ทส | 15/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี ๒๕๖๒ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในกรอบวงเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจและตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย และให้พิจารณาดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานเป็นลำดับแรก สำหรับกรณีนอกเขตพื้นที่ประสบภัยที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย นั้น ให้กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจพื้นที่โดยคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายการจัดตั้งหน่วยงาน รวมถึงบูรณาการเป้าหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่เกษตรกรจะได้รับ และเสนอแผนงานโครงการต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาก่อนและนำเสนอคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
459 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ และคณะ) | ทส | 07/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพุฒิพงศ์ สุรพฤกษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายเฉลิมชัย ปาปะทา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสุรชัย อจลบุญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
460 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคี กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 | ทส | 01/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change) สำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (United Nations Framework Convention on Climate Change, the 25th Session of the Conference of the Parties : UNFCCC COP 25) โดยร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ (๑) เน้นย้ำความมุ่งมั่นของรัฐภาคีต่อกรอบอนุสัญญาฯ ภายใต้การดำเนินการที่ผ่านมาในด้านต่าง ๆ ของภูมิภาคอาเซียน (๒) เน้นย้ำผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากรายงานการประเมินและรายงานพิเศษของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเรียกร้องให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามการประกาศการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (๓) ยินดีต่อข้อตัดสินใจที่รับรองในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๒๔ และที่ประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑ ที่เมืองคาโตวิเซ สาธารณรัฐโปแลนด์ และเรียกร้องให้เร่งดำเนินการเพื่อหาข้อยุติในการเจรจาในประเด็นสำคัญที่กำหนดให้มีข้อสรุปภายในปีนี้ (๔) ตระหนักถึงความสำคัญของการยกระดับการดำเนินงานก่อนปี ๒๕๖๓ และข้อกำหนดกลไกการดำเนินงานของรัฐภาคีประเทศพัฒนาแล้ว (๕) เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการเสริมสร้างการสนับสนุนประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (๖) เน้นย้ำความจำเป็นของการสนับสนุนและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนด้านการพัฒนาและถ่ายทอดทางเทคโนโลยีและการเสริมสร้างศักยภาพต่อประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมเห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๕ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในวันที่ ๗-๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ และมอบหมายให้รัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรอง (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ ๑.๓ มอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายนำเสนอ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ต่อที่ประชุม UNFCCC COP 25 ในวันที่ ๒-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ตามความเหมาะสมในฐานะที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปี ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
.....