ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 25 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 481 - 500 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
481 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | ทส | 04/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุม คทช. ได้รับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) รับทราบผลการดำเนินงานตามมติ คทช. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ (๒) รับทราบความคืบหน้าการเสนอร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (๓) รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง รายงานผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) (๔) รับทราบการดำเนินงานในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คทช. (๕) เห็นชอบการดำเนินโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔ โครงการ และ (๖) เห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และคำสั่งคณะอนุกรรมการฯ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
482 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ | ทส | 28/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางสาวบัณฑรโฉม แก้วสะอาด และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
483 | รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) | ทส | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการ JCM Model Project รวม ๒๖ โครงการ มูลค่ามากกว่า ๒ พันล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๖ พันล้านบาท มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้ ๑๒๙,๙๕๘ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ๒. การประชุมคณะกรรมการร่วมกลไกเครดิตร่วม จำนวน ๔ ครั้ง โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแบบฟอร์มต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำเนินงานภายใต้กลไกเครดิตร่วม การรับรองระเบียบวิธีการคำนวณปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก ๗ วิธี ขึ้นทะเบียนโครงการ ๔ โครงการ และการรับรองคาร์บอนเครดิต ๑ โครงการ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมการร่วมกลไกเครดิตร่วมได้มีมติเห็นชอบการขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินโครงการทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มอีก ๑ ราย ๓. การจัดงานอบรม/สัมมนาร่วมกับหน่วยงานของประเทศญี่ปุ่น รวม ๑๓ ครั้ง มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด ๙๙๓ คน และมีการเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการที่จะขอขึ้นทะเบียนโครงการ JCM จำนวน ๑๕ โครงการ รวมทั้งเยี่ยมชมโครงการซึ่งเริ่มดำเนินการแล้ว จำนวน ๑๖ โครงการ ๔. แผนการดำเนินการในระยะต่อไป ได้แก่ (๑) การเสนอคณะกรรมการร่วมกลไกเครดิตร่วมพิจารณาคำขอทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย การรับรองร่างระเบียบวิธีการลดก๊าซเรือนกระจก ๓ วิธี และการขึ้นทะเบียนโครงการ ๑ โครงการ คือ Introduction of 3.4 MW Rooftop Solar Power System to Air-conditioning Parts Factories (๒) การให้ความเห็นร่างระเบียบวิธีการคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจก ๓ วิธี และ (๓) การให้ความเห็นเอกสารประกอบการขอขึ้นทะเบียนโครงการ ๖ โครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
484 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) | ทส | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และโอนบรรดาอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของส่วนราชการบางส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปเป็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะต้องไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณจากที่มีอยู่เดิม โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและความประหยัดในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารภาครัฐตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด และในส่วนของอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินในภาพรวมของประเทศ ควรมีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานให้ชัดเจนด้วย เพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหา และอุปสรรคได้รับการแก้ไขปรับปรุงได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
485 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ โดยเพิ่มเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้การกำหนดนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศครอบคลุมในมิติสาขาการจัดการน้ำ และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนไปตามกฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
486 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. .... | ทส | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและบทบาทหน้าที่การดำเนินงานขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ได้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขร่างมาตรา ๖ (๓) เป็น “ให้องค์การสวนสัตว์กู้ยืมเงิน ซึ่งถ้าเป็นจำนวนเงินเกินกว่า ๕๐ ล้านบาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน” แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้องค์การสวนสัตว์พิจารณาประเด็นข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแต่ละประเภทอย่างรอบคอบ และควรจัดเตรียมแผนธุรกิจรองรับการรวมกิจการกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้ชัดเจน โดยหาแนวทางในการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย เพื่อให้องค์การสวนสัตว์สามารถบริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต สำหรับการขยายวงเงินกู้ยืมควรดำเนินการตามหลักการของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
487 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 2 และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท | ทส | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญานิมามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สมาพันธรัฐสวิส และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท โดยที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณาและมีมติเห็นชอบและรับรองประเด็นต่าง ๆ เช่น การให้ภาคีจัดส่งแหล่งกำเนิดที่ปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทเป็นผู้รวบรวม การจัดทำร่างรายการกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลต่อการปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำภายในประเทศ เพื่อใช้เป็นมาตรการในการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินการของกลไกทางการเงิน การคงความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกและองค์การแรงงานระหว่างประเทศด้านสุขภาพต่อไป และการจัดส่งข้อมูลการปลดปล่อยปรอทจากกิจกรรมการเผาในที่โล่งให้กับสำนักเลขาธิการฯ เป็นต้น โดยในส่วนของไทยมีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดำเนินการ ได้แก่ (๑) การออกกฎหมายระดับอนุบัญญัติที่เหลือตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ (๒) การนำแนวทางการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่ของเสียปรอทมาปรับใช้ในทางปฏิบัติสำหรับไทย และ (๓) การติดตามความคืบหน้าของการจัดทำแนวทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลดปล่อยปรอทสู่สิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ควรให้ความสำคัญทั้งในด้านการผลิต การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักของผู้บริโภค รวมทั้งการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องดำเนินการและขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทยดำเนินงานร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพันธกรณีของอนุสัญญานิมามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินการภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
488 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24 (COP 24) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 14 (CMP 14) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1.3 (CMA 1.3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองคาโตวีเซ สาธารณรัฐโปแลนด์ | ทส | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๔ (COP 24) การประชุมรัฐสภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๔ (CMP 14) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑.๓ (CMA 1.3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองคาโตวีเซ สาธารณรัฐโปแลนด์ โดยมีรัฐมนตรีการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ระหว่างวันที่ ๒-๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานของประชาคมโลกภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งในประเด็นภายใต้พิธีสารเกียวโต ประเด็นด้านเทคนิค ด้านการดำเนินงาน และการมีผลใช้บังคับของความตกลงปารีส และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้สอดคล้องกับผลการประชุมในประเด็นต่าง ๆ และรายงานความคืบหน้าให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะดำเนินการร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว หากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
489 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตราย และการกำจัด สมัยที่ 14 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 9 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 9 | ทส | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๔ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๙ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๙ รวมทั้งสิ้น ๒๑ คน ประกอบด้วย (๑) อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ หัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ประธานในคณะอนุกรรมการอนุสัญญาบาเซลฯ และอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (๓) ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ (๔) ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (๕) ผู้แทนกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๖) ผู้แทนกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (๗) ผู้แทนศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (๘) ผู้แทนกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและผู้แทนกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑.๒ เห็นชอบท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๔ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๙ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๙ ระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีสาระสำคัญคือ สนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายทั้ง ๓ อนุสัญญาดังกล่าวในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศด้านการจัดการของเสียอันตรายและสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร โดยผ่านการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคีต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการร่วมกันในการดำเนินงานตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องที่ไทยเป็นภาคีและข้อตกลงที่สอดคล้องกับศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศ ๑.๓ หากมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขท่าทีของไทยดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ขอให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมฯ ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
490 | (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573 | ทส | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ เพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศ สำหรับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติกแบบบูรณาการของหน่วยงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม (ร่าง) Roadmap โดยตั้งเป้าหมายในการลดและเลิกใช้พลาสติกบางประเภทภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เช่น พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเลิกใช้พลาสติกประเภทถุงพลาสติกหูหิ้ว กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติก (แบบบางใช้ครั้งเดียว) และหลอดพลาสติก ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมทั้งมีการกำหนดหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานตาม (ร่าง) Roadmap ในทุกภาคส่วน และกำหนดกลไกต่าง ๆ ในการขับเคลื่อน เช่น สร้างความรู้ ความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือการดำเนินงานรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง (ร่าง) Roadmap และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๗๓ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ] ก่อนเสนอไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และข้อเสนอแนะของกระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น (๑) ควรให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ การเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสำหรับโครงการที่มีการลงทุนสูงให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) หากจะให้ (ร่าง) Roadmap มีความสอดคล้องกับทิศทางของการหารือในเวทีระหว่างประเทศและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอาจพิจารณาเพิ่มมิติของการบริหารจัดการขยะด้วย (๓) ให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ การเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสำหรับโครงการที่มีการลงทุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ (๔) มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำ/ปรับปรุงแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตาม (ร่าง) Roadmap และให้นำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
491 | การเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ ภายใต้ชื่อ The Ancient Town of Si Thep เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๒ เห็นชอบเอกสารนำเสนอกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด ภายใต้ชื่อ Ensemble of Phanom Rung, Muang Tam and Plai Bat Sanctuaries เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๓ เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในหนังสือถึงศูนย์มรดกโลกเพื่อนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๔ รับทราบการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอแห่งมรดกทางวัฒนธรรม และแหล่งมรดกทางธรรมชาติ เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
492 | การขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 ออกไปอีก 2 ปี | ทส | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดอายุการใช้บังคับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
493 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ (จำนวน 26 คน) | ทส | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบรวม ๒๖ คน ประกอบด้วย คณะที่ปรึกษา จำนวน ๔ คน คณะกรรมการ จำนวน ๒๒ คน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ แนวทางในการใช้ประโยชน์ การบริหารจัดการถ้ำ และแนวทางในการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่น และบูรณาการการบริหารจัดการการท่องเที่ยวถ้ำ โดยมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ควรพิจารณาถึงความจำเป็น เหมาะสม รวมทั้งรูปแบบการบริหารและดำเนินการในภาพรวม เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการงานเรื่องดังกล่าว และไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในภาพรวม (๒) การสำรวจ ศึกษา วิจัย จัดทำข้อมูลและประเมินศักยภาพถ้ำ ควรจะต้องมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในการดำเนินการควรคำนึงถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๓) หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เช่น ค่าเบี้ยประชุม ควรกำหนดให้ได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
494 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | ทส | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๐ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอม จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ส่วนช่องนนทรี-สาทร) ของสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (๒) โครงการทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ สายร้องกวาง-น่าน ตอนที่ ๒ ของกรมทางหลวง (๓) โครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑-ถนนกาญจนาภิเษก จังหวัดนนทบุรี (๔) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเชียงใหม่ (หนองหอย) ของการเคหะแห่งชาติ (๕) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ประชานิเวศน์ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๖) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาวและหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด ๒. เรื่องอื่น ๆ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๔ (๒) สรุปผผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (๓) การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และ (๔) ผลการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
495 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
496 | สรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 25 (The 25th Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๕ (The 25th Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ เมืองฮาลอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีอุปทูต ณ กรุงฮานอย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือและกำหนดนโยบายความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน การบริหารองค์กรของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และกำหนดแนวทางความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา หุ้นส่วนการพัฒนาและองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๒ ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประกอบด้วย รายรับ ๑๕.๘๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากเงินอุดหนุนของประเทศสมาชิกและอื่น ๆ) และรายจ่าย ๑๕.๘๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินกิจกรรมหลัก เช่น การศึกษาวิจัย การจัดทำกลยุทธ์ และการจัดทำแนวปฏิบัติการดำเนินงาน เป็นต้น และขอให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงปรับปรุงขอบเขตกิจกรรมโครงการตามความเห็นของประเทศสมาชิก เช่น การพัฒนาศูนย์บริหารจัดการและบรรเทาน้ำท่วม การริเริ่มกิจกรรมพยากรณ์น้ำท่วมในแม่น้ำสาขา การจัดทำคำแนะนำสำหรับการออกแบบระบบชลประทานที่เป็นมิตรต่อการประมง และการพัฒนานักวิชาการรุ่นเยาว์ของประเทศสมาชิก เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามปฏิญญาเสียมราฐ ๒๕๖๑ ที่สำคัญ เช่น การระบุโอกาสในการพัฒนาและความท้าทายของลุ่มแม่น้ำโขงผ่านการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำและโครงการร่วมระหว่างประเทศสมาชิก การเพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและองค์กรความร่วมมือในภูมิภาค และการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนกับองค์กรภาคเอกชน เป็นต้น รวมทั้งรับทราบสาระสำคัญและข้อเสนอจากการจัดทำกลยุทธ์การพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ได้แก่ การวางแผนร่วมและโครงข่ายเชื่อมโยงด้านพลังงานจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้น และการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำควรดำเนินการควบคู่กับพลังงานแหล่งอื่น ๆ ซึ่งมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการพัฒนาและบริหารโครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
497 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย | ทส | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Statement of ASEAN Ministers Responsible for CITES and Wildlife Enforcement on Illegal Wildlife Trade) และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและมุ่งเน้นความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมายอย่างมีแบบแผนและมีทิศทางที่แน่นอน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
498 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นางฤชุกร สิริโยธิน) | ทส | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางฤชุกร สิริโยธิน เป็นกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
499 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2561 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ การคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ แบ่งออกเป็น (๑) มาตรการระยะสั้น (ควรดำเนินการในช่วง ๑-๒ ปี) ได้แก่ การพัฒนาระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อม การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองพื้นที่ที่มีความสำคัญหรือมีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม และ (๒) มาตรการระยะยาว (ควรดำเนินการในช่วง ๓-๑๐ ปี) ได้แก่ การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การป้องกันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินศักยภาพการรองรับของพื้นที่ การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนากลไกความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ การสำนึกรักและหวงแหน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ การพิจารณาถึงความกลมกลืนและผลกระทบเชิงลบต่อเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และการลดทอนคุณค่าของแหล่งศิลปกรรมโดยปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
500 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 4 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๔ (The fourth session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 4) มีสาระสำคัญเป็นเอกสารที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมกันหาแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรมการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้ยั่งยืน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดมลพิษ ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย (เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำ UN ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา) ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม UNEA 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
.....