ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 88 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1741 - 1760 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1741 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 31/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๑๙ ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่ไม่ได้ดำเนินการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน รวมทั้งผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ [เรื่อง ขออนุมัติโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (เพิ่มเติมครั้งที่ ๒)] เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดวงเงินค่าก่อสร้างโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน ณ โครงการพัฒนาที่ดิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๓ รายการ ที่ลงนามในสัญญาจ้างเกินกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติจัดสรร จำนวน ๖,๖๙๙,๓๕๓.๐๗ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินโครงการโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีภายใน ๔๕ วัน ๒. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) ได้รับการผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับการดำเนินการและการเบิกจ่ายเงินกู้เกินกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติของโครงการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเครือข่ายทุกระดับ รายการอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ ๔ ชั้น โรงพยาบาลชุมแพ จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๒๗,๑๖๖,๕๑๗.๒๖ บาท ๓. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ ๓ เดือนแรก รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงกรณีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนราชการกระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และรายงานผลการตรวจสอบสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายเงินเกินกรอบระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีของส่วนราชการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1742 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นางน้ำผึ้ง วงศ์สมิทธิ์) | กค | 31/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางน้ำผึ้ง วงศ์สมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทน นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1743 | การชำระคืนเงินต้นและต้นทุนเงินตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคาร ออมสิน และธนาคารกรุงไทย | กค | 24/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย) ในส่วนของแหล่งเงินและการขอชำระคืนเงินต้นและต้นทุนเงินให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยให้ทั้ง ๓ ธนาคารเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว แทนการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ภายในกรอบวงเงิน ๖,๕๔๐ ล้านบาท พร้อมชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+๑ คืนให้แก่ธนาคารดังกล่าว ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมตามผลการโอนเงินให้แก่เกษตรกรที่เกิดขึ้นจริงและตรวจสอบความซ้ำซ้อนของผู้เข้าร่วมโครงการตามมาตรการดังกล่าวก่อนการขอรับการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยให้ทันภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ทั้งนี้ หากกระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องเกี่ยวกับการขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อคณะรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป ให้กระทรวงการคลังปฏิบัติตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1744 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 24/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจในการกระทำกิจการของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่ได้มีการยกเลิกทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรเพิ่มเติมหลักการในการแก้ไขพระราชบัญญัติฯ ในครั้งนี้ โดยให้ตัดรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยออกจากองค์ประกอบของคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการปรับปรุงกฎหมายจัดตั้งในส่วนกรรมการโดยตำแหน่งที่ขัดหลักธรรมาภิบาลที่ดี กล่าวคือ กรรมการโดยตำแหน่งต้องไม่เป็นผู้กำกับดูแลรายสาขา (regulator) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งออกกฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อสร้างความชัดเจนในทางปฏิบัติแก่ผู้ส่งออก ผู้ลงทุน ธนาคารของผู้ส่งออกหรือของผู้ลงทุน รวมถึงสถาบันทางการเงินอื่น ๆ ที่จะทำธุรกรรมด้านการประกันกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1745 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ | กค | 24/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการวม ๒ ฉบับ ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยปรับปรุงจำนวนการหักรายจ่ายจาก ๒ เท่าเหลือ ๑.๕ เท่าเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังมากเกินไป ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๐๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ในส่วนของการกำหนดนิยามของเครื่องจักรให้มีความสอดคล้องกัน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการจัดทำประมาณการและรวบรวมผลกระทบจากการดำเนินการตามมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่มีผลต่อรายได้ภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาที่มีเงื่อนเวลาการใช้บังคับ) โดยเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1746 | มาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2560 | กค | 24/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการของสถาบันการเงินของรัฐ ๙ แห่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ปี ๒๕๖๐ โดยธนาคารออมสิน ๒. มาตรการพักชำระหนี้หรือเลื่อนกำหนดชำระหนี้ และมาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๓. โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๖๐ โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ ๔. การพักชำระหนี้ เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และวงเงินสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูกิจการ โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ๕. มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรง ได้แก่ การขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน การพักชำระหนี้เงินต้น และการปล่อยวงเงินสินเชื่อเพื่อซื้อและซ่อมแซมเครื่องจักรและอาคาร และมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ การขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ๖. มาตรการให้ความช่วยเหลือโดยการพักชำระหนี้เฉพาะเงินต้นและให้ชำระเฉพาะกำไรอย่างเดียว โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ๗. มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้กับลูกค้าบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ๘. มาตรการพักชำระหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓ เดือน หรือลดอัตราดอกเบี้ย โดยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ๙. มาตรการให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ประสบอุทกภัย โดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1747 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 4/2559 | กค | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ประกอบด้วย (๑) การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๗ แห่ง (๒) การจัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจระยะเวลา ๕ ปี (๓) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างภาครัฐ (Multi-Stakeholder Group) สำหรับโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) (คณะอนุกรรมการ MSG) (๔) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเตรียมการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ (๕) การกำหนดทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญของกรรมการรัฐวิสาหกิจ (Skill Matrix) (๖) การพิจารณาขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินของรัฐวิสาหกิจ (๗) การศึกษาค่าตอบแทนของรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ และ (๘) การพิจารณาโครงการลงทุนและการขออนุมัติงบประมาณหรือเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติ คนร. ดังกล่าวต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในฐานะฝ่ายเลขานุการ คนร. เสนอ โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในฐานะฝ่ายเลขานุการ คนร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องกรอบระยะเวลา เป้าหมายในการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้ชัดเจน และการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้การแก้ปัญหาของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ คนร. กำหนดไว้ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ส่วนราชการกำกับให้รัฐวิสาหกิจในสังกัดพิจารณาดำเนินการริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิรูปการทำงานต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1748 | การให้สัตยาบันพิธีสาร 7 ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพิธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านแดน (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอพิธีสาร ๗ ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพิธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1749 | การแก้ไขสัญญาการบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ | กค | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขสัญญาการบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ตามความเห็นของคณะกรรมการกำกับดูแลการบริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาการบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฉบับลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรมการกฤษฎีกา และข้อชี้แจงเพิ่มเติมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความจำเป็นและเหมาะสม การแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังนำข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่า โครงการนี้อาจอยู่นอกขอบเขตและวัตถุประสงค์ของสัญญาเดิมที่ไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เรื่อง ลักษณะการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้นำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาการบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ฉบับสมบูรณ์) ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะมีการลงนามต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1750 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบอุทกภัยในภาคใต้) | กค | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ในช่วงปลายปี ๒๕๕๙ ต่อเนื่องจนถึงปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1751 | มาตรการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกและร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) | กค | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำเร็จรูป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ตัดเนื้อความในข้อ ๒ ของร่างประกาศออก เพื่อให้เป็นไปตามแบบของการร่างกฎหมาย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งประกอบด้วย มาตรการทางภาษี มาตรการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ มาตรการยกระดับฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และมาตรการทางการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการทางภาษีเกี่ยวกับการให้ผู้ประกอบการหักรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของรายจ่ายประเภทเงินเดือนและค่าจ้างของแรงงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาจัดทำและพัฒนามาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอย่างกว้างขวาง รวมถึงกำหนดตราสัญลักษณ์กลางที่ใช้รับประกันคุณภาพ (Hallmarking) สำหรับสินค้าในหมวดเครื่องประดับ ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พิจารณากำหนดมาตรการเพื่อพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตจากผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย การจัดตั้งโรงเรียนเฉพาะทางเพื่อส่งเสริมและพัฒนาช่างศิลป์ และการพัฒนาทายาทช่างฝีมือเพื่ออนุรักษ์การผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ๒.๔ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ธนาคารออมสิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามมาตรการทางการเงินในการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสำหรับผู้ประกอบกิจการ SMEs ดังกล่าวต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดมาตรการประชาสัมพันธ์สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่มีคุณภาพของไทย การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในย่านการค้าที่สำคัญ รวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้าที่มีคุณภาพให้แก่นักท่องเที่ยว ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการพิจารณาการให้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำเร็จรูปให้มีความรอบด้าน รอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยคำนึงถึงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ผลิตอัญมณีไทยรายย่อย และให้มีการดำเนินการจัดทำรายละเอียดมาตรฐานฝีมือแรงงานและการจดทะเบียนช่างเครื่องประดับให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีตามข้อเสนอเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเกิดความเป็นธรรม รวมทั้งควรเร่งการผลิตช่างฝีมือให้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมด้วย และควรพิจารณาเพิ่มเติมการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านการบริหารจัดการและทางด้านการตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อให้การถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการไทย ตลอดจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำและพัฒนามาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับและกำหนดตราสัญลักษณ์กลางที่ใช้ในการรับประกันคุณภาพ และการพิจารณากำหนดมาตรการประชาสัมพันธ์สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำเร็จรูปให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเชื่อมั่นต่อสินค้าอัญมณีไทยให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1752 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเงินทุน และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการต่อยอดพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และเพื่อให้กระบวนการส่งเสริมและพัฒนาของหน่วยงานภาครัฐ เอกชนที่ได้ดำเนินการพัฒนาธุรกิจ และผู้ประกอบการเกิดผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนที่เห็นว่า กองทุนเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ควรตั้งอยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และในระยะต่อไปควรตราเป็นกฎหมายเฉพาะ เพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนเกิดประสิทธิภาพและยั่งยืน ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดกรอบหลักเกณฑ์การให้เงินสนับสนุนจากกองทุนให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานของรัฐอื่นหรือทุนหมุนเวียนอื่น รวมทั้งเตรียมความพร้อมและจัดทำระเบียบการบริหารกองทุนให้เป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้สามารถบริหารเงินกองทุนได้ทันทีกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... และประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว นอกจากนี้ ควรกำหนดคุณสมบัติของผู้ได้รับการช่วยเหลือให้มีความชัดเจนตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานของรัฐและทุนหมุนเวียนอื่น พร้อมทั้งให้มีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายทุนหมุนเวียนได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1753 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 10/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเห็นว่า ขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตทั้งเรื่องการออกประกาศในเรื่องที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ และกรอบระยะเวลาในการออกประกาศอันเป็นกฎหมายลำดับรองเพื่อให้การใช้บังคับกฎหมายเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย สำหรับมาตรการส่งเสริมให้สมาชิกขนาดเล็กหรือสมาชิกที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ในการพัฒนาแบบจำลองด้านเครดิตได้นั้น คณะกรรมการฯ มีแนวทางที่จะเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำ Credit Scoring ในเว็บไซต์ของคณะกรรมการฯ ต่อไป ส่วนการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการออกประกาศอันเป็นกฎหมายลำดับรองนั้น ธปท. ได้มีการกำหนดระยะเวลาในการออกประกาศไว้แล้วคือ ภายใน ๑๘๐ วันนับแต่พระราชบัญญัติมีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1754 | แนวทางการดำเนินงานโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) | กค | 10/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST Committee) ประกอบด้วยผู้แทนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและกลไกอื่นในการเสริมสร้างความโปร่งใสในการก่อสร้างของหน่วยงานของรัฐ ๑.๒ กรอบแนวทางการดำเนินงานโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency Initiative : CoST) ประกอบด้วยการพิจารณาคัดเลือกโครงการ การเปิดเผยข้อมูลโครงการ ช่องทางการเปิดเผยข้อมูล คณะทำงานตรวจสอบข้อมูล (Assurance Team) และการประเมินผล ๒. สำหรับงบประมาณดำเนินการ ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพัฒนาความรู้ให้กับผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินการโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) สู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST Committee) ที่มาจากทุกภาคส่วนควรกำหนดให้เหมาะสมและไม่ขัดกับหลักความมีส่วนได้เสีย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST Committee) ดำเนินการ ๓.๑ พิจารณาดำเนินการตามแนวทางการดำเนินงานโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) ในลักษณะเชิงรุกเพื่อมุ่งเน้นการป้องกันการทุจริต เช่น การซักซ้อมความเข้าใจที่ถูกต้องแก่หน่วยงานผู้รับผิดชอบก่อนการดำเนินโครงการ เพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนในภายหลังซึ่งอาจส่งผลให้โครงการเกิดความล่าช้าได้ ๓.๒ ประสานการดำเนินการกับคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการในปัจจุบันเพื่อให้มีความเข้าใจที่สอดคล้องตรงกันเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานตามโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) รวมทั้งเพื่อพัฒนามาตรฐานในการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐให้มีความเหมาะสม ๓.๓ ประสานการดำเนินการกับคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (Anti-Corruption Committee) เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) และระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ให้ประชาชนเข้าใจในรายละเอียดของการดำเนินการดังกล่าว ๓.๔ รายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติทราบทุก ๆ ๓ เดือน เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการในภาพรวมให้เป็นไปตามนโยบายการต่อต้านการทุจริตต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1755 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 10/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติอุทกภัย สำหรับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ที่จะต้องยื่นในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ โดยให้นำไปยื่นภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สามารถนำจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจากสิทธิการหักรายจ่ายตามปกติอีกเป็นจำนวนร้อยละห้าสิบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้รับเงินบริจาคหรือทรัพย์สินแล้ว จะต้องเร่งดำเนินการให้เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ในโอกาสแรกด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1756 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2558 | กค | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมข้อสังเกต และข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ณ สิ้นปีบัญชี ๒๕๕๘ รัฐวิสาหกิจในระบบประเมินผลฯ มีสินทรัพย์รวม ๑๓.๗๔ ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๗ ร้อยละ ๑.๘๘ ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสาขาสถาบันการเงินที่มีการเร่งปล่อยสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐ และดำเนินการขยายสินเชื่อตามแผนกลยุทธ์ของธนาคาร รัฐวิสาหกิจสาขาที่มีกำไรสุทธิมากที่สุด คือ สาขาพลังงาน รองลงมา คือ สาขาสถาบันการเงิน และสาธารณูปการ โดยรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ๒. ระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย ๒ ระบบ ได้แก่ ระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ เป็นการประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบาย การดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และการบริหารจัดการองค์กร และระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ เป็นการประเมินตามกรอบการบริหารจัดการที่บูรณาการองค์ประกอบสำคัญต่าง ๆ เช่น การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด และการมุ่งเน้นบุคลากร เป็นต้น ๓. ในปี ๒๕๕๘ มีรัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานเข้าข่ายต้องเร่งฟื้นฟูกิจการ จำนวน ๗ แห่ง ประกอบด้วย (๑) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (๒) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (๓) การรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (๕) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (๖) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และ (๗) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ๔. คณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลฯ ในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น การใช้ข้อมูลสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนในการบริหารโครงการของรัฐวิสาหกิจ การบริหารจัดการด้านการตลาดเชิงรุกเพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ และการสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อให้มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1757 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทางศุลกากรด้วยระบบเอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า สัมภาระและหีบห่อสินค้าของผู้เดินทางรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) วงเงิน ๑,๓๑๘.๐๐ ล้านบาท ของกรมศุลกากร ทั้งนี้ ในกรณีโครงการต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการอีกครั้ง ในขั้นตอนการอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการติดตั้งระบบ X-Ray ของกรมศุลกากร ขอให้ปฏิบัติตามมาตรฐานและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงเรื่อง กำหนดเงื่อนไข วิธีการขอรับใบอนุญาต และการดำเนินการเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุต้นกำลัง วัสดุพลอยได้ หรือพลังงานปรมาณู โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดกรมศุลกากรควรเป็นผู้รับผิดชอบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวม รวมทั้งพิจารณาถึงการใช้วงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหลืออยู่ด้วยว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่เพียงใด และนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1758 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2559 | กค | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงเกี่ยวกับผลการกู้เงินดังกล่าว จำนวน ๒ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) จำนวน ๗,๙๐๐ ล้านบาท อายุ ๓ ปี อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR 6M) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยลบส่วนต่าง (Spread) ร้อยละ ๐.๑๐๖๔๙ ต่อปี ๒. ออก R-Bill จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๓๖๔ วัน อัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยร้อยละ ๑.๕๐๗๑๙ ต่อปี ประมูลในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1759 | การบริจาคเงินในการเพิ่มทุนของสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ ครั้งที่ 18 ของธนาคารโลก | กค | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้บริจาคเงินเพิ่มทุนในสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (International Development Association : IDA) ครั้งที่ ๑๘ เป็นเงินบาทจำนวน ๑๕๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามใน Instrument of Commitment (IOC) ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในตั๋วสัญญาใช้เงินคลัง (Promissory Notes) ประเภทจ่ายเงินเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ย จำนวน ๓ ฉบับ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินการ ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมภายใต้กรอบวงเงินและแผนการชำระเงินบริจาคที่คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1760 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 | กค | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วย หนี้รัฐบาล หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ มียอดหนี้สาธารณะคงค้าง ๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖ ล้านบาท และ ๕,๙๘๘,๓๘๖.๕๓ ล้านบาท ตามลำดับ ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๓ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๕๔๕,๖๐๐.๐๔ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑,๓๔๓,๐๘๕.๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๙๐ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของรัฐวิสาหกิจ คือ การกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการ โดยจากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖ แห่ง พบว่า มีรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓ แห่ง ที่มีการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผนฯ ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และการเคหะแห่งชาติ
|
.....