ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 50 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 981 - 1000 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 981 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐
แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ
๗ (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี
ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ภายหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สิ้นสุดลง
ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
โดยการขยายฐานภาษีให้มีความครอบคลุมมากขึ้น
รวมทั้งเริ่มทยอยปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๘๐
ของประมวลรัษฎากร
เมื่อระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศกลับสู่ภาวะปกติก่อนการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในปี ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 982 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวกุลยา ตันติเตมิท) | กค. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เนื่องจากครบกำหนดเวลา ๒ ปี
ที่ออกจากราชการเพื่อไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 983 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan พลัส
ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม เพื่อให้ SMEs
สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความต้องการ
โดยภาระงบประมาณสำหรับการชดเชยความเสียหายในอัตราไม่เกินร้อยละ ๑๖
ของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๙,๑๒๐ ล้านบาท นั้น
เห็นควรให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
ทั้งนี้ ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน
หากไม่เพียงพอจึงขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะต่อไป ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท การปรับปรุงแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ
SMEs อย่างทั่วถึง
การขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และการปรับปรุงและขยายเวลาดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ
Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๓ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง
รวมทั้งการปรับปรุงการดำเนินการดังกล่าวจะต้องอยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้เดิมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน
อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต ประกอบกับในการดำเนินการดังกล่าว
เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะได้กำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อ
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องอย่างครอบคลุม เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยง
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจาก NPLs ซึ่งรัฐบาลจะต้องรับภาระชดเชย
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต
อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และเห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
โดยจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น (๑) ควรทบทวนตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นกรณีเร่งด่วน
และเน้นการพิจารณาผลการดำเนินงานจากการผลักดันนโยบายของภาครัฐแทนการพิจารณาผลกำไรจากการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและพันธกิจที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้รับมอบหมายในช่วงเวลานี้
(๒) ควรให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเร่งเตรียมบุคลากร กระบวนการ
และระบบการคัดกรองเพื่อออกผลิตภัณฑ์ตามโครงการดังกล่าว
รวมทั้งพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องด้วย (๓) โครงการต่าง ๆ
ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เปราะบางและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และ SMEs ที่เข้าไม่ถึงระบบสถาบันการเงินก่อนเป็นอันดับแรก
และ (๔)
ภาครัฐควรดำเนินการควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs
มีรายได้หมุนเวียนที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคตได้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 984 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่
๒๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ และวันที่ ๓-๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด)
สัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๒๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ มีรัฐวิสาหกิจ ๑๖ แห่ง
ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๓๙ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว ซึ่งจากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด
จำนวน ๒๗๒,๕๕๘ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๒,๒๐๘ คน
หรือคิดเป็นร้อยละ ๔ และสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๓-๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ มีรัฐวิสาหกิจ
๑๔ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว
เพิ่มขึ้น ๒ แห่ง ซึ่งจากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด
จำนวน ๒๗๒,๕๕๖ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๒,๓๐๘
คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕
๒.
การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา)
โดยสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๒๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ มีรัฐวิสาหกิจ ๒๕ แห่ง
ยังคงดำเนินโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา
โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๑๐.๐๐ น.
และช่วงระหว่างวันที่ ๓-๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ มีรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเพิ่มขึ้น ๑ แห่ง
โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 985 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 2 | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ในปีงบประมาณ
๒๕๖๓ ตามมาตรา ๗ มาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๒๑๔,๐๙๓.๙๒ ล้านบาท ๑.๒
อนุมัติและรับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุมครั้งที่
๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๑.๒.๑
อนุมัติการปรับปรุงแผนการก่อหนี้ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มสุทธิ ๑๕๘,๕๒๑.๘๕ ล้านบาท
จากเดิม ๑,๔๙๗,๔๙๘.๕๕ ล้านบาท เป็น ๑,๖๕๖,๐๒๐.๔๐ ล้านบาท ๑.๒.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้เดิม
ที่มีวงเงินปรับลด ๖๗,๒๖๗.๖๔ ล้านบาท จากเดิม ๑,๐๓๕,๗๗๗.๗๔ ล้านบาท เป็น
๙๖๘,๕๑๐.๑๐ ล้านบาท และการปรับปรุงแผนการชำระหนี้ ที่มีวงเงินปรับลด ๒๒,๓๒๙.๓๑
ล้านบาท จากเดิม ๓๘๙,๓๗๓.๒๑ ล้านบาท เป็น ๓๖๗,๐๔๓.๙๐ ล้านบาท ๑.๒.๓
อนุมัติการบรรจุรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๒ รายการ ได้แก่
เงินกู้เพื่อรองรับกรณีมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ของกระทรวงการคลัง
และเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line สำหรับเบิกเกินบัญชีเพื่อสำรองเผื่อสภาพคล่องทางการเงินขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ๑.๓ อนุมัติในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ๑.๓.๑
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้ฯ
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ปรับปรุงครั้งที่ ๒
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๓.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศ
และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น (๑)
รัฐบาลควรพิจารณาเตรียมความพร้อมในการจัดหาแหล่งเงินภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (Scenario
Planning) โดยเฉพาะกรณีเลวร้าย (Worse Case) เพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับการใช้จ่ายของหน่วยงานของรัฐ
เพื่อเป็นกำลังหลักในการพยุงและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป และ (๒) เศรษฐกิจไทยในปี
๒๕๖๓ ยังมีข้อจำกัดในการขยายตัวและมีความไม่แน่นอนสูง
ซึ่งอาจทำให้ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าที่ประมาณการเอาไว้ ดังนั้น
กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องบริหารเงินคงคลังและบริหารเงินกู้ชดเชยขาดดุลให้เหมาะสมและรัดกุมมากยิ่งขึ้น
โดยคำนึงถึงข้อจำกัดดังกล่าวให้ครบถ้วน เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับกรณีที่หนี้สาธารณะอาจเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่ากรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด
รวมทั้งพิจารณาหารายได้จากสินทรัพย์อื่น ๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติม
เพื่อลดภาระการใช้เงินกู้ของรัฐบาลในอนาคตด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 986 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายเอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล) | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเอกบุญ
วงศ์สวัสดิ์กุล เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 987 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ) | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 988 | ความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563)] | กค. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันศุกร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอ ๑.
ความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Convention
on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒.
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน เมื่อความตกลงฯ
ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 989 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา นางสาวนิภา ลำเจียกเทศ นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ และนางชลิดา พันธ์กระวี) | กค. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวปิยวรรณ
ล่ามกิจจา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ (นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่วันที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๒. นางสาวนิภา
ลำเจียกเทศ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบ การเงินการคลัง
(นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๓. นายกิตติ
สุทธิสัมพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหาร การจัดเก็บภาษี
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๘
มีนาคม ๒๕๖๓ ๔. นางชลิดา
พันธ์กระวี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัด กระทรวงการคลัง
ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 990 | การกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้
COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) โดยอนุมัติให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดใน Asian
Development Bank Ordinary Operations Loan Regulations ลงวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๐ ของ ADB และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจาก
ADB วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อนำไปใช้จ่ายในแผนงาน/โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ฯ
ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำคำรับรองทางกฎหมาย
(Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ฯ ของ ADB ในโอกาสแรก ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) เสนอเพิ่มเติมว่า ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณการความต้องการใช้วงเงินอย่างรอบคอบ
เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถวางแผนและบริหารจัดการการกู้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และให้กระทรวงการคลังมีการบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศ
ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยด้วยความระมัดระวัง
เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 991 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๗ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เพิ่มขึ้น ๑ แห่ง จากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้ จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๕๔๐ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๒,๕๗๙ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสากิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสาหกิจ ๒๒ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา โดยมีรัฐวิสาหกิจยกเลิกนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเพิ่มขึ้น ๑ แห่ง จากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓) โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๒๒ แห่ง มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 992 | ขอเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ) | กค. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจาก นายวิรไท สันติประภพ
จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 993 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ช่วงระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๘ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๓๗ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เพิ่มขึ้น ๖ แห่งจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้ จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๔๖๖ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๓๑,๒๑๘ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสากิจ ๒๓ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา โดยมีรัฐวิสาหกิจยกเลิกนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเพิ่มขึ้น ๓ แห่งจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓) โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๓๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 994 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2562 | กค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญในรอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๒ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ประกอบด้วย ภาพรวมธุรกิจประกันภัยของไทยในรอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๒ ผลการดำเนินงานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลและภายใต้แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) การประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการและแผนการดำเนินงานปี ๒๕๖๒ ของสำนักงาน คปภ. และผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการด้านการประกันภัยกับสำนักงาน คปภ. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในปี ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 995 | ร่างกรอบความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการระดมทุนและการสร้างตลาดทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐานไทย - สหรัฐอเมริกา | กค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 996 | รายงานผลสัมฤิทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค | 14/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๒๔ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๓๑ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เพิ่มขึ้น ๑๕ แห่ง จากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓) ทั้งนี้ จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๕๕๘ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๘,๔๕๕ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๗ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสากิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) มีรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา โดยมีรัฐวิสาหกิจยกเลิกนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเพิ่มขึ้น ๖ แห่ง จากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓) โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๓๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 997 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้า ในเมืองย่างกุ้ง (เขต North Okkalapa และเขต North Dagon) | กค | 14/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าในเมืองย่างกุ้ง (เขต North Okkalapa และเขต North Dagon) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน (Concessional Loan) ทั้งจำนวน วงเงินกู้ จำนวน ๑,๔๕๘,๒๔๘,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๗๒๙,๑๒๔,๐๐๐ บาท ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๗๒๙,๑๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ๑.๔ กรณีเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ขอให้รัฐบาลจัดสรรเงินงบประมาณให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ตามจำนวนที่ชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย เพื่อชำระคืนแหล่งเงินกู้ไปก่อน และเมื่อสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) สามารถเรียกเก็บหนี้ได้จะนำเงินดังกล่าวส่งคืนคลังต่อไป ๒. ในส่วนของภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) พิจารณานำเงินสะสมเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการอื่นมาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้รวมถึงกรณีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 998 | การขอขยายระยะเวลาการชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า และลงนามในสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ราย กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก | กค | 14/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาการชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า (ผลประโยชน์ตอบแทนการเช่า) และลงนามในสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ราย กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก ออกไปอีก ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๒. หากส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจะเสนอเรื่องเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษในกรณีไม่เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ให้รอนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ มีผลใช้บังคับต่อไป ๓. เพื่อให้การช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึงและเป็นธรรม ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนและการบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในการดำเนินโครงการ/กิจการต่าง ๆ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง หลักเกณฑ์การบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 999 | หนังสือข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก สำหรับโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน ระยะที่ 2 (HCFC Phase Out Project Stage 2) | กค | 14/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1000 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธำรงค์ ทองตัน) | กค | 14/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธำรงค์ ทองตัน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
