ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 45 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 881 - 900 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
881 | ของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่
๒๕๖๔ ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) โครงการคนละครึ่ง
ระยะที่ ๒ (๒) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๒
(๓) การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (๔)
โครงการกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ ๑๐ บาท นิวนอร์มอลพลัส (๕) มาตรการเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางการเงิน
เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ (๖)
โครงการไมโครไซต์ศูนย์รวมความรู้การระดมทุนผ่านตลาดทุน (โครงการไมโครไซต์ Start
to Grow) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
882 | โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ปี
๒๕๖๔ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ได้แก่ (๑)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารออมสิน (๒) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(๓) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) (๔)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) (๕) โครงการของขวัญปีใหม่ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๖) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
และ (๗) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
883 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2562 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๒ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะอย่างเคร่งครัดต่อไป
โดยในการประชุมคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕
มิถุนายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๕๓ แห่ง
รวมทั้งมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมและในรายสาขาเพื่อให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งต้องทบทวนและปรับตัวให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ความปกติใหม่
และต้องเร่งพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำแผนพัฒนาองค์กรปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘
และแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๓ (ฉบับปรับปรุง ตุลาคม ๒๕๖๓)
โดยมีการวางแผนและกำหนดแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับสภาพการแข่งขัน
ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง ทิศทางและแนวโน้มของธุรกิจสื่อ
รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัท
อสมท จำกัด (มหาชน)
ควรให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการบริหารจัดการที่ดีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมูลค่าสูงด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
884 | การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานของโครงการกระตุ้นการเดินทาง
“Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้
รวมใจช่วยชาติ” และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ซี่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
จากเดิมที่มีผลใช้บังคับตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๙๗) พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่พื้นที่เมืองรอง
รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาล
โดยให้กระทรวงการคลังประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการ
ตลอดจนภาระทางการคลังที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินมาตรการ
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
885 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2565-2568) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๘)
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในการบริหารนโยบายการคลังในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านรายรับและรายจ่าย เพื่อรักษาดุลการคลังให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และในระยะปานกลางควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้โดยการทบทวนโครงสร้างภาษีในปัจจุบันควบคู่กับใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดเก็บรายได้
การควบคุมการจัดสรรงบประมาณ
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และการเพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการบริหารหนี้สาธารณะตามที่เสนอไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
เพื่อรักษากรอบวินัยการเงินการคลังและฐานะการคลังของภาครัฐ นอกจากนี้
ควรมีการประเมินผลกระทบต่อฐานะการคลังภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (scenario
planning) เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือได้อย่างทันการณ์
และให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการคลังและฐานะการคลังในระยะข้างหน้า
โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพสู่ความยั่งยืนทางการคลังผ่านหลัก 3Rs ได้แก่ (๑) Reform : การปฏิรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
(๒) Reshape : การปรับโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณ และ (๓) Resilience
: การบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีภูมิคุ้มกันและสามารถรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
886 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 (โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบความเห็นและการดำเนินงานในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๓
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่เสนอให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ ๒.๑
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ที่เห็นควรเร่งดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ
เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือแบบมุ่งเป้าหมายหรือระบบสวัสดิการแห่งรัฐ
ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
887 | รายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program (Loan Numbers 3945/3949-THA) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เพื่อกู้เงินวงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากธนาคารพัฒนาเอเชีย
โดยรายละเอียดสัญญาเงินกู้ดังกล่าวมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ทุกประการ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังได้ส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินดังกล่าวไปเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
888 | รายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) วงเงิน ๔,๒๗๗ ล้านบาท
โดยมีพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยน (Source Bond) จำนวน ๑ รุ่น คือ พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A
ครบกำหนดในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ และพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อนำมาแลกเปลี่ยน
(Destination Bond) จำนวน ๒ รุ่น ประกอบด้วย (๑)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ รุ่น LB256A อายุ
๔.๖๑ ปี จำนวน ๑,๗๖๗ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๙๕๐ ต่อปี และ (๒)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ รุ่น LB29DA อายุ
๙.๑๒ ปี จำนวน ๒,๕๑๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๖๐๐ ต่อปี
๒.
กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) ดังกล่าว
เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
889 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวกุลยา
ตันติเตมิท ประธานกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ๒. นายนราธร
วงศ์วิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการเงินการคลัง) ๓. นายนิธิศวร์
ตั้งสง่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการเงินการคลัง) ๔. นายชาญชัย
บุญฤทธิ์ไชยศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านกฎหมาย) ๕. นางสาวบัณฑรโฉม
แก้วสอาด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการเงินการคลัง)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
890 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย เพื่อสัปเปลี่ยนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายประภาศ คงเอียด ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง ๓. นางปานทิพย์ ศรีพิมล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
891 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.
๒๕๔๕ โดยกำหนดให้บริษัทข้อมูลเครดิตสามารถรับผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางที่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อสามารถเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตได้
เพื่อให้สามารถนำส่งข้อมูลของผู้ใช้บริการขอรับสินเชื่อผ่านระบบหรือเครือข่ายการให้บริการของตนให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
892 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่
๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
893 | รายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564) ประจำปี 2562 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย
ฉบับที่ ๓ (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ประจำปี ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนฯ ประจำปี ๒๕๖๒
ซี่งมีแผนงานที่ดำเนินงานแล้วเสร็จ จำนวน ๒๔ แผนงาน แผนงานที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
จำนวน ๑๐ แผนงาน แผนงานที่ล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน ๑๑ แผนงาน
และแผนงานที่ไม่เป็นไปตามแผน จำนวน ๑ แผนงาน และ (๒)
การประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ระยะครึ่งแผน ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการดังกล่าว
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนการพัฒนาตลาดทุนฯ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
894 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 50 และมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2563 (รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ
และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๕๐
และมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ
วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ภาระหนี้ประกอบกับแผนการกู้เงินและการชำระหนี้ในอนาคตพบว่า
อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
895 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 50 และมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2563 (รายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง มาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2563) | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ
และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๕๐
และมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ
วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ภาระหนี้ประกอบกับแผนการกู้เงินและการชำระหนี้ในอนาคตพบว่า
อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
896 | รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรายงานดังกล่าวมีเกณฑ์ในการจัดทำ ขอบเขตของรายงาน
และข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำ ประกอบด้วย ข้อมูลการรับและการจ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐที่ได้รับจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ รายได้แผ่นดินที่หน่วยงานของรัฐจัดเก็บและนำเงินส่งคลัง
(รายได้จากภาษีอากร รายได้ค่าธรรมเนียม รายได้จากรัฐพาณิชย์)
รายรับจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ รายจ่ายตามงบประมาณ
(รายจ่ายของหน่วยงานและรายจ่ายงบกลาง) ข้อมูลรายจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี
และรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง
ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประมวลข้อมูลดังกล่าวจากรายงานระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (MIS) และข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐบันทึกเข้ามาในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์
(GFMIS) ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
897 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2562 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
ผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน บทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน
และข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
898 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยผลการดำเนินงานของ
บตท. ในปี ๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๑ ทิศทางและนโยบายการดำเนินงานของ บตท.
และผลการดำเนินงานที่สำคัญ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
899 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 14 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป
(Asia-Europe Finance Ministers’ Meeting
: ASEM FinMM) ครั้งที่ ๑๔
ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมการประชุม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-๑๙
ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกไปแล้วมากกว่า ๑ ล้านคน และส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
รายได้ การประกอบธุรกิจ การลงทุน การค้า และวิถีการดำรงชีวิตประจำวัน
รวมถึงความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยผู้แทนจากธนาคารโลก
ธนาคารพัฒนาเอเชีย
และกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้นำเสนอภาพรวมการรับมือกับโควิด-๑๙ ของประเทศต่าง
ๆ ซึ่งมีการใช้นโยบายการเงินและการคลังเป็นมาตรการพื้นฐาน
และมีข้อเสนอแนะเพื่อการฟื้นตัวในระยะยาว เช่น การนำระบบดิจิทัลมาปรับใช้
การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในระยะยาว และการให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
เป็นต้น ๒. ประสบการณ์ในการรับมือและใช้มาตรการต่าง
ๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศสมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการรับมือและการใช้มาตรการต่าง
ๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-๑๙ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอมาตรการที่รัฐบาลไทยใช้ในการรับมือกับการระบาดของโควิด-๑๙
ในช่วงที่ผ่าน ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์กลางในการบริหารจัดการด้านนโยบาย
มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
และการรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและการปฏิรูปโครงสร้างของประเทศในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
900 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน 2563) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี
(มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๓) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.
ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓ หดตัวสูง
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ซึ่งมาตรการปิดเมืองที่เข้มงวดส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว
การส่งออกบริการภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ
การส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากรายได้ของประเทศคู่ค้าอ่อนแอลง การบริโภคภาคเอกชนหดตัวสูงตามการจ้างงาน
รายได้ครัวเรือน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงตามภาวะอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ
และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับลดลงตามผลประกอบการและความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า นอกจากนี้
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศมีความเปราะบางมากขึ้น
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบตามราคาหมวดพลังงาน
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวกแต่ปรับลดลงมากตามอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอลง
และอัตราการว่างงานเร่งตัวขึ้นมาก ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลงจากเดือนธันวาคม
๒๕๖๒
เนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดปรับลดลงมากตามรายรับจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง
ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ในภูมิภาคและประเทศไทย ๒.
การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
การดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นในช่วงร้อยละ ๑-๓
การผลักดันความเชื่อมโยงทางการเงินในภูมิภาค
และการส่งเสริมการเข้าถึงและการใช้บริการชำระเงิน เป็นต้น
|