ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 42 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 821 - 840 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 821 | การแก้ไขเอกสารประกอบสัญญาเงินกู้ระหว่างกระทรวงการคลังกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพื่อรองรับการยุติการใช้ London Interbank Offered Rate (LIBOR) เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขเอกสารประกอบสัญญาเงินกู้ระหว่างกระทรวงการคลังกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพื่อรองรับการยุติการใช้
London Interbank Offered Rate (LIBOR) เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ซึ่งมีสัญญาเงินกู้ระหว่างกระทรวงการคลังกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศอยู่จำนวน ๕ สัญญา ได้แก่
โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒)
โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) โครงการเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ธนาคารพัฒนาเอเชีย)
และโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจาก (ธนาคารโลก) เพื่อรองรับการยุติการใช้
LIBOR เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง เนื่องจากองค์การกำกับนโยบายทางการเงินของสหราชอาณาจักร
ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะยุติการเผยแพร่และจะไม่รับรอง LIBOR ให้เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทางการโดยเริ่มหลังจากปี ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
โดยธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชียจะพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่เป็นธรรมเพื่อใหเกิดความเท่าเทียมกันและเป็นมาตรฐานสากล
และจะแจ้งต่อคู่สัญญาเพื่อให้มีผลผูกพันในโอกาสแรกต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 822 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ วงเงิน ๖๙,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งได้ชำระคืนเงินต้นพันธบัตรรัฐบาลจากเงินนำส่งจากบัญชีผลประโยชน์ จำนวน
๑๘,๙๔๖.๗๔ ล้านบาท แล ะดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น จำนวนรวม ๕๐,๐๕๓.๒๖
ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ (๑) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ.
๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๗,๔๔๘.๕๐ ล้านบาท (๒) การกู้เงินระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ.
๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๗,๖๐๔.๗๖ ล้านบาท และครั้งที่ ๒ วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 823 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนในที่ดินของรัฐให้แก่กระทรวงการคลัง ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง กำหนดอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนในที่ดินของรัฐให้แก่กระทรวงการคลัง ตามมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนในที่ดินของรัฐให้แก่กระทรวงการคลัง
กรณีที่ดินจะเวนคืนนั้นมีแนวเขตผ่านที่ดินของรัฐ ๔ ประเภท ได้แก่ (๑)
ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองที่ใช้ร่วมกัน (๒) ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ
หรือที่ดินที่ได้สงวนหวงห้ามไว้ตามความต้องการของทางราชการ (๓)
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
หรือที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนอยู่นอกเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี และ (๔)
ที่ดินที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรคำนึงถึงภาระงบประมาณและความซ้ำซ้อน
เงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของการเวนคืนเป็นสำคัญ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ
ความคุ้มค่า ต้นทุน
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นควรพิจารณาถึงความรอบคอบ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรคำนึงถึงภาระงบประมาณและความซ้ำซ้อน
เงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของการเวนคืนเป็นสำคัญ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ
ความคุ้มค่า ต้นทุน
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบในทุกมิติ ทั้งนี้
การกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าว จะต้องเป็นไปเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม
และไม่ซ้ำซ้อนกับการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ของรัฐที่ถูกเวนคืนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 824 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) กรณีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อรองรับการใช้บังคับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
กรณีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเพื่อรองรับการใช้บังคับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ ๕๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำ ส่ง รับ
และเก็บรักษาเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ประกอบการที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา
๘๒/๑๓ วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการจัดทำ การส่ง การรับ และการเก็บรักษาหมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร
แบบ รายงาน เอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม
โดยดำเนินการผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่
.. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไข เกี่ยวกับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและการแจ้งเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มในสาระสำคัญ
เช่น ชื่อผู้ประกอบการ เว็บไซต์ของผู้ประกอบการ
และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการ เป็นต้น
โดยให้ดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
ทั้งนี้ ให้รับประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยการกำหนดกระบวนการจัดทำ
ส่ง และรับเอกสาร
หลักฐานหรือหนังสืออื่นใดระหว่างผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรไว้ให้ชัดเจนในกฎกระทรวงซึ่งให้สอดคล้องกับมาตรา
๓ โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ที่ให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายที่ต้องไม่มีบทบัญญัติซึ่งมีลักษณะเป็นการมอบอำนาจช่วง
(sub-delegation) โดยกฎหมายแม่บทมิได้ให้อำนาจไว้ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรกำหนดหลักการให้ส่วนราชการนำแนวทางดังกล่าวไปใช้ในกรณีที่มีการกำหนดวิธีการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียน
การอนุมัติ อนุญาต ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงาน
และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 825 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตจัดตั้งและการเลิกดำเนินการเขตปลอดอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตจัดตั้งและการเลิกดำเนินการเขตปลอดอากร
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการอนุญาตจัดตั้งและการเลิกดำเนินการเขตปลอดอากร พ.ศ. ๒๕๖๐
และแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร พ.ศ.
๒๕๖๐ โดยแก้ไขคำนิยาม “โครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ให้ครอบคลุมพื้นที่อื่นใดที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นเมืองต้นแบบในการพัฒนาให้เกิดความมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขออนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร
รวมทั้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลิกประกอบกิจการในเขตปลอดอากรเพื่อให้มีความถูกต้องและเหมาะสมมากขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 826 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายและเลื่อนระยะเวลาการใช้บังคับอัตราภาษีสำหรับสินค้าเครื่องดื่ม
และผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะผง เกล็ด
หรือเครื่องดื่มเข้มข้นที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและสามารถละลายน้ำได้
แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง
ตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ออกไปอีก ๑
ปีเพื่อเป็นการเยียวยาและฟื้นฟูอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่ได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามนัยของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 827 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และมาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ
[ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐
และมาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม
๔.๐) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์
เครื่องมือเพื่อระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรเพื่อระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ให้แก่ศูนย์การส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา
ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๕ แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรตามโครงการลงทุนในระบบอัตโนมัติแต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม
ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคคลกรที่มีทักษะสูง) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่การจ้างลูกจ้างที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้ที่มีทักษะสูง)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม
หรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่กำหนด ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒ ให้กระทรวงคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ให้มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นหลักสูตรซึ่งสถานประกอบการจะสามารถใช้บริการฝึกอบรม
เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ และอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนเข้ามาใช้สิทธิประโยชน์จากภาษีดังกล่าวควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคของนักลงทุนในด้านอื่น
ๆ และให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามนัยของมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 828 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม) | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการวิสาหกิจเพื่อสังคม
และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม
ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ธันวาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้
เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ที่เห็นสมควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจและประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
และจัดให้มีระบบการติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และควรพิจารณาเปรียบเทียบการสูญเสียรายได้และผลประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการออกประกาศ/กฎระเบียบภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง และภาครัฐควรให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมในด้านอื่น
ๆ ควบคู่กับการดำเนินมาตรการทางภาษี
เช่น การสนับสนุนสินเชื่อ การสนับสนุนการวิจัย
และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจในระบบตลาดปกติได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของ
สศช. ที่เห็นควรพิจารณาเปรียบเทียบการสูญเสียรายได้และผลประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการออกประกาศ/กฎระเบียบภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง
และภาครัฐควรให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมในด้านอื่น ๆ ควบคู่กับการดำเนินมาตรการทางภาษี เช่น
การสนับสนุนสินเชื่อ การสนับสนุนการวิจัย และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจในระบบตลาดปกติได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการกำหนดมาตรการภาษี
เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจดังกล่าวต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 829 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งของออกซึ่งชำระอากรไม่ครบถ้วน
โดยไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียอากรและได้นำอากรที่ยังชำระไม่ครบถ้วนมาชำระต่อกรมศุลกากร
ให้ได้รับการลดเงินเพิ่มเหลือร้อยละ ๐.๒๕ ต่อเดือน
ของอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่ม นับแต่วันที่นำของออกไปจากอารักขาของศุลกากรหรือส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรจนถึงวันที่นำเงินมาชำระ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว โดยเฉพาะสถานการณ์ความจำเป็น
และประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
และดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 830 | ร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีอากรเพื่อสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่
สถาบันการเงิน
ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินและเจ้าของทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันการชำระหนี้ของผู้ประกอบธุรกิจเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินในบางกรณี
อันเนื่องมาจากการดำเนินมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ตามพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงิน
ในส่วนของหนี้ที่เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้
อันเนื่องมาจากมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ตามพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
โดยเฉพาะสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการสูญเสียรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
ตลอดจนการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพื่อหาแนวทางในการลดผลกระทบต่อภาระการคลังในระยะต่อไป และดำเนินตามนัยมาตรา
๒๗ ของ พระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 831 | ร่างพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ. .... และการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผู้ลงนามในร่างความตกลงพหุภาคีเป็นการลงนามระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ (Multilateral Competent
Authority Agreement on Automatic Exchange
of Financial Account Information : MCAA CRS)
ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ประสานงานกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for Economic Cooperation and Development : OECD) เพื่อให้ความตกลงนี้มีผลผูกพันต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ (Multilateral Competent Authority Agreement on
Automatic Exchange of Financial Account Information : MCAA CRS) แบบส่งและรับข้อมูลแบบต่างตอบแทนกับประเทศคู่สัญญา
(Reciprocal) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. เห็นชอบร่างความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ (Multilateral Competent
Authority Agreement on Automatic Exchange of Financial Account Information : MCAA CRS) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังมีหนังสือถึงองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for
Economic Cooperation and Development : OECD)
เพื่อแจ้งความจำนงในการลงนามเข้าเป็นภาคีความตกลงดังกล่าว ๕. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามความตกลงพหุภาคี ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative
Assistance in Tax Matters MAC) ลงนามในความตกลง MCAA CRS และเมื่อลงนามแล้ว
ให้ส่งความตกลงดังกล่าวให้คณกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันเมื่อร่างพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ. ....
มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๖. อนุมัติหลักร่างพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบทบัญญัติเพื่อให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศตามความตกลง
หรืออนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากร
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ที่เห็นว่าควรเพิ่มเงื่อนไขให้สามารถตรากฎหมายลำดับรองเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์หรือมาตรการในการเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับตามร่างพระราชบัญญัตินี้และข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของคู่สัญญา
การกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจและบุคคลที่จะต้องมีหน้าที่ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ยังไม่มีความชัดเจน
กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจมีรอบระยะเวลาบัญชีอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันกับกรณีตามมาตรา
๑๐ (๒) และควรกำหนดเงื่อนไขว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบความตกลงฯ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอแล้ว ๗. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๘.
ให้กระทรวงการคลังแจ้งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and
Development : OECD) เมื่อร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
เพื่อความตกลงฯ มีผลผูกพันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 832 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (1. นายพสุ โลหารชุน) | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
รวม ๔ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายพสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ ๒. นายดามพ์
สุคนธทรัพย์ กรรมการ ๓. นายคณิทธิ์
สว่างวโรรส กรรมการ
๔. นายสุวัฒน์
กมลพนัส กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 833 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน ๒,๘๘๖.๖๔๗ ล้านบาท
ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรายงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังทราบในโอกาสแรกด้วย
เพื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะได้จัดเก็บข้อมูลยอดคงค้างให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไป
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย)
พิจารณาดำเนินการจัดทำต้นทุนการให้บริการที่ถูกต้องและได้มาตรฐานอย่างแท้จริง
เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
รวมทั้งจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะเป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 834 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง และนางสาวลดาวัลย์ คำภา) | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๒ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘
พฤษภาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง กรรมการ ๒. นางสาวลดาวัลย์ คำภา กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 835 | ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... ภายใต้กรอบวงเงิน
ไม่เกิน ๗๐๐,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหา
ช่วยเหลือ เยียวยา หรือชดเชยให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดระลอกใหม่ของ
COVID-๑๙ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับค่าใช้จ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน การออกและการจัดการตราสารหนี้ภายใต้พระราชกำหนด
ที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้กระทรวงการคลังโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
จัดทำรายละเอียดวงเงินเท่าที่จำเป็นและเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒ เห็นชอบให้นำระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาใช้ในการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ร่างพระราชกำหนดนี้โดยอนุโลม
ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓.ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ร่วมกับสำนักงบประมาณในการบริหารการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้ตามร่างพระราชกำหนดฯ
เป็นไปตามความจำเป็น พร้อมทั้งให้กระทรวงการคลังปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรกำหนดให้รายจ่ายลงทุนภายใต้พระราชกำหนดฯ เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหากรณีงบประมาณของรายจ่ายลงทุน
มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปีด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 836 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2563) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี
(กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๓) ชองธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.
ภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๓ หดตัวร้อยละ ๕.๒
จากระยะเดียวกันของปีก่อน (ปรับตัวดีขึ้นจากที่หดตัวร้อยละ ๖.๙
ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓) ซึ่งเป็นการทยอยฟื้นตัวจากการผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ การลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวสูงเนื่องจากผู้ประกอบการมีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่มาก
การใช้จ่ายภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญผ่านทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
อย่างไรก็ตาม การส่งออกบริการหดตัวรุนแรงและฟื้นตัวช้าตามกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ๒.
เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศปรับตัวดีขึ้นแต่ยังเปราะบาง
โดยตลาดแรงงานทยอยฟื้นตัว
แต่ภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวช้า
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลงตามราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
ส่วนอัตราเงินเฟ้อฟื้นฐานปรับลดลงจากกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ปรดกอบการ
ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดีและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐในภาพรวมมีทิศทางแข็งค่า ๓.
การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน
แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน
และแนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 837 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2563 | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑)
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี ๒๕๖๓ ติดลบร้อยละ ๐.๘๕ ซึ่งต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินที่ร้อยละ
๑-๓ (๒) เป้าหมายนโยบายการเงิน สำหรับปี ๒๕๖๔ กำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ
๑-๓ (๓) การประเมินภาวะเศรษฐกิจการเงินและแนวโน้ม เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๓ ปี
๒๕๖๓ หดตัวร้อยละ ๖.๔
จากระยะเดียวกันของปีก่อนและปรับตัวดีจากไตรมาสก่อนที่หดตัวสูงร้อยละ ๑๒.๑
ตามการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-๑๙ ส่วนไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๓
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง กนง. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๔ จะขยายตัวร้อยละ ๓.๒
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๕ มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ ๔.๘
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๓ เฉลี่ยติดลบที่ร้อยละ ๐.๕๖
ติดลบลดลงจากครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ ซึ่งติดลบร้อยละ ๑.๑๓ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วยครึ่งปีหลังของปี
๒๕๖๓ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๒๕ ลดลงจากครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓ ที่ร้อยละ ๐.๓๓ กนง.
ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายในช่วงกลางปี
๒๕๖๔ ตามแรงสนับสนุนเงินเฟ้อด้านอุปสงค์และอุปทานที่ทยอยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กนง.
คาดว่าในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๑.๐
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี ๒๕๖๔ และปี ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๐.๓ และ ๐.๔ ตามลำดับ และ (๔) การดำเนินนโยบายการเงิน
มีการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน
และการสื่อสารนโยบายการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 838 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้าน COVID-19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล) | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์
และเครื่องมือแพทย์ต้าน COVID-19
สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล) โดยมีหลักการ (๑)
ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกัน COVID-19 เพื่อบริจาคให้แก่
สถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ
องค์กรหรือสถานสาธารณกุศลหรือสถานพยาบาลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนด
(๒)
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาค
โดยต้องไม่นำต้นทุนของสินค้ามาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ และที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วนและใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว
และให้ดำเนินการตามนัยของมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ใหครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 839 | โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 | กค. | 11/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปีการผลิต ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมบางประการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเสนอโครงการฯ
ต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และคณะรัฐมนตรีให้ทันก่อนเริ่มฤดูการเพาะปลูก
เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการฯ
อย่างทั่วถึงและได้รับการคุ้มครองตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นฤดูกาลเพาะปลูก |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 840 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล] | กค. | 11/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
(SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล] มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาท
และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสามสิบล้านบาท
สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อค่าจ้างทำหรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์
(software) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
(๑) กฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้กำหนดลักษณะของ SMEs
โดยแบ่งตามรายได้และจำนวนการจ้างงาน ไม่ใช้ทุนจดทะเบียนเป็นเกณฑ์
ซึ่งแตกต่างจากการแบ่งของกรมสรรพากร และ (๒) กระทรวงการคลังควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
