ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 42 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 821 - 840 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
821 | การเสนอความเห็นการขอยุบเลิกและการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามผลการพิจารณาการขอยุบเลิกและการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย
ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เนื่องจากการปฏิบัติงานพัฒนากฎหมายโดยใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมายไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๖๔
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายแล้ว
จึงหมดความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนดังกล่าว ๑.๒
ไม่เห็นควรให้จัดตั้งกองทุนความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา
ของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ตามร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา พ.ศ. ....
และกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ ของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงาน ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ.
.... เนื่องจากมีการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนกับภารกิจปกติของหน่วยงานและซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่น ๒. ให้กรมพลศึกษา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงาน
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนที่เห็นว่า (๑) กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาควรกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการออกกำลังกาย
นันทนาการ และกีฬา
เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยจากการออกกำลังกายต่อไป (๒) ในส่วนของกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ
กระทรวงแรงงานควรบูรณาการงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน
และอาจขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ
และ (๓)
กระทรวงแรงงานควรกำหนดนโยบายการคุ้มครองแรงงานนอกระบบเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนที่จะดำเนินการเพื่อเร่งรัดมาตรการส่งเสริม
คุ้มครอง พัฒนา และสร้างหลักประกันทางสังคม
เพื่อให้แรงงานนอกระบบสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานหรือการประกอบอาชีพ
และมีหลักประกันทางสังคมที่มั่นคงและเท่าเทียบกับแรงงานในระบบ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
822 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง รายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ (ฉบับที่ 2) | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
เรื่อง รายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ (ฉบับที่ ๒) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีทุนหมุนเวียนเป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา
๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่เห็นว่า กองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดินจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะและมีกรอบการบริหารที่ชัดเจนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องประกาศให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นหน่วยงานของรัฐตามคำนิยาม
“หน่วยงานของรัฐ” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
823 | ขออนุมัติโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ของกรมการขนส่งทางบก | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย
ของกรมการขนส่งทางบก และวงเงินงบประมาณรายจ่ายของโครงการฯ ตามมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบบทเฉพาะกาลมาตรา ๖๘ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP
Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน
ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า
อุปกรณ์สำนักงานและส่วนประกอบ
และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์และเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษา
(Operation and Maintenance : O&M)
ทั้งหมด
รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา
๑๕ ปี นับจากปีเปิดให้บริการ ๑.๒ ให้ดำเนินโครงการฯ
ในกรอบวงเงินรวมสำหรับค่างานที่เกี่ยวข้องกับค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (ระยะที่
๒) ของโครงการฯ จำนวน ๖๖๐.๔๓ ล้านบาท
โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง ๑.๓
กรอบวงเงินค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินในส่วนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของโครงการฯ
วงเงินจำนวน ๓๔,๒๑๗,๘๒๐ บาท
และวงเงินหลักประกันตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่เกี่ยวข้อง
จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) กระทรวงคมนาคม
(กรมการขนส่งทางบก) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๖
แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ ๒๕๖๒
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
เห็นควรที่กรมการขนส่งทางบกและคณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณากลไกที่จะทำให้ภาครัฐสามารถกำหนดขนาดและระยะเวลาการลงทุนพัฒนาโครงการฯ
ระยะที่ ๒ ให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
หากกรณีการดำเนินการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๘ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
รับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดขอบเขตสมมติฐานทางการเงินและเศรษฐศาสตร์ที่ชัดเจน
เช่น อัตราคิดลด ระยะเวลาดำเนินโครงการ เป็นต้น
เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุนของโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานต่าง
ๆ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
824 | ทบทวนการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และรายงานผลการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2562 และปีบัญชี 2563 | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
ดังนี้ ๑.
พิจารณาเรียกให้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน
ปีบัญชี ๒๕๖๒ จำนวน ๓๕๐.๐๐ ล้านบาท
และกองทุนสิ่งแวดล้อมนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี ๒๕๖๓ จำนวน
๘๑.๔๑ ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินโดยเร็วต่อไป ๒.
รับทราบผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๒ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๓๐๙.๑๗ ล้านบาท และปีบัญชี ๒๕๖๓
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๐๘๑.๓๓ ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
825 | การจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 4 พฤษภาคม 2562 | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติ
ในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ๔
พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
826 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส 1 พฤษภาคม 2562 พ.ศ. .... | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ทองคำ
ชนิดราคา ๒๐,๐๐๐ บาท เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคา ๑,๐๐๐ บาท เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ประเภทขัดเงา ชนิดราคา ๒๐ บาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ประเภทธรรมดา ชนิดราคา ๒๐ บาท รวม ๔ ชนิด เพื่อเป็นที่ระลึก เนื่องในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
827 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
828 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๔
ภายใต้วงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๘๗๓.๐๑๐ ล้านบาท พื้นที่รับประกันภัย จำนวน ๔๖
ล้านไร่ [รวมการปรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยภาคสมัครใจ
(Tier 2)] โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลและเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
๑๒ เดือน ธ.ก.ส. บวก ๑ (เท่ากับร้อยละ ๒.๒ จำนวน ๖๓.๒๐๖ ล้านบาท)
ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งคิดเป็นภาระงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒,๙๓๖.๒๑๖
ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณ ให้ ธ.ก.ส.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญในการสร้างหลักประกันหากเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
เพื่อให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบประกันภัยพืชผล
และพร้อมที่จะจ่ายค่าเบี้ยประกันด้วยความสมัครใจ
รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับลดสัดส่วนการอุดหนุนของภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกันภัย
ควรนำผลการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
การศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง และการพิจารณาทำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตร
อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม
ในการใช้ประกอบการคิดอัตราดอกเบี้ยประกันภัย เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ควรนำข้อมูลการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning by Agri-Map) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการพิจารณาความเหมาะสมของการใช้พื้นที่เพาะปลูกข้าว
และควรจัดทำแผนการใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อใช้สำหรับวางแผนและบริหารจัดการตามศักยภาพและความสามารถของรัฐที่จะต้องรับภาระงบประมาณทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
829 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ
พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (คนบ.)
โดยมีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำนโยบายระบบบำเหน็จบำนาญของประเทศในภาพรวมเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
รวมทั้งเป็นการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.)
ซึ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับแก่ลูกจ้างในระบบ โดยให้ได้รับผลประโยชน์เป็นบำเหน็จหรือบำนาญ
และกำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารกิจการกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พิจารณาในประเด็นอายุของลูกจ้างตามร่างมาตรา
๒๙ ให้สามารถปรับเปลี่ยนอายุของลูกจ้างในการเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติได้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการเกษียณอายุ
และให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ. และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำหนดอัตราที่จะต้องนำส่งเงินเข้า
กบช. ควรให้ คนบ. มีผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนมากกว่า ๓ คน และควรพิจารณาการเริ่มมีผลใช้บังคับของพระราชบัญญัติเพื่อให้เหมาะสมกับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด
๑๙ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้หน่วยงานจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณประจำปีตามขั้นตอน
ควรส่งเสริมการสมัครสมาชิก กบช.
โดยมีรูปแบบที่สอดคล้องกับอาชีพและรายได้ที่แตกต่างกัน และควรพิจารณาหาแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนประชากรวัยทำงานกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกจ้างในระบบเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางรายได้เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในยามสูงวัย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
830 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายสุริยะ วงศ์คงคาเทพ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ แทนผู้ที่ลาออกโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
831 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (1. นายประเสริฐ ตปนียางกูร) | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ จำนวน ๕ คน
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายประเสริฐ ตปนียางกูร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาวิศวกร ๒. พลอากาศตรี หม่อมหลวงประกิตติ เกษมสันต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาสถาปนิก ๓. นายเทพ วงษ์วานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๔. นายพีระ เพชรพาณิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๕ นายวิเชียร พงศธร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการคลังดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการตามกฎหมาย/กรรมการและผู้บริหารขององค์การมหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
832 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค. | 23/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ และแทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายยุทธนา
หยิมการุณ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวกิริฎา
เภาพิจิตร กรรมการ ๓. นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการ ๔. นายรัฐสภา
จิระกรานนท์ กรรมการ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนวรรธน์
พลวิชัย กรรมการ ๖. นางสาวกริชผกา
บุญเฟื่อง กรรมการ ๗. นายนรินทร์
โอภามุรธาวงศ์ กรรมการ ๘. นายชาญวิทย์
นาคบุรี กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
833 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 7 | กค. | 23/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๗ (Joint Statement of the 7th ASEAN Finance Ministers’
and Central Bank Governors’ Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
(ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
834 | ร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. …. และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง | กค. | 23/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ภายในวงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจและสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อชำระหนี้
ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลังได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นการประเมินอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกรณีผู้กู้ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สอดคล้องกับศักยภาพในการทำธุรกิจและการชำระหนี้
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินและตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดเพื่อสนับสนุนมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๓.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายทีดิน
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๔ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิรับซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกฎหมายลำดับรองอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อ การค้ำประกันสินเชื่อ การคำนวณมูลค่าหลักทรัพย์ และการบริหารจัดการสินทรัพย์
ให้มีความชัดเจน เหมาะสม และรัดกุม ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมและพิจารณาจัดหาแหล่งรายได้เพิ่มเติม
เพื่อลดผลกระทบทางการคลังที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
835 | การดำเนินการเพื่อบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 | กค. | 23/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในร่าง
Instrument of Contribution (IOC) และส่งให้แก่ธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ภายในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เพื่อยืนยันการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๓ (Asian
Development Fund 13 : ADF 13) ของประเทศไทย จำนวน ๗๑,๒๑๙,๓๒๐ บาท
โดยมีรายละเอียดการแบ่งชำระเงินบริจาค ๔ งวด งวดละ ๑๗,๘๐๔,๘๓๐ บาท ตั้งแต่ปี
๒๕๖๔-๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมว่า
การดำเนินการในเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้ผู้ลงนาม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
836 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต และเขตปลอดอากร และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร พ.ศ. .... | กค. | 23/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน
โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต และเขตปลอดอากร
และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้แก่ผู้ได้รับอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต
เขตปลอดอากร และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ทั้งนี้
เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจ รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเห็นควรจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามนัยมาตรา
๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
เสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบทุกสิ้นปีงบประมาณจนกว่าจะดำเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
837 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2563 | กค. | 16/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๔ ปี ๒๕๖๓ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (๒) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย
(๓) เศรษฐกิจไทยภายใต้การระบาดของโควิด-๑๙ ระลอกใหม่ (๔) เสถียรภาพระบบการเงินไทย
และ (๕) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
838 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษส่งผลกระทบต่อประชาชน | กค. | 16/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษส่งผลกระทบต่อประชาชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งได้มีการพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
839 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล พ.ศ. .... | กค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล
พ.ศ. .... ตามที่เสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
840 | การออกกฎกระทรวงเพื่อยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และกฎกระทรวงเพื่อรองรับการควบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ | กค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ รวม ๔ ฉบับ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งเกิดจากการควบบริษัทหลักทรัพย์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ เนื่องจากไม่มีความจำเป็น
และได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขออนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบกิจการบริษัทหลักทรัพย์เข้าด้วยกัน
โดยให้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ล่วงหน้าได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งเกิดจากการควบกิจการบริษัทหลักทรัพย์
เห็นควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทที่จะเกิดจากการควบรวมหรือบริษัทที่ประสงค์จะควบกิจการเข้ากัน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|