ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 901 | ร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนพัฒนาระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ระบบภาษีหัก ณ
ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) และรายจ่ายค่าบริการระบบ
e-Tax Invoice & e-Receipt และระบบ e-Withholding
Tax แต่ไม่รวมถึงรายจ่ายการลงทุนติดตั้งเครื่องบันทึกการเก็บเงิน (Point
of Sale : POS) ได้เป็นจำนวน ๒ เท่าของที่จ่ายจริง
สำหรับรายจ่ายตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ที่มีอัตราร้อยละ ๓ เหลืออัตราร้อยละ ๒ สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบ
e-Withholding Tax ตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓๖๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยภาษีเงินได้ จากเดิมตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
เป็นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ และกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้หัก
ณ ที่จ่ายในส่วนที่มีอัตราร้อยละ ๕ เหลืออัตราร้อยละ ๒ สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบ
e-Withholding Tax ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติของมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 902 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2563 | กค. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ เศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อ และเสถียรภาพของระบบการเงินไทย และ (๒) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาส
๓ ปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 903 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2562 และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2563 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๒ และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซี่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว
และในคราวประชุมคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติรับทราบและมีข้อสังเกตเกี่ยวกับรายงานผลการให้บริการสาธารณะดังกล่าว
เช่น หากในระหว่างปีเกิดเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐวิสาหกิจที่ขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
เห็นควรกำหนดเป็นแนวทางให้รัฐวิสาหกิจสามารถนำเสนอสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นพร้อมรายละเอียดเหตุผลสนับสนุนในการขอปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดหรือค่าเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
เพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาภายในสิ้นปีงบประมาณนั้น ๆ ต่อไป
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 904 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2563 | กค. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เพื่อทราบสถานะการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (กรอบวงเงิน ๑ ล้านล้านบาท)
รวมทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 905 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... รวม ๒
ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 906 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปี พ.ศ. 2562 | กค. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๗๔
โครงการ (เป็นโครงการต่อเนื่อง ๑๐ โครงการ) โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดแล้ว รวมทั้งสิ้น ๔๗ โครงการ
(ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ รวมจำนวน ๒๒ โครงการ)
โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒ จำนวน ๒๕ โครงการ แบ่งเป็น (๑) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี
๒๕๖๒ จำนวน ๑๗ โครงการ โดยมีโครงการที่ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด
จำนวน ๑๖ โครงการ และโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด
จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์
และ (๒) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ และ ๒๕๖๔
แต่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๙ โครงการ
โดยทั้ง ๙ โครงการ มีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและการให้ความรู้ทางการเงิน
เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ประชาชนและองค์กรการเงินชุมชน
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารออมสิน
โครงการการพัฒนาและยกระดับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้หลุดพ้นความยากจน
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และโครงการการจัดอบรม/สัมมนา
“บ่มเพาะชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง” ของธนาคารออมสิน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 907 | ขออนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด | กค. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินยืมของบริษัท
ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งต้นเงินยืมและดอกเบี้ย
รวมทั้งดอกเบี้ยผิดนัดจากสัญญาเดิมนับแต่ปี ๒๕๖๓ ออกไปอีก ๒๕ ปี (๒๕๖๓-๒๕๘๗) และให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระคืนเงินยืมจากสัญญาเดิม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ซี่งมีเงื่อนไขให้บริษัทฯ
ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑.๑
พักชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา ๗ ปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๙
โดยภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในระยะเวลา ๗ ปีของช่วงพักชำระหนี้ดังกล่าว ให้บริษัทฯ
นำไปเฉลี่ยทยอยชำระคืนแก่กระทรวงการคลังในช่วงชำระคืนต้นเงินยืม ๑.๑.๒
ทยอยชำระคืนต้นเงินยืม พร้อมดอกเบี้ยให้แก่กระทรวงการคลังภายในกรอบระยะเวลาชำระ ๑๓
ปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๗๐-๒๕๘๒ ๑.๑.๓
ปรับอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระใหม่ โดยใช้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (Government
Bond Yield) อายุ ๒๐ ปี ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ทศนิยมไม่เกิน ๓
ตำแหน่ง) ทั้งนี้ ในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๓ ให้บริษัทฯ
ยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ร้อยละ ๓.๗๘ ต่อปี
และจะเริ่มปรับใช้อัตราดอกเบี้ยใหม่นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ๑.๑.๔
ทยอยชำระคืนดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาเดิม ภายหลังการชำระคืนต้นเงินยืมเสร็จสิ้น
ภายในกรอบระยะเวลาชำระ ๕ ปี (ปี ๒๕๘๓-๒๕๘๗) ๑.๒
ให้จัดทำสัญญาและตารางการชำระคืนเงินยืมใหม่ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดภายใต้เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติดังกล่าวข้างต้น
โดยให้คำนึงถึงสภาพคล่องของบริษัทฯ ให้มีเพียงพอต่อการดำเนินกิจการ เพื่อให้บริษัทฯ
สามารถชำระคืนเงินยืมที่มีกับกระทรวงการคลังได้ทั้งหมดต่อไป ทั้งนี้ ภายใต้กรอบระยะเวลาการชำระหนี้ หากบริษัทฯ
มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA : Earnings Before Interest
Tax Depreciation and Amortization) ประจำปี หลังหักชำระคืนเงินยืมตามงวดชำระที่มีกับกระทรวงการคลังแล้วเกิน
๑๐๐ ล้านบาท เห็นควรให้บริษัทฯ ชำระคืนเงินยืมจากกำไรก่อน ดอกเบี้ย ภาษี
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายส่วนเกิน ๑๐๐ ล้านบาท ดังกล่าว อีกร้อยละ ๕๐
และบริษัทฯ สามารถชำระคืนเงินยืมให้แก่กระทรวงการคลังก่อนครบกำหนดทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ๑.๓
มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำกับติดตามการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
ตามแผนธุรกิจและแผนการปรับโครงสร้างหนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินการของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์การจัดตั้งและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังกำหนดระยะเวลาชำระหนี้เงินยืมในส่วนของเงินต้นคงค้างเป็นรายงวดอย่างเหมาะสมและชัดเจน
เพื่อลดความเสี่ยงในการไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้นคงค้างทั้งจำนวน ดอกเบี้ย
และดอกเบี้ยผิดนัดจากสัญญาเดิม โดยการกำกับติดตามการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐพิจารณาเลือกใช้บริการทดสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าและบริการอื่น ๆ
ของบริษัทฯ เป็นลำดับแรก เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของบริษัทฯ ให้มีสภาพคล่องและเพียงพอต่อการชำระหนี้ได้ต่อไป
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ [เรื่อง ขออนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท
ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด] อย่างเคร่งครัดด้วย
๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 908 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ | กค. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพิชิต อัคราทิตย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 909 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๔ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๔
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ขอให้ กนง.
เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
และสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการเงินในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถกลับเข้าสู่เป้าหมายของนโยบายการเงินควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพในระบบการเงินของประเทศ
รวมทั้งมีความยืดหยุ่นต่อเงื่อนไขของการดำเนินนโยบายการเงินและความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 910 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วยรายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๑ ผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อและรับประกัน และทิศทางและแผนงานปี
๒๕๖๓-๒๕๖๗ ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 911 | ของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่
๒๕๖๔ ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) โครงการคนละครึ่ง
ระยะที่ ๒ (๒) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๒
(๓) การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (๔)
โครงการกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ ๑๐ บาท นิวนอร์มอลพลัส (๕) มาตรการเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางการเงิน
เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ (๖)
โครงการไมโครไซต์ศูนย์รวมความรู้การระดมทุนผ่านตลาดทุน (โครงการไมโครไซต์ Start
to Grow) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 912 | โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ปี
๒๕๖๔ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ได้แก่ (๑)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารออมสิน (๒) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(๓) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) (๔)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) (๕) โครงการของขวัญปีใหม่ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๖) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
และ (๗) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 913 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2562 | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๒ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะอย่างเคร่งครัดต่อไป
โดยในการประชุมคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕
มิถุนายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๕๓ แห่ง
รวมทั้งมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมและในรายสาขาเพื่อให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งต้องทบทวนและปรับตัวให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ความปกติใหม่
และต้องเร่งพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำแผนพัฒนาองค์กรปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘
และแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๓ (ฉบับปรับปรุง ตุลาคม ๒๕๖๓)
โดยมีการวางแผนและกำหนดแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับสภาพการแข่งขัน
ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง ทิศทางและแนวโน้มของธุรกิจสื่อ
รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัท
อสมท จำกัด (มหาชน)
ควรให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการบริหารจัดการที่ดีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมูลค่าสูงด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 914 | การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานของโครงการกระตุ้นการเดินทาง
“Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้
รวมใจช่วยชาติ” และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ซี่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
จากเดิมที่มีผลใช้บังคับตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๙๗) พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่พื้นที่เมืองรอง
รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาล
โดยให้กระทรวงการคลังประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการ
ตลอดจนภาระทางการคลังที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินมาตรการ
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 915 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2565-2568) | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๘)
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในการบริหารนโยบายการคลังในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านรายรับและรายจ่าย เพื่อรักษาดุลการคลังให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และในระยะปานกลางควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้โดยการทบทวนโครงสร้างภาษีในปัจจุบันควบคู่กับใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดเก็บรายได้
การควบคุมการจัดสรรงบประมาณ
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และการเพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการบริหารหนี้สาธารณะตามที่เสนอไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
เพื่อรักษากรอบวินัยการเงินการคลังและฐานะการคลังของภาครัฐ นอกจากนี้
ควรมีการประเมินผลกระทบต่อฐานะการคลังภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (scenario
planning) เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือได้อย่างทันการณ์
และให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการคลังและฐานะการคลังในระยะข้างหน้า
โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพสู่ความยั่งยืนทางการคลังผ่านหลัก 3Rs ได้แก่ (๑) Reform : การปฏิรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
(๒) Reshape : การปรับโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณ และ (๓) Resilience
: การบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีภูมิคุ้มกันและสามารถรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 916 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 (โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2) | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบความเห็นและการดำเนินงานในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๓
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่เสนอให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ ๒.๑
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ที่เห็นควรเร่งดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ
เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือแบบมุ่งเป้าหมายหรือระบบสวัสดิการแห่งรัฐ
ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 917 | รายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program (Loan Numbers 3945/3949-THA) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เพื่อกู้เงินวงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากธนาคารพัฒนาเอเชีย
โดยรายละเอียดสัญญาเงินกู้ดังกล่าวมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ทุกประการ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังได้ส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินดังกล่าวไปเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 918 | รายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) วงเงิน ๔,๒๗๗ ล้านบาท
โดยมีพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยน (Source Bond) จำนวน ๑ รุ่น คือ พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A
ครบกำหนดในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ และพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อนำมาแลกเปลี่ยน
(Destination Bond) จำนวน ๒ รุ่น ประกอบด้วย (๑)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ รุ่น LB256A อายุ
๔.๖๑ ปี จำนวน ๑,๗๖๗ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๙๕๐ ต่อปี และ (๒)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ รุ่น LB29DA อายุ
๙.๑๒ ปี จำนวน ๒,๕๑๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๖๐๐ ต่อปี
๒.
กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) ดังกล่าว
เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 919 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวกุลยา
ตันติเตมิท ประธานกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ๒. นายนราธร
วงศ์วิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการเงินการคลัง) ๓. นายนิธิศวร์
ตั้งสง่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการเงินการคลัง) ๔. นายชาญชัย
บุญฤทธิ์ไชยศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านกฎหมาย) ๕. นางสาวบัณฑรโฉม
แก้วสอาด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการเงินการคลัง)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 920 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข) | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย เพื่อสัปเปลี่ยนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายประภาศ คงเอียด ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง ๓. นางปานทิพย์ ศรีพิมล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
