ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 51 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 1001 - 1020 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1001 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน) | กค | 12/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน) มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ซึ่งมีเงินได้ปีละไม่เกิน ๑.๘ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี ทั้งนี้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) กระทรวงการคลังควรประเมินผลการดำเนินมาตรการภาษีดังกล่าว และรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ รวมทั้งกำกับให้วิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จัดทำบัญชี รายงานแสดงรายได้และรายจ่ายประจำวัน และยื่นแบบแสดงรายการภาษี (๒) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๘ อย่างเป็นรูปธรรม และ (๓) กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ให้วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศทราบและเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนด้านอื่น ๆ เช่น โครงการอบรมถ่ายทอดความรู้ด้านต่าง ๆ โครงการสนับสนุนกระบวนการยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่วิสาหกิจชุมชน และโครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนต้นแบบและขยายผลเป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1002 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | กค | 12/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ จำนวน ๘,๔๑๒ หน่วยงาน จากทั้งหมด ๘,๔๓๑ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๗๗ โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด จำนวน ๖๗ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงิน จำนวน ๑๙ หน่วยงาน ในจำนวนนี้มี ๑๓ หน่วยงาน ที่ส่งรายงานเกินระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่จัดส่งรายงานเป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภายในระยะเวลาที่พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด ให้หน่วยงานรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ ๓. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดควบคุม กำกับดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดจัดทำบัญชี และรายงานการเงินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ๔. ให้กระทรวงการคลังกำหนดมาตรการและแนวทางในการเร่งรัด ติดตามให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดส่งรายงานการเงินในปีต่อ ๆ ไป ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1003 | โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2563 | กค | 12/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1004 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2562 | กค | 05/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญ เช่น (๑) เป้าหมายนโยบายการเงิน ในปี ๒๕๖๒ กำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ร้อยละ ๒.๕ ? ๑.๕ ส่วนในปี ๒๕๖๓ ได้กำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินใหม่ โดยใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓ เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง (๒) การประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๑ ต่ำลงจากช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๒ ที่ร้อยละ ๒.๗ จากอุปสงค์ต่างประเทศเป็นสำคัญ ในส่วนของเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๓ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ ๒.๘ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ (๓) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๒ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๕๐ ลดลงจากครึ่งแรกของปีที่ร้อยละ ๐.๙๒ จากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และ (๔) การดำเนินนโยบายการเงิน มีการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน และการสื่อสารนโยบายการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ กนง. ประเมินภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของประเทศและรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีเป็นรายไตรมาส เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และรวดเร็วยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1005 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาววีณา ลิ่มสวัสดิ์) | กค | 05/05/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาววีณา ลิ่มสวัสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๓ ซี่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1006 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ [มาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] | กค | 28/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ [มาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรตามโครงการลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation) แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูง) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่การจ้างลูกจ้างที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) สร้างการรับรู้และความเข้าใจ และประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว (๒) อาจพิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการภาษีดังกล่าวเพื่อชักจูงนักลงทุนจากต่างประเทศ และส่งเสริมการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๓) ติดตาม ตรวจสอบให้ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินมาตรการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และ (๔) ศึกษาผลกระทบของการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิตที่มีต่อการจ้างแรงงานในอนาคต โดยเฉพาะแรงงานไร้ฝีมือเพื่อเตรียมความพร้อมในการหามาตรการรองรับผลกระทบดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1007 | การเข้าร่วมกลไกความร่วมมือการจัดเก็บภาษีภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative Tax Administration Cooperation Mechanism : BRITACOM) | กค | 28/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเข้าร่วมกลไกความร่วมมือการจัดเก็บภาษีภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative Tax Administration Cooperation Mechanism : BRITACOM) ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ซึ่งไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีและสามารถเข้าร่วมประชุมเวทีความร่วมมือด้านภาษี (Belt and Road Initiative Tax Administration Cooperation Forum : BRITACOF) ได้ ๑.๒ การเข้าร่วมเวทีเครือข่ายความร่วมมือด้านภาษีเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดเก็บภาษี (Belt and Road Initiative Tax Administration Capacity Enhancement Group : BRITACEG) ในฐานะสมาชิก ซึ่งไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรสามารถเข้าร่วมฝึกอบรมและวิจัยได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเข้าร่วมดังกล่าวกำหนดให้ต้องส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมหรือสัมมนาในเวทีต่าง ๆ ในต่างประเทศ จึงเห็นควรให้กรมสรรพากรใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่ได้กำหนดไว้ในแผนประมาณการค่าใช้จ่ายประจำปีไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1008 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 1 | กค | 28/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1009 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2562) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๒) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย (๑) ภาวะเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่องจากครึ่งแรกของปี โดยการส่งออกสินค้าหดตัวต่อเนื่องตามปริมาณการค้าโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญที่มีแนวโน้มชะลอตัวมากขึ้น การส่งออกบริการกลับมาขยายตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงตามกำลังซื้อที่อ่อนแอลง การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงตามแนวโน้มอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดลง ด้านการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวเป็นผลจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ยังไม่ประกาศใช้ และภาวะการเงินยังอยู่ในระดับผ่อนคลายเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับลงตามตลาดโลก ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงตามอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัว และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้ อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง ณ สิ้นปี มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ และ (๒) การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดำเนินงานและประเมินผลนโยบาย ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบายการเงิน ด้านสถาบันการเงิน และระบบการชำระเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1010 | แก้ไขกฎกระทรวงที่ทับซ้อนกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย รวม 7 ฉบับ | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๗ ฉบับ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialised Financial Institutions : SFIs) ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแล SFIs ของธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่องการดำรงเงินกองทุนและการดำรงเงินสดสำรองและสินทรัพย์สภาพคล่องของ SFIs ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำรงเงินกองทุนเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน หรือภาระผูกพันตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินสดสำรองและสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินสดสำรองและการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำรงเงินสดสำรองและสินทรัพย์สภาพคล่องตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๓. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๙ และให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยดำรงเงินกองทุนเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน หรือภาระผูกพันตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๔. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยดำรงเงินกองทุนเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน หรือภาระผูกพันตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๕. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยดำรงเงินสดสำรองและสินทรัพย์สภาพคล่องตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๖. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ ซึ่งเกี่ยวกับการดำรงเงินกองทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยดำรงเงินกองทุนเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน หรือภาระผูกพันตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๗. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยดำรงเงินกองทุนเป็นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนี้สิน หรือภาระผูกพันตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1011 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ ภายใต้วงเงินงบประมาณจำนวน ๒,๙๑๐.๓๙ ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐๖.๖๑ ล้านบาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๒,๘๐๓.๗๘ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม ๒,๘๐๓.๗๘ ล้านบาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงิน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ธ.ก.ส. บวกร้อยละ ๑ ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินรวม ๒,๙๘๐.๒๔ ล้านบาท ๑.๓ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๓ ให้ได้ตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลาการเอาประกันภัยของเกษตรกร ทั้งในส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๒ (Tier 1 และ Tier 2) พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย และร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมาย และรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๕ มอบหมายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยพิจารณากำหนดรูปแบบการประเมินความเสียหายแก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ร่วมกับ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ๑.๖ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต ๒๕๖๓ ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการหารือเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินในการดำเนินการ ซึ่งจะต้องไม่เกินสัดส่วนตามประกาศของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ รวมทั้งการศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง ตลอดจนการพิจารณานำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตรอื่น ๆ อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม มาใช้ประกอบการคิดอัตราเบี้ยประกันภัยและการพัฒนาระบบการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างยั่งยืนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปีในปีต่อไป ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๓.๑ ให้พิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการฯ ทั้งในส่วนของการรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยภาคสมัครใจ (Tier 2) รวมถึงการส่งเสริมให้ ธ.ก.ส. ร่วมจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นตามความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ และการประเมินและศึกษาแนวทางการปรับลดสัดส่วนการอุดหนุนของภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกันภัยตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓.๒ ให้เร่งดำเนินการนำเสนอโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ก่อนเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการฯ อย่างทั่วถึงและได้รับการคุ้มครองตลอดระยะเวลาการเพาะปลูกข้าวนาปีทั้งฤดูการผลิต ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ (เรื่อง โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๐ และเรื่อง โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1012 | รายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นและเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งลงนามในสัญญาเงินกู้สำหรับโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๙,๔๓๔ ล้านเยน ทั้งนี้ รายละเอียดหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง และสัญญาเงินกู้ฯ มีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓) อนุมัติทุกประการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1013 | อัตราการชดเชยความเสียหายให้สถาบันการเงินตามมาตรา 11 ของพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนออัตราการชดเชยความเสียหายให้สถาบันการเงินตามมาตรา ๑๑ ของพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institutions : SFIs) ได้รับชดเชยความเสียหายจากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดฯ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่น้อยกว่า ๑.๑ ร้อยละ ๗๐ ของจำนวนเงินที่ธนาคารพาณิชย์ และ SFIs ต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม สำหรับผู้ประกอบวิสาหกิจที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ ร้อยละ ๖๐ ของจำนวนเงินที่ธนาคารพาณิชย์ และ SFIs ต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม สำหรับผู้ประกอบวิสาหกิจที่มีวงเงินสินเชื่อเกิน ๕๐ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1014 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ครั้งที่ 2 | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ขยายจำนวนผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิตามมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ให้ครอบคลุมทั่วถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) จากเดิมจำนวน ๙ ล้านคน เป็น ๑๔ ล้านคน และขยายกรอบวงเงินสำหรับใช้ในการดำเนินโครงการจากเดิม จำนวน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท เป็น จำนวน ๒๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน * ๓ เดือน * ๑๔ ล้านคน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับแหล่งที่มาของงบประมาณในการดำเนินมาตรการฯ ให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบผู้ได้รับสิทธิ์มิให้มีความซ้ำซ้อนในการได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการความช่วยเหลืออื่น ๆ ของภาครัฐที่เกี่ยวกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบที่สมควรได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ได้รับผลกระทบทางตรงจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว และผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการการปิดสถานประกอบการของภาครัฐ รวมทั้งพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในแต่ละกลุ่มหรือแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาการประกาศปิดสถานประกอบการในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจัดสรรเงินให้ความช่วยเหลือไปยังกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง และดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1015 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ) | กค | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละยี่สิบห้าของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพตามประเภทที่อธิบดีประกาศกำหนด และได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1016 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สำหรับโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศของ สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงกับระบบ ASEAN Single Window | กค | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สำหรับโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศของ สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงกับระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window : ASW) ในรูปแบบเงินให้เปล่าทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑๘,๘๒๐,๘๐๕.๑๒ บาท โดยใช้เงินสะสมของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง [กรมศุลกากรและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)] รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ในกรณีโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯ ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยอาจพิจารณาใช้โอกาสที่เหมาะสมเร่งรัดและผลักดันประเด็นคงค้างสำคัญอื่น ๆ กับ สปป.ลาว เช่น การผลักดันให้ สปป.ลาว เปิดใช้พื้นที่ควบคุมร่วม (Common Control Area) บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ภายในปี ๒๕๖๓ และในการดำเนินโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯ ควรมีการจัดทำแผนงานที่มีกลไกการติดตามให้เป็นไปตามกรอบ รวมถึงมีการประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ควรหารือร่วมกับ สปป.ลาว ในการพัฒนาและดูแลระบบ รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลและเอกสารอื่น ๆ ในทุกด่านพรมแดนถาวรด้วยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1017 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทย) | กค | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทย) มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรให้แก่สภากาชาดไทย ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังของประเทศ และการจัดทำข้อมูลของเงินบริจาคที่สภากาชาดไทยในฐานะหน่วยรับงบประมาณได้รับในห้วงเวลาดังกล่าว เพื่อใช้ประกอบการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐที่จะต้องคำนึงถึงฐานะเงินนอกงบประมาณ ความครอบคลุมของรายได้ หรือเงินอื่นใดที่มีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้ ตามภารกิจและความจำเป็นที่เหมาะสม ตลอดจนการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1018 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐอื่น ตามนัยมาตรา 6 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 | กค | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐอื่น ตามนัยมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1019 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศสำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยและดอกเบี้ยพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) | กค | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศสำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยและดอกเบี้ยพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือดอกเบี้ยพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อให้มาตรการภาษีในเรื่องนี้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๗/๒๕๖๑ เรื่อง การยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรบางกรณี ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ เป็นมาตรการระยะยาว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1020 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ จากไม่เกินร้อยละ ๓๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๔๐ เพื่อเป็นการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศที่มีความหลากหลาย และมีสภาพคล่องสูงกว่าตลาดในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น กระทรวงการคลังควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศดังกล่าวอย่างรอบคอบด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....