ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 49 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 961 - 980 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 961 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๕ คน (นับรวมประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
และผู้จัดการซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
ที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
จำนวน ๓ คน แทนรองประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้
ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายทองเปลว กองจันทร์
รองประธานกรรมการ ๒. นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง กรรมการ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 962 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอารักษ์ โพธิทัต) | กค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายอารักษ์ โพธิทัต เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 963 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางอัญชลี ศรีอำไพ) | กค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางอัญชลี ศรีอำไพ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกองบัญชีภาครัฐ
กรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบบัญชี (นักบัญชีทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 964 | มาตรการ "ช้อปดีมีคืน" | กค. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ของกระทรวงการคลัง
เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศในช่วงปลายปี ๒๕๖๓
โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
หักลดหย่อยค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ
สำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน
๓๐,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังและบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรให้บริษัท
ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าร่วมการดำเนินการตามมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”
รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดราคาค่าบริการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการเพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการบางประเภทให้แก่ผู้ขายสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
ซึ่งได้แก่ ค่าซื้อหนังสือ
หรือค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
และค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 965 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | กค. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม
ประเมินผล
และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตาม
ประเมินผล
และการรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงการคลังจะต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ที่รัฐบาลได้รับจากการใช้จ่ายเงินกู้ตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วยอยู่แล้ว
จึงไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รายงานสรุปผลดังกล่าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด เป็นต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลและรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงาน/โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 966 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) จำนวนทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล
ใน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวสวนยาง จำนวน ๕,๐๐๐
ล้านบาท และ (๒)
โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต
๒๕๕๙/๒๕๖๐ จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 967 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามที่ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ๑.๑ รับทราบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๑.๑.๑ รับทราบการปรับลดกรอบวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (พ.ร.ก. กู้เงินโควิด-๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓) ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จากเดิม ๖๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยนำวงเงินกู้ที่ได้ปรับลดมาบรรจุในแผนฯ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ๑.๑.๒ อนุมัติแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ที่ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๑,๔๖๕,๔๓๘.๖๑ ล้านบาท
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๑,๒๗๙,๔๔๖.๘๐ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน
๓๘๗,๓๕๔.๘๔ ล้านบาท ๑.๑.๓ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔
แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ
การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ
(Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ เท่าสามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งดังกล่าว
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย ๑.๑.๔
รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง ๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๘)
และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๑.๒
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒.
ให้ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) ควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๔ แห่งดังกล่าว ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า
๑ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการฯ อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการให้มีการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินโควิด-๑๙ พ.ศ.
๒๕๖๓ และ (๒) การดำเนินโครงการภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
จะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ แผนการใช้จ่ายและการลงทุนต้องเป็นไปตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและความสามารถในการชำระหนี้ด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 968 | การดำเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า "เบญจกิติ" | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า
“เบญจกิติ” โดยมีแผนการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
และแบ่งการก่อสร้างออกเป็น ๒ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑
จะก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔
เพื่อให้มีช่วงเวลาสำหรับจัดเตรียมงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔
และระยะที่ ๒ ดำเนินการในส่วนงานสวนที่เหลือ
งานปรับปรุงอาคารเดิมให้เป็นอาคารกีฬาและอาคารพิพิธภัณฑ์
กำหนดแล้วเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 969 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ..) | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราอากร ๑
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และยกเลิกบัญชีอัตราอากร ๓
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วให้ใช้บัญชีอัตราอากร ๓ ท้ายร่างประกาศฉบับนี้แทน
เพื่อให้สิทธิตามหลักการต่างตอบแทนแก่สาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (Asean-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำตามมาตรา
๒๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
๓.
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรประสานความร่วมมือให้สาธารณรัฐเกาหลีเร่งลดภาษีในรายการสินค้าอ่อนไหวของตนเพื่อประโยชน์ต่อผู้ส่งออกของไทย
และประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบมาตรการดังกล่าวอย่างทั่วถึง และควรมีการติดตามข้อมูลการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ว่าในแต่ละปีมีสถิติการนำเข้า/ส่งออกมากน้อยเพียงใด
เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสถิติที่ได้ประมาณการไว้ และมีการสอบถามข้อมูลความเห็นเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการต่อการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ในโอกาสแรก รวมทั้งควร จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่ได้รับในครั้งนี้ให้ชัดเจน
ตลอดจนจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้ประกอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 970 | การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา | กค. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ (ระยะเวลา ๑๒ เดือน) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๔๒๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ให้แก่กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมสำหรับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ตามที่ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
คำนึงถึงความคุ้มค่า เหมาะสม ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
รวมถึงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลการใช้จ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐ
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินของภาครัฐเป็นไปอย่างคุ้มค่า
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 971 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาลของโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี
ปีการผลิต ๒๕๕๙/๒๕๖๐ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และการดำเนินโครงการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่และการจัดสรรสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 972 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑
การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๔
แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้
จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๐๖๑ คน
มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๐,๐๓๔ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๔ ๑.๒.
การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสากิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสาหกิจ
๒๖ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓) โดยรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น. ๒. ให้กระทรวงการคลังยุติการรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง
รายงานข้อมูลการปฏิบัติงานใน-นอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)] เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้คลี่คลายลง
และรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ได้ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งในภาพรวม
รวมทั้งวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และข้อเสนอแนะ ต่อการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 973 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) มีรัฐวิสาหกิจ ๑๔
แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้
จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๕๗๔ คน
มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๒,๔๓๙ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕ ๒.
การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา)
มีรัฐวิสาหกิจ ๒๑ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) โดยรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 974 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓
เกี่ยวกับประเภทของพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนและกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับพัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพพัสดุส่งเสริมพัสดุที่ผลิตในประเทศ
และพัสดุส่งเสริมพัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เห็นว่า
ร่างกฎกระทรวงตามหมวด ๒ ข้อ ๖ (๖) เป็นการครอบคลุมกิจการเพียง ๒ ประเภท ได้แก่
กิจการผลิตสินค้า และกิจการให้บริการ จากทั้งหมด ๔ ประเภท ที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๓
แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓
ซึ่งประกอบด้วยกิจการผลิตสินค้า กิจการให้บริการ กิจการค้าส่ง และกิจการค้าปลีก
นอกจากนี้
กิจการค้าส่งและกิจการค้าปลีกเป็นการประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ที่มีการจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐเป็นลำดับ ๒ รองจากการก่อสร้าง
จึงเห็นควรที่จะต้องกำหนดให้มีการครอบคลุมกิจการค้าส่งและค้าปลีก
รวมทั้งเห็นควรปรับปรุงรายละเอียดของหมวด ๒ ข้อ ๗ (๒) (ก) จาก “รายการสินค้า” เป็น
“รายการสินค้าบริการ”
เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างทางธุรกิจของผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
และสอดคล้องกับประเภทการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ
(จ้างทำของ/จ้างเหมาบริการ) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ทุกปีงบประมาณไปยังสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านระบบการรายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Government Procurement : e-GP) และการขึ้นบัญชีรายการพัสดุและบัญชีรายชื่อผู้ประกอบการไทย
ควรกำหนดให้สะดวกและไม่เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการไทย
โดยอาจดำเนินการโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
รวมทั้งต้องมีความโปร่งใสตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 975 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรเชียงแสน) | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน พ.ศ.
๒๕๖๐ เพื่อปรับปรุงสถานที่ตั้งด่านศุลกากร เขตศุลกากร
และด่านพรมแดนของด่านศุลกากรเชียงแสน
เนื่องจากด่านศุลกากรเชียงแสนได้ย้ายสถานที่ปฏิบัติราชการไปสถานที่แห่งใหม่
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรและการตรวจของที่ขนส่งมาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 976 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายจำเริญ โพธิยอด ฯลฯ รวม 4 ราย) | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายจำเริญ
โพธิยอด ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพชร
อนันตศิลป์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ๓. นายลวรณ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต ๔. นางวรนุช ภู่อิ่ม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 977 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม รวม 2 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน] | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะการดำเนินการด้านการพาณิชย์หรือการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
และกำหนดหลักเกณฑ์ให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ๒. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๗๑ ตรี
วรรคสาม มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ต่อรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาทไม่ต้องรายงานข้อมูลและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 978 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม รวม 2 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม] | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะการดำเนินการด้านการพาณิชย์หรือการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
และกำหนดหลักเกณฑ์ให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ๒. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๗๑ ตรี
วรรคสาม มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ต่อรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาทไม่ต้องรายงานข้อมูลและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 979 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายจำเริญ โพธิยอด ฯลฯ รวม 4 ราย) | กค. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ถอนเรื่อง
การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง คืนไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 980 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่
๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๔
แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๓-๗ สิงหาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้
จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสากิจทั้งหมดจำนวน ๒๗๒,๕๔๐ คน
มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๑,๗๗๗ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๔ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๓-๗ สิงหาคม ๒๕๖๓) โดยรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
