ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 921 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.
๒๕๔๕ โดยกำหนดให้บริษัทข้อมูลเครดิตสามารถรับผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางที่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อสามารถเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตได้
เพื่อให้สามารถนำส่งข้อมูลของผู้ใช้บริการขอรับสินเชื่อผ่านระบบหรือเครือข่ายการให้บริการของตนให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 922 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่
๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 923 | รายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564) ประจำปี 2562 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย
ฉบับที่ ๓ (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ประจำปี ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนฯ ประจำปี ๒๕๖๒
ซี่งมีแผนงานที่ดำเนินงานแล้วเสร็จ จำนวน ๒๔ แผนงาน แผนงานที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
จำนวน ๑๐ แผนงาน แผนงานที่ล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน ๑๑ แผนงาน
และแผนงานที่ไม่เป็นไปตามแผน จำนวน ๑ แผนงาน และ (๒)
การประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ระยะครึ่งแผน ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการดังกล่าว
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนการพัฒนาตลาดทุนฯ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 924 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 50 และมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2563 (รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ
และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๕๐
และมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ
วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ภาระหนี้ประกอบกับแผนการกู้เงินและการชำระหนี้ในอนาคตพบว่า
อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 925 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 50 และมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2563 (รายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง มาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2563) | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ
และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๕๐
และมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ
วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ภาระหนี้ประกอบกับแผนการกู้เงินและการชำระหนี้ในอนาคตพบว่า
อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 926 | รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรายงานดังกล่าวมีเกณฑ์ในการจัดทำ ขอบเขตของรายงาน
และข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำ ประกอบด้วย ข้อมูลการรับและการจ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐที่ได้รับจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ รายได้แผ่นดินที่หน่วยงานของรัฐจัดเก็บและนำเงินส่งคลัง
(รายได้จากภาษีอากร รายได้ค่าธรรมเนียม รายได้จากรัฐพาณิชย์)
รายรับจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ รายจ่ายตามงบประมาณ
(รายจ่ายของหน่วยงานและรายจ่ายงบกลาง) ข้อมูลรายจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี
และรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง
ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประมวลข้อมูลดังกล่าวจากรายงานระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (MIS) และข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐบันทึกเข้ามาในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์
(GFMIS) ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 927 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2562 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
ผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน บทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน
และข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 928 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยผลการดำเนินงานของ
บตท. ในปี ๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๑ ทิศทางและนโยบายการดำเนินงานของ บตท.
และผลการดำเนินงานที่สำคัญ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 929 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 14 | กค. | 15/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป
(Asia-Europe Finance Ministers’ Meeting
: ASEM FinMM) ครั้งที่ ๑๔
ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมการประชุม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-๑๙
ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกไปแล้วมากกว่า ๑ ล้านคน และส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
รายได้ การประกอบธุรกิจ การลงทุน การค้า และวิถีการดำรงชีวิตประจำวัน
รวมถึงความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยผู้แทนจากธนาคารโลก
ธนาคารพัฒนาเอเชีย
และกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้นำเสนอภาพรวมการรับมือกับโควิด-๑๙ ของประเทศต่าง
ๆ ซึ่งมีการใช้นโยบายการเงินและการคลังเป็นมาตรการพื้นฐาน
และมีข้อเสนอแนะเพื่อการฟื้นตัวในระยะยาว เช่น การนำระบบดิจิทัลมาปรับใช้
การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในระยะยาว และการให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
เป็นต้น ๒. ประสบการณ์ในการรับมือและใช้มาตรการต่าง
ๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศสมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการรับมือและการใช้มาตรการต่าง
ๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-๑๙ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอมาตรการที่รัฐบาลไทยใช้ในการรับมือกับการระบาดของโควิด-๑๙
ในช่วงที่ผ่าน ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์กลางในการบริหารจัดการด้านนโยบาย
มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
และการรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและการปฏิรูปโครงสร้างของประเทศในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 930 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน 2563) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี
(มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๓) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.
ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓ หดตัวสูง
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ซึ่งมาตรการปิดเมืองที่เข้มงวดส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว
การส่งออกบริการภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ
การส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากรายได้ของประเทศคู่ค้าอ่อนแอลง การบริโภคภาคเอกชนหดตัวสูงตามการจ้างงาน
รายได้ครัวเรือน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงตามภาวะอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ
และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับลดลงตามผลประกอบการและความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า นอกจากนี้
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศมีความเปราะบางมากขึ้น
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบตามราคาหมวดพลังงาน
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวกแต่ปรับลดลงมากตามอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอลง
และอัตราการว่างงานเร่งตัวขึ้นมาก ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลงจากเดือนธันวาคม
๒๕๖๒
เนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดปรับลดลงมากตามรายรับจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง
ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ในภูมิภาคและประเทศไทย ๒.
การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
การดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นในช่วงร้อยละ ๑-๓
การผลักดันความเชื่อมโยงทางการเงินในภูมิภาค
และการส่งเสริมการเข้าถึงและการใช้บริการชำระเงิน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 931 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2563 | กค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา
๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ (๑)
รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว
และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ และ (๒)
รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๕
โครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 932 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 10 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรายงานฯ
กล่าวถึงรายละเอียดการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
ซึ่งประกอบด้วย รายละเอียดของการกู้เงิน และวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกู้
และผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับหรือคาดว่าจะได้รับ ซึ่งประกอบด้วย
รายละเอียดโครงการและผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับของโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๔ โครงการ
(เป็นโครงการตามแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพี่อช่วยเหลือ เยียวยา
และชดเชย ให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซี่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 933 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน จำนวน ๓
คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๘ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นางกฤษณา
ลิ่มสุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๓. นางสาวสุลักขณา
ธรรมานุสติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 934 | รายงานความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 | กค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
กฎหมายลำดับรองที่ประกาศใช้บังคับแล้ว รวม ๒ ฉบับ คือ
ระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
และประกาศกำหนดวิธีการและขั้นตอนการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ๒.
กฎหมายลำดับรองที่ยังไม่ประกาศใช้บังคับภายใน ๑ ปี รวม ๑๑ ฉบับ ๒.๑
เนื่องจากยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในปัจจุบัน รวม ๑ ฉบับ คือ
ระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งคุณสมบัติและคุณลักษณะต้องห้าม องค์ประกอบ
และวิธีการปฏิบัติหน้าที่
และวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของที่ปรึกษาหรือคณะที่ปรึกษา ๒.๒
เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้จัดทำหลักเกณฑ์แล้ว
แต่อยู่ระหว่างคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
และคณะกรรมการกลั่นกรองกรรมการรัฐวิสาหกิจพิจารณาเพื่อประกาศใช้บังคับต่อไป รวม ๓
ฉบับ คือ ประกาศกำหนดแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจ
หลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ
และหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และระยะเวลาในการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ๒.๓
เนื่องจากอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดำเนินการเพื่อจัดทำหลักเกณฑ์
รวม ๓ ฉบับ คือ หลักเกณฑ์การจัดทำแผนวิสาหกิจและแผนปฏิบัติการประจำปี
ประกาศกำหนดทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และสมรรถนะหลักของกรรมการรัฐวิสาหกิจ
และหลักเกณฑ์การจัดทำรายงานการดำเนินงานประจำปีของรัฐวิสาหกิจ ๒.๔ เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจเพื่อพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์
เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ รวม ๓ ฉบับ
หลักเกณฑ์กำหนดแนวทางให้กระทรวงเจ้าสังกัดเสนอกรอบนโยบายการพัฒนาและทิศทางการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
หลักเกณฑ์การจัดทำผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจตามแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ
และหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ๒.๕ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้เสนอปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๔ รวม ๑ ฉบับ คือ หลักเกณฑ์การจัดทำบัญชีและวิธีการคำนวณวงเงินชดเชย
และการเปิดข้อมูลต่อสาธารณชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 935 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2563 | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ เช่น (๑) เป้าหมายนโยบายการเงิน กนง. ดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น โดยให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคาในระยะปานกลางเป็นเป้าหมายหลักควบคู่กับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ รวมถึงการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน โดยใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓ เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลางและสำหรับปี ๒๕๖๓ (๒) ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓ เศรษฐกิจไทยหดตัวรุนแรง (ไตรมาสที่ ๑ หดตัวร้อยละ ๒ ส่วนไตรมาสที่ ๒ หดตัวร้อยละ ๑๒.๒ จากระยะเดียวกันของปีก่อน) และประมาณการเศรษฐกิจ ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวที่ร้อยละ ๘.๑ ในปี ๒๕๖๓ และจะกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ ๕.๐ ในปี ๒๕๖๔ และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงิน (อัตราดอกเบี้ย) ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ๓ ครั้ง จากร้อยละ ๑.๒๕ มาอยู่ที่ร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 936 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2562 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ประจำปี 2563 | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(กบข.) และบริษัทย่อย ปี ๒๕๖๒ และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ประจำปี ๒๕๖๓
โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับงบการเงินของ กบข. ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วและเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรให้สาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก กบข. ประจำปี ๒๕๖๓
เกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 937 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประจำปีบัญชี 2562 (วันที่ 1 เมษายน 2562 - 31 มีนาคม 2563) | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๓ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓)
โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับงบการเงินของ ธ.ก.ส. ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและเห็นว่าผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีบัญชี
๒๕๖๒ ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
การดำเนินงานที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ ปีบัญชี ๒๕๖๒ และทิศทางและนโยบายการดำเนินงานในปีบัญชี
๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 938 | การออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)
(สพพ.) ดำเนินการกู้ยืมเงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของ สพพ.
วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนจากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมน
(เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑,๕๔๙.๒๑ ล้านบาท อายุสัญญา ๕ ปี
(ครบกำหนดอายุสัญญา ๒๕ เมษายน ๒๕๖๕ ปัจจุบันอายุสัญญาเงินกู้คงเหลือประมาณ ๒ ปี)
อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๒.๙๐ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้ สพพ. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
และหาก สพพ. มีเงินสะสมเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการอื่น
เห็นควรให้นำเงินสะสมดังกล่าวมาชำระหนี้เงินกู้ เพื่อลดภาระงบประมาณและดอกเบี้ยเป็นลำดับแรก
และ (๒) ให้ สพพ.
ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา
และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจายภาระหนี้
รวมถึงเสถียรภาพ และความยั่งยืนทางการเงินของ สพพ. เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 939 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 9 และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 4 | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๙ (โครงการ PGS ระยะที่ ๙)
และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ
Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๔ (โครงการ Micro
Entrepreneurs ระยะที่ ๔) พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณวงเงินรวมไม่เกิน
๒๔,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการ PGS ระยะที่ ๙
และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวมไม่เกิน ๕,๗๕๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการ Micro
Entrepreneurs ระยะที่ ๔ (รวม ๒ โครงการ
ขออนุมัติงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น ๒๙,๗๕๐ ล้านบาท) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบเพื่อควบคุมสัดส่วนของภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing Guarantee : NPG) โดยพิจารณาสัดส่วนการชดเชยภาระค้ำประกันและอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อที่เหมาะสม
และจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดอย่างถูกต้องครบถ้วนและเป็นรูปธรรม
และการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
รวมทั้งการสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนเร่งรัดดำเนินมาตรการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับภาระงบประมาณของโครงการฯ ให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) ดำเนินตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม)
หารือร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ
เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPG)
เพิ่มขึ้นในระบบ และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครงการในระยะต่อไปอีก ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมประเมินผลการดำเนินโครงการ
(ผลการค้ำประกันสินเชื่อ) ในช่วงที่ผ่านมา
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 940 | ร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. .... | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี [Chiang
Mai Initiative Multilateralisation (CMIM) Agreement] ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
พ.ศ. .... รวมถึงหนังสือแนบท้ายที่ต้องมีการลงนามเพิ่มเติมเมื่อมีการขอรับการช่วยเหลือรวม
๔ ฉบับ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลง CMIM ฉบับปัจจุบันที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ เพื่อให้กลไก CMIM มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยมีประเด็นสำคัญที่ทำการแก้ไข คือ (๑)
การเพิ่มสัดส่วนการให้ความช่วยเหลือกรณีที่ไม่เชื่อมโยงกับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
จากร้อยละ ๓๐ เป็นร้อยละ ๔๐ ของวงเงินขอรับความช่วยเหลือสูงสุด (๒)
การยินยอมให้สามารถเลือกสมทบหรือขอรับความช่วยเหลือภายใต้กลไก CMIM เป็นเงินสกุลท้องถิ่นตามหลักความสมัครใจ และ (๓)
การเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเนื่องจากจะยกเลิกการใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกรุงลอนดอน
(London Interbank Offered Rate : LIBOR) ในสิ้นปี ๒๕๖๔
และการแก้ไขประเด็นเชิงเทคนิคของกลไก CMIM อื่น ๆ เช่น
การปรับระยะเวลาการเบิกถอนเงินให้มีความยืดหยุ่นขึ้น เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติการลงนามในความตกลง CMIM
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และมอบหมายให้ ๑.๒.๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน
ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒.๒
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในหนังสือยืนยันการสมทบเงิน (Schedule
3-Commitment Letter) ในวงเงิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒.๓
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน
ลงนามในหนังสือรับทราบการขอรับความช่วยเหลือ (Schedule 5-Letter of
Acknowledgement) และหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขของความตกลง
(Schedule 6-Letter of Undertaking) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง
CMIM ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒.๔
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทน ลงนามในหนังสือให้ความเห็นทางกฎหมาย (Schedule
7-Legal Opinion) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าความตกลง CMIM
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รวมทั้งหนังสือแนบท้ายอาจเข้าข่ายเป็นสัญญาหรือเอกสารทางกฎหมายที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีอำนาจและหน้าที่ให้คำปรึกษาและตรวจร่าง
ตามมาตรา ๒๓ (๒) ของพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความตกลง CMIM ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
