ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
921 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2563 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่
๑๕-๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้มีการกล่าวถ้อยแถลงในประเด็นต่าง
ๆ เช่น (๑) การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลก (๒) แนวนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก
COVID-19 (๓) การสนับสนุนความช่วยเหลือทางการเงินของกลุ่มธนาคารโลก
เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจแก่ประเทศสมาชิกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และ (๓) การสนับสนุนการขยายระยะเวลาโครงการพักชำระหนี้ (Debt
Service Suspension Initiative : DSSI) ตามข้อเรียกร้องของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(International Monetary Fund : IMF) เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
และขีดความสามารถในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศรายได้น้อย เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
922 | การบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 (Asian Development Fund 13: ADF 13) | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๓ (Asian
Development Fund 13: ADF 13) ของประเทศไทย
จำนวน ๒.๓๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น ๗๑,๒๑๙,๓๒๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑
ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๐.๒๔ บาท โดยแบ่งชำระออกเป็น ๔ งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๗ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
923 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จำนวน ๒,๔๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ
ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ
เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวมีความเหมาะสมกับกระแสเงินสดรับ-จ่ายของกองทุนฯ
และจะทำให้กองทุนฯ มีเงินสดคงเหลือเพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการและภาระชดเชยที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปีงบประมาณ
๒๕๖๕ จำนวน ๓,๔๒๐ ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากกองทุนฯ
ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ
เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
924 | การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีเมื่อวันที่
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งแต่งตั้ง
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑ นายนิพนธ์ ฮะกีมี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายใน คปภ. ๒ นายวรวิทย์ เจนธนากุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชีใน
คปภ. ๓ นายวิชัย อัศรัสกร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจใน
คปภ. ๔ นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินใน
คปภ. ๕ นายสุวิชญ โรจนวานิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ใน
คปภ. ๖ นางฤชุกร สิริโยธิน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ใน
คปภ. ๗ นายรพี สุจริตกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกันภัยใน คปภ.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
925 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยกำหนดให้หน่วยงานผู้เบิกสามารถเปิดบัญชีกับธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งได้ด้วย
นอกเหนือจากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
926 | มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดสนับสนุนให้มีเม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการใช้จ่าย ทั้งรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายลงทุน
และเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้มากที่สุดหรือไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
โดยให้พิจารณาสนับสนุนโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กในเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะเมืองรองเป็นลำดับแรก
และมอบหมายให้หน่วยรับงบประมาณถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ๑.๒
การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการประกอบด้วย
หน่วยรับงบประมาณที่มีงบลงทุนอยู่ในระดับสูง โดยมีที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย
ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย
และที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
และให้มีการติดตามและประชุมหารือเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ เช่น
โครงการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นต้น ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือหรือระบบการติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งผลการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้การติดตามและเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างทันต่อเหตุการณ์และให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงการจัดทำแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในรูปแบบเฉพาะกิจเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙
ในช่วงระหว่างปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓
และให้มีการรายงานผลการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินการ
และข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขต่อคณะรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
927 | สรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
“ชิมช้อปใช้” และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินมาตรการฯ ระหว่างวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒-๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ (๒)
ผลการประเมินผลความคุ้มค่าและแบบสำรวจความพึงพอใจของมาตรการฯ
ในส่วนของความคุ้มค่าและความพึงพอใจ และ (๓) สรุปภาพรวมการดำเนินการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
928 | รายงานผลการดำเนินงานมาตรการของรัฐบาลสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อย | กค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานมาตรการของรัฐบาลสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศ
เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนและก่อให้เกิดการขยายตัวของอุปสงค์การบริโภคในประเทศ
ประกอบด้วย ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑)
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (๒) โครงการคนละครึ่ง และ
(๓) มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ๒.
มาตรการด้านการเงิน
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
รวมไปถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-๑๙
ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย ๔
มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อเพิ่มเติม
พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก (๓) โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะที่ ๘ และ (๔)
โครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
929 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว | กค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว
ประกอบด้วย การปรับปรุงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19) สำหรับกลุ่มผู้ประกอบ SMEs ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง
การปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee
Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan พลัส
การขยายเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว (โครงการ Soft loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย)
วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท
และการขยายเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง
ควรกำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
อย่างครอบคลุม เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
นอกจากนี้ ควรศึกษาและวิเคราะห์ถึงปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินมาตรการในช่วงที่ผ่านมา
รวมทั้งการแก้ไขกฎหมาย
กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือสำหรับการดำเนินมาตรการในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
930 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต | กค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๒ คน ๑.๑ นางดาราพร ถิระวัฒน์ ๑.๒. นายอรรถพล อรรถวรเดช ๒.
ด้านการเงินการธนาคาร ๑ คน นางอัมพร ปุรินทวรกุล ๓.
ด้านคอมพิวเตอร์ ๑ คน นายอนุชิต
อนุชิตานุกูล ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการค้าด้านธุรกิจภาคเอกชน
๑ คน นายธีรนันท์ ศรีหงส์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
931 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๕ คน (นับรวมประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
และผู้จัดการซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
ที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
จำนวน ๓ คน แทนรองประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้
ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายทองเปลว กองจันทร์
รองประธานกรรมการ ๒. นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง กรรมการ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
932 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอารักษ์ โพธิทัต) | กค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายอารักษ์ โพธิทัต เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
933 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางอัญชลี ศรีอำไพ) | กค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางอัญชลี ศรีอำไพ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกองบัญชีภาครัฐ
กรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบบัญชี (นักบัญชีทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
934 | มาตรการ "ช้อปดีมีคืน" | กค. | 12/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ของกระทรวงการคลัง
เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศในช่วงปลายปี ๒๕๖๓
โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
หักลดหย่อยค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ
สำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน
๓๐,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังและบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรให้บริษัท
ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าร่วมการดำเนินการตามมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”
รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดราคาค่าบริการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการเพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการบางประเภทให้แก่ผู้ขายสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
ซึ่งได้แก่ ค่าซื้อหนังสือ
หรือค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
และค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
935 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | กค. | 06/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม
ประเมินผล
และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตาม
ประเมินผล
และการรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงการคลังจะต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ที่รัฐบาลได้รับจากการใช้จ่ายเงินกู้ตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วยอยู่แล้ว
จึงไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รายงานสรุปผลดังกล่าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด เป็นต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลและรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงาน/โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
936 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) จำนวนทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล
ใน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวสวนยาง จำนวน ๕,๐๐๐
ล้านบาท และ (๒)
โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต
๒๕๕๙/๒๕๖๐ จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
937 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามที่ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ๑.๑ รับทราบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๑.๑.๑ รับทราบการปรับลดกรอบวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (พ.ร.ก. กู้เงินโควิด-๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓) ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จากเดิม ๖๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยนำวงเงินกู้ที่ได้ปรับลดมาบรรจุในแผนฯ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ๑.๑.๒ อนุมัติแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ที่ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๑,๔๖๕,๔๓๘.๖๑ ล้านบาท
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๑,๒๗๙,๔๔๖.๘๐ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน
๓๘๗,๓๕๔.๘๔ ล้านบาท ๑.๑.๓ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔
แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ
การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ
(Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ เท่าสามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งดังกล่าว
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย ๑.๑.๔
รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง ๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๘)
และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๑.๒
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒.
ให้ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) ควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๔ แห่งดังกล่าว ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า
๑ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการฯ อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการให้มีการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินโควิด-๑๙ พ.ศ.
๒๕๖๓ และ (๒) การดำเนินโครงการภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
จะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ แผนการใช้จ่ายและการลงทุนต้องเป็นไปตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและความสามารถในการชำระหนี้ด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
938 | การดำเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า "เบญจกิติ" | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนป่า
“เบญจกิติ” โดยมีแผนการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
และแบ่งการก่อสร้างออกเป็น ๒ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑
จะก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔
เพื่อให้มีช่วงเวลาสำหรับจัดเตรียมงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔
และระยะที่ ๒ ดำเนินการในส่วนงานสวนที่เหลือ
งานปรับปรุงอาคารเดิมให้เป็นอาคารกีฬาและอาคารพิพิธภัณฑ์
กำหนดแล้วเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
939 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ..) | กค. | 29/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราอากร ๑
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และยกเลิกบัญชีอัตราอากร ๓
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วให้ใช้บัญชีอัตราอากร ๓ ท้ายร่างประกาศฉบับนี้แทน
เพื่อให้สิทธิตามหลักการต่างตอบแทนแก่สาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (Asean-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำตามมาตรา
๒๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
๓.
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรประสานความร่วมมือให้สาธารณรัฐเกาหลีเร่งลดภาษีในรายการสินค้าอ่อนไหวของตนเพื่อประโยชน์ต่อผู้ส่งออกของไทย
และประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบมาตรการดังกล่าวอย่างทั่วถึง และควรมีการติดตามข้อมูลการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ว่าในแต่ละปีมีสถิติการนำเข้า/ส่งออกมากน้อยเพียงใด
เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสถิติที่ได้ประมาณการไว้ และมีการสอบถามข้อมูลความเห็นเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการต่อการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ในโอกาสแรก รวมทั้งควร จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่ได้รับในครั้งนี้ให้ชัดเจน
ตลอดจนจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้ประกอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
940 | การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา | กค. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ (ระยะเวลา ๑๒ เดือน) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๔๒๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ให้แก่กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมสำหรับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ตามที่ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
คำนึงถึงความคุ้มค่า เหมาะสม ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
รวมถึงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลการใช้จ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐ
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินของภาครัฐเป็นไปอย่างคุ้มค่า
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|