ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 48 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 941 - 960 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 941 | รายงานประจำปี 2562 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๒
ของกองทุนการออมแห่งชาติ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนการออมแห่งชาติ
ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
งบการเงินดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 942 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดของบัตรภาษี พ.ศ. .... | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดของบัตรภาษี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวิธีการจ่ายเงินชดเชยจากรูปแบบกระดาษเป็นรูปแบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับชำระค่าภาษีอากร
โดยกำหนดให้บัตรภาษีมีแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่กำหนดในระบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
(Digital Tax Compensation : DTC) ของกรมศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
เนื่องจากบัตรภาษีหรือบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าที่คำนวณได้เป็นจำนวนและสามารถนำไปใช้จ่ายเป็นค่าภาษี
รวมทั้งสามารถโอนไปยังบุคคลอื่นได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย
บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสำคัญที่จำเป็นต้องดูแลให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
และการกำหนดมาตรฐานตามข้อ ๓ ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
จึงจำเป็นต้องครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงสำคัญของบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
โดยมีมาตรฐานการจัดการบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาตรการป้องกันการปลอมแปลง
การเรียกหรือชำระเงิน
และการนำบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใช้งานแล้วกลับมาใช้ซ้ำอีก
รวมทั้งมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์และระบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
(Digital Tax Compensation) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 943 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ และนายวารุจ ศิริวัฒน์) | กค. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) ๒. นายวารุจ ศิริวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 944 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 | กค. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
และรายงานการรับ-จ่ายเงินประจำปี ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 945 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 27 | กค. | 23/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๗ ซึ่งสหพันธรัฐมาเลเซียในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปค ประจำปี ๒๕๖๓
ได้จัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓
โดยมีที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
เป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ที่ประชุมได้หารือถึงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ที่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของโลกอย่างมาก
โดยเฉพาะต่อวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย
รวมทั้งก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดนับแต่ปี ๒๔๗๓ ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในช่วงปลายปี
๒๕๖๔ และกลุ่มธนาคารโลกคาดการณ์ตัวเลขคนยากจนมากที่สุดจะเพิ่มขึ้นอีก ๑๑๐-๑๕๐
ล้านคน ในปี ๒๕๖๔ ๒. ผู้แทนประเทศไทยได้ชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการด้านการคลังและการเงินของไทยในการรับมือและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ซึ่งใช้งบประมาณ ๒.๒ ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๒
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ เพื่อดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เช่น
การให้เงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
การให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
และการออกทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสาร
ซึ่งมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ๓. เอเปคให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้านสุขภาพ
สาธารณสุข โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนาตัวยาและวัคซีนสำหรับโควิด-๑๙
และการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในระบบการเงิน
ซึ่งระบบดิจิทัลได้มีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของภาคส่วนต่าง
ๆ รวมไปถึงการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
รวมทั้งอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไว้ในกรอบการทำงานด้านความเสี่ยงทางการเงินและการประกันภัยด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 946 | การเสนอความเห็นการดำเนินการสำหรับทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินผลการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินผลที่กำหนดเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการพิจารณาการดำเนินการสำหรับทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินผลการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินผลที่กำหนดเป็นเวลา
๓ ปี ติดต่อกัน จำนวน ๓ ทุน ประกอบด้วย (๑)
กองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (๒)
เงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ (๓)
กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สังกัดสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ได้พิจารณาผลการประเมินผลการดำเนินงานทั้ง ๓
ทุนหมุนเวียนแล้วมีมติยุบกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
และยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา
สำหรับกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยให้ดำเนินการต่อไป แต่หากผลการประเมินของกองทุน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๔ ต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินผลที่กำหนด ให้ยุบเลิกกองทุนต่อไป
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปดำเนินการต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
ส่วนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในประเด็นที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
และมีนโยบายที่จะรวมภารกิจของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชนกับกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษาให้เป็นกองทุนเดียวกัน
ไปพิจารณาทบทวนตามหน้าที่และอำนาจอีกครั้งหนึ่ง
๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ยุบเลิกทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 947 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2562 และปีบัญชี 2563 | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการพิจารณาเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๒ และปีบัญชี ๒๕๖๓ รวมจำนวน ๑๔ ทุนหมุนเวียน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน
๓,๑๑๒.๘๕ ล้านบาท จำแนกเป็นปีบัญชี ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐ ทุนหมุนเวียน รวมเป็นเงินจำนวน ๑,๙๕๐.๑๑
ล้านบาท และปีบัญชี ๒๕๖๓ จำนวน ๖ ทุนหมุนเวียน รวมเป็นเงินจำนวน ๑,๑๖๒.๗๔ ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายทุนหมุนเวียน
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
ส่วนกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กองทุนสิ่งแวดล้อม
เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู
และกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ
และกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาทบทวนตามหน้าที่และอำนาจอีกครั้งหนึ่ง โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะขอไม่นำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของกองทุนสิ่งแวดล้อมส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินในปีบัญชี
๒๕๖๓ เนื่องจากคาดว่ากองทุนสิ่งแวดล้อมจะมีเงินคงเหลือในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ไม่เพียงพอรองรับประมาณการรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕
ประกอบกับกองทุนสิ่งแวดล้อมเป็นกองทุนไม่แสวงหาผลกำไร
โดยผลประโยชน์ที่เกิดจากกองทุนนี้นำไปหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนให้กับโครงการที่ขอรับการสนับสนุนทั้งเงินกู้และเงินอุดหนุน
ซึ่งส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป
และกระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าในส่วนของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู
กระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด
และการนำทุนหรือกำไรส่วนกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑
แต่การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูขาดสภาพคล่องทางการเงินและมีเงินไม่เพียงพอในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ ไปพิจารณาทบทวนตามหน้าที่และอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณากำหนดระยะเวลาการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินที่ต้องส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินที่ชัดเจน
และรายงานผลการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 948 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวกุลยา ตันติเตมิท) | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 949 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายณัฐกร อุเทนสุต) | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายณัฐกร อุเทนสุต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต ใหดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่
๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 950 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 24 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 6 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน
(ASEAN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ครั้งที่
๒๔ การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่
๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยมีที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุม
โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น (๑) รับทราบสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนและการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน
วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน การเงินสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล
และการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอาเซียน
โดยเน้นถึงการสร้างเศรษฐกิจที่มีภูมิต้านทานให้เป็นเป้าหมายหลักของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเตรียมรับสภาวะความปกติใหม่หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสติดเชื้อโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) คลี่คลายลง (๒) รับทราบประเด็นหลักเพื่อเป็นกรอบการดำเนินการ ปี
๒๕๖๓ ในด้านความร่วมมือด้านการเงินการคลัง ได้แก่ การส่งเสริมการเงินที่ยั่งยืนในอาเซียน
และการส่งเสริมความเชื่อมโยงของระบบการชำระเงินในภูมิภาค และ (๓) การจัดทำแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของอาเซียนที่ชัดเจน
ครอบคลุม และสามารถใช้ได้จริง เช่น การใช้นโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถดำเนินต่อได้
การป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิตในภาคการเงิน และการสนับสนุนโลจิสติกส์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 951 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2563 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่
๑๕-๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้มีการกล่าวถ้อยแถลงในประเด็นต่าง
ๆ เช่น (๑) การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลก (๒) แนวนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก
COVID-19 (๓) การสนับสนุนความช่วยเหลือทางการเงินของกลุ่มธนาคารโลก
เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจแก่ประเทศสมาชิกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และ (๓) การสนับสนุนการขยายระยะเวลาโครงการพักชำระหนี้ (Debt
Service Suspension Initiative : DSSI) ตามข้อเรียกร้องของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(International Monetary Fund : IMF) เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
และขีดความสามารถในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศรายได้น้อย เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 952 | การบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 (Asian Development Fund 13: ADF 13) | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๓ (Asian
Development Fund 13: ADF 13) ของประเทศไทย
จำนวน ๒.๓๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น ๗๑,๒๑๙,๓๒๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑
ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๐.๒๔ บาท โดยแบ่งชำระออกเป็น ๔ งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๗ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 953 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จำนวน ๒,๔๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ
ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ
เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวมีความเหมาะสมกับกระแสเงินสดรับ-จ่ายของกองทุนฯ
และจะทำให้กองทุนฯ มีเงินสดคงเหลือเพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการและภาระชดเชยที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปีงบประมาณ
๒๕๖๕ จำนวน ๓,๔๒๐ ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากกองทุนฯ
ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ
เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 954 | การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค. | 17/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีเมื่อวันที่
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งแต่งตั้ง
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑ นายนิพนธ์ ฮะกีมี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายใน คปภ. ๒ นายวรวิทย์ เจนธนากุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชีใน
คปภ. ๓ นายวิชัย อัศรัสกร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจใน
คปภ. ๔ นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินใน
คปภ. ๕ นายสุวิชญ โรจนวานิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ใน
คปภ. ๖ นางฤชุกร สิริโยธิน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ใน
คปภ. ๗ นายรพี สุจริตกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกันภัยใน คปภ.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 955 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยกำหนดให้หน่วยงานผู้เบิกสามารถเปิดบัญชีกับธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งได้ด้วย
นอกเหนือจากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 956 | มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดสนับสนุนให้มีเม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการใช้จ่าย ทั้งรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายลงทุน
และเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้มากที่สุดหรือไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
โดยให้พิจารณาสนับสนุนโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กในเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะเมืองรองเป็นลำดับแรก
และมอบหมายให้หน่วยรับงบประมาณถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ๑.๒
การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการประกอบด้วย
หน่วยรับงบประมาณที่มีงบลงทุนอยู่ในระดับสูง โดยมีที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย
ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย
และที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
และให้มีการติดตามและประชุมหารือเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ เช่น
โครงการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นต้น ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือหรือระบบการติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งผลการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้การติดตามและเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างทันต่อเหตุการณ์และให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงการจัดทำแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในรูปแบบเฉพาะกิจเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙
ในช่วงระหว่างปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓
และให้มีการรายงานผลการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินการ
และข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขต่อคณะรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 957 | สรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
“ชิมช้อปใช้” และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินมาตรการฯ ระหว่างวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒-๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ (๒)
ผลการประเมินผลความคุ้มค่าและแบบสำรวจความพึงพอใจของมาตรการฯ
ในส่วนของความคุ้มค่าและความพึงพอใจ และ (๓) สรุปภาพรวมการดำเนินการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 958 | รายงานผลการดำเนินงานมาตรการของรัฐบาลสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อย | กค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานมาตรการของรัฐบาลสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศ
เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนและก่อให้เกิดการขยายตัวของอุปสงค์การบริโภคในประเทศ
ประกอบด้วย ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑)
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (๒) โครงการคนละครึ่ง และ
(๓) มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ๒.
มาตรการด้านการเงิน
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
รวมไปถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-๑๙
ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย ๔
มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อเพิ่มเติม
พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก (๓) โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะที่ ๘ และ (๔)
โครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 959 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว | กค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว
ประกอบด้วย การปรับปรุงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19) สำหรับกลุ่มผู้ประกอบ SMEs ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง
การปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee
Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan พลัส
การขยายเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว (โครงการ Soft loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย)
วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท
และการขยายเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง
ควรกำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
อย่างครอบคลุม เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
นอกจากนี้ ควรศึกษาและวิเคราะห์ถึงปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินมาตรการในช่วงที่ผ่านมา
รวมทั้งการแก้ไขกฎหมาย
กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือสำหรับการดำเนินมาตรการในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 960 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต | กค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๒ คน ๑.๑ นางดาราพร ถิระวัฒน์ ๑.๒. นายอรรถพล อรรถวรเดช ๒.
ด้านการเงินการธนาคาร ๑ คน นางอัมพร ปุรินทวรกุล ๓.
ด้านคอมพิวเตอร์ ๑ คน นายอนุชิต
อนุชิตานุกูล ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการค้าด้านธุรกิจภาคเอกชน
๑ คน นายธีรนันท์ ศรีหงส์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
