ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 43 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 841 - 860 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
841 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 | กค. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่นิติบุคคล
สำหรับรายรับที่เป็นเงินค่าทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
และยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการขายหรือถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายดังกล่าว
ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีการกำหนดวงเงินค่าทดแทนในการเวนคืนที่ดิน
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะด้วย
และเห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง
ครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเป็นระยะ
ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
842 | ขออนุมัติเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประจำปีงบประมาณ 2564 ของการยาสูบแห่งประเทศไทย | กค. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเปิดวงเงินกู้ระยะสั้นในรูป
Credit
Line โดยวิธีกู้เบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft : OD) วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท
เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานและรองรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น
ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่าง ๆ ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ เป็นต้น
ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและการยาสูบแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การยาสูบแห่งประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมาย
และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน
และควรเบิกใช้เงินกู้เท่าที่จำเป็น
โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และความยั่งยืนทางการคลัง
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการดำเนินงานของการยาสูบแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ขององค์กร
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (การยาสูบแห่งประเทศไทย)
รับไปพิจารณากำหนดแนวทางการปรับปรุงการดำเนินกิจการของการยาสูบแห่งประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
ทั้งในด้านระบบบริหารจัดการ สินค้าและผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถลดรายจ่าย
เพิ่มรายได้ รวมทั้งสอดคล้องกับสภาวการณ์ด้านยาสูบในปัจจุบัน
๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรที่เพาะปลูกยาสูบปรับเปลี่ยนไปเพาะปลูกพืชชนิดอื่น
ปรับเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นที่มีศักยภาพมากกว่าแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
843 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาววิลาวัลย์ วีระกุล) | กค. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาววิลาวัลย์ วีระกุล
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมธนารักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๘
กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
844 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท ลักษณะ ขนาด การให้บริการ หรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. .... | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท
ลักษณะ ขนาด การให้บริการ หรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท ลักษณะ ขนาด การให้บริการ
หรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงานตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
845 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จำนวน ๑ คัน
ตามอัตราค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งระดับรัฐมนตรีหรือเทียบเท่า
(ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๐๐๐ ซีซี) ไม่เกินเดือนละ ๗๖,๕๐๐ บาท/คัน/เดือน
โดยผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๙ ภายในกรอบวงเงิน ๔,๕๙๐,๐๐๐
บาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๕๓๕,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังพิจารณาโอนเงินจัดสรร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔,๐๕๔,๕๐๐ บาท
ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
846 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑
อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๔ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑
สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้ กยท. รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะไปดำเนินการด้วย ๑.๓
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งเห็นควรอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และเห็นควรให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น
ๆ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ กยท. และ รฟท.
ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑
ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการให้มีการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า ทันต่อสถานการณ์
และเกิดประสิทธิผลต่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
847 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 - | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล
และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๑ และทิศทางการดำเนินงานปี ๒๕๖๓ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับรองและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
๒๕๖๓ แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการเก็บข้อมูลของการให้สินเชื่อของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการให้สินเชื่อและป้องกันการเกิดปัญหาหนี้สูญต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
848 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพรชัย ฐีระเวช และนายปิยกร อภิบาลศรี) | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒.
นายปิยกร อภิบาลศรี ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต
(นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
849 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจำเริญ โพธิยอด ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนนางปานทิพย์ ศรีพิมล ที่ลาออก และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
850 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 | กค. | 15/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเลื่อนการพิจารณาเรื่อง
การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ ออกไปก่อน
เพื่อปรับปรุงเอกสารที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
851 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 | กค. | 15/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๑ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๐ ทิศทางการดำเนินงานปี ๒๕๖๒
และการขอรับการเพิ่มทุนจากกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
852 | มาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม | กค. | 15/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้
๑.๑ การปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) โดยขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มเติม
จากเดิม ๖ เดือน เป็นไม่เกิน ๑๒ เดือน
โดยให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถกำหนดระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามความเหมาะสมเป็นรายกรณีสูงสุดไม่เกิน
๑๒ เดือน โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้เป็นไปตามที่ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. กำหนด
รวมทั้งขยายระยะเวลากู้ จากเดิมไม่เกิน ๒ ปี ๖ เดือน เป็นไม่เกิน ๓ ปี
๑.๒ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน
สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กิจการ
และเพื่อไถ่ถอนจากการขายฝากเอกชนที่ทำสัญญาขายฝาก
โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
(Supply Chain) โดยใช้ที่ดินว่างเปล่า
และ/หรือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน
และไม่ต้องผ่านการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกินร้อยละ ๗๐
ของราคาประเมินที่ดินของทางราชการ สูงสุดไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท
กรณีผู้กู้เป็นบุคคลธรรมดา และสูงสุดไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท กรณีผู้กู้เป็นนิติบุคคล
ระยะเวลากู้ ๓ ปี คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๑๐ ต่อปี ในปีแรก ร้อยละ ๐.๙๙ ต่อปี
ในปีที่ ๒ และร้อยละ ๕.๙๙ ต่อปี ในปีที่ ๓ ระยะเวลายื่นขอสินเชื่อกับธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งก่อน
และให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้เสร็จสิ้นภายใน ๖ เดือน นับตั้งแต่วันสิ้นสุดรับคำขอกู้
และรัฐบาลชดเชยต้นทุนเงินให้กับธนาคารออมสินในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี เป็นระยะเวลา ๒
ปี รวมทั้งสิ้นไม่เกิน ๖๐๐ ล้านบาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
SMEs
มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว
ให้ธนาคารออมสินจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
นอกจากนี้ ควรทำการติดตาม ศึกษา
และวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคของการดำเนินมาตรการในช่วงที่ผ่านมา
โดยเฉพาะมาตรการที่ยังมีวงเงินคงเหลือและไม่สามารถจัดสรรให้กับประชาชนและผู้ประกอบการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
เพื่อนำข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการปรับมาตรการและกำหนดมาตรการที่มีความเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
853 | การขอขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลามาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประกอบด้วย มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม มาตรการด้านการเงิน
และมาตรการด้านประกันภัย ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
โดยขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวออกไปอีก ๓ ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เพื่อจูงใจผู้ประกอบกิจการในพื้นที่
และกระตุ้นให้มีการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดการผลิต
การให้บริการ และการจ้างงาน
อันจะเป็นการสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคงให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๒.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นของมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นของมาตรการด้านประกันภัยสำหรับโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
และโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔.
ให้กระทรวงการคลังรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยส่งเสริมนักธุรกิจและแรงงานในพื้นที่ให้มีศักยภาพในการประกอบกิจการ
โดยเน้นกิจการลงทุนจากภายในและภายนอกพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔ เรื่อง
การกำหนดให้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ เช่น
ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้โดยเร็ว
และควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน
และติดตามผลของแต่ละมาตรการเป็นระยะ
รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เสนอความเห็นเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
เพื่อนำความเห็นมาใช้ในการปรับปรุงมาตรการให้สดคล้องกับความต้องการและปัญหาในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
854 | แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology: FinTech) | กค. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑
เพื่อยกเลิกการใช้เงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามความในมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๖๕๐
ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Institute
for Financial Innovation and Technology : InFinIT) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในภาพรวมจำเป็นต้องมีการบูรณาการความช่วยเหลือ รวมทั้งสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น
และส่งเสริมความรู้ความเข้าใจต่าง ๆ ให้ FinTech Startups สามารถต่อยอดเพื่อขยายธุรกิจในวงกว้างได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
855 | การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
ระลอกใหม่ ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการโดยทั่วไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับแบบแสดงรายการภาษี
ภ.ง.ด. ๙๐ และ ภ.ง.ด. ๙๑ ของปีภาษี ๒๕๖๓ ที่ยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จากเดิมภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๔ ออกไปเป็นภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒ การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง
และชำระภาษีของเดือนมกราคม ๒๕๖๔ ถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
ที่ต้องยื่นและนำส่งหรือชำระในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔
แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันสุดท้ายของเดือนนั้น ๆ เฉพาะการยื่นแบบแสดงรายการ
นำส่ง และชำระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สำหรับแบบแสดงรายการดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๑) ๑.๒.๒
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๒) ๑.๒.๓
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๓) ๑.๒.๔
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๓ เตรส และมาตรา ๖๙ ทวิ
และการเสียภาษีตามมาตรา ๖๕ จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๓) ๑.๒.๕
แบบยื่นรายการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจำหน่ายเงินกำไร ตามมาตรา ๗๐
และตามมาตรา ๗๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๔) ๑.๒.๖
แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๐) ๑.๒.๗.
แบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๖)
๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
856 | ขอความเห็นชอบการปรับวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 และวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยปรับปรุงวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จากวงเงินเดิม ๑,๗๗๕.๖๕๓ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๑,๙๑๗.๓๘๐
ล้านบาท (เพิ่มขึ้น ๑๔๑.๗๒๗ ล้านบาท) และกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จำนวน ๒,๓๓๘.๒๖๖ ล้านบาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ โดยให้ ขสมก. รายงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังทราบในโอกาสแรกด้วย
เพื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะได้จัดเก็บข้อมูลยอดคงค้างให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
รวมทั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
857 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙
มิถุนายน ๒๕๑๙ เรื่อง เงินบำเหน็จ (โบนัส)
ประจำปีของพนักงานและลูกจ้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างประจำของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
โดยปรับให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากเดิมที่เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๕
ประเภทจ่ายโบนัสพนักงานคงที่ เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๒
รัฐวิสาหกิจประเภทที่จัดสรรโบนัสให้พนักงานได้เมื่อมีกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส
เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
ที่เห็นชอบการปรับปรุงระบบแรงจูงใจในส่วนค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินของรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้
ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ เป็นต้นไป
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งพิจารณาแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานของรัฐวิสาหกิจที่ยังคงใช้หลักเกณฑ์จ่ายโบนัสพนักงานคงที่ให้เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานที่รัฐวิสาหกิจ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖) ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
858 | มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปี 2564 | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะจัดเก็บตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ในอัตราร้อยละ ๙๐ ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ.
๒๕๖๔ และมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่สร้างเสร็จพร้อมขายเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงมากและเหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม
รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงาน
และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดจำนวนภาษีในอัตราร้อยละเก้าสิบ
ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ตามมาตรา ๔๒ หรือมาตรา ๙๕ แล้วแต่กรณี
สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ใช้ประโยชน์อื่น และทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
โดยให้บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคาร ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ เฉพาะการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ (๑)
ที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์
จากผู้จัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือ (๒)
ห้องชุดจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอาคารชุด ในราคาไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย
โดยการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน
โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
และกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการสำรวจผลการจัดเก็บภาษี ณ สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๖๓
ในส่วนของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่ามีการสูญเสียรายได้เป็นจำนวนเท่าใด
และความเป็นไปได้ในการเพิ่มรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ด้วยการนำเงินภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้
เพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๕.
ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของ
อปท. และก่อให้เกิดภาระในการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ อปท.
โดยอาจพิจารณาใช้การกำหนดอัตราการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้มีความแตกต่างกันตามประเภทการใช้ประโยชน์
ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อการสูญเสียรายได้ของ อปท.
และลดภาระทางงบประมาณได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
ควรพิจารณาให้ครอบคลุมกลุ่มถึงประชาชนและธุรกิจที่ประกอบการในรูปแบบบุคคลธรรมดาด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
859 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายไพ่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายไพ่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มช่องทางการดำเนินการผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ยื่นคำขอกับเจ้าพนักงานสรรพสามิตในการยื่นคำขอ
แจ้งผลการตรวจสอบคำขอ แก้ไขเพิ่มเติมคำขอ การส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม
รวมถึงการแจ้งผลการพิจารณาคำขอสำหรับการขออนุญาตและการอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่
ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน อันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการที่เห็นว่า (๑)
การยื่นคำขออนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่
ควรกำหนดแบบคำขอที่ยื่นต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตให้รวมถึงคำขอในรูปแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์
(e-Form) เพื่อให้รองรับการพัฒนาระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
(๒) รูปแบบการออกใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่
ควรกำหนดให้รวมถึงการออกใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ด้วย และ (๓)
กรมสรรพสามิตควรปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการให้บริการเมื่อนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้
พัฒนาระบบฐานข้อมูลการอนุญาตและเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
และติดตามประเมินผลการให้บริการ
รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
860 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้ เกิน 12 เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ)
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ของรัฐบาลภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
วงเงินรวม ๕๔๓,๔๕๕.๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๗
ของวงเงินตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน จำนวน ๔๘๓,๔๕๕.๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙ ของวงเงินที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่าง ๆ เช่น
เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
และเงินกู้ไทยเข้มแข็ง เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|