ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 43 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 841 - 860 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 841 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ (1. นายพชร ยุติธรรมดำรง) | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายพชร
ยุติธรรมดำรง (เป็นกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง) ๒. นายวรากรณ์
สามโกเศศ (เป็นกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง) ๓. นายประสัณห์
เชื้อพานิช (เป็นกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง) ๔. นายมนูญ
สรรค์คุณากร (เป็นกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง) ๕. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 842 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2564 | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔
ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณ และการใช้จ่ายภาครัฐ เช่น
ภาพรวมการเบิกจ่ายเงิน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ
และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่เห็นควรให้กระทรวงเจ้าสังกัดมีการติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอย่างเข้มข้นตลอดปี
และให้นำผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ต่อไป เป็นต้น
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 843 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเพิ่มข้อความนัยข้อ ๒๗ วรรคหก แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็น “การประชุมของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง
อาจประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้แก้ไขชื่อและร่างข้อ ๑ โดยระบุเป็น (ฉบับที่ ..)
แก้ไขเพิ่มเติมคำปรารภของร่างระเบียบกระทรวงการคลัง จากเดิมที่กำหนดไว้ว่า
“โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุง...” แก้ไขเป็น “โดยที่สมควรแก้ไขเพิ่มเติม....”
และแก้ไขบทอาศัยอำนาจในการออกระเบียบกระทรวงการคลังให้เป็นไปตามมาตรา ๖๘ มาตรา ๗๘
มาตรา ๙๒ และมาตรา ๑๐๕ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 844 | มาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกใหม่ | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบ อนุมัติ
และรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชนและบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจาก
COVID-19 โดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม
๒๐,๐๐๐ ล้านบาท แห่งละ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๓๕ ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๓ ปี (ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
๖ งวดแรก) โดยรัฐบาลชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs)
ร้อยละ ๑๐๐ สำหรับ NPLs ที่ไม่เกินร้อยละ ๕๐
ของสินเชื่อที่อนุมัติ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินมาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ รับทราบมาตรการการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
(Specialized Financial Institutions : SFIs) และรับทราบรายงานมาตรการการคลัง มาตรการการเงิน และมาตรการอื่น ๆ
ที่ได้ดำเนินการเพื่อดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระบจาก COVID-19 ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑)
ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส
และระมัดระวังพิจารณาการดำเนินโครงการว่าอยู่ในขอบเขตที่รัฐสามารถรับภาระได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
(๒)
ควรบริหารจัดการสินเชื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเตรียมแนวทางสำหรับการบริหารจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการในระยะต่อไป เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต
และ (๓) ควรให้ความสำคัญกับการเตรียมแนวทางการดำเนินมาตรการในระยะต่อไป เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดที่อาจมีความยืดเยื้อมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 845 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ) | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐
บาทต่อคนต่อเดือน โดยขอขยายระยะเวลาออกไปอีก ๑ ปี
ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งควรมีหน่วยงานทำหน้าที่คัดกรองและให้ใบรับรองผู้พ้นโทษที่มีความประพฤติดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ
และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน นอกจากนี้ ควรจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในโอกาสแรกด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการจัดหาตำแหน่งว่างไว้เพื่อรองรับเพื่อให้ผู้พ้นโทษสามารถประกอบอาชีพได้หลังจากพ้นโทษแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 846 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อจัดหาวัคซีน) | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อจัดหาวัคซีน)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม
ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
เพื่อสนับสนุนการวิจัย การพัฒนา การผลิต
และการกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
และโรคติดต่ออื่นให้มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน
ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
เพื่อจูงใจให้มีการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติภารกิจของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งควรจัดทำรายงาน
เปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินกิจกรรมหรือมาตรการที่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในอนาคตที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
และการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริง และรายงานต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาปรับเปลี่ยนการดำเนินกิจกรรมหรือมาตรการให้มีความสอดคล้องกับเงื่อนไขและสภาพแวดล้อมทางการคลังที่เริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 847 | มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันการเงินประชาชน (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีที่มีการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบันการเงินประชาชน ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ) | กค. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันการเงินประชาชน
เพื่อลดภาระต้นทุนของสถาบันการเงินประชาชนและลดภาระค่าใช้จ่ายของสมาชิกสถาบันการเงินประชาชน
และเพื่อเป็นการส่งเสริมการออมทรัพย์และช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของสมาชิกสถาบันการเงินประชาชน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
ให้แก่สถาบันการเงินประชาชนและสมาชิกของสถาบันการเงินประชาชนสำหรับการดำเนินการต่าง
ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินประชาชน และอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีที่มีการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบันการเงินประชาชน
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับกรณีที่มีการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบันการเงินประชาชน รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรตัดการอ้างข้อ
๒ (๗) (ฎ) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗
ในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ออก
เนื่องจากมิใช่กรณีการกำหนดให้เรียกเก็บหรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมสิทธิและนิติกรรม
แต่เป็นการประกาศหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดเพื่อประโยชน์ในการลดหย่อนค่าธรรมเนียมที่กฎกระทรวงได้กำหนดไว้แล้ว
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ทางด้านการเงิน
และแนวนโยบายการดำเนินงานของสถาบันการเงินประชาชนให้กับประชาชนและสมาชิกของสถาบันการเงินประชาชนควบคู่ไปด้วย
และควรมีการติดตามและวิเคราะห์ถึงปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการจดทะเบียนเป็นสถาบันการเงินประชาชนขององค์กรการเงินชุมชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 848 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ
รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๔๒๒ หน่วยงาน จากจำนวนทั้งหมด
๘,๔๓๙ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๘๐
โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ จำนวน ๕๑
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๐.๖๐ ประกอบด้วย หน่วยงานของรัฐที่ส่งรายงานการเงินไม่ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
จำนวน ๓๔ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงิน จำนวน ๑๗ หน่วยงาน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้หน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ให้กระทรวงการคลังภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข
เพื่อให้สามารถจัดส่งรายงานการเงินประจำปีให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดให้กระทรวงการคลังทราบภายใน
๖๐ วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ๓.
ให้กระทรวงการคลังให้ความสำคัญกับมาตรการด้านการจัดเก็บรายได้
โดยจะต้องมีการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ โดยนำทรัพย์สินของภาครัฐมาสร้างรายได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 849 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน งบกระแสเงินสด
และรายงานการรับจ่ายเงินประจำปีงบประมาณ
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 850 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 24 | กค. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓
ครั้งที่ ๒๔ (Joint Statement of the 24th ASEAN+3
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓
(ASEAN+3 Finance Ministers’ and
Central Bank Governors’ Meeting :
AFMGM+3) ครั้งที่ ๒๔ ในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Virtual Meeting) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓
โดยมีประเด็นครอบคลุมการพัฒนาและแนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาค
การรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และแสดงถึงความคืบหน้าของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินภายใต้กรอบอาเซียน+๓
ตลอดจนการกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 851 | การเสนอความเห็นการขอยุบเลิกและการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามผลการพิจารณาการขอยุบเลิกและการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย
ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เนื่องจากการปฏิบัติงานพัฒนากฎหมายโดยใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมายไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๖๔
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายแล้ว
จึงหมดความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนดังกล่าว ๑.๒
ไม่เห็นควรให้จัดตั้งกองทุนความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา
ของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ตามร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา พ.ศ. ....
และกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ ของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงาน ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ.
.... เนื่องจากมีการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนกับภารกิจปกติของหน่วยงานและซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่น ๒. ให้กรมพลศึกษา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงาน
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนที่เห็นว่า (๑) กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาควรกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการออกกำลังกาย
นันทนาการ และกีฬา
เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยจากการออกกำลังกายต่อไป (๒) ในส่วนของกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ
กระทรวงแรงงานควรบูรณาการงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน
และอาจขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ
และ (๓)
กระทรวงแรงงานควรกำหนดนโยบายการคุ้มครองแรงงานนอกระบบเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนที่จะดำเนินการเพื่อเร่งรัดมาตรการส่งเสริม
คุ้มครอง พัฒนา และสร้างหลักประกันทางสังคม
เพื่อให้แรงงานนอกระบบสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานหรือการประกอบอาชีพ
และมีหลักประกันทางสังคมที่มั่นคงและเท่าเทียบกับแรงงานในระบบ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 852 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง รายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ (ฉบับที่ 2) | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
เรื่อง รายชื่อหน่วยงานอื่นของรัฐ (ฉบับที่ ๒) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีทุนหมุนเวียนเป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา
๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่เห็นว่า กองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดินจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะและมีกรอบการบริหารที่ชัดเจนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องประกาศให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นหน่วยงานของรัฐตามคำนิยาม
“หน่วยงานของรัฐ” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 853 | ขออนุมัติโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ของกรมการขนส่งทางบก | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย
ของกรมการขนส่งทางบก และวงเงินงบประมาณรายจ่ายของโครงการฯ ตามมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบบทเฉพาะกาลมาตรา ๖๘ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP
Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน
ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า
อุปกรณ์สำนักงานและส่วนประกอบ
และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์และเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษา
(Operation and Maintenance : O&M)
ทั้งหมด
รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา
๑๕ ปี นับจากปีเปิดให้บริการ ๑.๒ ให้ดำเนินโครงการฯ
ในกรอบวงเงินรวมสำหรับค่างานที่เกี่ยวข้องกับค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (ระยะที่
๒) ของโครงการฯ จำนวน ๖๖๐.๔๓ ล้านบาท
โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง ๑.๓
กรอบวงเงินค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินในส่วนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของโครงการฯ
วงเงินจำนวน ๓๔,๒๑๗,๘๒๐ บาท
และวงเงินหลักประกันตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่เกี่ยวข้อง
จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) กระทรวงคมนาคม
(กรมการขนส่งทางบก) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๖
แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ ๒๕๖๒
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
เห็นควรที่กรมการขนส่งทางบกและคณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณากลไกที่จะทำให้ภาครัฐสามารถกำหนดขนาดและระยะเวลาการลงทุนพัฒนาโครงการฯ
ระยะที่ ๒ ให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
หากกรณีการดำเนินการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๘ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
รับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดขอบเขตสมมติฐานทางการเงินและเศรษฐศาสตร์ที่ชัดเจน
เช่น อัตราคิดลด ระยะเวลาดำเนินโครงการ เป็นต้น
เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุนของโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานต่าง
ๆ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 854 | ทบทวนการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และรายงานผลการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2562 และปีบัญชี 2563 | กค. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
ดังนี้ ๑.
พิจารณาเรียกให้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน
ปีบัญชี ๒๕๖๒ จำนวน ๓๕๐.๐๐ ล้านบาท
และกองทุนสิ่งแวดล้อมนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี ๒๕๖๓ จำนวน
๘๑.๔๑ ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินโดยเร็วต่อไป ๒.
รับทราบผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๒ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๓๐๙.๑๗ ล้านบาท และปีบัญชี ๒๕๖๓
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๐๘๑.๓๓ ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 855 | การจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 4 พฤษภาคม 2562 | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติ
ในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ๔
พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 856 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส 1 พฤษภาคม 2562 พ.ศ. .... | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ทองคำ
ชนิดราคา ๒๐,๐๐๐ บาท เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคา ๑,๐๐๐ บาท เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ประเภทขัดเงา ชนิดราคา ๒๐ บาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ประเภทธรรมดา ชนิดราคา ๒๐ บาท รวม ๔ ชนิด เพื่อเป็นที่ระลึก เนื่องในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 857 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 858 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๔
ภายใต้วงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๘๗๓.๐๑๐ ล้านบาท พื้นที่รับประกันภัย จำนวน ๔๖
ล้านไร่ [รวมการปรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยภาคสมัครใจ
(Tier 2)] โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลและเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
๑๒ เดือน ธ.ก.ส. บวก ๑ (เท่ากับร้อยละ ๒.๒ จำนวน ๖๓.๒๐๖ ล้านบาท)
ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งคิดเป็นภาระงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒,๙๓๖.๒๑๖
ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณ ให้ ธ.ก.ส.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญในการสร้างหลักประกันหากเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
เพื่อให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบประกันภัยพืชผล
และพร้อมที่จะจ่ายค่าเบี้ยประกันด้วยความสมัครใจ
รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับลดสัดส่วนการอุดหนุนของภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกันภัย
ควรนำผลการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
การศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง และการพิจารณาทำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตร
อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม
ในการใช้ประกอบการคิดอัตราดอกเบี้ยประกันภัย เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ควรนำข้อมูลการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning by Agri-Map) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการพิจารณาความเหมาะสมของการใช้พื้นที่เพาะปลูกข้าว
และควรจัดทำแผนการใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อใช้สำหรับวางแผนและบริหารจัดการตามศักยภาพและความสามารถของรัฐที่จะต้องรับภาระงบประมาณทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 859 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ
พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (คนบ.)
โดยมีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำนโยบายระบบบำเหน็จบำนาญของประเทศในภาพรวมเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
รวมทั้งเป็นการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.)
ซึ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับแก่ลูกจ้างในระบบ โดยให้ได้รับผลประโยชน์เป็นบำเหน็จหรือบำนาญ
และกำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารกิจการกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พิจารณาในประเด็นอายุของลูกจ้างตามร่างมาตรา
๒๙ ให้สามารถปรับเปลี่ยนอายุของลูกจ้างในการเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติได้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการเกษียณอายุ
และให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ. และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำหนดอัตราที่จะต้องนำส่งเงินเข้า
กบช. ควรให้ คนบ. มีผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนมากกว่า ๓ คน และควรพิจารณาการเริ่มมีผลใช้บังคับของพระราชบัญญัติเพื่อให้เหมาะสมกับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด
๑๙ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้หน่วยงานจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณประจำปีตามขั้นตอน
ควรส่งเสริมการสมัครสมาชิก กบช.
โดยมีรูปแบบที่สอดคล้องกับอาชีพและรายได้ที่แตกต่างกัน และควรพิจารณาหาแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนประชากรวัยทำงานกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกจ้างในระบบเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางรายได้เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในยามสูงวัย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 860 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายสุริยะ วงศ์คงคาเทพ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ แทนผู้ที่ลาออกโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
