ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
861 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา | กค. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการสืบสวน
สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา
ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการสืบสวน
สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา
ตามร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ....
โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดให้นำเงินกองทุนเพื่อการสืบสวน
สอบสวนการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญาไปใช้จ่ายได้เฉพาะในส่วนที่มีงบประมาณไม่เพียงพอหรือไม่อาจใช้จากเงินงบประมาณได้
การกำหนดให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการนำเงินค่าปรับส่งเข้ากองทุน
และการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินประจำปีของกองทุน
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารเงินของกองทุนอย่างชัดเจน
เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับอื่น ที่อาจกำหนดให้เบิกจ่ายเงินและค่าใช้จ่ายในลักษณะเดียวกัน
ตลอดจนจัดให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน มุ่งผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์
หรือประโยน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐมีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ โปร่งใส
ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน นอกจากนี้
ควรเปิดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีภารกิจหน้าที่แตกต่างกัน
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาจากการที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้
รวมทั้งควรมีมาตรการควบคุมและป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่พึงประสงค์จากกองทุน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อการสืบสวน
สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา
ตามร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนและความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปยังคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อประสานการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการของรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
862 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... | กค. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ ๖๙ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ฉบับที่ ๗๗
(พ.ศ. ๒๕๓๓) และฉบับที่ ๘๕ (พ.ศ. ๒๕๓๙)
ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘
เพื่อให้สอดคล้องกับระบบจำแนกตำแหน่งใหม่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้งปรับปรุงลักษณะรูปแบบเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร
เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน
ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
863 | ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... | กค. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว
ซึ่งได้ปรับปรุงจากร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
ให้เป็นไปตามมติที่ประชุมร่วมที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน
โดยได้เพิ่มบทเฉพาะกาลไว้ในร่างมาตรา ๑๖๖ วรรคท้าย
เพื่อเร่งรัดให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจกำหนดการประเมินความพึงพอใจในการบริการประชาชนให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
และตัดร่างมาตรา ๑๕๒ วรรคสอง ออก ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ แล้ว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัตินี้เป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และให้แจ้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย ทั้งนี้
ให้ส่งความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเกี่ยวกับการกำหนดให้นำเงินกองทุนเพื่อการสืบสวน
สอบสวนการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญาไปใช้จ่ายได้เฉพาะในส่วนที่มีงบประมาณไม่เพียงพอหรือไม่อาจใช้จากเงินงบประมาณได้
การกำหนดให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการนำเงินค่าปรับส่งเข้ากองทุน
และการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินประจำปีของกองทุน ไปยังคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อประสานการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการของรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
864 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ | กค. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๘๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลและของสถาบันการเงิน
โดยเป็นการเพิ่มวงเงินสำหรับการใช้บังคับหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญ
ปรับปรุงหลักเกณฑ์และขั้นตอนการติดตามทวงถามหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
และเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ ๙ เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน
โดยให้มีผลใช้บังคับสำหรับการจำหน่ายหนี้สูญในระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม
และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควร (๑)
สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ (๒)
การกำหนดให้หลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้สามารถกระทำได้โดยง่ายนั้น
อาจทำให้เกิดการตกแต่งงบการเงินได้ง่ายยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้นั้น
ถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท จึงเห็นควรบังคับใช้เพียงเท่าที่จำเป็น และ (๓)
ขอให้ดำเนินการให้ทันต่อกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการและการชำระภาษีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี
๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
865 | มาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVIC-๑๙) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
มาตรการเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ)
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-๑๙
ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ
กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการและประชาชน ๒.
มาตรการบรรเทาภาระหนี้สิน (พักชำระหนี้)
สถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งได้มีการจัดกลุ่มลูกหนี้ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่
(๑) กลุ่มสีเขียว คือกลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ปกติ (๒) กลุ่มสีเหลือง
คือกลุ่มที่กลับมาชำระหนี้ได้บางส่วนไม่เต็มจำนวนที่ต้องจ่าย และ (๓) กลุ่มสีแดง
คือกลุ่มที่มีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีการพิจารณามาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละรายเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ
ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาชำระหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้
และการให้สินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงมีการติดต่อลูกค้าเพื่อช่วยเหลือในเชิงรุก
สำหรับลูกค้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (ศบค.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
866 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - พ.ศ. 2569 | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป โครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่
๕ วงเงินทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๙๙๔,๐๕๖ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ จำนวน ๘๒๕,๕๔๖,๗๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๖๕,๑๐๙,๔๐๐ บาท
ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๖๖๐,๔๓๗,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ ๖๗๕,๔๔๗,๓๕๖
บาท เบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณสมทบ ทั้งนี้ ให้กรมศุลกากรพิจารณานำเงินนอกงบประมาณมาสมทบกับงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ
๔๕ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และให้ยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสอบราคา
ประมาณการราคา และสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และคำนึงถึงภาระผูกพันในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซี่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม
จำเป็นตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
867 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ได้แก่
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ
ปี ๒๕๖๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
ระยะที่ ๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ
SMEs เพิ่มเติม
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
การปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) และขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพิ่มเสริมพลังฐานราก
โดยจัดสรรวงเงินที่เหลือประมาณ ๒,๙๘๗ ล้านบาท
จากการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงินสินเชื่อรวม
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารออมสิน วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระไม่มีรายได้ประจำหรือเกษตรกรรายย่อย
คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๑๐
ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๒ ปี ๖ เดือน (ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖
เดือน) สิ้นสุดรับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว
รวมจำนวน ๒๕,๖๓๕ ล้านบาท (ธนาคารออมสิน ๑๗,๐๑๐ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ๘,๖๒๕ ล้านบาท)
ยังมีวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวอีก จำนวน ๑๔,๓๖๕ ล้านบาท ดังนั้น
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือประชาชน
จึงขอขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปเป็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๓
ขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(ธสน.) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี ๒๕๖๓
วงเงินรวม ๕,๐๐๐ ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
รวมถึงผู้นำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อพัฒนาประเทศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่
๑-๒ ร้อยละ ๒ ต่อปี ในปีที่ ๓-๕ คิดอัตรา Prime Rate-ร้อยละ
๒ ต่อปี และปีที่ ๖-๗ คิดอัตรา Prime Rate ต่อปี
(ปัจจุบันอัตรา Prime Rate ของ ธสน. อยู่ที่ร้อยละ ๖) ณ
วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ ธสน. อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน ๒,๘๕๘ ล้านบาท
ยังคงมีวงเงินคงเหลืออีก จำนวน ๒,๑๔๒ ล้านบาท
จึงขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการดังกล่าว
จากเดิมสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
ออกไปเป็นสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
868 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ไปเพื่อพิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
869 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนวิจัย
พัฒนา และนวัตกรรม) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา
และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่
กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข นับแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีที่ร่างพระราชกฤษฎีกานี้กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ และให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๖๘) พ.ศ. ๒๕๖๑ นั้น
จะส่งผลให้บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้บริจาคให้กับกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
ก่อนวันที่ร่างพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ไม่สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคเงินดังกล่าวได้
จึงเห็นควรกำหนดให้มีบทบัญญัติเพื่อรองรับการบริจาคเงินในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงบประมาณในประเด็นเกี่ยวกับระยะเวลาบังคับใช้และช่องทางการบริจาค
และการกำหนดให้เงินบริจาคที่สามารถหักลดหย่อนได้จะต้องดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
และควรพิจารณาให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนและการสร้างแรงจูงใจสำหรับการระดมทุนจากภาคเอกชนในการจัดตั้งกองทุนเพื่อการวิจัย
พัฒนา
และนวัตกรรมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรการดังกล่าวด้วย
และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
และจัดทำข้อมูลเงินบริจาคที่ได้รับในห้วงเวลาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
870 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่.. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากภาครัฐตามมาตรการหรือโครงการอันเนื่องมาจากการเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น
ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการกำลังใจ และโครงการคนละครึ่ง เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
871 | ร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนพัฒนาระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ระบบภาษีหัก ณ
ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) และรายจ่ายค่าบริการระบบ
e-Tax Invoice & e-Receipt และระบบ e-Withholding
Tax แต่ไม่รวมถึงรายจ่ายการลงทุนติดตั้งเครื่องบันทึกการเก็บเงิน (Point
of Sale : POS) ได้เป็นจำนวน ๒ เท่าของที่จ่ายจริง
สำหรับรายจ่ายตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ที่มีอัตราร้อยละ ๓ เหลืออัตราร้อยละ ๒ สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบ
e-Withholding Tax ตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓๖๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยภาษีเงินได้ จากเดิมตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
เป็นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ และกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้หัก
ณ ที่จ่ายในส่วนที่มีอัตราร้อยละ ๕ เหลืออัตราร้อยละ ๒ สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบ
e-Withholding Tax ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติของมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
872 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2563 | กค. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ เศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อ และเสถียรภาพของระบบการเงินไทย และ (๒) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาส
๓ ปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
873 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2562 และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2563 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๒ และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซี่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว
และในคราวประชุมคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติรับทราบและมีข้อสังเกตเกี่ยวกับรายงานผลการให้บริการสาธารณะดังกล่าว
เช่น หากในระหว่างปีเกิดเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐวิสาหกิจที่ขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
เห็นควรกำหนดเป็นแนวทางให้รัฐวิสาหกิจสามารถนำเสนอสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นพร้อมรายละเอียดเหตุผลสนับสนุนในการขอปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดหรือค่าเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
เพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาภายในสิ้นปีงบประมาณนั้น ๆ ต่อไป
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
874 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2563 | กค. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เพื่อทราบสถานะการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (กรอบวงเงิน ๑ ล้านล้านบาท)
รวมทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
875 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... รวม ๒
ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
876 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปี พ.ศ. 2562 | กค. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๗๔
โครงการ (เป็นโครงการต่อเนื่อง ๑๐ โครงการ) โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดแล้ว รวมทั้งสิ้น ๔๗ โครงการ
(ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ รวมจำนวน ๒๒ โครงการ)
โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒ จำนวน ๒๕ โครงการ แบ่งเป็น (๑) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี
๒๕๖๒ จำนวน ๑๗ โครงการ โดยมีโครงการที่ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด
จำนวน ๑๖ โครงการ และโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด
จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์
และ (๒) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ และ ๒๕๖๔
แต่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๙ โครงการ
โดยทั้ง ๙ โครงการ มีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและการให้ความรู้ทางการเงิน
เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ประชาชนและองค์กรการเงินชุมชน
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารออมสิน
โครงการการพัฒนาและยกระดับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้หลุดพ้นความยากจน
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และโครงการการจัดอบรม/สัมมนา
“บ่มเพาะชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง” ของธนาคารออมสิน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
877 | ขออนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด | กค. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินยืมของบริษัท
ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งต้นเงินยืมและดอกเบี้ย
รวมทั้งดอกเบี้ยผิดนัดจากสัญญาเดิมนับแต่ปี ๒๕๖๓ ออกไปอีก ๒๕ ปี (๒๕๖๓-๒๕๘๗) และให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระคืนเงินยืมจากสัญญาเดิม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ซี่งมีเงื่อนไขให้บริษัทฯ
ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑.๑
พักชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา ๗ ปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๙
โดยภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในระยะเวลา ๗ ปีของช่วงพักชำระหนี้ดังกล่าว ให้บริษัทฯ
นำไปเฉลี่ยทยอยชำระคืนแก่กระทรวงการคลังในช่วงชำระคืนต้นเงินยืม ๑.๑.๒
ทยอยชำระคืนต้นเงินยืม พร้อมดอกเบี้ยให้แก่กระทรวงการคลังภายในกรอบระยะเวลาชำระ ๑๓
ปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๗๐-๒๕๘๒ ๑.๑.๓
ปรับอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระใหม่ โดยใช้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (Government
Bond Yield) อายุ ๒๐ ปี ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ทศนิยมไม่เกิน ๓
ตำแหน่ง) ทั้งนี้ ในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๓ ให้บริษัทฯ
ยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ร้อยละ ๓.๗๘ ต่อปี
และจะเริ่มปรับใช้อัตราดอกเบี้ยใหม่นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ๑.๑.๔
ทยอยชำระคืนดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาเดิม ภายหลังการชำระคืนต้นเงินยืมเสร็จสิ้น
ภายในกรอบระยะเวลาชำระ ๕ ปี (ปี ๒๕๘๓-๒๕๘๗) ๑.๒
ให้จัดทำสัญญาและตารางการชำระคืนเงินยืมใหม่ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดภายใต้เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติดังกล่าวข้างต้น
โดยให้คำนึงถึงสภาพคล่องของบริษัทฯ ให้มีเพียงพอต่อการดำเนินกิจการ เพื่อให้บริษัทฯ
สามารถชำระคืนเงินยืมที่มีกับกระทรวงการคลังได้ทั้งหมดต่อไป ทั้งนี้ ภายใต้กรอบระยะเวลาการชำระหนี้ หากบริษัทฯ
มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA : Earnings Before Interest
Tax Depreciation and Amortization) ประจำปี หลังหักชำระคืนเงินยืมตามงวดชำระที่มีกับกระทรวงการคลังแล้วเกิน
๑๐๐ ล้านบาท เห็นควรให้บริษัทฯ ชำระคืนเงินยืมจากกำไรก่อน ดอกเบี้ย ภาษี
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายส่วนเกิน ๑๐๐ ล้านบาท ดังกล่าว อีกร้อยละ ๕๐
และบริษัทฯ สามารถชำระคืนเงินยืมให้แก่กระทรวงการคลังก่อนครบกำหนดทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ๑.๓
มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำกับติดตามการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
ตามแผนธุรกิจและแผนการปรับโครงสร้างหนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินการของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์การจัดตั้งและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังกำหนดระยะเวลาชำระหนี้เงินยืมในส่วนของเงินต้นคงค้างเป็นรายงวดอย่างเหมาะสมและชัดเจน
เพื่อลดความเสี่ยงในการไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้นคงค้างทั้งจำนวน ดอกเบี้ย
และดอกเบี้ยผิดนัดจากสัญญาเดิม โดยการกำกับติดตามการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐพิจารณาเลือกใช้บริการทดสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าและบริการอื่น ๆ
ของบริษัทฯ เป็นลำดับแรก เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของบริษัทฯ ให้มีสภาพคล่องและเพียงพอต่อการชำระหนี้ได้ต่อไป
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ [เรื่อง ขออนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท
ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด] อย่างเคร่งครัดด้วย
๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
878 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ | กค. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพิชิต อัคราทิตย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
879 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๔ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๔
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ขอให้ กนง.
เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
และสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการเงินในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถกลับเข้าสู่เป้าหมายของนโยบายการเงินควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพในระบบการเงินของประเทศ
รวมทั้งมีความยืดหยุ่นต่อเงื่อนไขของการดำเนินนโยบายการเงินและความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
880 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วยรายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๑ ผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อและรับประกัน และทิศทางและแผนงานปี
๒๕๖๓-๒๕๖๗ ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|