ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 41 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 801 - 820 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 801 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ระลอกใหม่ โดยการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(โควิด-๑๙) จากเดิมวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ออกไปเป็นวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
การปรับปรุงการดำเนินโครงการ Soft Lone ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
เช่น ขยายระยะเวลาเงินกู้ ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ
และการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่
มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
และพิจารณาดำเนินการให้ลูกหนี้ที่มีความเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งอื่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
และทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เพื่อช่วยเหลือประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 802 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัญมนตรีมีมติ ๑. มติอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในจังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี
อำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(CCTV) ในจังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี
อำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการ
ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up)
ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรผู้มีความสามารถสูงนอกท้องที่ไปทำงานในท้องที่จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
และมาตรการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกท้องที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ มาตรการ
จากสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาครัฐรวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
เพื่อนำความเห็นมาใช้ในการปรับปรุงมาตรการให้สอดคล้องกับความต้องการ
และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 803 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคที่กระทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ รวมทั้งเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่กองทุนดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการภาษีให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 804 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางภัทรพร วรทรัพย์) | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางภัทรพร วรทรัพย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง
(นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 805 | รายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผลการดำเนินงานของมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ผ่าน
SFIs เช่น มาตรการพักชำระหนี้
ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้โดยการพักชำระหนี้ ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้น และ/หรือ
ดอกเบี้ย และ/หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย และ/หรือ ขยายระยะเวลาชำระหนี้แล้ว รวมทั้งสิ้น
๗.๕๖ ล้านราย วงเงิน ๓.๔๖ ล้านล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่ยังอยู่ในมาตรการ ๓.๒๓
ล้านราย วงเงิน ๑.๒๖ ล้านล้านบาท แบ่งเป็นประชาชนทั่วไป ๓.๒๑ ล้านราย วงเงิน ๑.๑๘
ล้านล้านบาท และธุรกิจ ๒๑,๓๑๐ ราย วงเงิน ๘๗,๙๔๘ ล้านบาท (๒)
มาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก
COVID-๑๙
ที่นอกเหนือจากมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๓)
ผลการดำเนินงานของมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู)
วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และ มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
(มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 806 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
(e-Donation) ของกรมสรรพากร
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการสำหรับการบริจาคสินค้า
ให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่
๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าเพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสำหรับสนับสนุนให้ภาคส่วนอื่น ๆ
เข้ามามีส่วนร่วมในการบริจาคเพื่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษี และการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 807 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร (1. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์) | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์
อุรพีพัฒนพงศ์ ๒. นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ๓. นายนำชัย เอกพัฒนพานิชย์ ๔. นายวิชญายุทธ บุญชิต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 808 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2564 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๑ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑) เศรษฐกิจโลก
มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาประกอบกับการส่งออกเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นสำคัญ
และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ที่เร่งตัวมากขึ้นในหลายประเทศ
และการมีแรงสนับสนุนจากมาตรการการคลังที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลาย
(๒) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยในปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ต่ำลงจากการประเมินครั้งก่อนเนื่องจากได้รับผลกระทบของโควิด-๑๙
ระลอกใหม่ ส่วนเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๗
โดยประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๒ และ ๑.๐
ตามลำดับ สำหรับเสถียรภาพระบบการเงินไทย ยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า
และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 809 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๗๘
โครงการ ซึ่ง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดแล้วรวม
๕๔ โครงการ (เป็นการดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ รวม ๓๕
โครงการ) โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๙ โครงการ แบ่งเป็น
(๑) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๖ โครงการ
พบว่า มีโครงการที่ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด จำนวน ๑๕ โครงการ และ (๒)
โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๔
แต่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๓ แล้ว จำนวน ๔ โครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 810 | การกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ
และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.)
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ (๑) กำหนดให้คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนมาตรฐานทางจริยธรรมและคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการกำกับ ติดตาม
และประเมินผลตามมาตรฐานทางจริยธรรม ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนในอัตราประธานอนุกรรมการไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน
และอนุกรรมการไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการ
จะมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย (๒) เห็นชอบในหลักการการกำหนดเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง โดยให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตร
๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอนุโลม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
และคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าควรให้สำนักงาน ก.พ.
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวแล้ว
แต่หากไม่เพียงพอเห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง
ขอให้ยึดหลักความคุ้มค่าและเป็นไปเพื่อประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ
กรณีคณะอนุกรรมการที่อาจแต่งตั้งเพิ่มได้ในภายหลังนั้นควรพิจารณาตามความจำเป็นในการสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของ
ก.ม.จ. เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและไม่เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
รวมทั้งควรมีการทบทวนคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 811 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสำหรับเงินสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน) | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับเงินสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 812 | รายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 2 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
(Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) วงเงิน ๑๔,๔๑๐ ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลัง รับแลกเปลี่ยน (Source Bond) คือพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A อายุ ๒.๑๓ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี
และพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลัง กำหนดเพื่อนำมาแลกเปลี่ยน (Destination
Bond) จำนวน ๒ รุ่น ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB26DA อายุ ๕.๖๔ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๒๕ ต่อปี จำนวน ๙,๐๒๙ ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB28DA อายุ ๗.๖๔ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี จำนวน ๕,๓๘๑ ล้านบาท
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสามารถลดการกระจุกตัวของหนี้
ลดความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้ในอนาคต และช่วยยืดหยุ่นอายุเฉลี่ยของหนี้
ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ. ๔๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 813 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารออมสิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 15/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารออมสิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารออมสิน
พ.ศ. ๒๕๔๗
เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบกิจการให้สินเชื่อของธนาคารออมสิน
และหลักเกณฑ์การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นของธนาคาร
เพื่อให้การดำเนินงานของธนาคารออมสินเป็นมาตรฐานเดียวกันกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาให้ครอบคลุมถึงการที่ธนาคารออมสินได้มาซึ่งทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการบังคับหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 814 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 24 | กค. | 15/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ ๒๔ (ASEAN+3
Finance Ministers’ and Central Bank Govemors’
Meeting : AFMGM+3) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่
๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ในรูปแบบการประชุมทางไกล มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลการประชุม AFMGM+3 เช่น
การพัฒนาและแนวโน้มเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาค
โดยที่ประชุมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๖๔ จะขยายตัวที่ร้อยละ ๖ และในปี ๒๕๖๕
จะขยายตัวที่ร้อยละ ๔ ตามลำดับ และ (๒) การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ ๒๔
ซึ่งที่ประชุมได้มีการปรับปรุงเพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
โดยไม่กระทบหรือขัดต่อการประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ เช่น การเพิ่มข้อความเพื่อแสดงการสนับสนุนโครงการกองทุนประกันภัยพิบัติของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และการแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 815 | รายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2550 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 | กค. | 15/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การจำหน่ายหุ้นบริษัท หินอ่อน จำกัด และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ เรื่อง
การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ สรุปได้ ดังนี้ (๑) ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จำหน่ายหุ้นบริษัท หินอ่อน จำกัด
โดยกระทรวงการคลังได้รับเงินจำนวน ๓๐๒,๕๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) จำหน่ายหุ้นสามัญบริษัท
บางกอกเดินเรือและการค้า จำกัด และหุ้นสามัญบริษัท สยามซิตี้ประกันภัย จำกัด
(มหาชน) โดยกระทรวงการคลังได้รับเงินจำนวน ๑,๐๗๕,๐๐๐ บาท
และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝาก
เพื่อการซื้อหุ้นตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 816 | การยกเว้นอากรศุลกากรและภาษีสรรพสามิต สำหรับโครงการระบบดาวเทียมสำรวจพร้อมระบบภาคพื้นดินและระบบแอปพลิเคชันภูมิสารสนเทศ สำหรับโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) | กค. | 15/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับโครงการระบบดาวเทียมสำรวจพร้อมระบบภาคพื้นดินและระบบแอปพลิเคชันภูมิสารสนเทศ
สำหรับโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นของตามพิกัดประเภทใด
ซึ่ง สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.)
นำเข้ามาเพื่อใช้ภายใต้โครงการระบบดาวเทียมฯ สำหรับโครงการ c]t-2
และของที่จะได้รับการยกเว้นอากรจะต้องมีหนังสือรับรองจากผู้อำนวยการ สทอภ. ว่านำมาใช้สำหรับโครงการระบบดาวเทียมฯ
โครงการ THEOS-2 ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ๒. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับโครงการระบบดาวเทียมสำรวจพร้อมระบบภาคพื้นดินและระบบแอปพลิเคชันภูมิสารสนเทศ
สำหรับโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นสินค้าตามพิกัดประเภทใด
ซึ่ง สทอภ. นำเข้ามาเพื่อใช้ภายใต้โครงการระบบดาวเทียมฯ สำหรับโครงการ THEOS-2 ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ร่างประกาศกระทรวงการคลังรวม ๒ ฉบับ
มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๕ ๓. ให้หน่วยงานของรัฐที่จะดำเนินโครงการต่าง
ๆ ต่อไปในอนาคต ขอรับจัดสรรงบประมาณให้ครอบคลุมค่าภาษีและอากรโดยครบถ้วน
เพื่อประโยชน์ต่อการบริหารนโยบายการคลังและภาษีอากรของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 817 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 | กค. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นจริง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ยังคงอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะ
ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 818 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน
หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๕ ภายในกรอบวงเงิน ๓๗,๙๖๖,๙๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗,๕๙๓,๔๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๐,๓๗๓,๕๐๐ บาท
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณในชั้นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ รองรับไว้แล้ว และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
คำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย
และให้กระทรวงการคลัง
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการหน่วยงานที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ที่เห็นว่าควรกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงหน่วยงานรับผิดชอบโครงการสามารถนำข้อมูลจากรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครางการไปประกอบการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้แก่ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก
และให้คณะรัฐมนตรีกำชับให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ รายงานผลการดำเนินโครงการในระบบ eMENSCR และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นประจำทุกเดือนโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 819 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 25 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 7 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กค. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน
(ASEAN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ครั้งที่ ๒๕
การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๗
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งบรูไนดารุสซาลามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่
๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุม
ซึ่งมีประเด็นสำคัญ เช่น (๑)
การหารือกับผู้แทนสถาบันการเงินระหว่างประเทศในประเด็นแนวโน้มต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาค
และแนวทางการสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของอาเซียน เช่น การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว
การพัฒนาระบบภาษีและความร่วมมือด้านภาษีระหว่างประเทศ
และความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการระดมทรัพยากรภายในประเทศ และ (๒)
รับทราบความคืบหน้าที่สำคัญของความร่วมมือทางการเงินในอาเซียน ได้แก่ ด้านศุลกากร
ด้านภาษีอากร ด้านการประกันภัยจากภัยพิบัติ
และด้านการกำกับดูแลตลาดทุนและการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน ทั้งนี้
ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๗ ซึ่งมีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๓
มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีการปรับปรุงถ้อยคำแถลงการณ์ร่วมฯ
เพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้นโดยไม่กระทบสาระสำคัญ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 820 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (นางสาวพัดชา พงศ์กีรติยุต) | กค. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวพัดชา พงศ์กีรติยุต เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ)
ในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แทน พลตำรวจเอก
สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มิถุนายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย
ตามนัยมติตณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
และมติตณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
การแต่งตั้งกรรมการตามกฎหมาย/กรรมการและผู้บริหารขององค์การมหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
