ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่ 3-4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2572 | กค. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการคลัง สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่
๓-๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒ วงเงิน ๑,๖๖๓.๔๐๕ ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยควรคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
282 | การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รองประธานกรรมการ ที่กำกับดูแลกรมบัญชีกลาง ๓. ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงคมนาคม กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๖. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๗. ปลัดกระทรวงกลาโหม กรรมการ ๘. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ ๙. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ ๑๐. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กรรมการ และสิ่งแวดล้อม ๑๑. ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ กรรมการ วิจัยและนวัตกรรม ๑๒. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการ ๑๓. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรรมการ ๑๔. ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑๕. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กรรมการ ๑๖. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๑๗. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๑๘. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๑๙. อธิบดีกรมบัญชีกลาง กรรมการ ๒๐. ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรรมการ ๒๑. ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการ กรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ ๒๒. ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กรรมการ ๒๓. ที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดี กรรมการและเลขานุการร่วม กรมบัญชีกลางมอบหมาย ๒๔. ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการ กรรมการและเลขานุการร่วม ที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย ๒๕. ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการ กรรมการและเลขานุการร่วม ที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
283 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (1. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ฯลฯ รวม 6 ราย) | กค. | 23/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการ ๒. นายเสรี นนทสูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายจักร บุญ-หลง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายวิสุทธิ์ จันมณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
284 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 16/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น
ๆ ที่คล้ายกัน ประเภทอัตราตามปริมาณ (ลิตร) (ปรับลดประมาณ ๑ บาทต่อลิตร)
เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง
เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภาระการชดเชยต้นทุนส่วนต่าง
ตลอดจนความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามการประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และให้ภาครัฐเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเพื่อทดแทนการดำเนินมาตรการทางภาษี
ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและค่าครองชีพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
285 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุดท้าย ชัยจันทึก) | กค. | 09/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุดท้าย ชัยจันทึก ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน
(วิชาการบัญชี) สูง] กองตรวจสอบภาครัฐ กรมบัญชีกลาง
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบบัญชี (นักบัญชีทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
286 | การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (1. นายเสรี นนทสูติ ฯลฯ จำนวน 6 คน) | กค. | 09/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
จำนวน ๖ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งแต่งตั้ง
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ดร.เสรี นนทสูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นางสมหมาย
ศิริอุดมเศรษฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชี ๓. นายสีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๔. นายประกิด บุณยัษฐิติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๕. นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
287 | มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 02/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อปรับอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ
และปรับโครงสร้างภาษีและอัตราภาษีสำหรับสินค้าสุรา และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ ๒๘
ธันวาคม ๒๕๖๔ เพื่อปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรสินค้าไวน์ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับกลุ่มสินค้าดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ การตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(VAT Refund for Tourists) ของนักท่องเที่ยว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ที่เห็นว่าควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้อย่างแท้จริง
และควรติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อประเมินความคุ้มค่าของมาตรการต่าง
ๆ ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม
โดยให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง
และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาควรดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจทราบเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
288 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568 – 2571) | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๘-๒๕๗๑)
เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามมาตรา ๑๕
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ
ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มการจัดเก็บรายได้และการลดรายจ่ายโดยมีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะการปฏิรูปโครงสร้างภาษีและการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การทบทวนและยกเลิกมาตรการทางภาษีที่ไม่เกิดความคุ้มค่าและบิดเบือนกลไกตลาด
การลดความซ้ำซ้อน
และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะเท่าที่จำเป็น
ควบคู่ไปกับการลดทอนรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย
และการปรับโครงสร้างรายจ่ายให้มีความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
289 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก กบข. ประจำปี 2566 | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(กบข.) และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก กบข.ประจำปี ๒๕๖๖
ซึ่งได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการลงทุน
และด้านสมาชิก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
290 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคที่กระทำผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๑
และเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีสำหรับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้เหมือนกันกับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
291 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันในความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้งองค์การการค้าโลก (ฉบับที่ ..) | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากร
ลด และเพิ่มอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันในความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้งองค์การการค้าโลก
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงบัญชีอัตราอากรท้ายประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การยกเว้นอากรลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพันในความตกลงมาร์ราเกชจัดตั้งองค์การการค้าโลกลงวันที่
๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
โดยขยายระยะเวลาการลดอัตราอากรศุลกากรในโควตาสำหรับสินค้ากากถั่วเหลือง
พิกัดอัตราศุลกากร ๒๓๐๔.๐๐.๒๙ รหัสย่อย ๐๑ เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์
ในอัตราร้อยละ ๒ ออกไปอีก ๓ ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้แก้ไขระยะเวลาที่กำหนดในบัญชีอัตราอากรท้ายร่างประกาศกระทรวงการคลังให้เป็นไปตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี
ที่เห็นควรให้ลดอัตราอากรศุลกากรในโควตาสำหรับสินค้ากากถั่วเหลืองเฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์
ในอัตราร้อยละ ๒ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม
๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ต่อไป และควรพิจารณาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตถั่วเหลือง
เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนเกินภายในประเทศภายใต้บริบทการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศไทยควบคู่ไปกับการส่งเสริมการผลิตและการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ทางเลือกเพื่อทดแทนและลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้กับประเทศไทยได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าจะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใด
ๆ ไว้ด้วยก็ได้ กรณีจึงเป็นการดำเนินการตามที่กฎหมายแม่บทให้อำนาจไว้
และอยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ตามที่เห็นสมควร อนึ่ง
โดยที่การเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลังในครั้งนี้เป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราอากรในโควตาออกไปอีก
๓ ปี จึงเป็นกรณีที่กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการจัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้จากการลดอัตราอากรดังกล่าวตามมาตรา
๓๒ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
292 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
293 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 10 | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ (เรื่อง มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะที่ ๑๐) ในส่วนของวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มอีก
๓,๒๕๐ ล้านบาท
จากเดิม วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น
วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ ๕๓,๒๕๐ ล้านบาท
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายในการจัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ
โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือก่อนเป็นลำดับแรก
เช่น ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (Small and
Medium Enterprises : SMEs) ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และขนาดย่อย (Micro, Small and Medium Enterprises :
MSMES) ผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่เมืองรอง
เพื่อส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
294 | การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางและเป้าหมายสำหรับปี 2567 | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๖๗
พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง
และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๗ ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ
๑-๓ และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายการเงิน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์
และในระยะถัดไปเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มที่จะเผชิญปัจจัยเสี่ยงของความผันผวนด้านราคา
รวมทั้งแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่อาจทำให้การประเมินสถานการณ์ด้านราคาทำได้ยากมากขึ้น
ดังนั้น การดำเนินนโยบายการเงินควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนและเตรียมเครื่องมือในการดำเนินนโยบายเพื่อรับมือกับความผันผวน
เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิผลต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
295 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน แบบประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 1) | กค. | 26/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ๒๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยขยายระยะเวลาการใช้บังคับอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน
๑๐ คน (ประเภทที่ ๐๖.๐๑ และ ๐๖.๐๒) แบบประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ ๑ (ECO Car Phase ๑) ในอัตราร้อยละ ๑๔ ออกไปอีก ๒ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
296 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2566 | กค. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๖
ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สรุปได้ ดังนี้ (๑) เศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราร้อยละ ๒.๗ และร้อยละ ๒.๕ ในปี ๒๕๖๖
และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกสินค้าของเอเชียจะทยอยฟื้นตัวในช่วงต้นปี
๒๕๖๗ ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์สินค้าโลก การทยอยระบายสินค้าคงคลัง
และการฟื้นตัวของตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (๒)
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๘ และร้อยละ ๔.๔ ในปี ๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗
ตามลำดับ สำหรับปี ๒๕๖๖
การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยชะลอลงจากภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้า แต่ในปี ๒๕๖๗ จะขยายตัวสูงกว่าที่คาด
จากทั้งอุปสงค์ต่างประเทศและในประเทศ (๓) ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นเล็กน้อย
จากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
โดยค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๕.๑๑ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่าลงจากค่าเฉลี่ยไตรมาสก่อน
(๔) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๖ ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ
๒.๕๐ ต่อปี สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า กนง.
จะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อาจได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
297 | แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ | กค. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ
จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (๒) มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และ (๓) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด
๑๙ ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ อนุมัติวงเงินงบประมาณ
จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน ๒ มาตรการ รวมทั้งสิ้น ๔,๙๐๐
ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และรับทราบมาตรการแก้ไขหนี้ในระบบ มาตรการแก้ไขหนี้นอกระบบ และการปรับโครงสร้างระบบการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๔,๙๐๐ ล้านบาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินมาตรการเชิงป้องกัน
โดยการให้ความรู้ทางการเงิน ควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย
เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาจงใจผิดนัดชำระหนี้ การออกแบบมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ดังกล่าวควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับเป็นหลัก
รวมถึงควรมีการประเมินประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของโครงการให้เป็นไปตามคำสั่งอื่น เจตนารมณ์
และควรเร่งส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมบ่มเพาะให้เกิดวินัยในการบริหารเงินและหนี้อย่างรับผิดชอบ
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนประสบความสำเร็จและมีผลยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
298 | รายงานผลการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ | กค. | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่
เพื่อทดแทนโรงงานผลิตยาสูบเดิม โดยย้ายสถานที่ออกจากเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต
โดยการเพิ่ม Economy of Scale
จากการสร้างโรงงานผลิตยาสูบใหม่แห่งเดียวที่เป็น Integrated Production
Complex ในพื้นที่ที่เหมาะสมด้านการขนส่ง
เพื่อปรับระบบการบริหารจัดการและการผลิตให้ทันสมัย
เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการแข่งขันกับธุรกิจบุหรี่ของต่างประเทศทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
299 | มาตรการ "Easy E-Receipt" | กค. | 04/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการ “Easy E-Receipt” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนับสนุนการบริโภคในประเทศ
สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี รวมถึงส่งเสริมการผลิตสินค้า และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษี
และการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... ) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามจำนวนที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท
โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice &
e-Receipt) ของกรมสรรพากร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามนัยของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐด้วย
และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
300 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายพรชัย ฐีระเวช และนายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล) | กค. | 28/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
รวม ๒ คน
เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายพรชัย ฐีระเวช ประธานกรรมการ
|