ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานตามกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. 2566) | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
สำหรับปีปฏิทินที่สิ้นสุดก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๖)
ให้ดำเนินการภายในวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ (จากกฎกระทรวงเดิมภายในวันที่ ๑๘
ตุลาคม ๒๕๖๖ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕ และภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗ สำหรับปี
พ.ศ. ๒๕๖๖)
ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดเวลาสิ้นสุดการยื่นคำขอหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานจากหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๙ เมษายน ๒๕๖๗) ที่กำหนดให้ดำเนินการภายในวันที่ ๓o เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้
เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะยื่นคำขอมีระยะเวลาเพียงพอในการดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
242 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ
๒๕๖๘ - ๒๕๗๑) ฉบับทบทวน ครั้งที่ ๒ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามมาตรา
๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา
ไทยเศรษฐ์) สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา
ไทยเศรษฐ์) เห็นว่าสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาแนวทางการนำเงินนอกงบประมาณมาใช้ประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อลดภาระการขาดดุลงบประมาณ และสามารถนำไปสู่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณแบบสมดุลได้ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการจัดสรรงบประมาณประจำปีในช่วงถัดไปสำนักงบประมาณควรปรับเพิ่มการจัดสรรงบชำระหนี้ของรัฐบาลให้สอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้และดอกเบี้ยทั้งในส่วนของหนี้รัฐบาลและหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่รัฐให้ดำเนินโครงการของรัฐที่ครบกำหนดชำระในแต่ละปีงบประมาณ
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มงประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนเพื่อความรอบคอบในการดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
243 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรชาติ เทียนทอง และนายธันว์ วุฒิธรรม) | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายสุรชาติ เทียนทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
244 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet) ตามที่คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
ผ่าน Digital wallet เสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
245 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานทางการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขี้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๓๔,๓๒๑.๒๕ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๕.๐๖ เนื่องจากการจัดเก็บภาษีอากร
และการนำส่งเงินเหลือจ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
มีค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๒๓๔,๖๐๒.๕๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๕๘
เนื่องจากการลดลงของค่าใช้จ่ายอุดหนุนตามมาตรการของรัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ คลี่คลาย มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๓๖๘,๙๒๓.๘๔ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๖๐ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการจัดเก็บภาษีและการนำส่งเงินรายได้ของหน่วยงานสูง ๒. ฐานะการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๒๘๗,๑๒๗.๙๗ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๓.๔๖ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของที่ดินราชพัสดุ เงินให้กู้ยืมระยะสั้น
เงินให้กู้ยืมระยะยาว และรายได้รัฐบาลค้างรับ มีหนี้สินเพิ่มขึ้น จำนวน ๕๙๐,๑๕๒.๘๘
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๐๔ เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
และการกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้ มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุนลดลง จำนวน
๓๐๓,๐๒๔.๙๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๔๓
เนื่องจากมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสะสมเพิ่มขึ้น จากผลการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับงวดปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๕๓๙,๘๓๙.๑๒ ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับปรุงรายการบัญชี
การปรับปรุงมูลค่า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
246 | โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ๑.๑
เรื่องที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้เป็นการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital
Wallet (โครงการฯ) หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและครบถ้วน
โดยนำความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้เสนอมาประกอบการพิจารณาด้วย และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ โครงการฯ
มีแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ จาก ๓ แหล่ง ได้แก่ ส่วนที่ ๑
การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ส่วนที่ ๒
เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ สำหรับส่วนที่ ๓
ถือเป็นการดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร
ซึ่งเป็นนโยบายกึ่งการคลังของรัฐที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนัยมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินส่วนที่
๓ ให้เกิดความถูกต้อง รอบคอบ ชัดเจน ก่อนดำเนินการต่อไป เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นเพิ่มเติมว่า
เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๖
เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการโครงการฯ เท่านั้น
สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ของการดำเนินโครงการฯ เช่น นิติสัมพันธ์ในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประชาชนและร้านค้า
หรือระหว่างร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ
รวมทั้งการออกแบบระบบให้เหมาะสมและเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีสามารถจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงาน
แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่งต่อไป ๒.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
อย่างเคร่งครัด ในการจัดทำรายละเอียดโครงการฯ
หากมีประเด็นข้อสงสัยหรือความไม่ชัดเจนในเรื่องใด ๆ
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ได้ข้อยุติที่ถูกต้อง
ชัดเจน ครบถ้วนทุกประเด็น ก่อนดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
247 | ผลการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | กค. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติ เรื่อง
ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า ๑) ในส่วนของแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกง
กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ เกี่ยวกับผู้สอบบัญชีและสำนักงานสอบบัญชีเพื่อให้มีกฎหมายที่สอดรับกับแนวทางการตรวจสอบและบทลงโทษผู้ที่ทำการทุจริตผ่านตลาดทุนไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ภายใต้โครงการบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์เข้มแข็ง
โดยเน้นมาตรการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นและมาตรการส่งเสริมการทำหน้าที่ของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ตลาดหลักทรัพย์ได้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย
โดยการตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์
และร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยในการจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ลงทุน
รวมถึงบุคลากรในหน่วยงานยุติธรรม (อาทิ ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา) กระทรวงพาณิชย์
โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ศึกษาและพัฒนากฎหมายที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความทันสมัยและทันเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
และ ๒) ในส่วนของข้อเสนอแนะ สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นว่า
ควรปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยให้สภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจในการกำกับดูแลผู้ทำบัญชี
ผู้สอบบัญชี สำนักงานบัญชี และสำนักงานสอบบัญชี เพื่อตรวจสอบคุณภาพของการปฏิบัติงานในเชิงรุก
และปรับปรุงแก้ไขบทลงโทษให้ครอบคลุมบทลงโทษของสำนักงานสอบบัญชี สมาคม ตลาดตราสารหนี้ไทย
เห็นว่า
ควรเพิ่มมาตรการในการยืดหรืออายัดทรัพย์สินจากการกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นการทุจริตฉ้อโกงที่เกี่ยวกับการออกหลักทรัพย์
ให้ครอบคลุมไปถึงทรัพย์สินที่ได้มาหรือสงสัยว่าจะได้มาจากการกระทำความผิดหรือที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะอยู่ในความครอบครองของบุคคลใดก็ตาม
และกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการเยียวยาความเสียหายให้กับนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
248 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และรายงานการเงินรวมภาครัฐ (บทวิเคราะห์) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้หน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรค
และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน ๖๐ วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
249 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2550 เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร | กค. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร) ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ตรงตามเจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
โดยไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส. และมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน
รวมถึงป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส. โดยให้ถือใช้ข้อความตามที่ปรับปรุงแล้ว
แทนข้อความเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ
เช่น ๑)
ควรสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกหนี้เกี่ยวกับวิธีการดำเนินคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ๒)
ควรกำหนดแผนบริหารจัดการหรือมาตรการจัดการหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยหรือเบี้ยปรับหรือผลกระทบในด้านอื่น
ๆ ที่เป็นภาระแก่เกษตรกรเกินสมควร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้เกษตรกรที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing
Loans : NPLs) ซึ่งยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของลูกหนี้แต่ละรายเพื่อให้เกษตรกรกลุ่มนี้ยังคงมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ต่อไปโดยไม่ถูกดำเนินคดีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
250 | การร่วมมือกับรัฐบาล สปป. ลาว ในการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข 12 (R12) ช่วงเมืองท่าแขก-จุดผ่านแดนนาเพ้า สปป. ลาว | กค. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(สปป. ลาว) ในการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข ๑๒ (R12) ช่วงเมืองท่าแขก-จุดผ่านแดนนาเพ้า สปป.
ลาว (โครงการ R12) ดังนี้ ๑) อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการตามขอบเขตของโครงการ แหล่งที่มาของเงินทุน รูปแบบ วิธีการ
และเงื่อนไขทางการเงินสำหรับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการ
R12 จำนวน ๑,๘๓๓,๗๔๗,๐๐๐ บาท ๒) อนุมัติให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณเป็นรายปี
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗o รวมระยะเวลา ๓ ปี
สำหรับวงเงินให้เปล่า จำนวน ๙๑,๐๖๓,๐๐๐
บาท และร้อยละ ๕๐ ในส่วนของเงินกู้จำนวน ๘๗๑,๓๔๒,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๙๖๒,๔๐๕,๐๐๐
บาท ๓) เห็นชอบแนวทางการกู้เงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศ จำนวน ๘๗๑,๓๔๒,๐๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด และ ๔)
กรณี สปป. ลาว ผิดนัดชำระหนี้ สพพ. จะพิจารณาใช้เงินสะสมของ สพพ. เพื่อชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากเงินกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศไปก่อน
ทั้งนี้ หาก สพพ.
เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องจะขอรับจัดสรรเงินงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อเสริมสภาพคล่องและเมื่อ
สพพ. สามารถเรียกเก็บหนี้ได้จะนำเงินดังกล่าวส่งคืนคลังต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง [สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(องค์การมหาชน)] และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๗๐๖/๗๕ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม
๒๕๖๖) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยขอให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
พร้อมจัดทำขั้นตอนการดำเนินงาน แผนการก่อสร้าง และการเปิดให้บริการ และให้ สพพ.
ใช้เงินสะสมของหน่วยงาน
และกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาอนุมัติได้ตามที่เห็นสมควร และโดยที่เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตาม
ม. ๘ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง สพพ. พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มติมและเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทยจึงเข้าข่ายเป็นการดำเนินการตามมาตรา
๔ (๑) และ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องฯ พ.ศ. ๒๕๔๘ นอกจากนี้ ควรมอบหมายให้กระทรวงการคมนาคมกำกับโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม
และโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ให้แล้วเสร็จตามแผน
เพื่อให้โครงข่าย/คมนาคมของไทยสามารถเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างไร้รอยต่อ
อันจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
ตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
251 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล
กรณีการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
ผ่าน Digital Wallet) ตามที่คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet เสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital
Wallet เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗ (เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล
กรณีการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet) โดยให้คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
ผ่าน Digital Wallet สรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวมแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน
๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
252 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2566 | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๖
ของคณะกรรมการกองทุนนโยบายการเงิน (กนง.) สรุปได้ ดังนี้ (๑)
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัว โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวตามแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน
ขณะที่เศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นในปี ๒๕๖๗
ในภาพรวมเศรษฐกิจโลกจึงอยู่ในทิศทางฟื้นตัว (๒) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว
โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน แรงสนับสนุนจากการจ้างงาน
และรายได้แรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด (๓)
ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นเล็กน้อย จากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่สูงขึ้นตามการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา
และ (๔) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๖ ในการประชุมเมื่อวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ ๒.๕๐
ต่อปี เนื่องจาก กนง.
ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันเหมาะสมกับบริบทที่เศรษฐกิจกำลังทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพและเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
253 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงการคลัง) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ดังนี้ ๑.
ให้คงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
แนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี
๒๕๖๕ ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้) ไว้ ๒.
ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง มาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน
(การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
254 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานตามกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. 2566) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
สำหรับปีปฏิทินที่สิ้นสุดก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖) ให้ดำเนินการภายในวันที่
๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ (จากเดิมภายในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรพิจารณาให้ผู้ประสงค์ยื่นคำขอหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานมีระยะเวลาเพียงพอในการดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
255 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับที่อยู่อาศัย
ปี ๒๕๖๗ และมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. ๒๕๖๖ พ.ศ. .... ๒.๒
ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายห้องชุดเพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. ๒๕๖๖ พ.ศ. .... ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๕
ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..(พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
รวม ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการของโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. รับทราบโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life และรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการส่งเสริมก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๕.
มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการมาตรการอื่น
ๆ
ซึ่งผู้ประกอบการเอกชนในภาคอสังหาริมทรัพย์มีข้อเสนอให้ภาครัฐพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี
เพื่อพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
256 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (พันตำรวจเอก บุญส่ง จันทรีศรี) | กค. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พันตำรวจเอก บุญส่ง จันทรีศรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านกฎหมาย) ในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนได้รับแต่งตั้งแทน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
257 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางจิติธาดา ธนะโสภณ) | กค. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางจิติธาดา ธนะโสภณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพสามิต
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ)
กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นวันที่ตำแหน่งว่างลงเนื่องจากผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมเกษียณอายุราชการ
ตามที่รัฐมนตรีว่าการการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
258 | รายงานผลการดำเนินการของสถาบันการเงินประชาชนประจำปี 2562 - 2565 | กค. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของสถาบันการเงินประชาชนประจำปี
๒๕๖๒-๒๕๖๕ ของคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๙
(๑๓) แห่งพระราชบัญญัติสถาบันการเงิน เนื่องจากมาตรา ๙ (๑๓) แห่งพระราชบัญญัติฯ
กำหนดให้คณะกรรมการฯ มีหน้าที่รายงานผลการดำเนินการของสถาบันฯ
ให้คณะรัฐมนตรีทราบอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในคราวต่อไป
ให้คณะกรรมการฯ จัดทำรายงานผลการดำเนินการดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละ ๑
ครั้ง และจากข้อมูลรายงานผลการดำเนินการของสถาบันฯ
นับตั้งแต่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ (ปี ๒๕๖๒) จนถึงปี ๒๕๖๕ พบว่า
มีสถาบันฯ ที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วเพียง ๙ แห่ง เท่านั้น (จากองค์กรการเงินชุมชน
จำนวน ๓๐๙ แห่ง ที่ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์คุณสมบัติที่กฎหมายกำหนด)
ควรให้คณะกรรมการฯ
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินการจัดตั้งสถาบันฯ
รวมทั้งรวบรวมปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของสถาบันฯ
พร้อมทั้งข้อเสนอแนะแนวทางและนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม
เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบพร้อมกับการจัดทำรายงานผลการดำเนินการของสถาบันฯ
ประจำปีในคราวต่อไปด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
259 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 11 | กค. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๑ (Joint Statement of the 11th ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๑ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๗ ณ เมืองหลวงพระบาง
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในประเด็นทางด้านเศรษฐกิจและการเงินในเรื่องต่าง
ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
260 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
(ฉบับที่) พ. ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
พ.ศ. ๒๕๒๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยปรับปรุงอัตราเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
เพื่อกำหนดให้ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญ
ซึ่งเมื่อรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญแล้วต่ำกว่าเดือนละ ๑๑,๐๐๐ บาท
ให้ได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญเพิ่มขึ้นจนครบเดือนละ ๑๑,๐๐๐ บาท
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอันเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญในการครองชีพ
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|