ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 241 | ร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet
ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามนัยข้อ ๓.๗
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะลงนามในร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๑ (๖) และ (๙) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีการแก้ไข ดังนี้ ๑. แก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายฯ
ให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน เช่น จากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (รองประธานกรรมการคนที่
๒) เป็น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการคลัง (รองประธานกรรมการคนที่
๒) ๒. ยกเลิกความในข้อ ๒.๒ ของคำสั่ง นร. ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ระบุว่า
“กำกับ ดูแล ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินโครงการ ให้เป็นไปตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบ”
เป็น “กำกับ ดูแล ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินโครงการในภาพรวม
รวมทั้งการกระทำที่เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้เป็นไปตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบ” ๓. ยกเลิกความในวรรคท้ายของคำสั่ง นร. ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ระบุว่า
“สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการนโยบายฯ
ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ หรือตามระเบียบทางราชการ
แล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ส่วนการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของคณะอนุกรรมการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ หรือตามระเบียบทางราชการแล้วแต่กรณี
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง” ๔. เพิ่มความข้อ ๓ ของคำสั่ง นร. ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ “๓.
สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของกรรมการนโยบายฯ และคณะอนุกรรมการ
ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หรือตามระเบียบทางราชการ แล้วแต่กรณี ดังนี้ ๓.๑ คณะกรรมการ
ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ๓.๒
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital wallet และคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๓.๓ คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 242 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนรัช จงสุทธานามณี) | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธนรัช
จงสุทธานามณี เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 243 | การต่ออายุความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Bilateral Swap Agreement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการต่ออายุความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา
(Bilateral Swap
Agreement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น มีสาระสำคัญเพื่อขยายอายุความตกลงปัจจุบันออกไปอีก
๓ ปี ถึงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๗๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 244 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์) | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 245 | แนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ดังนี้ ๑) แนวทางการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อขายสำหรับร้าน Duty
Free ขาเข้าของผู้ประกอบการ และ ๒)
ผลประโยชน์และผลกระทบของการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้าน
Duty Free ขาเข้าที่กระทรวงการคลังได้ศึกษาไว้ในเบื้องต้น
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการติดตามและประเมินผลของการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน
เพื่อขายสำหรับร้าน Duty Free ขาเข้าอย่างใกล้ชิดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 246 | มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและความเห็นในภาพรวมของข้อเสนอแนะตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย
โดยมีสาระสำคัญครอบคลุม ๑๑ ประเด็น ตามข้อเสนอแนะตามมาตรการฯ แบ่งเป็น ๑)
ประเด็นที่หน่วยงานต้องดำเนินการต่อ ๕ ประเด็น เช่น การดำเนินนโยบายที่อาจมีอุปสรรค
หากในอนาคตประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกความตกลงการค้าระหว่างประเทศ
ปัญหานวัตกรรมไทยไม่มีความชัดเจน ๒) ไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณา ๕ ประเด็น เช่น คุณสมบัติของผู้ขายผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติของผู้เสนอราคากับหน่วยงานของรัฐ
ผู้ประกอบการไม่แสดงข้อมูลโครงสร้างราคาต้นทุนของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทย และ
๓) ประเด็นที่ควรเน้นให้ดำเนินการ ๑ ประเด็น ได้แก่
การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 247 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 2 | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๒
ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗ โดยมีรายละเอียดของการปรับปรุงแผนฯ ในครั้งนี้
เช่น ๑) การปรับเพิ่มวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
(เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน) จำนวน ๒๖๙,๐๐๐ ล้านบาท ๒)
การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘-๒๕๗๑ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และ ๓)
การปรับเพิ่มวงเงินแผนการชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
จำนวน ๒๙,๒๐๐ ล้านบาท เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
ทั้งนี้ ในส่วนการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย
และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่รัฐบาลรับภาระ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง
ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓
ซึ่งกำหนดให้สัดส่วนงบประมาณเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐซึ่งรัฐบาลรับภาระ
ต้องตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละสองจุดห้าแต่ไม่เกินร้อยละสี่ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
รวมทั้งพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน ประมาณการรายรับ ฐานะทางการคลังของประเทศ
และภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายในด้านต่าง ๆ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
และเกิดประสิทธิผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 248 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ) | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เนื่องจากประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 249 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พ.ศ. .... | กค. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ รวม ๕ ชนิด
ได้แก่ ๑) เหรียญกษาปณ์ทองคำ ชนิดราคาสองหมื่นบาท ๒) เหรียญกษาปณ์เงิน
ชนิดราคาหนึ่งพันบาท ๓) เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคาห้าสิบบาท
๔) เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทขัดเงา และ ๕) เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทธรรมดา
เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 250 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พ.ศ. .... | กค. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ โดยกำหนดรายละเอียดของลักษณะเหรียญ บุคคลผู้มีสิทธิประดับเหรียญ
วิธีการประดับเหรียญ การสร้างเหรียญและกิจการอื่นที่จำเป็นของเหรียญ
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันเต็มเปี่ยมที่มีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
ทรงแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรให้มีความร่มเย็นเป็นสุข
เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรและความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดิน
และเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณให้แผ่ไพศาลไปทั้งภายในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 251 | แนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง แนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย
ออกไปก่อน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 252 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2566 | กค. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม : เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว โดยเฉพาะการใช้จ่ายในหมวดบริการ
สำหรับภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยว
แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อคนปรับลดลงจากจำนวนวันพักที่ลดลงและสัดส่วนนักท่องเที่ยวระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้ายังคงฟื้นตัวช้า ๑.๒ เสถียรภาพระบบการเงินและภาวะการเงิน : ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ
แต่ต้องติดตามพัฒนาการของคุณภาพสินเชื่อที่อาจได้รับแรงกัดดันจากความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงของผู้ประกอบการ
SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า
รวมถึงติดตามความสามารถในการระดมทุนของภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ๑.๓ การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย : กนง. มีมติ (๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ และ ๒๗ กันยายน
๒๕๖๖) ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕
และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาจนถึงสิ้นปี ๒๕๖๖ ๑.๔ การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน : ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกาอ่อนค่าในไตรมาสที่
๔ ของปี ๒๕๖๖ แข็งค่าขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ๑.๕
การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน : กนง.
ได้สนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมแก่ลูกหนี้
รวมทั้งสนับสนุนแนวทางการดูแลหนี้ครัวเรือนเพิ่มเติมที่จะดำเนินการควบคู่ไปด้วยในอนาคต ๒. ให้
กนง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า กนง.
ควรคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนที่สูงขึ้น
รวมถึงความเปราะบางที่เกิดจากภาระหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการ
SMEs ตลอดจนแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยของต่างประเทศ
เพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป
เพื่อให้ทิศทางการส่งผ่านนโยบายการเงินสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 253 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน จำนวนรวม ๘๙๕,๑๓๐.๘๕
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒ ของวงเงินที่ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 254 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยังคงหลักการเดิม
และปรับอัตราเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรเร่งกำหนดแนวทางและแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
และการขยายฐานภาษีให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม
ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของรัฐบาล
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน
และการปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของส่วนราชการ
เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเกิดความคุ้มค่า
และสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการในระยะยาว
สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เห็นควรให้ส่วนราชการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐของแต่ละส่วนราชการเป็นลำดับแรก
หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ
หรือรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี ตามลำดับ
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการพิจารณาจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อบรรจุไว้ในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลางตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 255 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีถูกเลิกจ้าง) | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีลูกเลิกจ้างให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยปรับเพิ่มเพดานของค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
จาก ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๓๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็น
ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๔๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเงินค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่ได้รับตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้
กระทรวงแรงงาน เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวง ฯ
ครอบคลุมถึงกรณีการเกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะทำให้ลูกจ้างกลุ่มนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย
ซึ่งจะส่งผลให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน นำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 256 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2567 และครั้งที่ 2/2567 และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๙
เมษายน ๒๕๖๗ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและรัฐวิสาหกิจนำมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ไปเป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐต่อไป ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 257 | รายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ 2566 | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑. ความเสี่ยงด้านรายได้ในปีงบประมาณ
๒๕๖๖ อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในปีงบประมาณ
๒๕๖๖ อยู่ที่ ๒,๖๖๖,๘๐๘ ล้านบาท (ขยายตัวร้อยละ ๕.๓๔ จากปีก่อน)
และมีสัดส่วนรายได้รัฐบาลสุทธิต่อ GDP อยู่ที่ร้อยละ ๑๔.๘๘ ๒. ความเสี่ยงด้านรายจ่ายปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ
๒๕๖๕ โดยวงเงินงบประมาณ รายจ่ายปี ๒๕๖๖ กลับมาขยายตัวอยู่ที่ ๓,๑๘๕,๐๐๐
ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๗๔ จากปีก่อน) โดยเป็นผลมาจากรายได้ของประชาชน
ผลประกอบการของภาคเอกชน รวมถึงการบริโภคของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ๓. ความเสี่ยงด้านหนี้ในปีงบประมาณ
๒๕๖๖ ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
โดยจำเป็นต้องวิเคราะห์และติดตามอย่างใกล้ชิด โดยระดับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ
๒๕๖๖ มีจำนวน ๑๑,๑๓๑,๖๓๔.๒๐
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๔ ต่อ GDP (ยังอยู่ภายใต้กรอบที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด) ๔.
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องการเบิกจ่ายยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยระดับเงินคงคลัง
ณ สิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๖ อยู่ที่ ๕๓๙,๐๕๖ ล้านบาท (ลดลงจากปีก่อน จำนวน ๘๔,๙๖๓ ล้านบาท) เนื่องจากการเบิกใช้เงินคงคลังสำหรับรายจ่ายที่งบประมาณตั้งไว้ไม่เพียงพอประกอบกับในปี
๒๕๖๖ ได้มีการชะลอการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลออกไปในปีถัดไป ๕. รัฐบาลจึงควรพิจารณาดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ในอนาคต
เช่น (๑) ปรับลดรายจ่ายต่าง ๆ
ที่ไม่จำเป็นลงและดำเนินโครงการตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เท่าที่จำเป็น และ (๒)
ผลักดันแผนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีและรายได้รัฐบาลอื่น ๆ
และทบทวนมาตรการยกเว้น/ลดหย่อนต่าง ๆ ให้มีเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย
เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 258 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ..) (สินค้าน้ำมะพร้าวและน้ำมะพร้าวเข้มข้น) | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราอากร ๑
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยยกเว้นอากรสำหรับของตามพิกัดประเภทย่อย
๒๐.๙.๘๙.๒. (น้ำมะพร้าว) และประเภทย่อย ๒๐๐๙.๘๙.๓๐ (น้ำมะพร้าวเข้มข้น)
ที่นำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้สิทธิประโยชน์ตามหลักการต่างตอบแทนแก่สาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ASEAN - Korea Free Trade Agreement :
AKFTA) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในกรณีการกำหนดยกเว้นอากรหรือลดอัตราอากรและการปรับพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ของสินค้าเกษตรใด
ๆ ต้องระมัดระวังผลกระทบต่อเกษตรกรและสินค้าเกษตรภายในประเทศด้วย รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรเร่งประสานงานกับกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังแห่งสาธารณรัฐเกาหลีอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้ทั้งสองประเทศสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ภายในห้วงเวลาเดียวกันและไม่เกิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติ
และให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้รับทราบและเตรียมความพร้อมในการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวให้มากขึ้น
พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ควบคู่กับการรักษาเอกลักษณ์ความหอมและรสชาติของน้ำมะพร้าวไทย
เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้เหนือกว่าประเทศคู่แข่งได้ในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 259 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์) | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม
๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 260 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุภาภรณ์ โรจนรุ่งทวี) | กค. | 18/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุภาภรณ์ โรจนรุ่งทวี
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการคลัง)
สูง] กองกฎหมาย กรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง
(นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
