ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒
ราย ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
342 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนิโรธ สุนทรเลขา และนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์) | กค. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖)
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายนิโรธ
สุนทรเลขา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ) ๒. นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายกฤษฎา
จีนะวิจารณะ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
343 | การแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (นางพรอนงค์ บุษราตระกูล) | กค. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เนื่องจากเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
344 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายลวรณ แสงสนิท) | กค. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายลวรณ แสงสนิท ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
345 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ ๐๑.๐๕ รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน
และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
แลให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
อันเป็นไปตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์
รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนการติดตาม
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
346 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้ขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปอีก
๑ ปี โดยตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาฯ
(ฉบับที่ ๖๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากร
โดยให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๗
(รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี
ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
ซึ่งรวมถึงการขยายฐานภาษีให้มีความครอบคลุมมากขึ้นควบคู่ไปกับการทยอยปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ
เพื่อลดแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและลดข้อจำกัดต่อการพัฒนาประเทศในระยะถัดไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
347 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) ฉบับทบทวน | กค. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง
(ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๐) ฉบับทบทวน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญการลดการขาดดุลงบประมาณให้อยู่ในระดับต่ำกว่าในแผนการคลังระยะปานกลาง
(ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๐) ฉบับทบทวน
รวมทั้งแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
ตลอดจนจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ให้มากขึ้น
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดแรงกดดันด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
รวมทั้งเพื่อให้มีพื้นที่ทางการคลังที่เพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเงินโลก
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
348 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | กค. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายมานะศักดิ์
จันทร์ประสงค์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) ๒.
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ๓.
นายณัฏฐ์พัฒน์ รัฐไผท ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์
อมรวิวัฒน์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
349 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 108 ปี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. .... | กค. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๐๘ ปี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๑๐๘ ปี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ในวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๖ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
350 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ พ.ศ. .... | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๐๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา ๒๐ บาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
351 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2565 | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ
รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๕
ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ภาพรวมธุรกิจประกันภัยของไทยรอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๕
ขยายตัวร้อยละ ๐.๗๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและคาดการณ์ว่าในปี ๒๕๖๖
ธุรกิจประกันภัยจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ-๐.๑๓ ถึง ๑.๘๗ (๒)
การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ สำนักงาน คปภ. ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖)
และตามนโยบายของรัฐบาล เช่น
พัฒนาเครื่องมือและเพิ่มมิติการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย
ยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านการประกันภัย ส่งเสริมและสนับสนุนให้ไทยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการประกันภัย
และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้บริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ๆ และพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพและสมรรถนะ (๓)
มาตรการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากโควิด-๑๙ ต่อผู้เอาประกันภัย
ประชาชน ภาคธุรกิจประกันภัย และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่น การอนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยรายวันให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่รักษาตัวในศูนย์แยกกักตัวในชุมชนหรือสถานที่กักตัวในโรงแรมและมาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่มีค่าสินไหมทดแทนโควิด-๑๙
(๔) การประเมินผลการดำเนินงานปี ๒๕๖๕ มีค่าคะแนนถ่วงน้ำหนักรวมอยู่ที่ ๔.๖๑
จากคะแนนเต็ม ๕ คะแนน และ (๕) ผลสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการปี ๒๕๖๕
มีระดับความพึงพอใจมากที่สุดร้อยละ ๙๓.๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
352 | รายงานประจำปี 2565 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ของกองทุนการออมแห่งชาติ
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์
ของ กอช. พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ เพิ่มจำนวนสมาชิกอย่างทั่วถึงและส่งเสริมการออมอย่างต่อเนื่อง ยุทธศาสตร์ที่ ๒
มุ่งบริหารเงินลงทุนและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศ ยุทธศาสตร์ที่ ๓
ถ่ายทอดค่านิยมสังคมการออมด้วยภาพลักษณ์ที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล และยุทธศาสตร์ที่ ๔
มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง (๒)
แผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๖ จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของ กอช. ระยะ ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินคำของบประมาณที่เสนอขอรับการจัดสรรจำนวน ๑,๒๑๒.๘๙๕๑ ล้านบาท และเป้าหมายสมาชิกสะสมเป็น ๒.๕๔ ล้านคน (๓)
รายงานการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี ๒๕๖๕ โดยคณะกรรมการ กอช.
ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการของ กอช. เช่น
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของ กอช. (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และแผนปฏิบัติการประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้บรรลุเป้าหมายขององค์กร การดำเนินการตามหลักในการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล
๘ ประการ ดำเนินการตามนโยบายการลงทุน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุน (Investment
Policy and Guideline) ที่คณะกรรมการอนุมัติ ทบทวนนโยบายการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน
และคู่มือการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน เป็นต้น และ (๔)
รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินปี ๒๕๖๕ สิ้นสุด ณวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยภาพรวมมีสินทรัพย์และรายได้รวมเพิ่มขึ้น
จากค่าธรรมเนียมในการรับสมัครสมาชิกและการส่งเงินออมของสมาชิก
มีหนี้สินรวมและค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น
จากค่าใช้จ่ายของบุคลากรและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ รายงานประจำปี ๒๕๖๕
ของกองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจแล้ว
อันเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
353 | รายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ประจำปี พ.ศ. 2565 และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ได้รับบริการทางสังคม ประจำปี พ.ศ. 2565 | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ได้รับบริการทางสังคม
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑) รายงานการประเมินผลฯ ปี ๒๕๖๕ พบว่า
ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิเกี่ยวกับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคสูงสุดที่ (ร้อยละ
๙๘.๖๘) และส่วนใหญ่มีการใช้วงเงินเกือบเต็มจำนวนในคราวเดียวกัน รองลงมาคือ
ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (ร้อยละ ๒๔.๔๘) ในขณะที่สวัสดิการอื่น ๆ
มีจำนวนผู้ใช้สิทธิน้อย โดยเฉพาะสวัสดิการค่าโดยสารสาธารณะ เนื่องจากมีข้อจำกัด
เช่น ประเภทรถโดยสารที่ใช้กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีจำนวนน้อย
การกำหนดวงเงินแยกรายประเภทรถโดยสารทำให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสูญเสียวงเงินรถโดยสารสาธารณะในส่วนที่ไม่ได้ใช้
ทั้งนี้ ในภาพรวมเกิดผลประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าต้นทุน จำนวน ๒๖,๓๐๓.๒๔ ล้านบาท (๒) รายงานการสำรวจความพึงพอใจฯ
พบว่า กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นผู้ว่างงาน ผู้ไม่มีรายได้ และผู้ที่มีอายุมากกว่า
๖๐ ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความพึงพอใจในสวัสดิการที่ได้รับมากที่สุด
โดยรูปแบบสวัสดิการที่มีความพึงพอใจ คือ
ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์
และหนังสือพิมพ์เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้น้อยที่สุด
ซึ่งอาจมาจากข้อจำกัดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสาร
และเห็นว่าควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านช่องทางโทรทัศน์
วิทยุ หรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
354 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 10 และร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 1 | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๐ (Joint Statement of the 10th ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน
ครั้งที่ ๑ (Joint Statement of the 1st ASEAN Finance and
Health Ministers’ Meeting) เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่จะมีการรับรองในการประชุมดังกล่าว
ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนในการดำเนินการประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ
ใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างภาคสาธารณสุขและภาคการคลัง
ความมั่นคงทางอาหาร และการใช้สกุลเงินท้องถิ่นเพื่อการทำธุรกรรม และเป็นการแสดงความตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการคลังและสาธารณสุขเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านสาธารณสุขและเงินทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อป้องกันและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
355 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 60 ปี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. .... | กค. | 15/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๖๐ ปี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคา ๒๐ บาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๖๐ ปี
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
356 | การรายงานผลการดำเนินงานโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan: DPL) | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(Development Policy Loan : DPL) และการปิดบัญชีโครงการเงินกู้ DPL โดยโครงการเงินกู้
DPL มีจำนวน ๑๒๐ โครงการ วงเงินรวม ๔๒,๖๖๗.๔๒ ล้านบาท
แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ (๑) โครงการเงินกู้ DPL ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
๒๕๕๕ จำนวน ๗๐ โครงการ วงเงิน ๑๗,๖๘๔.๙๙ ล้านบาท มีการเบิกจ่าย ๑๖,๘๒๐.๘๑ ล้านบาท
และ (๒) โครงการเงินกู้ DPL นอกแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
๒๕๕๕ จำนวน ๕๐ โครงการ วงเงิน ๒๔,๙๘๒.๔๓ ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการที่เบิกจ่ายเงินกู้แล้วเสร็จ จำนวน ๔๕ โครงการ วงเงินการเบิกจ่าย
๒๑,๕๕๔.๓๖ ล้านบาท และโครงการที่ยุติโครงการ จำนวน ๕ โครงการ เนื่องจากคุณสมบัติของโครงการต่าง
ๆ ที่ได้ระบุไว้ในคำของบประมาณ มีคุณสมบัติที่ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ทั้งนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แจ้งว่า ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
มีเงินคงเหลือในบัญชีเงินกู้ DPL เป็นศูนย์
โดยไม่มีความจำเป็นต้องเบิกจ่ายเงินกู้โครงการเงินกู้ DPL แล้ว
สบน. จึงขอให้กรมบัญชีกลางปิดบัญชี
“เงินฝากเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน”
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ปิดบัญชีดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
357 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566 | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๒ ปี ๒๕๖๖ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การประเมินภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๖ โดยเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๒.๗ ในปี
๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ จากแรงส่งภาคบริการของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกลุ่มยุโรป
ขณะที่เศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มขยายตัวภายหลังจากเปิดประเทศ
และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องโดยขยายตัวที่ร้อยละ ๓.๖ และ ๓.๘ ในปี
๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ การบริโภคของภาคเอกชน ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๔.๔
และมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มหดตัวลงเล็กน้อย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕ และร้อยละ ๒.๔ ในปี ๒๕๖๖ และ
๒๕๖๗ ตามลำดับ ๒.
ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลงจากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๔.๔๐ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยไตรมาสก่อน ๓.
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๖ กนง.
มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นร้อยละ ๒ ต่อปี
โดยเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน
ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
358 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์) | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ต่ออีกหนึ่งวาระ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
359 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณชุมชนตลาดชลประทานปากเกร็ด | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณชุมชนตลาดชลประทานปากเกร็ด
ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยแล้ว มีผลสรุปในภาพรวมว่า
กรมธนารักษ์ โดยสำนักงานธนารักษ์พื้นที่นนทบุรี และบริษัท บ้านขวัญนนท์ จำกัด
ได้กำหนดแนวทางการให้สิทธิแก่ผู้ค้าขายรายเดิมให้ได้รับสิทธิอย่างเหมาะสมตามสมควรแก่กรณีแล้ว
และได้บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยด้วยแล้ว
รวมทั้งได้แก้ไขปัญหาระหว่างการก่อสร้างอาคารเพื่อลดผลกระทบระหว่างผู้ค้าขายกับผู้มีส่วนได้เสียเรียบร้อยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
360 | รายงานผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน และงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานฐานะทางการเงินและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕-๒๕๖๕ กองทุนฯ
ได้บริหารเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ วงเงินรวม ๑,๑๑๕,๖๘๘.๑๖ ล้านบาท และได้รับผลตอบแทนเพื่อให้กระทรวงการคลังนำไปสมทบการชำระหนี้
จำนวน ๖,๗๑๘.๗๗ ล้านบาท และได้รายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะทางการเงิน และงบการเงินต่อกรมบัญชีกลางทุกปี ๒.
ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กองทุนฯ ได้บริหารเงิน จำนวน ๕๘,๔๖๖.๘๐
ล้านบาท และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน รวม ๔๕.๔๐ ล้านบาท นอกจากนี้ กองทุน ฯ
มีผลประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๖๕ อยู่ที่ ๔.๙๖๗๕ คะแนน
จากคะแนนเต็ม ๕ คะแนน ๓.
ฐานะทางการเงินของกองทุนฯ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|