ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
221 | แนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง แนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย
ออกไปก่อน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
222 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2566 | กค. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม : เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว โดยเฉพาะการใช้จ่ายในหมวดบริการ
สำหรับภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยว
แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อคนปรับลดลงจากจำนวนวันพักที่ลดลงและสัดส่วนนักท่องเที่ยวระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้ายังคงฟื้นตัวช้า ๑.๒ เสถียรภาพระบบการเงินและภาวะการเงิน : ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ
แต่ต้องติดตามพัฒนาการของคุณภาพสินเชื่อที่อาจได้รับแรงกัดดันจากความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงของผู้ประกอบการ
SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า
รวมถึงติดตามความสามารถในการระดมทุนของภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ๑.๓ การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย : กนง. มีมติ (๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ และ ๒๗ กันยายน
๒๕๖๖) ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕
และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาจนถึงสิ้นปี ๒๕๖๖ ๑.๔ การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน : ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกาอ่อนค่าในไตรมาสที่
๔ ของปี ๒๕๖๖ แข็งค่าขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ๑.๕
การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน : กนง.
ได้สนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมแก่ลูกหนี้
รวมทั้งสนับสนุนแนวทางการดูแลหนี้ครัวเรือนเพิ่มเติมที่จะดำเนินการควบคู่ไปด้วยในอนาคต ๒. ให้
กนง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า กนง.
ควรคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนที่สูงขึ้น
รวมถึงความเปราะบางที่เกิดจากภาระหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการ
SMEs ตลอดจนแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยของต่างประเทศ
เพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป
เพื่อให้ทิศทางการส่งผ่านนโยบายการเงินสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
223 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน จำนวนรวม ๘๙๕,๑๓๐.๘๕
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒ ของวงเงินที่ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
224 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยังคงหลักการเดิม
และปรับอัตราเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรเร่งกำหนดแนวทางและแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
และการขยายฐานภาษีให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม
ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของรัฐบาล
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน
และการปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของส่วนราชการ
เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเกิดความคุ้มค่า
และสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการในระยะยาว
สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เห็นควรให้ส่วนราชการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐของแต่ละส่วนราชการเป็นลำดับแรก
หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ
หรือรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี ตามลำดับ
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการพิจารณาจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อบรรจุไว้ในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลางตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
225 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีถูกเลิกจ้าง) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีลูกเลิกจ้างให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยปรับเพิ่มเพดานของค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
จาก ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๓๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็น
ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๔๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเงินค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่ได้รับตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้
กระทรวงแรงงาน เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวง ฯ
ครอบคลุมถึงกรณีการเกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะทำให้ลูกจ้างกลุ่มนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย
ซึ่งจะส่งผลให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน นำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
226 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2567 และครั้งที่ 2/2567 และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๙
เมษายน ๒๕๖๗ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและรัฐวิสาหกิจนำมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ไปเป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐต่อไป ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
227 | รายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ 2566 | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑. ความเสี่ยงด้านรายได้ในปีงบประมาณ
๒๕๖๖ อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในปีงบประมาณ
๒๕๖๖ อยู่ที่ ๒,๖๖๖,๘๐๘ ล้านบาท (ขยายตัวร้อยละ ๕.๓๔ จากปีก่อน)
และมีสัดส่วนรายได้รัฐบาลสุทธิต่อ GDP อยู่ที่ร้อยละ ๑๔.๘๘ ๒. ความเสี่ยงด้านรายจ่ายปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ
๒๕๖๕ โดยวงเงินงบประมาณ รายจ่ายปี ๒๕๖๖ กลับมาขยายตัวอยู่ที่ ๓,๑๘๕,๐๐๐
ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๗๔ จากปีก่อน) โดยเป็นผลมาจากรายได้ของประชาชน
ผลประกอบการของภาคเอกชน รวมถึงการบริโภคของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ๓. ความเสี่ยงด้านหนี้ในปีงบประมาณ
๒๕๖๖ ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
โดยจำเป็นต้องวิเคราะห์และติดตามอย่างใกล้ชิด โดยระดับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ
๒๕๖๖ มีจำนวน ๑๑,๑๓๑,๖๓๔.๒๐
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๔ ต่อ GDP (ยังอยู่ภายใต้กรอบที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด) ๔.
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องการเบิกจ่ายยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยระดับเงินคงคลัง
ณ สิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๖ อยู่ที่ ๕๓๙,๐๕๖ ล้านบาท (ลดลงจากปีก่อน จำนวน ๘๔,๙๖๓ ล้านบาท) เนื่องจากการเบิกใช้เงินคงคลังสำหรับรายจ่ายที่งบประมาณตั้งไว้ไม่เพียงพอประกอบกับในปี
๒๕๖๖ ได้มีการชะลอการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลออกไปในปีถัดไป ๕. รัฐบาลจึงควรพิจารณาดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ในอนาคต
เช่น (๑) ปรับลดรายจ่ายต่าง ๆ
ที่ไม่จำเป็นลงและดำเนินโครงการตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เท่าที่จำเป็น และ (๒)
ผลักดันแผนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีและรายได้รัฐบาลอื่น ๆ
และทบทวนมาตรการยกเว้น/ลดหย่อนต่าง ๆ ให้มีเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย
เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
228 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ..) (สินค้าน้ำมะพร้าวและน้ำมะพร้าวเข้มข้น) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราอากร ๑
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยยกเว้นอากรสำหรับของตามพิกัดประเภทย่อย
๒๐.๙.๘๙.๒. (น้ำมะพร้าว) และประเภทย่อย ๒๐๐๙.๘๙.๓๐ (น้ำมะพร้าวเข้มข้น)
ที่นำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้สิทธิประโยชน์ตามหลักการต่างตอบแทนแก่สาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ASEAN - Korea Free Trade Agreement :
AKFTA) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในกรณีการกำหนดยกเว้นอากรหรือลดอัตราอากรและการปรับพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ของสินค้าเกษตรใด
ๆ ต้องระมัดระวังผลกระทบต่อเกษตรกรและสินค้าเกษตรภายในประเทศด้วย รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรเร่งประสานงานกับกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังแห่งสาธารณรัฐเกาหลีอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้ทั้งสองประเทศสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ภายในห้วงเวลาเดียวกันและไม่เกิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติ
และให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้รับทราบและเตรียมความพร้อมในการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวให้มากขึ้น
พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ควบคู่กับการรักษาเอกลักษณ์ความหอมและรสชาติของน้ำมะพร้าวไทย
เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้เหนือกว่าประเทศคู่แข่งได้ในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
229 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม
๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
230 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุภาภรณ์ โรจนรุ่งทวี) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุภาภรณ์ โรจนรุ่งทวี
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการคลัง)
สูง] กองกฎหมาย กรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง
(นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
231 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ วันที่ ๓๑
มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
กำหนดไม่เกินร้อยละ ๗๐) สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง ร้อยละ ๖๓.๖๗ ๒. สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ
(คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ กำหนดไม่เกินร้อยละ ๓๕) สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง
ร้อยละ ๑๙.๐๑ ๓.
สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด (คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
กำหนดไม่เกินร้อยละ ๑๐) สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง ร้อยละ ๑.๒๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
232 | มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ เมษายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ เมษายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย)
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปภายใน ๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
233 | ร่างกฎกระทรวงการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก พ.ศ. .... | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินจากการจำหน่ายสลากตัวเลขสามหลัก
โดยกำหนดให้ในการออกรางวัลประเภทใดหากไม่มีผู้ถูกรางวัลในงวดนั้น
ให้นำเงินที่จัดสรรไว้สำหรับรางวัลประเภทนั้นสมทบไปเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลสำหรับรางวัลประเภทเดียวกันในงวดถัดไป
แต่ไม่เกินหนึ่งงวด
และหากการออกรางวัลงวดถัดไปไม่มีผู้ถูกรางวัลในรางวัลประเภทนั้นอีก
ให้นำเงินรางวัลสมทบในประเภทนั้นนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรูปแบบของสลากฯ
ได้หลากหลายมากขึ้นตามราคา ที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งเป็นการช่วยให้การเสี่ยงโชคนอกระบบและผิดกฎหมาย (หวยใต้ดิน) ให้น้อยลงได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เห็นควรเน้นย้ำการเตรียมความพร้อม
และการสร้างความเข้าใจในวิธีการจัดสรรสลากฯ ตลอดจนวิธีการจำหน่าย การออกรางวัล การสมทบเงินรางวัล
และการจ่ายเงินรางวัลให้แก่ตัวแทนจำหน่ายสลากๆ โดยเฉพาะคนพิการและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
234 | โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการคลัง [ธนาคารออมสิน
และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)]
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรดำเนินการตามแผนและใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ
รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้บรรจุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ตลอดจนขอให้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
และควรมีแนวทางในการชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐให้เป็นไปตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบฐานข้อมูล SMEs เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการใช้กลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อรายย่อย
(Risk-Based Pricing) เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินสะท้อนตามความเสี่ยงของลูกหนี้แต่ละราย ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับเพิ่มกลุ่มเป้าหมายของโครงการสินเชื่อ
IGNITE THAILAND ให้ครอบคลุมถึงวิสาหกิจรายย่อย (Micro SMEs) สถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนด้วย
รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล) เสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
235 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises
: SMEs) ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee
Scheme ระยะที่ ๑๑ เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเป็นแรงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจโดยรวมให้เติบโตได้ในระยะยาว
รวมถึงเป็นการสนับสนุนศักยภาพด้านเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของรัฐบาล ตลอดจนการปรับตัวเพื่อรับมือให้ทันกับสถานการณ์หรือวิกฤตที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ สำหรับภาระงบประมาณของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะที่ ๑๑ วงเงินรวม ๗,๑๒๕
ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง [บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.)] ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการเก็บค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น
ค่าธรรมเนียมการจ่ายค่าประกันชดเชย ค่าจัดการค้ำประกัน
ค่าดำเนินการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น ให้ บสย. พิจารณาเก็บค่าธรรมนียมด้วยความเหมาะสมและเป็นธรรม
เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ SMEs และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ และการดำเนินการตามมาตรการ/โครงการที่มีผลทำให้รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐ
จะต้องดำเนินการให้อยู่ภายในสัดส่วนตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
ตามมาตรา ๒๘ และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริงตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรพิจารณาจัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ
และอัตราค่าธรรมเนียมที่รัฐบาลจ่ายแทนให้แก่ SMEs แต่ละโครงการย่อยให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย SMEs ที่ควรได้รับความช่วยเหลือเป็นสำคัญ
เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (บสย.)
ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๑๑
ไม่ให้เกิดความช้ำซ้อนกับโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND และโครงการให้ความช่วยเหลือ
SMEs อื่น ๆ ในลักษณะเดียวกันด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง บสย.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง
รวมทั้งประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจของโครงการฯ
ให้แก่กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ถูกต้อง
เพื่อให้สามารถเข้าถึงการค้ำประกันสินเชื่อได้อย่างทั่วถึงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
236 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินชดเชยเยียวยาที่ได้รับจากกรมประมงตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน) | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่เจ้าของเรือประมงสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการชดเชยเยียวยาจากกรมประมง
เนื่องจากการเข้าร่วมโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน
ระยะที่ ๑ (ระยะเร่งด่วน) (ช่วงปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓) และระยะที่ ๒ (ช่วงปี ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖
) เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาษีให้เจ้าของเรือประมงในการมีทุนในการประกอบอาชีพอื่น
และบรรเทาหนี้สินอันเกิดจากค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
237 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ รวม ๒ ราย ตามลำดับ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
238 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา) | กค. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ มิถุนายน
๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
239 | หลักการแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าราคาไม่เกิน 1,500 บาท (De minimis threshold) เป็นการชั่วคราว | กค. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักการแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าราคาไม่เกิน
๑,๕๐๐ บาท (De minimis
threshold) เป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้าซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย
(Cost Insurance and Freight : CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่า ๑
บาทแต่ไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
๑๕ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบร่างประกาศกรมศุลกากร ที่ ../๒๕๖๗ เรื่อง
กำหนดราคาของที่นำเข้า ซึ่งได้รับยกเว้นอากรตามประเภท ๑๒ ภาค ๔
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรศุลกากรให้ของที่นำเข้าซึ่งมีราคาไม่เกิน
๑ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑๕ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าในการยกร่างกฎหมายแก้ไขประมวลรัษฎากรจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงพันธกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ตามแนวปฏิบัติสากล (International Practices) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการนำเข้า
ส่งออก และการค้าระหว่างประเทศ สำนักงบประมาณ เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
(สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม : สมอ.) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา :
อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดให้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่สั่งซื้อผ่าน
e-Commerce Platform ต่าง ๆ ต้องมีมาตรฐานตามที่
สมอ. หรือ อย. กำหนด ตามแต่กรณี ทั้งนี้
เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสินค้าประเภทเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
240 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ | กค. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
(สำหรับนิติบุคคล) มีสาระสำคัญ เช่น กำหนดให้หักรายจ่ายได้ ๒
เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวรองหรือในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นใดที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
และหักรายจ่ายได้ ๑.๕ เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริงสำหรับพื้นที่อื่น (เมืองหลัก)
โดยต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรเท่านั้น และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ
(สำหรับบุคคลธรรมดา) มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดาในการหักลดหย่อนค่าบริการหรือค่าที่พักในการท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวรองเท่านั้น
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวรองได้ตามที่จ่ายจริง
แต่ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท และต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt
ของกรมสรรพากรเท่านั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการท่องเที่ยวและการจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรองและในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นภายในประเทศในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
(Low Season) ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม
๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (รวมระยะเวลา ๗ เดือน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรดำเนินการ เช่น ขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาครัฐเลือกพื้นที่ท่องเที่ยวรองเป็นพื้นที่ในการจัดประชุมและสัมมนา
ควรพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เชื่อมโยงจากเมืองท่องเที่ยวหลักไปสู่เมืองท่องเที่ยวรอง
และควรเตรียมความพร้อมด้านปริมาณบุคลากรและทักษะแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีเพียงพอ สำนักงบประมาณ
เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|