ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 20 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 381 - 400 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 381 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2565 | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ
รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๕
ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ภาพรวมธุรกิจประกันภัยของไทยรอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๕
ขยายตัวร้อยละ ๐.๗๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและคาดการณ์ว่าในปี ๒๕๖๖
ธุรกิจประกันภัยจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ-๐.๑๓ ถึง ๑.๘๗ (๒)
การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ สำนักงาน คปภ. ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖)
และตามนโยบายของรัฐบาล เช่น
พัฒนาเครื่องมือและเพิ่มมิติการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย
ยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านการประกันภัย ส่งเสริมและสนับสนุนให้ไทยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการประกันภัย
และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้บริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ๆ และพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพและสมรรถนะ (๓)
มาตรการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากโควิด-๑๙ ต่อผู้เอาประกันภัย
ประชาชน ภาคธุรกิจประกันภัย และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่น การอนุโลมจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยรายวันให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่รักษาตัวในศูนย์แยกกักตัวในชุมชนหรือสถานที่กักตัวในโรงแรมและมาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่มีค่าสินไหมทดแทนโควิด-๑๙
(๔) การประเมินผลการดำเนินงานปี ๒๕๖๕ มีค่าคะแนนถ่วงน้ำหนักรวมอยู่ที่ ๔.๖๑
จากคะแนนเต็ม ๕ คะแนน และ (๕) ผลสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการปี ๒๕๖๕
มีระดับความพึงพอใจมากที่สุดร้อยละ ๙๓.๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 382 | รายงานประจำปี 2565 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ของกองทุนการออมแห่งชาติ
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์
ของ กอช. พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ เพิ่มจำนวนสมาชิกอย่างทั่วถึงและส่งเสริมการออมอย่างต่อเนื่อง ยุทธศาสตร์ที่ ๒
มุ่งบริหารเงินลงทุนและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศ ยุทธศาสตร์ที่ ๓
ถ่ายทอดค่านิยมสังคมการออมด้วยภาพลักษณ์ที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล และยุทธศาสตร์ที่ ๔
มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง (๒)
แผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๖ จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของ กอช. ระยะ ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินคำของบประมาณที่เสนอขอรับการจัดสรรจำนวน ๑,๒๑๒.๘๙๕๑ ล้านบาท และเป้าหมายสมาชิกสะสมเป็น ๒.๕๔ ล้านคน (๓)
รายงานการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี ๒๕๖๕ โดยคณะกรรมการ กอช.
ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการของ กอช. เช่น
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของ กอช. (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และแผนปฏิบัติการประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้บรรลุเป้าหมายขององค์กร การดำเนินการตามหลักในการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล
๘ ประการ ดำเนินการตามนโยบายการลงทุน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุน (Investment
Policy and Guideline) ที่คณะกรรมการอนุมัติ ทบทวนนโยบายการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน
และคู่มือการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน เป็นต้น และ (๔)
รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินปี ๒๕๖๕ สิ้นสุด ณวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยภาพรวมมีสินทรัพย์และรายได้รวมเพิ่มขึ้น
จากค่าธรรมเนียมในการรับสมัครสมาชิกและการส่งเงินออมของสมาชิก
มีหนี้สินรวมและค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น
จากค่าใช้จ่ายของบุคลากรและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ รายงานประจำปี ๒๕๖๕
ของกองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจแล้ว
อันเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 383 | รายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ประจำปี พ.ศ. 2565 และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ได้รับบริการทางสังคม ประจำปี พ.ศ. 2565 | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ได้รับบริการทางสังคม
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑) รายงานการประเมินผลฯ ปี ๒๕๖๕ พบว่า
ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิเกี่ยวกับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคสูงสุดที่ (ร้อยละ
๙๘.๖๘) และส่วนใหญ่มีการใช้วงเงินเกือบเต็มจำนวนในคราวเดียวกัน รองลงมาคือ
ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (ร้อยละ ๒๔.๔๘) ในขณะที่สวัสดิการอื่น ๆ
มีจำนวนผู้ใช้สิทธิน้อย โดยเฉพาะสวัสดิการค่าโดยสารสาธารณะ เนื่องจากมีข้อจำกัด
เช่น ประเภทรถโดยสารที่ใช้กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีจำนวนน้อย
การกำหนดวงเงินแยกรายประเภทรถโดยสารทำให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสูญเสียวงเงินรถโดยสารสาธารณะในส่วนที่ไม่ได้ใช้
ทั้งนี้ ในภาพรวมเกิดผลประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าต้นทุน จำนวน ๒๖,๓๐๓.๒๔ ล้านบาท (๒) รายงานการสำรวจความพึงพอใจฯ
พบว่า กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นผู้ว่างงาน ผู้ไม่มีรายได้ และผู้ที่มีอายุมากกว่า
๖๐ ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความพึงพอใจในสวัสดิการที่ได้รับมากที่สุด
โดยรูปแบบสวัสดิการที่มีความพึงพอใจ คือ
ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์
และหนังสือพิมพ์เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้น้อยที่สุด
ซึ่งอาจมาจากข้อจำกัดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสาร
และเห็นว่าควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านช่องทางโทรทัศน์
วิทยุ หรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 384 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 10 และร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 1 | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๐ (Joint Statement of the 10th ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน
ครั้งที่ ๑ (Joint Statement of the 1st ASEAN Finance and
Health Ministers’ Meeting) เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่จะมีการรับรองในการประชุมดังกล่าว
ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนในการดำเนินการประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ
ใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างภาคสาธารณสุขและภาคการคลัง
ความมั่นคงทางอาหาร และการใช้สกุลเงินท้องถิ่นเพื่อการทำธุรกรรม และเป็นการแสดงความตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการคลังและสาธารณสุขเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านสาธารณสุขและเงินทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อป้องกันและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||
| 385 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 60 ปี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. .... | กค. | 15/08/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๖๐ ปี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคา ๒๐ บาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๖๐ ปี
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 386 | การรายงานผลการดำเนินงานโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan: DPL) | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(Development Policy Loan : DPL) และการปิดบัญชีโครงการเงินกู้ DPL โดยโครงการเงินกู้
DPL มีจำนวน ๑๒๐ โครงการ วงเงินรวม ๔๒,๖๖๗.๔๒ ล้านบาท
แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ (๑) โครงการเงินกู้ DPL ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
๒๕๕๕ จำนวน ๗๐ โครงการ วงเงิน ๑๗,๖๘๔.๙๙ ล้านบาท มีการเบิกจ่าย ๑๖,๘๒๐.๘๑ ล้านบาท
และ (๒) โครงการเงินกู้ DPL นอกแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
๒๕๕๕ จำนวน ๕๐ โครงการ วงเงิน ๒๔,๙๘๒.๔๓ ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการที่เบิกจ่ายเงินกู้แล้วเสร็จ จำนวน ๔๕ โครงการ วงเงินการเบิกจ่าย
๒๑,๕๕๔.๓๖ ล้านบาท และโครงการที่ยุติโครงการ จำนวน ๕ โครงการ เนื่องจากคุณสมบัติของโครงการต่าง
ๆ ที่ได้ระบุไว้ในคำของบประมาณ มีคุณสมบัติที่ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ทั้งนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แจ้งว่า ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
มีเงินคงเหลือในบัญชีเงินกู้ DPL เป็นศูนย์
โดยไม่มีความจำเป็นต้องเบิกจ่ายเงินกู้โครงการเงินกู้ DPL แล้ว
สบน. จึงขอให้กรมบัญชีกลางปิดบัญชี
“เงินฝากเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน”
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ปิดบัญชีดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 387 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566 | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๒ ปี ๒๕๖๖ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การประเมินภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๖ โดยเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๒.๗ ในปี
๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ จากแรงส่งภาคบริการของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกลุ่มยุโรป
ขณะที่เศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มขยายตัวภายหลังจากเปิดประเทศ
และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องโดยขยายตัวที่ร้อยละ ๓.๖ และ ๓.๘ ในปี
๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ การบริโภคของภาคเอกชน ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๔.๔
และมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย ปี ๒๕๖๖ มีแนวโน้มหดตัวลงเล็กน้อย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕ และร้อยละ ๒.๔ ในปี ๒๕๖๖ และ
๒๕๖๗ ตามลำดับ ๒.
ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลงจากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๔.๔๐ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยไตรมาสก่อน ๓.
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๖๖ กนง.
มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นร้อยละ ๒ ต่อปี
โดยเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
และประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน
ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 388 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์) | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ต่ออีกหนึ่งวาระ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
| 389 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณชุมชนตลาดชลประทานปากเกร็ด | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณชุมชนตลาดชลประทานปากเกร็ด
ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยแล้ว มีผลสรุปในภาพรวมว่า
กรมธนารักษ์ โดยสำนักงานธนารักษ์พื้นที่นนทบุรี และบริษัท บ้านขวัญนนท์ จำกัด
ได้กำหนดแนวทางการให้สิทธิแก่ผู้ค้าขายรายเดิมให้ได้รับสิทธิอย่างเหมาะสมตามสมควรแก่กรณีแล้ว
และได้บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยด้วยแล้ว
รวมทั้งได้แก้ไขปัญหาระหว่างการก่อสร้างอาคารเพื่อลดผลกระทบระหว่างผู้ค้าขายกับผู้มีส่วนได้เสียเรียบร้อยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 390 | รายงานผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน และงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานฐานะทางการเงินและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕-๒๕๖๕ กองทุนฯ
ได้บริหารเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ วงเงินรวม ๑,๑๑๕,๖๘๘.๑๖ ล้านบาท และได้รับผลตอบแทนเพื่อให้กระทรวงการคลังนำไปสมทบการชำระหนี้
จำนวน ๖,๗๑๘.๗๗ ล้านบาท และได้รายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะทางการเงิน และงบการเงินต่อกรมบัญชีกลางทุกปี ๒.
ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กองทุนฯ ได้บริหารเงิน จำนวน ๕๘,๔๖๖.๘๐
ล้านบาท และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน รวม ๔๕.๔๐ ล้านบาท นอกจากนี้ กองทุน ฯ
มีผลประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๖๕ อยู่ที่ ๔.๙๖๗๕ คะแนน
จากคะแนนเต็ม ๕ คะแนน ๓.
ฐานะทางการเงินของกองทุนฯ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
| 391 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB236A สรุปได้ ดังนี้ (๑) พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB236A ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู
และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๖ มิถุนายน
๒๕๖๖ จำนวน ๙๘,๑๖๓ ล้านบาท
ซึ่งกระทรวงการคลังได้กู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวแล้ว
จำนวน ๖๓,๓๔๐ ล้านบาท ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB236A
ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง
ส่วนที่เหลือกระทรวงการคลังได้กู้เงินระยะยาวโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวนรวม
๓๔,๘๒๓ ล้านบาท และ (๒) กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง
เกี่ยวกับผลการกู้เงิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
(พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่ ๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 392 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑)
รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี ๒๕๖๕ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๔ ได้แก่
งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (๒) ทิศทางและแผนยุทธศาสตร์
ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ จำนวน ๗ ด้าน เช่น ผลักดันการขยายธุรกิจ New S-curve และธุรกิจบริการเพื่อสร้างมูลค้าใหม่
(Soft Power and Growth Driver)
ยกระดับธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจสีเขียว (End to End Net Zero Economy Escalator)
และสร้างศักยภาพและความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการในการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
อันเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 393 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล
และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี ๒๕๖๕ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๔ ได้แก่
งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (๒)
ผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี ๒๕๖๕ และ (๓) ทิศทางการดำเนินงานปี ๒๕๖๖
และแผนยุทธศาสตร์ ๕ ปี (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) มุ่งเน้นการพัฒนา SMES ผ่านการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ
SMES ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เห็นชอบแล้วและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 394 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ เนื่องจากปัจจุบันผู้ลงทุนซึ่งเป็นคนต่างด้าวสามารถลงทุนในใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย
(Non-Voting Depository Receipt : NVDR)
ได้โดยตรง ทำให้ความต้องการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนซึ่งเป็นคนต่างด้าวไม่เป็นที่ต้องการ
ประกอบกับไม่มีผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนซึ่งเป็นคนต่างด้าวแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 395 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี
วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะโลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐๐
ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 396 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers 3 : N3) พ.ศ. .... ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6 : L6) และร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers 3 : N3) รวม 3 ฉบับ | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก
(Numbers ๓ : N๓)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการจัดสรรเงินจากการจำหน่ายสลากฯ N๓ เพื่อเป็นเงินสมทบเงินรางวัลในงวดถัดไปแต่ไม่เกินหนึ่งงวด
และหากการออกรางวัลงวดถัดไปไม่มีผู้ถูกรางวัลอีกให้นำเงินสมทบรางวัลในงวดก่อนหน้านำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก
(Lottery ๖
: L๖) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากฯ
L๖ เช่น เป็นสลากฯ ประเภทไม่สมทบเงินรางวัล (งวดใดไม่มีผู้ถูกรางวัล
ให้นำเงินรางวัลส่งเป็นรายได้แผ่นดิน) ประกอบด้วยตัวเลข ๖ หลัก ตั้งแต่
๐๐๐๐๐๐-๙๙๙๙๙๙ (กำหนดหมายเลขไว้ล่วงหน้า)
และมีวิธีการจำหน่ายทั้งรูปแบบใบและรูปแบบดิจิทัล และร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers ๓ : N๓) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากฯ N๓
เช่น เป็นสลากฯ ประเภทสมทบเงินรางวัล (สมทบได้ไม่เกิน ๑ งวด
หากไม่มีผู้ถูกรางวัลอีกให้นำเงินสมทบเงินรางวัลในงวดก่อนหน้าส่งเป็นรายได้แผ่นดิน)
ประกอบด้วยตัวเลข ๓ หลักตั้งแต่ ๐๐๐-๙๙๙ (ไม่กำหนดหมายเลขไว้ในระบบล่วงหน้า
ผู้ซื้อสามารถเลือกตัวเลขได้ตามต้องการ) และมีวิธีการจำหน่ายเป็นแบบดิจิทัล
ทั้งนี้ สลากฯ L6 และสลากฯ N๓
จะมีการออกรางวัลทุกวันที่ ๑ และวันที่ ๑๖ ของเดือน หรือตามวันที่สำนักงานสลากฯ
กำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการจัดสรรเงินได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักในแต่ละงวดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานไม่เกินร้อยละ
๑๗ นั้น
ควรมีการปรับลดอัตราการจัดสรรเพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับการจำหน่ายซึ่งเป็นรูปแบบดิจิทัลแล้ว
โดยอาจนำไปเพิ่มในส่วนของการจัดสรรเงินได้ที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการดำเนินการช่วยเหลืองานภาคประชาสังคมและชุมชนที่เข้มแข็งต่อไป
และควรระมัดระวังรูปแบบทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์
ซึ่งไม่ควรเป็นการสร้างแรงจูงใจในการซื้อสลากโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 397 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2564 | กค. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๔ เป็นการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
ผลการประเมินการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน
ข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
และบทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.
๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 398 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2563 | กค. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๓ เป็นการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
ผลการประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
และบทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา
๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 399 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 56 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน + 3 ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่
๕๖ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖
และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓
ครั้งที่ ๒๖ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ณ สาธารณรัฐเกาหลี
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมประชุม
สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การประชุม AFMGM+3 ครั้งที่ ๒๖
มีสาระสำคัญ เช่น IMF คาดการณ์ว่าในปี ๒๕๖๖ เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ร้อยละ
๒.๘ และเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียจะขยายตัวที่ร้อยละ ๔.๖
โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น
ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน
การพัฒนากลไกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแบบเร่งด่วนเพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางการเงินได้มากขึ้น
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ได้เห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ของการประชุม
AFMGM+3 ในรูปแบบแถลงการณ์ร่วมฯ โดยมีการปรับปรุงถ้อยคำเพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
แต่ไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ (๒) การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ
ADB ครั้งที่ ๕๖ ผู้ว่าการของแต่ละประเทศสมาชิกใน ADB
ได้เรียกร้องให้ ADB
ให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-๑๙
ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และภาวะเงินเฟ้อ
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการของไทยใน ADB ได้เสนอแนะให้ ADB ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
(๓) การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน-ญี่ปุ่น
ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เสนอให้อาเซียน-ญี่ปุ่นขยายบทบาทและยกระดับความร่วมมือทางการเงินระหว่างกันให้ครอบคลุมประเด็นการใช้เทคโนโลยีทางการเงินและการเงินที่ยั่งยืน
และ (๔) งานเปิดตัวรายงาน เรื่อง “แนวทางการจัดหาเงินทุนใหม่ ๆ
เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นในอาเซียน+๓” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการจัดทำนโยบายและมาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไทย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 400 | รายงานผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 | กค. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๕ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ซึ่งทุนหมุนเวียนได้นำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน
จำนวน ๒๒,๘๓๘.๕๗ ล้านบาท
ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย (๑) ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน
ปีบัญชี ๒๕๖๕ ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ จำนวน ๑ ทุน
ได้แก่ กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน ๑๔,๓๗๗.๕๗
ล้านบาท (๒) ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี ๒๕๖๕
(ครั้งที่ ๒) ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖ จำนวน ๑๕ ทุน
รวม ๘,๔๖๐.๙๙ ล้านบาท เช่น เงินทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์
ทรัพย์สินมีค่าของรัฐ และการทำของ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตวัคซีนจำหน่าย และกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
