ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 126 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2501 - 2520 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2501 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการพัฒนาระบบประปา | กค | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการพัฒนาระบบประปาใน ๕ เมือง ประกอบด้วย เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว (เมืองตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้) เมืองคอบ แขวงไชยะบุรี (เมืองยากจน) เมืองแบ่ง แขวงอุดมไชย (เมืองยากจน) เมืองไชบุรี แขวงสะหวันนะเขต (เมืองตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก) และเมืองโขง แขวงจำปาสัก (เมืองยากจน) ในวงเงิน ๓๑๐ ล้านบาท ๑.๒ รูปแบบ วิธีการ และเงื่อนไขทางการเงินสำหรับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว กำหนดให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว เป็นเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน จำนวน ๓๐๕ ล้านบาท และเงินให้เปล่า จำนวน ๕ ล้านบาท ซึ่งเงินให้เปล่าดังกล่าวจะเป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของค่าฝึกอบรม ๒. สำหรับแหล่งเงินทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการฯ วงเงินรวม ๓๑๐ ล้านบาท นั้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ใช้เงินสะสม จำนวน ๑๑๐ ล้านบาท เป็นแหล่งเงินทุนในลำดับแรกก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป ให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
2502 | ขออนุมัติจำหน่ายหนี้สูญเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ | กค | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำหน่ายหนี้สูญเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ จำนวน ๒๓ สหกรณ์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๒๗,๒๓๘,๖๓๐.๑๔ บาท โดยไม่ขอเงินชดเชยจากรัฐบาล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับสหกรณ์และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฯ และความพร้อมของเกษตรกรในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทาง/วิธีดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสหกรณ์ที่ขอรับการสนับสนุนจากเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตลอดจนสามารถกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาในการดำเนินการได้ทันกับสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังนำมติสภาคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ เกี่ยวกับเรื่องจำหน่ายหนี้เงินและทรัพย์สินออกจากบัญชี โดยกรณีเงินสูญหาย ขาดบัญชี หรือหนี้เงินค้างชำระที่ไม่สามารถเรียกร้องจากลูกหนี้ได้แต่ละกรณีภายในวงเงิน จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจอนุมัติจำหน่ายออกจากบัญชีได้ จำนวนเงินหรือหนี้เกินกว่านี้ให้กระทรวงการคลังเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี และกรณีทรัพย์สินสูญหาย ชำรุด มิได้ใช้ในราชการ หรือเสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นไปโดยปกติหรือมิใช่โดยปกติ ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจอนุมัติจำหน่ายออกจากบัญชีได้โดยไม่จำกัดมูลค่าแห่งทรัพย์สินนั้น ไปพิจารณาปรับปรุงแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2503 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 | กค | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การให้สินเชื่อตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ ดังต่อไปนี้ ไม่อยู่ในสัดส่วนการให้กู้เงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของเงินที่ให้กู้ในแต่ละรอบบัญชี และมีหนี้เงินกู้คงเหลือไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของหนี้เงินกู้ทั้งหมด ณ สิ้นปีบัญชี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ได้แก่ ข้อ ๖ (๑) การส่งเสริมหรือสนับสนุนการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรหรือชุมชนให้มีประสิทธิภาพในด้านการลงทุน การผลิต การแปรรูป และการตลาด และข้อ ๗ (๑) การส่งเสริมการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของสมาชิกและสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพในด้านการลงทุน การผลิต การแปรรูป และการตลาด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2504 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จังหวัดพะเยา) - เมืองคอบ - เมืองเชียงฮ่อน และ เมืองคอบ - บ้านปากคอบ - บ้านก้อนตื้น สปป. ลาว | กค | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จังหวัดพะเยา)-เมืองคอบ-เมืองเชียงฮ่อน และเมืองคอบ-เมืองปากคอบ-บ้านก้อนตื้น สปป.ลาว ระยะทางโดยรวมประมาณ ๑๑๐ กิโลเมตร ในวงเงินรวม ๑,๓๙๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ในส่วนของที่มาของแหล่งเงินทุน เนื่องจาก สพพ. ไม่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รองรับโครงการดังกล่าวไว้ จึงเห็นควรให้ สพพ. พิจารณาแหล่งเงินทุนอื่นเป็นลำดับแรกก่อน อาทิ เงินสะสมของหน่วยงานหรือการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในปีงบประมาณต่อไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า ช่วงถนนบนภูเขาควรพิจารณาออกแบบ Climbing lane เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางแก่ผู้ใช้ทาง และให้ สพพ. จัดทำรายงานติดตามและประเมินผลโครงการการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินความสัมพันธ์อย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2505 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 | กค | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๒๕๓,๑๓๔.๔๘ ล้านบาท ประกอบด้วย ๓ แผนย่อย ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ รวม ๔๖๒,๕๑๙.๕๒ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้ รวม ๖๖๑,๘๐๙.๐๘ ล้านบาท และแผนการบริหารความเสี่ยง รวม ๑๒๘,๘๐๕.๘๘ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๖๘,๓๖๕.๒๘ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้ฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดการติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายการใช้เงินกู้ของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้ฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงปี ๒๕๕๗ ให้ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ รวมทั้งให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณนั้น ๆ โดยการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ฯ ต้องยึดหลักการรักษาวินัยทางการคลังให้สอดคล้องกับกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และเนื่องจากปัจจุบันสภาพคล่องส่วนเกินในประเทศยังอยู่ในระดับสูง จึงเห็นควรให้หน่วยงานพิจารณากู้เงินในประเทศเป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2506 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2554 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีประมาณการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ จำนวน ๒,๑๓๖.๕๗๐ ล้านบาท และ ๔๒๔.๗๔๘ ล้านบาท ตามลำดับ ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ รฟท. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ งวดที่ ๒ จำนวน ๘๑๐.๙๗๐ ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประเมินค่าตัวชี้วัดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ ให้ ขสมก. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ งวดที่ ๒ จำนวน ๒๔.๑๘๓ ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประเมินค่าตัวชี้วัดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ๑.๓ ให้ รฟท. และ ขสมก. รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สาขาขนส่งทางบก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะทราบ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนัย ข้อ ๗ (๓) และ ๗ (๕) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ให้ รฟท. และ ขสมก. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามความเห็นของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สาขาขนส่งทางบก โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การเร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างและซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๓,๑๘๓ คัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร และให้ รฟท. เร่งรัดปิดบัญชีให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจรับรองให้ทันกับปีปัจจุบัน รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำแผนบริหารจัดการกิจการรถไฟไทยที่ รฟท. ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นที่ปรึกษาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นฐานในการขอรับเงินอุดหนุน และเพื่อประโยชน์ในการวางแผนบริหารจัดการหรือกำหนดทิศทางการดำเนินงานขององค์กรในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2507 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีการบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550) | กค | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีการบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นำเงินที่บริจาคแก่พรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ไปหักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ และกำหนดให้เงินที่บริจาคแก่พรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วเสนอให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2508 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมประเภทและคุณสมบัติของผู้ที่สามารถยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แบบ ง และประเภทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน) | กค | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมประเภทและคุณสมบัติของผู้ที่สามารถยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ ง และประเภทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน) มีสาระสำคัญคือ ให้บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ประกอบกิจการที่เกี่ยวเนื่องเป็นประโยชน์ หรือช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักทรัพย์ สามารถขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ หรือการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ตามใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ ง รวมทั้งสามารถขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2509 | ร่างกรอบการเจรจาความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตาม Foreign Account Tax Compliance Act ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา | กค | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตาม Foreign Account Tax Compliance Act ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพของระบบภาษีและการสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภาษีระหว่างประเทศ และส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของสถาบันการเงินไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเจรจากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งผลกระทบและภาระที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินของไทยที่จะได้รับจากการทำความตกลงดังกล่าว และควรพิจารณาถึงข้อจำกัดของกฎหมายไทยในปัจจุบันที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติตาม Foreign Account Tax Compliance Act ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการตามความตกลงและบรรลุวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐในการตรวจสอบและสร้างฐานข้อมูลทางภาษีอากรของแหล่งรายได้ของคนชาติที่อยู่นอกประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐในการนำข้อมูลดังกล่าวไปศึกษาและพัฒนาการจัดเก็บภาษีเพื่อเพิ่มแหล่งรายได้ของรัฐและเป็นการพัฒนาระบบการคลังของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2510 | มติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ครั้งที่ 7/2556 | กค | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเห็นชอบมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และการผ่อนผันขยายระยะเวลาการก่อหนี้และการปรับแผนปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของหน่วยงาน จำนวน ๒๗ หน่วยงาน จำนวนเงิน ๒๒,๕๑๑.๔๙ ล้านบาท และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ๒. การผ่อนผันการขยายระยะเวลาการก่อหนี้และการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน ๒๗ หน่วยงาน ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ ภายหลังวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๖) จำนวน ๒๑ หน่วยงาน วงเงิน ๖๘๑.๓๖๐๒ ล้านบาท ๒.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันรายจ่ายลงทุน ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวน ๑๖ หน่วยงาน วงเงิน ๑๔,๗๑๑.๕๑๓๔ ล้านบาท และก่อหนี้ผูกพันภายหลังวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวน ๔ หน่วยงาน วงเงิน ๔,๗๖๗.๐๕๓๕ ล้านบาท ๒.๓ ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ รายจ่ายประจำ วงเงิน ๒๐๐.๔๗๙๒ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน วงเงิน ๑,๐๒๐.๔๖๐๓ ล้านบาท รวมทั้งสิ้น ๑,๒๒๐.๙๓๙๕ ล้านบาท เพื่อไปดำเนินโครงการ/รายการใหม่ จำนวน ๑๓ หน่วยงาน วงเงิน ๑,๑๓๐.๖๒๘๗ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
2511 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการ ในการกำหนดราคาสุราที่ทำในราชอาณาจักรและสุราที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งราคาขายส่งช่วงสุดท้าย พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสุราและอัตราภาษีสุรา พ.ศ. .... | กค | 03/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
2512 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555 เรื่อง การขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้) โดยขอแก้ไขหน่วยงานที่รับผิดชอบในการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามมาตรการชดเชยส่วนต่างเบี้ยประกันภัยสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเดิม มอบหมายให้กระทรวงการคลังเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เป็น มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยให้เป็นผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2513 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางอัญชลี เต็งประทีป) | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางอัญชลี เต็งประทีป ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2514 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายจุมพล ริมสาคร) | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจุมพล ริมสาคร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2515 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ 29 พฤษภาคม 2556 | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ แต่โดยการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดทั้งจำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ในส่วนของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่เป็นหนี้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ วงเงิน ๒๗๗,๔๑๒.๑๓ ล้านบาท และอยู่ภายใต้ขอบเขตพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๒๔ (๑) ๒. ขั้นตอนในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ๑ แห่ง วงเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยการออกพันบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๙ (LB416A) อายุคงเหลือ ๒๘.๐๒ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ อายุ ๓๐.๖๕ ปี ทำให้พันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีปริมาณรวม ๘๖,๙๓๖ ล้านบาท โดยประมูลในวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ และนำเงินที่ได้จากการประมูลไปชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๙ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
2516 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม 2556 | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ รุ่นอายุ ๑๘๒ วัน จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย งวดที่ ๑/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และงวดที่ ๒/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ครบกำหนดในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามลำดับ กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว ๒. ขั้นตอนในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินฯ ประกอบด้วย ๒.๑ การกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินที่ ๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ งวดที่ ๑/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ที่ครบกำหนดในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และวงเงินที่ ๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ งวดที่ ๒/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๒.๒ การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการประมูลไปชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ (LB196A) จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ (LB326A) จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลได้จำนวนรวม ๑๗,๗๐๙ ล้านบาท ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ รวมทั้งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวจำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
2517 | การขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาจ้างของกระทรวงสาธารณสุข | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่เห็นควรผ่อนผันการก่อหนี้ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๔ รายการ โดยให้ก่อหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ และไม่เห็นควรผ่อนผัน จำนวน ๓ รายการ ประกอบด้วย รายการอาคารห้องสมุดและเทคโนโลยีวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ รายการอาคารศูนย์การเรียนรู้ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ และอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบเป็นอาคารคลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค เนื่องจากเป็นรายการที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนในวงกว้าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำกับและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ผ่อนผัน โดยรายการที่ไม่ได้รับการผ่อนผัน จำนวน ๓ รายการ ให้พิจารณาทบทวนและปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2518 | มาตรการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดการสัมมนาในประเทศ) มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว) มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔ ทศ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน (ฉบับที่ ๑๔๕) พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ๕๐๕) พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยกำหนดเงื่อนไขและอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ แต่ไม่รวมถึงทรัพย์สินประเภทที่เป็นยานพาหนะ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยซื้อหรือได้รับโอนกรรมสิทธิ์เพื่อมีไว้ในการประกอบกิจการของตนเอง สำหรับทรัพย์สินที่ได้มาและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ ในอัตราร้อยละห้าสิบของมูลค่าต้นทุน สำหรับส่วนที่เหลือให้หักตามเงื่อนไขและอัตราที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ๑๔๕) พ.ศ. ๒๕๒๗ สำหรับทรัพย์สินที่ได้มาและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเงินได้และการหักค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเพื่อสนับสนุนการจัดสัมมนาในประเทศ จะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ จึงเห็นควรรายงานผลการดำเนินการและประเมินความสำเร็จของมาตรการดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2519 | ขออนุมัติจำหน่ายหนี้สูญออกจากบัญชีลูกหนี้ขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อคส.) จำหน่ายลูกหนี้ออกจากบัญชี กรณีหนี้เงินค้างชำระที่ไม่สามารถเรียกร้องจากลูกหนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕-๒๕๔๓ จำนวน ๑,๘๑๗ ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๗,๓๑๘,๘๖๔.๒๗ บาท ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ อคส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า อคส. ควรให้ความสำคัญกับการติดตามหนี้อื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้สูญและลดผลกระทบต่อฐานะการเงินของ อคส. ในอนาคตต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2520 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะในประเด็นสำคัญเพิ่มเติม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์ น่าเชื่อถือ สามารถใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และตัดสินใจเชิงนโยบายด้านการเงินการคลังได้อย่างถูกต้อง และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทุกกระทรวงให้ความสำคัญและกำชับหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑ กลุ่มรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ ให้ อ.ก.พ. กระทรวงมหาดไทย พิจารณาปรับเกลี่ยอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจหรือปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งที่มีอยู่ให้เป็นนักวิชาการเงินและบัญชีให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ในฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณ หากยังไม่เพียงพอให้นำเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อพิจารณาต่อไป และเพื่อให้การบริหารทรัพย์สินของหน่วยงานภาครัฐเกิดประโยชน์สูงสุด เห็นควรให้ผู้บริหารให้ความสำคัญในการบริหารทรัพย์สินให้เกิดประสิทธิภาพ โดยใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและจัดซื้อจัดหาทรัพย์สินให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานอย่างเหมาะสม หรืออาจพิจารณาการใช้ทรัพย์สินร่วมกัน ๑.๒.๒ กลุ่มกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน การจัดสรรเงินงบประมาณอุดหนุนแก่กองทุนและเงินทุนหมุนเวียนควรพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยพิจารณาฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของหน่วยงาน เพื่อประโยชน์ในการบริหารงบประมาณของแผ่นดินในภาพรวม ๑.๒.๓ กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดจัดทำรายงานการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายใน ๖๐ วัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำส่งเงิน และการตรวจเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ หมวด ๑๑ ข้อ ๘๙ และส่งสำเนารายงานการเงินให้กรมบัญชีกลางเพื่อจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ และเพื่อประโยชน์ในการบริหารเงินสดและเงินฝากธนาคารของ อปท. ในภาพรวมให้เกิดประสิทธิภาพและเหมาะสม เห็นควรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกำกับดูแลเร่งรัดให้ อปท. ใช้จ่ายเงินในการดำเนินงาน ตามแผนงาน/โครงการ และนโยบายของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินของ อปท. ให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือและสวัสดิการขั้นพื้นฐานจากรัฐอย่างทั่วถึง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานงานเพื่อเร่งรัดให้กรุงเทพมหานครจัดทำรายงานการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายใน ๖๐ วัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำส่งเงิน และการตรวจเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ หมวด ๑๑ ข้อ ๘๙ และส่งสำเนารายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เพื่อจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีได้อย่างครบถ้วนต่อไป |
.....