ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 124 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2461 - 2480 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2461 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายคณิต แพทย์สมาน และนายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา) | กค | 05/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๒ คน แทนกรรมการที่ลาออกจากตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายคณิต แพทย์สมาน เป็นกรรมการอื่น แทนนายยรรยง พวงราช ที่ขอลาออก ๒. นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นกรรมการอื่น แทนนายวศิน ธีรเวชญาณ ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
2462 | ร่างพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 พ.ศ. .... | กค | 01/11/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และผู้รับบำนาญและทหารกองหนุน มีเบี้ยหวัด ซึ่งเคยเป็นสมาชิก กบข. ที่รับราชการอยู่ในวันก่อนวันที่บทบัญญัติ หมวด ๓ สมาชิกและสิทธิประโยชน์ของสมาชิกแห่งพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ ใช้บังคับ สามารถกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการเร่งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบและสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง โดยเน้นการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบทางการเงินในแต่ละทางเลือก รวมทั้งแสดงข้อดีและข้อเสียของแต่ละทางเลือกเพื่อประกอบการตัดสินใจ พร้อมทั้งมีการจัดตั้งสายด่วนหรือส่วนงานพิเศษขึ้นเป็นการเฉพาะกิจเพื่อให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสม รวมทั้งเงินบำนาญส่วนเพิ่ม ให้แก่ข้าราชการและผู้รับบำนาญซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการโดยสมัครใจ ในการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามระบบเดิมนั้น ไม่สมควรนำมากำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้ แต่หากคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรก็อาจกระทำได้โดยดำเนินการตามประมวลรัษฎากรในการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2463 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายสุวิชญ โรจนวานิช ฯลฯ) | กค | 29/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงกลาโหม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวิชญ โรจนวานิช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายอรรณพ บัวครื้น ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๓. นายณรงค์ ราบเรียบ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
2464 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 29/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
๑. การกำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (hardship) หรือประเทศที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลซึ่งศึกษาในประเทศที่สาม รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เครือรัฐออสเตรีย และนิวซีแลนด์ ตามรายชื่อประเทศหรือเมืองที่กระทรวงการคลังกำหนด มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษาในต่างประเทศ ณ สถานศึกษานอกประเทศที่ผู้มีสิทธิมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับสิทธิของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศอื่น ๆ ๒. การกำหนดอัตราเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ ควรพิจารณาทบทวนเพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้กับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (hardship) หรือประเทศที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลซึ่งศึกษาในประเทศที่สาม รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เครือรัฐออสเตรีย และนิวซีแลนด์ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2465 | รายงานการชำระบัญชีของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) | กค | 29/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการชำระบัญชีของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. บสท. ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาจากสถาบันผู้โอนจำนวน ๑๕,๑๙๔ ราย มูลค่าทางบัญชี ๗๗๔,๙๐๔ ล้านบาท โดยชำระราคารับโอนเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้และอาวัลโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนในปีที่ ๑๐ มูลค่ารวมทั้งสิ้น ๒๔๖,๓๐๓ ล้านบาท ๒. บสท. มีเงินที่ที่เรียกเก็บได้จากลูกหนี้ที่ลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้หรือศาลฟื้นฟูเห็นชอบด้วยแผนแล้ว เงินรับจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย และรายรับจากการจำหน่ายสินทรัพย์คงเหลือในช่วงการชำระบัญชีสะสมจนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ รวม ๓๓๒,๙๖๕ ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายรับจากผลตอบแทนการลงทุนจำนวน ๓,๑๘๑ ล้านบาท รวมมีรายรับสะสมตลอดอายุการดำเนินงานของ บสท. เท่ากับ ๓๓๖,๑๔๖ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
2466 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) | กค | 29/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวิชญ โรจนวานิช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายอรรณพ บัวครื้น ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖) ๓. นายณรงค์ ราบเรียบ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
2467 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) | กค | 29/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวิชญ โรจนวานิช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายอรรณพ บัวครื้น ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖) ๓. นายณรงค์ ราบเรียบ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
2468 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดความเสียหายที่จะให้ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น การร้องขอรับและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น พ.ศ. .... | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความเสียหายที่จะให้ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น การร้องขอรับและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขปรับปรุงจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้นกรณีความเสียหายต่อร่างกายตามกฎกระทรวงกำหนดความเสียหายที่จะให้ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น การร้องขอรับและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น พ.ศ. ๒๕๕๒ จากรถ เพิ่มจากจำนวนเงินไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาทต่อคน เป็นจำนวนเงินไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาทต่อคน โดยให้ได้รับเงินค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วต้องไม่เกิน ๖๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับติดตามและควบคุมการดำเนินงานของผู้ประกอบการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงฯ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งควบคุมการปรับอัตราค่าเบี้ยประกันภัยให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2469 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2556) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๖) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๖ เศรษฐกิจจีนและภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มชะลอลง ขณะที่เศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักฟื้นตัวอย่างช้า ๆ การคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักมีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงินโลกและทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวน ซึ่งรวมถึงการไหลเข้าออกของเงินทุนในตลาดการเงินไทย เป็นผลให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวสองทิศทาง ผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงทำให้การฟื้นตัวของการส่งออกไทยล่าช้าออกไป เมื่อรวมกับอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอหลังจากเร่งใช้จ่ายไปมากในช่วงก่อนหน้า จึงทำให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมขยายตัวชะลอลง ๑.๒ เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ไม่สร้างความกังวล ฐานะการเงินของภาคสถาบันการเงินเข้มแข็ง สินเชื่อของทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนขยายตัวดีและชะลอลงบ้าง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและการที่สถาบันการเงินเริ่มเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในสองทิศทาง ฐานะการคลังยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องระมัดระวังภาระผูกพันของภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนเสถียรภาพด้านต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์มั่นคงต่อเนื่อง ๑.๓ แนวโน้มเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน เป็นผลจากการพักฐานของอุปสงค์ในประเทศหลังจากเร่งขึ้นมากในช่วงก่อนจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ประกอบกับการส่งออกฟื้นตัวล่าช้าตามทิศทางเศรษฐกิจคู่ค้าโดยเฉพาะจีนและภูมิภาคเอเชีย อุปสงค์จากทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอลง ส่งผลให้ภาคธุรกิจเลื่อนการลงทุนบางส่วนออกไป อย่างไรก็ดี พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี อาทิ แนวโน้มการจ้างงานและรายได้ นโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย ความพร้อมและความจำเป็นของภาคธุรกิจที่ต้องลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตทดแทนการใช้แรงงาน รวมถึงเศรษฐกิจคู่ค้าที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว จะเอื้อให้เศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาขยายตัวได้ตามปกติที่ร้อยละ ๕.๐ ในปี ๒๕๕๗ สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับปัจจุบัน ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนและผลประกอบการของภาคธุรกิจ และปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะด้านแรงงานที่อาจเป็นข้อจำกัดในภาคการผลิตและมีผลลดทอนศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ๒. ให้กระทรวงการคลัง และ ธปท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่ให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทั้งทางด้านราคาควบคู่ไปกับการดูแลรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อมิให้ผันผวนรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริง โดยใช้องค์ประกอบนโยบายที่เหมาะสม (Policy Mix) ประกอบด้วย การบริหารจัดการเงินทุนเคลื่อนย้ายควบคู่กับการดำเนินนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนการใช้การสื่อสารต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และลดการเก็งกำไรจากการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อดูแลเสถียรภาพด้านราคาและลดผลกระทบจากความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีต่อภาคเศรษฐกิจจริง และให้ ธปท. รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินของ ธปท. ต้องทำควบคู่กันไปกับการสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนถึงความสามารถในการดำเนินการตามพันธกิจหลักของ ธปท. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2470 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 5/2556 | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๕ ส่วนข้อสังเกตจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๕ ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจรับไปพิจารณาทบทวนให้สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง สรุปผลการประเมินได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๕ ของรัฐวิสาหกิจในระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจปัจจุบัน จำนวน ๔๘ แห่ง มีผลการประเมินในภาพรวมทุกหัวข้อเฉลี่ยอยู่ที่ ๓.๕๖๕๒ คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ๐.๐๗๘๓ คะแนน เนื่องจากผลการดำเนินงานด้านการเงินและไม่ใช่การเงินของรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมายและการบริหารจัดการองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ๑.๒ ผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๕ สำหรับรัฐวิสาหกิจในระบบประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) จำนวน ๗ แห่ง มีผลการประเมินในภาพรวมเฉลี่ย ๔.๓๗๗๗ คะแนน ลดลงจากปีที่ผ่านมา ๐.๑๙๓๙ คะแนน โดยรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีผลการประเมินในส่วนผลลัพธ์ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลการประเมินในส่วนกระบวนการลดลงถึงแม้รัฐวิสาหกิจมีผลการดำเนินงานในส่วนกระบวนการที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๔ แต่ยังต่ำกว่าค่าเป้าหมายในระดับคะแนน ๔-๕ ประจำปี ๒๕๕๕ ของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ประกอบกับการประเมินผลการดำเนินงานในส่วนกระบวนการในปี ๒๕๕๕ ได้มีการปรับรูปแบบ โดยกำหนดค่าเป้าหมายตามระดับความสำเร็จในการพัฒนาองค์กรของรัฐวิสาหกิจ ๑.๓ ข้อสังเกตจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๕ เกี่ยวกับความต่อเนื่องในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานและการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากคณะกรรมการดังกล่าวยังมีการลาออกเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัดเร่งรัดผลักดันและติดตามให้รัฐวิสาหกิจในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อประเทศ (Critical Infrastructure) มีระดับมาตรฐานการบริหารจัดการในระดับที่ดียิ่งขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจกลุ่มนี้ต้องมีผลการประเมินในหัวข้อการบริหารจัดการทุกหัวข้อไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐๐ คะแนน และเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับการเป็นนิติบุคคลของรัฐวิสาหกิจ เช่น โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง เป็นต้น รวมทั้งเร่งทบทวนบทบาท ภารกิจ หน้าที่ รูปแบบ และความจำเป็นในการดำรงอยู่ของรัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานที่ต่ำหรือมีผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี เช่น องค์การตลาด องค์การจัดการน้ำเสีย องค์การสะพานปลา และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ๒. เห็นชอบกรอบการพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการให้เช่าที่ดินมีระยะเวลาเช่าเกินกว่า ๑ ปี ของรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงการคลังแจ้งเวียนรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติตามกรอบหลักเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ การดำเนินการให้เช่าที่ดินของรัฐวิสาหกิจ ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. เห็นชอบข้อเสนอการจัดตั้งบริษัทในเครือตามที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เสนอ และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินการต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง โดยไม่ให้ซ้ำซ้อนกับภารกิจหลักของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญในเรื่องของการประกอบธุรกิจแข่งขันกับภาคเอกชน โดยเห็นควรให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจัดตั้งบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2471 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาคให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2472 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2556 | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๖) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้ามีมูลค่านำเข้า ๗๒๘.๙๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๑๒ ของมูลค่านำเข้ารวม (๖๕,๒๓๑.๓๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ๒๕๕๕ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๕) ๕๑.๔๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๗.๖๐ ๒. สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มีมูลค่านำเข้า ๑๕๒.๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๓๖.๘๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๓๑.๙๖ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง มีมูลค่านำเข้า ๙๔.๔๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๙.๔๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๑.๑๒ นาฬิกาและอุปกรณ์ มีมูลค่านำเข้า ๙๓.๐๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๖.๖๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๗.๖๘
|
||||||||||||||||||||||||
2473 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๒๖,๒๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ทั้งนี้ ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๕๗ หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กองทุนฯ ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีในการเพิ่มเงินนำส่งเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนฯ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญเพิ่มเติม และให้กระทรวงการคลัง และ ธปท. พิจารณาแนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินและบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่และภารกิจเพิ่มเติมในการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่ประสบภาวะวิกฤติทางการเงินอันอาจกระทบต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินตามร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา รวมทั้งให้ ธปท. แก้ไขปัญหาฐานะการเงินเพื่อให้สามารถนำเงินกำไรส่งเข้าบัญชีสะสมเพื่อใช้ชำระต้นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนฯ เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามนัยพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2474 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ประโยชน์ตอบแทนของกรรมการ อนุกรรมการและผู้เชี่ยวชาญ ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 พ.ศ. .... | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ประโยชน์ตอบแทนของกรรมการ อนุกรรมการ และผู้เชี่ยวชาญตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดประโยชน์ตอบแทนของกรรมการ อนุกรรมการ และผู้เชี่ยวชาญตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นรายครั้ง เฉพาะกรรมการที่มาประชุม และไม่เกิน ๑ ครั้งต่อเดือน คณะอนุกรรมการและผู้เชี่ยวชาญ ให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นรายครั้ง เฉพาะอนุกรรมการที่มาประชุม และไม่เกิน ๑ ครั้งต่อเดือน คณะกรรมการคัดเลือกและคณะกรรมการกำกับดูแลให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นรายครั้ง เฉพาะกรรมการที่มาประชุม และไม่เกิน ๔ ครั้งต่อเดือน และคณะกรรมการกำหนดแนวทางการดำเนินงาน ให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นรายครั้ง เฉพาะกรรมการที่มาประชุม และไม่เกิน ๑ ครั้งต่อเดือน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามที่กำหนดไว้ในร่างประกาศฯ ย่อมเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการประชุมที่ครบองค์ประกอบตามที่กฎหมายกำหนด กรณีจึงไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดวันใช้บังคับไว้ในร่างประกาศฯ อีก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่าย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการค่าเบี้ยประชุมกรรมการ จำนวน ๑,๕๕๔,๐๐๐ บาท ซึ่งหากไม่เพียงพอ เห็นควรให้ สคร. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปเป็นค่าประโยชน์ตอบแทนดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2475 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2476 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2556 | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ แต่เนื่องจากตรงกับวันหยุดทำการของสถาบันการเงิน จึงต้องชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวในวันทำการถัดไปในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายชำระหนี้ต้นเงินกู้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงจำเป็นต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดทั้งจำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ในส่วนของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่เป็นหนี้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ วงเงิน ๒๗๗,๔๑๒.๑๓ ล้านบาท ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน ๓ แห่ง วงเงินรวม ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน เบิกเงินกู้ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐ (LB196A) อายุคงเหลือ ๕.๘๘ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๗๕ ต่อปี จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท เป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓ อายุ ๑๐.๐๕ ปี ทำให้พันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีปริมาณรวม ๑๖๖,๙๙๔ ล้านบาท ประมูลในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๑ (LB416A) อายุคงเหลือ ๒๗.๘๘ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ อายุ ๓๐.๖๕ ปี ทำให้พันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีปริมาณรวม ๙๐,๙๓๖ ล้านบาท ประมูลในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ทั้งนี้ ได้นำเงินที่ได้จากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ทั้ง ๒ รุ่น ไปทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นจนครบวงเงิน ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวนรวม ๓ ฉบับ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ได้แก่ ๓.๑ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ ๓.๒ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐ ๓.๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๑
|
||||||||||||||||||||||||
2477 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม 2556 | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ที่ครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๑ ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๓ ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ (LB236A) อายุคงเหลือ ๙.๙๐ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำหน่ายได้จริง ๗,๐๒๐ ล้านบาท และได้ออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ (LB176A) อายุคงเหลือ ๓.๘๕ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี วงเงิน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ จำหน่ายได้ครบทั้งจำนวน เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง โดยยังคงค้างการชำระคืนเงินทดรองจ่ายเดิม (๒,๒๕๘.๔๙ ล้านบาท) และเงินทดรองจ่ายเพิ่มเติมจากผลการประมูลเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๙๘๐ ล้านบาท (๑๐,๐๐๐-๗,๐๒๐) รวมจำนวน ๕,๒๓๘.๔๙ ล้านบาท ซึ่งจะชำระคืนในการปรับโครงสร้างหนี้ในโอกาสต่อไป ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง จำนวน ๕ ฉบับ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ได้แก่ ๓.๑ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๖ ๓.๒ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ ๓.๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ ๓.๔ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ และครั้งที่ ๘ ๓.๕ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗
|
||||||||||||||||||||||||
2478 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์) | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
2479 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (จำนวน 3 ราย 1. พลโท รุจวินท์ กิจวิทย์ ฯลฯ) | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. พลโท รุจวินร์ กิจวิทย์ กรรมการ ๒. นายวีรภัทร ศรีไชยา กรรมการ ๓. พลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
2480 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การขยายเวลามาตรการภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน) | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การขยายเวลามาตรการภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน) มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อกำหนดให้เงินได้ของวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนในด้านการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ และพัฒนากลุ่มอาชีพที่ครบวงจรทั้งห่วงโซ่มูลค่า รวมทั้งการหาช่องทางการตลาดหรือช่องทางในการกระจายสินค้า และควรมีการปรับปรุงกฎระเบียบของกองทุนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางให้วิสาหกิจชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ควรเพิ่มบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้สนับสนุนการดำเนินกิจการของวิสาหกิจชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....