ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 120 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2381 - 2400 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2381 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. .... | กค | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายกลางเพื่อใช้บังคับกับทุกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ โดยหน่วยงานทุกแห่งจะต้องจัดทำระบบงานเป็นอิเล็กทรอนิกส์ และปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการดำเนินการเพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีในความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบในหลักการให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินโครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ให้รัฐสามารถให้บริการประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙๑/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้การดำเนินการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล และหน่วยงานของรัฐและการค้าและบริการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ เสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเร่งดำเนินการจัดทำแผนงานและมาตรการ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน โดยให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||||||||
2382 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2555 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี 2556 | กค | 19/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ กบข. มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๕๘๐,๗๕๐.๑๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ หนี้สินรวม จำนวน ๓,๖๑๘.๕๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑๘ จากปี ๒๕๕๔ สินทรัพย์สุทธิรวม จำนวน ๕๗๗,๑๓๑.๖๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๖ จากปี ๒๕๕๔ รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๑๘,๗๑๐.๑๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๗๙ ล้านบาท จากปี ๒๕๕๔ กำไรจากการดำเนินงาน จำนวน ๑๖,๗๐๕.๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑,๐๘๙.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ และผลประโยชน์สุทธิรวม ๓๕,๔๐๗.๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑๓.๑๕ จากปี ๒๕๕๔ ๑.๒ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดส่งรายงานประจำปีให้ผู้แทนสมาชิกก่อนวันประชุม การแสดงผลตอบแทนของแต่ละแผนการลงทุนในใบแจ้งยอดที่จัดส่งถึงสมาชิก การให้สิทธิสมาชิกที่เกษียณอายุราชการเข้าถึง website เพื่อคำนวณเงินโดยที่ไม่ต้องใส่ Password และการเตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกที่เลือก undo (การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔) ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานและเร่งรัดการรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของ กบข. และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ และปีต่อ ๆ ไปให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
2383 | การแต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (พลตรี ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์) | กค | 18/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งพลตรี ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๒. กำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา ๒๘๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน โดยในระหว่างอายุสัญญาจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ทุกวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของค่าตอบแทนที่ผู้รับจ้างได้รับ ตามผลการประเมินผลตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล สำหรับครั้งแรกจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยจะพิจารณาอัตราร้อยละการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ให้ตามสัดส่วนระยะเวลาการปฏิบัติงานนับตั้งแต่วันที่ตกลงปฏิบัติงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
2384 | กรแต่งตั้งข้าราชการประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม) | กค | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2385 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ปรับอัตราขั้นสูง-ขั้นต่ำของการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวใหม่ ให้มีผลใช้บังคับเป็น ๒ ระยะเวลา ๑.๑ ระยะที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๘,๖๑๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๑.๒ ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ปรับอัตราขั้นต่ำจาก ๘,๒๐๐ บาท เป็น ๙,๐๐๐ บาท และปรับอัตราขั้นสูงจาก ๑๑,๗๐๐ บาท เป็น ๑๒,๒๘๕ บาท ๒. ปรับอัตราเงินค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น ในอัตราร้อยละ ๕ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป โดยยกเลิกบัญชีเงินค่าตอบแทนท้ายระเบียบฯ และกำหนดใหม่ |
|||||||||||||||||||||||||||
2386 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๕๗ เพิ่มเติมจำนวน ๙,๕๘๖ ล้านบาท เข้าบัญชีสะสมเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามสภาพคล่องของกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2387 | มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมจากการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 | กค | 13/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๓ ฉบับ (มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมจากการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด |
|||||||||||||||||||||||||||
2388 | การติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ | กค | 05/08/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึง ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีรายจ่ายภาพรวม จำนวน ๑,๗๒๐,๐๓๒.๘๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๘.๑๒ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๘๘ (เป้าหมายไตรมาสที่ ๓ ร้อยละ ๗๐.๐๐) และมีรายจ่ายลงทุน จำนวน ๒๐๙,๑๖๙.๒๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๘.๘๒ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๒๑.๑๘ (เป้าหมายไตรมาสที่ ๓ ร้อยละ ๗๐.๐๐) ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ได้ออกมาตรการสนับสนุนการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนี้ ๑.๑ การอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ กรณีการดำเนินการคัดเลือกเบื้องต้นเพื่อหาผู้มีสิทธิเสนอราคา แล้วมีผู้มีสิทธิเสนอราคาเพียงรายเดียว หรือมีผู้มีสิทธิเสนอราคาเพียงรายเดียว เมื่อถึงเวลาเริ่มการเสนอราคา ซึ่งตามหลักเกณฑ์เดิมต้องยกเลิกการประกวดราคา แต่ตามหลักเกณฑ์ใหม่ ถ้าคณะกรรมการประกวดราคาเห็นว่ามีเหตุผลสมควรที่จะดำเนินการต่อไป ให้คณะกรรมการฯ ต่อรองราคากับผู้มีสิทธิเสนอราคารายนั้น แล้วเสนอหัวหน้าหน่วยงานพิจารณาในขั้นตอนต่อไปได้ ซึ่งจะทำให้การจัดหาพัสดุรวดเร็วขึ้น ๑.๒ การขอยกเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ หรือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เร่งเสนอเรื่องให้กรมบัญชีกลางโดยด่วน เพื่อให้ทันกับการดำเนินการก่อหนี้ และเบิกจ่ายภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ได้ยกเว้นแล้ว จำนวน ๔๑๘ เรื่อง จำนวนเงิน ๔๙,๕๓๑.๓๙ ล้านบาท ๑.๓ การซ้อมความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ และอนุมัติการดำเนินการจัดหาพัสดุ กรณีวงเงินตั้งแต่ ๒ ล้านบาทขึ้นไป ไม่ต้องทำ Auction ถ้าเป็นการจ้างที่ปรึกษา การจ้างออกแบบและควบคุมงาน การซื้อการจ้างโดยวิธีพิเศษ และวิธีกรณีพิเศษ หรือการจัดหาสินค้าและบริการที่มีการแข่งขันน้อยราย มีความซับซ้อนหรือเทคนิคเฉพาะของสินค้าและบริการ หรืองานหรือโครงการ สินค้าและบริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีประเภทระบบ IT ที่เป็นลักษณะเฉพาะ หรือเป็นพัสดุที่มีความผันผวนด้านราคา หน่วยงานสามารถจัดหาพัสดุด้วยวิธีอื่น เช่น วิธีพิเศษได้โดยไม่ต้องเริ่มจาก Auction และไม่ต้องขออนุมัติคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑.๔ การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ กรณีมีการอุทธรณ์ผลการพิจารณาคัดเลือกเบื้องต้น และอุทธรณ์ผลการเสนอราคา ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ให้หน่วยงานที่จัดหาพัสดุดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้ โดยไม่ต้องระงับการดำเนินการ ทำให้ลดระยะเวลาจาก ๘๕ วัน คงเหลือ ๔๒ วัน ๑.๕ กระทรวงการคลังจะไม่อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ ถ้าหน่วยงานไม่สามารถก่อหนี้ได้ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เว้นแต่จะมีความจำเป็น ๒. ให้ส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหนังสือของกระทรวงการคลัง (หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๒๐.๕/๙๔๔๓ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗) อย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีความถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2389 | ร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) โดยร่างความตกลงฯ มีเนื้อหาสอดคล้องกับความตกลงเพื่อการจัดตั้งองค์การระหว่างประเทศอื่นที่มีโครงสร้างและภารกิจที่คล้ายกัน เช่น ธนาคารพัฒนาเอเชีย และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ AMRO และบุคลากรของ AMRO นั้น ได้พิจารณาหลักความจำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ตามวัตถุประสงค์และภารกิจของ AMRO เป็นสำคัญ และวิธีการระงับข้อพิพาทตามความตกลงฉบับนี้มีแนวปฏิบัติสอดคล้องกับแนวปฏิบัติในทางระหว่างประเทศขององค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ สำหรับค่าใช้จ่ายของ AMRO ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายประจำปีของ AMRO โดยเงินงบประมาณของ ธปท. ๑.๒ อนุมัติการลงนามในร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในความตกลงฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๒. เมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงฯ ก่อนที่จะมีการให้สัตยาบันความตกลงฯ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องนี้ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อมูลด้วย ตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) |
|||||||||||||||||||||||||||
2390 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 ครั้งที่ 2 | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๖,๓๑๔.๗๔ ล้านบาท จากเดิม ๑,๓๑๖,๓๓๐.๘๔ ล้านบาท เป็น ๑,๓๑๐,๐๑๖.๑๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกำกับองค์ประกอบและโครงสร้างหนี้ต่างประเทศให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และแนวโน้มด้านการเงินของประเทศและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2391 | ขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าถอนคืนเงินรายได้แผ่นดิน) | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต จ่ายค่าถอนคืนเงินรายได้แผ่นดินให้แก่ผู้ประกอบการ ๘๙ ราย จำนวน ๑๖๑,๐๙๔,๖๘๐.๓๔ บาท ทั้งนี้ ให้กรมสรรพสามิตขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของกรมสรรพสามิต แผนงานบริหารจัดการเศรษฐกิจมหภาคให้เกิดความยั่งยืน ผลผลิตการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต งบบุคลากร ซึ่งตรวจสอบแล้วมีเงินเหลือจ่าย จำนวน ๖๑,๗๔๙,๙๙๑ บาท โดยเห็นสมควรให้ปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาสมทบสำหรับเป็นค่าถอนคืนเงินรายได้แผ่นดินในครั้งนี้ ๒. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙๙,๓๔๔,๖๘๙.๓๔ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายอีก จำนวน ๕,๓๑๘,๒๙๗.๓๗ บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการหรือภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานแสตมป์สรรพสามิต ที่ต้องจ่ายคืนให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ ๕ แห่ง ซึ่งไม่ถือเป็นค่าถอนคืนเงินรายได้แผ่นดิน ให้กรมสรรพสามิตพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์แสตมป์สรรพสามิตที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้ว จำนวน ๙๑,๐๘๘,๐๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||||||||
2392 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 - 31 มกราคม 2558 | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ และอนุมัติงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ในวงเงินไม่เกิน ๒,๑๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2393 | รายงานผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 ของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ๑.๑ ฐานะการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ โดย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีสินทรัพย์ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘๔๑,๖๗๔,๙๓๐.๕๔ บาท หรือร้อยละ ๘.๑๖ ส่วนใหญ่เป็นผลจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ลดลง ในขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้น จำนวน ๒๗๑,๗๕๕.๐๒ บาท จากการจัดซื้อครุภัณฑ์สำนักงาน ดังนั้น สินทรัพย์สุทธิลดลง จำนวน ๘๔๑,๙๔๖,๖๘๕.๕๖ บาท ๑.๒ ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘๘๙,๑๖๒,๒๖๖.๕๙ บาท หรือร้อยละ ๘๒.๒๙ เนื่องจากรายได้จากงบประมาณซึ่งเป็นรายได้หลักไม่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณเข้ากองทุนฯ ส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จำนวน ๓๑๐,๘๗๕,๒๓๘.๒๔ บาท หรือร้อยละ ๔๓.๐๖ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการอนุมัติเงินกองทุนฯ เป็นค่าใช้จ่ายโครงการ (เงินจ่ายขาด) เพิ่มขึ้น ดังนั้น กองทุนฯ จึงมีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิลดลง จำนวน ๑,๒๐๐,๐๓๗,๕๐๔.๘๓ บาท ๒. สรุปข้อมูลลูกหนี้ของกองทุนฯ ๒.๑ ลูกหนี้ของกองทุนฯ ประกอบด้วย ลูกหนี้โครงการต่าง ๆ และเงินทดรองจ่าย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีลูกหนี้ จำนวน ๗,๔๗๑,๓๑๘,๘๗๒.๐๘ บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน ๙๔๖,๓๓๖,๑๐๒.๒๑ บาท (โดยเป็นยอดอนุมัติให้ยืม จำนวน ๑,๗๑๑,๒๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท ชำระเงินคืน จำนวน ๗๖๔,๘๖๓,๘๙๗.๗๙ บาท) ๒.๒ ลูกหนี้โครงการต่าง ๆ ประกอบด้วย ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการและลูกหนี้ที่สิ้นสุดโครงการแล้วแต่ยังไม่นำเงินส่งคืนและปิดบัญชีโครงการ โดยลูกหนี้ที่สิ้นสุดโครงการแล้วแต่ยังไม่นำเงินส่งคืนและปิดบัญชีโครงการ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๔๑ โครงการ เป็นเงิน ๑,๕๒๑,๖๐๕,๙๐๒.๕๐ บาท คณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตามการชำระหนี้กองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้จัดทำแผนเร่งรัดติดตามการชำระหนี้คืนกองทุนฯ ขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ พบปัญหาที่หน่วยงานไม่สามารถชำระหนี้คืนกองทุนฯ ได้ มาจากเกษตรกรประสบภัยธรรมชาติน้ำท่วม ผลผลิตตกต่ำ และมีหนี้สินอื่นร่วมด้วย ส่วนการติดตามหนี้คืนกองทุนฯ อยู่ในกระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดีและบังคับคดี
|
|||||||||||||||||||||||||||
2394 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2395 | รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และ 2553 | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และเมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ให้กระทรวงการคลังนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบตามขั้นตอนต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๑.๑ งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น จำนวน ๑,๖๘๗,๔๗๐.๓๒ ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น จำนวน ๑,๘๙๒,๕๘๑.๗๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ รัฐบาลมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น จำนวน ๕,๕๐๖,๒๐๒.๒๗ ล้านบาท มีหนี้สินและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๘๓๙,๘๓๒.๙๗ ล้านบาท มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน จำนวน ๒,๖๖๖,๓๖๙.๓๐ ล้านบาท ๑.๒ รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒.๑ งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น จำนวน ๑,๘๙๙,๔๐๒.๓๘ ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๐๑๔,๔๕๕.๙๕ ล้านบาท ๑.๒.๒ งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ รัฐบาลมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น จำนวน ๕,๕๘๐,๑๕๘.๕๕ ล้านบาท มีหนี้สินและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น จำนวน ๓,๑๗๙,๓๒๑.๒๙ ล้านบาท มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน จำนวน ๒,๔๐๐,๘๓๗.๒๖ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2396 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1.นางสุดา วิศรุตพิชญ์ ฯลฯ) | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๑.๑ นางสุดา วิศรุตพิชญ์ ๑.๒ นายลวรณ แสงสนิท ๒. ด้านการเงินและการธนาคาร นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ๔. ผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน นายพรชัย ประเสริฐสินธนา
|
|||||||||||||||||||||||||||
2397 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ (พ.ร.ก.) ภายหลังปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงคมนาคม และสำนักงานศาลยุติธรรม จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จแต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๓๒ โครงการ วงเงินรวม ๒,๓๐๔,๙๒๘,๐๙๐.๘๒ บาท ๑.๒ อนุมัติแนวทางเบิกจ่ายเงินกู้ พ.ร.ก. สำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ โดยให้สามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงิน พ.ร.ก. ได้จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ แต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ไม่สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ชี้แจงเหตุผล ความจำเป็น และประมาณการเบิกจ่ายรายเดือน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เพื่อพิจารณาอนุมัติและรายงานผลการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ๑.๓ อนุมัติการยกเลิกโครงการเงินกู้ พ.ร.ก. ของกระทรวงศึกษาธิการ และ ก.น.จ. รวม ๔ โครงการ วงเงินรวม ๕๐,๑๗๑,๓๕๘ บาท และนำวงเงินกู้ดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายในสาขาเศรษฐกิจนั้น ๑.๔ อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่าย วงเงินรวม ๑๔,๔๔๓,๙๘๙.๕๒ บาท ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการประปาส่วนภูมิภาค ๒. ในส่วนของโครงการจัดหาเครื่องมือป้องกันการติดต่อสื่อสารที่ใช้กระทำความผิดภายในเรือนจำ ของกระทรวงยุติธรรม มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโครงการดังกล่าวด้วย เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีวงเงินลงทุนของโครงการเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ๓. ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐไปกำกับติดตามร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเพื่อเร่งรัดให้ส่วนราชการดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรวบรวมวงเงินเหลือจ่ายทั้งหมด ทั้งในส่วนของเงินงบประมาณ และเงินกู้โครงการภายใต้ พ.ร.ก. เสนอต่อคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาว่าสมควรจะจัดสรรเงินเหลือจ่ายดังกล่าวไปใช้เพื่อสนับสนุนแผนงาน/โครงการที่มีความเร่งด่วนตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติอย่างไรต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2398 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการให้มีการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) เพื่อรักษาโอกาสให้ประเทศไทยสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดรายละเอียดการระดมเงินทุน การจัดสรรหุ้น สิทธิการออกเสียง โครงสร้างการบริหาร ธรรมาภิบาล ตลอดจนรายละเอียดสำคัญของบันทึกความเข้าใจและร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้ง AIIB ๑.๒ มอบหมายกระทรวงการคลังเป็นผู้เจรจาจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจและความตกลงเพื่อการจัดตั้ง AIIB โดยให้คำนึงถึงประโยชน์โดยรวมต่อประเทศไทยเป็นสำคัญ ๑.๓ เมื่อการยกร่างบันทึกความเข้าใจ และ/หรือ ความตกลงเพื่อการจัดตั้ง AIIB ดำเนินการแล้วเสร็จ ให้กระทรวงการคลังนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนการลงนาม ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาถึงความเหมาะสมของสัดส่วนการถือหุ้นและความพร้อมในการชำระค่าหุ้นของประเทศไทยให้รอบคอบ โดยคำนึงถึงการเป็นสมาชิกของประเทศไทยในกองทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Infrastructure Fund : AIF) ที่ได้จัดตั้งขึ้นแล้วที่ประเทศมาเลเซีย และเห็นควรพิจารณาถึงการเชื่อมโยงกันในเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) และ AIIB ซึ่งต่างมีวิสัยทัศน์และเป้าประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน คือ การสนับสนุนด้านการเงินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ยังขาดแคลนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ และให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2399 | ขอขยายเวลาการดำเนินงานโครงการกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ต่อไปจนกว่ากฎหมายใหม่จะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายเวลาการดำเนินงานโครงการกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ต่อไปในปีการศึกษา ๒๕๕๘ และในปีการศึกษาต่อ ๆ ไปจนกว่ากฎหมายใหม่จะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการทบทวนแนวคิดและหลักการของกองทุนเพื่อการศึกษาให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับการพัฒนาการศึกษาต่อไปโดยด่วน และควรปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุน เพิ่มช่องทางการชำระหนี้ที่หลากหลาย รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ในการกำกับติดตามการบริหารจัดการหนี้ นอกจากนี้ ควรสร้างจิตสำนึกให้กับผู้กู้มีความตระหนัก มีวินัยและความรับผิดชอบในการชำระหนี้คืนกองทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาสำหรับผู้กู้ยืมรายใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยาร่วมกับฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหากองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ โดยให้มีการกู้และส่งคืนเงินอย่างรัดกุมเหมาะสม รวมทั้งไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อนในการกู้ยืม และให้นำเรื่องนี้เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านการศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2400 | องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขอสิทธิพิเศษในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ | กค | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ได้รับสิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ อผศ. ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเงื่อนไขที่คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจกำหนด ตลอดจนขีดความสามารถและความพร้อมของ อผศ. เองด้วย
|
.....