ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 747 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 14921 - 14940 จากข้อมูลทั้งหมด 124278 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14921 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถและการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... | คค | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถและการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ รวมทั้งการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาความชัดเจนในการกำหนดโรคที่จะออกใบรับรองแพทย์เพื่อแสดงว่า มีโรคประจำตัวหรือสภาวะของโรคที่อาจเป็นอันตรายขณะขับรถ เพื่อสร้างความชัดเจนแก่ผู้ขอใบอนุญาตขับรถและผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14922 | การปรับเปลี่ยนแหล่งเงินโครงการลงทุน การกู้เงินเพื่อดำเนินการทั่วไปและอื่น ๆ และการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ ให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปรับเปลี่ยนแหล่งเงินโครงการเพื่อการพัฒนา จำนวน ๕ โครงการ วงเงินเต็มโครงการทั้งสิ้น ๑,๒๒๔.๕๙๗ ล้านบาท จากเดิมเป็นเงินอุดหนุน ร้อยละ ๗๕ จำนวน ๙๑๘.๔๔๘ ล้านบาท และเงินรายได้ ร้อยละ ๒๕ จำนวน ๓๐๖.๑๔๙ ล้านบาท เปลี่ยนเป็นสัดส่วนเงินอุดหนุน ร้อยละ ๗๕ และเงินกู้ภายในประเทศ ร้อยละ ๒๕ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินในปัจจุบันของ กปภ. โดยวงเงินเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว จำนวน ๕๖.๑๓๐ ล้านบาท (กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน) ได้รับการบรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ เรียบร้อยแล้ว และ กปภ. จะกู้เงินได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติการปรับเปลี่ยนแหล่งเงินให้ใช้เงินกู้จากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ๑.๒ ให้ กปภ. กู้เงินเพื่อดำเนินงานปกติ (แผนงานระยะยาว) จำนวน ๑๒ โครงการ วงเงิน ๒๗๗.๑๒๔ ล้านบาท (กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน) สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๑ เพื่อให้ กปภ. มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินงาน และ กปภ. จะกู้เงินได้ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการกู้เงินเรียบร้อยแล้ว สำหรับจำนวน ๖ โครงการ วงเงินทั้งโครงการ ๓,๒๖๐.๐๖๗ ล้านบาท ขณะนี้ กปภ. สามารถกู้เงินได้ เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ อนุมัติให้ กปภ. พิจารณาดำเนินโครงการโดยใช้เงินรายได้เป็นลำดับแรก หาก กปภ. จำเป็นต้องกู้เงิน ให้พิจารณากู้เงินเป็นรายปีตามความจำเป็น (กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน) ทั้งนี้ วงเงินเพื่อการดำเนินงานปกติ (แผนระยะยาว) จำนวน ๑,๐๐๒.๓๙๐ ล้านบาท ได้รับการบรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ เรียบร้อยแล้ว ๑.๓ ให้ กปภ. กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท (กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน) เพื่อให้ กปภ. มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอต่อการดำเนินงาน โดยปรับเปลี่ยนจากการกู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เป็นการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท แทน และให้ กปภ. เบิกจ่ายตามความจำเป็น โดย กปภ. จะกู้เงินได้ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติการกู้เงินของ กปภ. และการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ เรียบร้อยแล้ว ๒. ในส่วนของการกู้เงินเพื่อดำเนินการทั่วไปและอื่น ๆ กรอบวงเงิน ๑,๐๐๒.๓๙๐ ล้านบาท ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. พิจารณาใช้เงินรายได้เป็นลำดับแรก หากมีความจำเป็นต้องกู้เงินให้ดำเนินการกู้เงินด้วยความระมัดระวังตามความเหมาะสมของฐานะการเงินในแต่ละปี และเบิกจ่ายเงินกู้เท่าที่จำเป็น ตามนัยความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. การกู้เงินของ กปภ. ในคราวต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. พิจารณาความพร้อมและความก้าวหน้าของโครงการที่จะใช้เงินกู้ รวมทั้งพิจารณาเครื่องมือเงินกู้ที่สอดคล้องกับการใช้จ่ายเงินเพื่อลดต้นทุนการกู้เงินและควรหารือปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานที่ทำให้ กปภ. มีความไม่แน่นอนทางรายได้ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหานอกเหนือไปจากการปรับเปลี่ยนแหล่งเงินโครงการลงทุนจากเงินรายได้เป็นเงินกู้เพียงอย่างเดียวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14923 | การรับรองเอกสารการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและสื่อสารมวลชนระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ | นร | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและสื่อสารมวลชนระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Memorandum of Understanding between the Public Relations Department under the Office of the Prime Minister of the Kingdom of Thailand and the Presidential Communications Operations Office of the Republic of the Philippines on Information and Media Cooperation) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ข่าว รายการ หรือกิจกรรมด้านสารสนเทศและสื่อสารมวลชนที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ นโยบาย แนวทางการบริหาร และขั้นตอนการปฏิบัติของทั้งสองประเทศ อันจะนำไปสู่การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ได้ประสานงานไปยังฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อที่จะลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ ๖ ที่กระทรวงการต่างประเทศจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๕-๗ กันยายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีที่มีการจัดทำข้อตกลงด้านการเงิน ก็ควรพิจารณาส่งร่างข้อตกลงด้านการเงินดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาในโอกาสต่อไปด้วย ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14924 | การร่วมรับรองเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ 50 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ ๕๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๖ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ จำนวน ๗ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน (๒) ร่างกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลในอาเซียน (๓) ร่างหลักการสำคัญเรื่องแนวปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบของอาเซียน (๔) ร่างบัญชีกฎเฉพาะรายสินค้าในพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๑๗ และบัญชีรายการสินค้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์สิ่งทอของพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๑๗ (๕) ร่างแนวปฏิบัติสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของสินค้า (๖) ร่างแผนการดำเนินงานด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจของกรอบอาเซียนบวกสาม ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ และ (๗) ร่างเป้าหมายความสำเร็จของการเจรจาในปีนี้ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารทั้ง ๗ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงการคลังที่เห็นควรผลักดันให้อาเซียนให้ความสำคัญในการเร่งรัดให้ประเทศสมาชิกดำเนินการในเรื่องที่ยังคงค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อาทิ การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (ASEAN-Wide Self-Certification) และการเชื่อมโยงระบบ ASEAN Single Window สำหรับความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนควรคำนึงถึงการปรับประสานมาตรฐานหรือแนวทางการดำเนินงานที่ยังแตกต่างกันมากของประเทศสมาชิก เช่น การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น เพื่อให้อาเซียนสามารถเดินหน้าการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากความร่วมมือภายใต้แผนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. กรณีร่างความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนที่จะต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนาม ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับประเด็นมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14925 | คำขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 12/2561 เรื่อง ให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่ง) | สลธ.คสช. | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๒/๒๕๖๑ เรื่อง ให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่ง ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ให้ พลตำรวจตรี รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามกรอบอัตรากำลังที่กำหนดในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14926 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... | กค | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญเป็นการจัดสวัสดิการให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม กระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ตลอดจนยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน พร้อมข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๒) เกี่ยวกับประเด็นการจัดตั้ง “กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม” ที่มีลักษณะเป็นเงินนอกงบประมาณ และอาจไม่สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา ๖๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และในประเด็นที่กำหนดให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการจัดประชารัฐสวัสดิการ โดยเป็นผู้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวเสียเอง จึงไม่สอดคล้องกับหน้าที่ อำนาจ และภารกิจของกระทรวงการคลัง รวมทั้งในประเด็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคม ควรมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของรูปแบบการจัดสวัสดิการและการจัดทำฐานข้อมูลของภาคประชาชน เพื่อให้การจัดสวัสดิการสังคมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนเป็นไปอย่างทั่วถึงและประชาชนได้รับสวัสดิการที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน ๒. รับทราบคำชี้แจงข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๒) ของกระทรวงการคลังว่า กระทรวงการคลังจะพิจารณาวงเงินที่จะต้องจ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ตรงตามข้อเท็จจริงและตามความจำเป็น ดังนั้น วงเงินของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมจึงมีปริมาณเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๑ และตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๐ ที่ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน และที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำโครงการประชารัฐสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาโดยตลอด ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๒) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14927 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่และที่ประชุมแผนกคดีในศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา) และร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมเพื่อออกระเบียบกำหนดเบี้ยประชุมสำหรับข้าราชการตุลาการซึ่งเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกา) รวม 2 ฉบับ | ศย | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่และที่ประชุมแผนกคดีในศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา) และร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมเพื่อออกระเบียบกำหนดเบี้ยประชุมสำหรับข้าราชการตุลาการซึ่งเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกา) รวม ๒ ฉบับ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรอง ซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมเพื่อออกระเบียบกำหนดเบี้ยประชุมสำหรับข้าราชการตุลาการซึ่งเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกา) ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ศาลยุติธรรมได้ดำเนินการตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้แก่ (๑) การรับฟังความคิดเห็นโดยผ่านเว็บไซต์ www.lawsurvey.coj.go.th www.coj.go.th และ www.jla.coj.go.th และ (๒) สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ www.lawsurvey.coj.go.th www.coj.go.th และ www.jla.coj.go.th ๓. สำหรับการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามกฎหมาย สำนักงานศาลยุติธรรมนอกจากได้จัดทำลงในหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ (Checklist) แล้ว ยังได้จัดทำเป็นเอกสารขึ้นอีกฉบับหนึ่งด้วย และนำไปเปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ www.lawsurvey.coj.go.th www.coj.go.th และ www.jla.coj.go.th
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14928 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ดศ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเพิ่มเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14929 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. .... | รง | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้กระทรวงแรงงานประสานกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อร่วมหารือในการกำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ แนวทางปฏิบัติในกฎหมายลำดับรองตามกฎกระทรวงฉบับนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14930 | การนำเสนอพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง และพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน | ทส | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการนำเสนอพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง และพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน เพื่อให้ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้การรับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกแห่งอาเซียนต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณ เช่น ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดจากการดำเนินงานให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. กรณีเมื่อพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง และพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการรับรองให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียนแล้ว ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ การดูแลรักษาและการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ดังกล่าวให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และคงความเป็นมรดกอุทยานแห่งอาเซียนได้อย่างยั่งยืนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14931 | กรอบแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน | นร11 | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการดำเนินการพัฒนาต่อยอดจากฐานทรัพยากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิม โดยพิจารณาพื้นที่ดำเนินการที่จะเป็นการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ เพื่อให้เกิดแหล่งรายได้ใหม่ในพื้นที่ และเป็นการกระจายการพัฒนาจากพื้นที่เศรษฐกิจเดิม ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างสมดุล เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว ๑.๒ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งรัดดำเนินการแผนการดำเนินงานในเบื้องต้น ได้แก่ (๑) ศึกษาความเหมาะสมในรายละเอียดของรูปแบบการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชุมพร-ระนอง และพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช (๒) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในเบื้องต้น เช่น การพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร การพัฒนารถไฟสายใหม่ ช่วงชุมพร-ระนอง การศึกษาแนวทางจัดทำแผนการพัฒนาท่าเทียบเรือระนอง และการศึกษาแนวทางจัดทำแผนการพัฒนาขีดความสามารถท่าอากาศยานระนอง เป็นต้น และ (๓) ศึกษาแนวทางจัดแผนการพัฒนาเมืองระนองให้เป็น Smart Living City และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14932 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคใต้ (กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย) | นร11 | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา) และฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง สตูล) ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ ได้แก่ (๑) การพัฒนาการท่องเที่ยว (๒) การพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร (๓) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (๔) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการน้ำ และ (๕) การพัฒนาคุณภาพชีวิต และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14933 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน | นร11 | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา) และฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง สตูล) เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ และเห็นชอบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (๒) ด้านการท่องเที่ยว (๓) ด้านการยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร (๔) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต (๕) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสั่งการเพิ่มเติมที่ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติราชการให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และฉบับต่อไป เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14934 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ภาคใต้ (กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย) และผลการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ | คค | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา) และฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง สตูล) และผลการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ โดยกระทรวงคมนาคมมีเป้าหมายการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ดังกล่าว โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ให้ครอบคลุมพื้นที่ภายในภูมิภาค ระหว่างภูมิภาค และอนุภูมิภาค เพื่อให้โครงข่ายการเดินทางมีความเชื่อมโยง สร้างความเจริญในพื้นที่ ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ให้สามารถแข่งขันได้และเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ๒ ฝั่งทะเลให้เชื่อมระหว่างอันดามัน-อ่าวไทย (Andaman-Gulf Link : AGL) เพื่อสร้างความเจริญให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้อย่างสมบูรณ์ (๒) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลอดแนว ๒ ชายฝั่งทะเล (Coast Corridors) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เชื่อมโยงโครงข่ายกับประเทศเพื่อนบ้าน รองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้า และ (๓) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีศักยภาพและเหมาะสมกับภูมิศาสตร์เฉพาะของพื้นที่ (Hinterland Connectivity) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14935 | แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ | กก | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนา “พัฒนาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกในทุกมิติ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวสองสมุทร กระจายรายได้สู่ชุมชนบนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น” โดยยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันสู่มาตรฐานระดับโลกในทุกมิติ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการบริหารจัดการ ด้านบุคลากร และด้านความปลอดภัย เป็นต้น โดยกำหนดตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ของแต่ละกลุ่มพื้นที่ที่มีศักยภาพ ๔ กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ (๑) กลุ่มท่องเที่ยวสุขภาพ และการท่องเที่ยววิถีเกษตรที่ยั่งยืน (ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี) (๒) กลุ่มท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ (เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน หมู่เกาะอ่างทอง) (๓) กลุ่มท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา (นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา) และ (๔) กลุ่มท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลกเชื่อมโยงวิถีชีวิตอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14936 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนโครงการสาธารณสุข 100 ปี หมออนามัยห่วงใยประชาชน สร้างชุมชนปลอดขยะ ร่วมขจัดภัยไข้เลือดออกและไข้มาลาเรีย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | สธ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ จำนวนทั้งสิ้น ๓๗๓,๘๓๔,๕๐๐ บาท ในการดำเนินงาน (๑) โครงการส่งเสริมสุขภาพและสิ่งแวดล้อมชุมชนเพื่อประชาชนสุขภาพดี จำนวน ๑๗๙,๖๖๔,๓๐๐ บาท (๒) โครงการรวมพลังสร้างชุมชนสุขภาพดี จำนวน ๕๓,๒๖๐,๒๐๐ บาท และโครงการพัฒนาคุณภาพและความพร้อมของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำนวน ๑๔๐,๙๑๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการประเมินผลลัพธ์ทางสุขภาพ (Health outcome) ของประชาชนจากการสร้างเสริมและป้องกันโรคในภาพรวม เพื่อสะท้อนถึงการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14937 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการลงนามในระหว่างการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 6 | พณ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการลงนามในระหว่างการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๖ (The 6th Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China : JC) จำนวน ๖ ฉบับ ได้แก่ ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม JC เศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ ๖ และร่างบันทึกความเข้าใจ/ร่างพิธีสารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก ๕ ฉบับ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในเอกสารผลลัพธ์การประชุม JC เศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ ๖ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อส่งเสริมการค้าอย่างไร้อุปสรรคระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน ๑.๕ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งราชอาณาจักรไทยกับสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน ๑.๖ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๗ อนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของไทยกับสถาบันอวกาศแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนเรื่องความร่วมมือด้านอวกาศ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)] สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรปรับแก้ถ้อยคำบางประการในร่างเอกสารฯ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนการลงนาม และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ประเทศไทยควรเน้นย้ำในเรื่องการดำเนินงาน ๓ ฝ่าย (ไทย-สปป.ลาว-จีน) ตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ให้สามารถปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย และขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ รวมทั้งควรผลักดันและสนับสนุนการลงทุนจากจีนในอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยเฉพาะการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมฉลุง จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศภายใต้แผนงานความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาค เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14938 | การจัดทำบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านอุตสาหกรรม ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี แห่งประเทศญี่ปุ่น | ศธ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านอุตสาหกรรมระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี แห่งประเทศญี่ปุ่น (Memorandum of Cooperation on Industrial Human Resource Development between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology of Japan) มีสาระสำคัญเป็นการระบุความร่วมมือด้านการศึกษา ที่แสดงความมุ่งมั่นระหว่างไทยและญี่ปุ่นในการผลักดันการก่อตั้งสถาบันการศึกษารูปแบบโคเซน (KOSEN) ในประเทศไทย และการสนับสนุนนักเรียนนักศึกษาไทยไปศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซน (KOSEN) ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้เพิ่มมากขึ้น และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรปรับถ้อยคำบางประการในบันทึกความร่วมมือฯ ไปดำเนินการก่อนการลงนาม และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งสถาบันการศึกษารูปแบบโคเซน (KOSEN) โดยให้ความสำคัญในด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร ครูผู้สอน หลักสูตร สื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอน และจัดทำรายละเอียดทั้งแผนงาน แผนเงิน และแผนคนที่ชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14939 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายอนันต์ สุวรรณรัตน์) | กษ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14940 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (นางสุกานดา วรเชษฐบัญชา) | มท | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุกานดา วรเชษฐบัญชา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....