ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 741 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 14801 - 14820 จากข้อมูลทั้งหมด 124278 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14801 | ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 11/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๘/๒๕๖๑ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑ โดยให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๒/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) โดยให้ยกเลิกความในข้อ ๒.๒ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“๒.๒ มอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้ ๒.๒.๑ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ๒.๒.๒ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ๒.๒.๓ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ๒.๒.๔ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ๒.๒.๕ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14802 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 7/2561 | นร04 | 11/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการนายกรัฐมนตรีในการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดเลย และจังหวัดเพชรบูรณ์ และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๗/๒๕๖๑ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14803 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 10 กันยายน 2561) | นร | 11/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14804 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 11/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายการดำเนินการของตลาดประชารัฐและได้จัดตั้งตลาดกลางเพื่อเป็นศูนย์กลางการขายส่งสินค้าเกษตรครอบคลุมถึงการค้าปลีกและค้าส่งสินค้าเกษตร สินค้าประมง และสินค้าปศุสัตว์ รวมทั้งจัดให้มีระบบการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เชื่อมโยงการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสม เช่น การส่งเสริมให้ประชาชนที่มียานพาหนะเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เป็นต้น โดยให้เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดระบบการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ และให้รายงานผลการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๒. ด้านสังคม มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เช่น การกำหนดสถานที่ให้บริการรับจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศให้เพียงพอและทั่วถึง เพื่อให้แรงงานต่างด้าวสามารถเข้ามาติดต่อขอรับบริการขึ้นทะเบียนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และคล่องตัว เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวอย่างเคร่งครัดด้วย เช่น ปัญหาเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จากแรงงานต่างด้าว ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว เป็นต้น ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดส่งเอกสารหรือสื่อต่าง ๆ ที่จัดทำขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ/กิจกรรมตามนโยบายของรัฐบาลให้กระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อทำความเข้าใจและนำไปถ่ายทอดหรือเผยแพร่ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้ถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง โดยให้พิจารณาใช้ช่องทางการเผยแพร่ที่หลากหลายและเหมาะสมตามแต่กรณี นั้น ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยให้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในเรื่องสำคัญต่าง ๆ เช่น การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก การบริหารงบประมาณและการเงินการคลังภาครัฐ การกระจายอำนาจ หลักธรรมาภิบาลภาครัฐ การพัฒนาด้านการเกษตร การจัดการขยะ และความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นต้น ให้แก่กระทรวงมหาดไทยเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในระดับชุมชนและท้องถิ่นผ่านช่องทางต่าง ๆ ต่อไป เช่น การจัดเวทีประชาคม การประกาศผ่านหอกระจายเสียง การจัดประชุมสัมมนา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14805 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดสินค้าต้องห้ามส่งออก นำเข้า และนำผ่านตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กรณีสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน พ.ศ. .... | พณ | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดสินค้าต้องห้ามส่งออก นำเข้า และนำผ่านตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กรณีสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขั้นตอนการส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์ไปสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน การกำหนดขั้นตอนการนำเข้าและนำผ่านอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่สั่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก่อน เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๒๓๑ (ค.ศ. ๒๐๑๕) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณากำหนดถ้อยคำหรือหาแนวทางอื่นที่สามารถกระทำได้ เพื่อกำหนดให้ร่างประกาศฯ สิ้นสุดผลบังคับใช้หลังจากวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๒๓๑ (ค.ศ. ๒๐๑๕) ที่กำหนดให้มาตรการเกี่ยวกับการส่งออก นำเข้า และนำผ่านอาวุธและยุทโธปกรณ์สิ้นสุดลงหลังจาก ๕ ปี นับจาก Adoption Day (วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14806 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 4/2561 | นร | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๓ เรื่อง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของ กขร. เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงประโยชน์ที่ได้รับ ตามที่ กขร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการยาเพื่อประชาชน กขร. มีมติให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแบบสำรวจการจัดซื้อยาทั่วไป ยาชีววัตถุ และเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาในบัญชีนวัตกรรมไทยในโรงพยาบาลสังกัดของกระทรวงอื่นเพิ่มเติม และร่วมกับกรมบัญชีกลางพิจารณาแนวทางการจัดซื้อยาทั่วไป ยาชีววัตถุ และเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมตามความเหมาะสมต่อไป ๒. การปรับกฎหมายหรือระเบียบเพื่อจัดจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง กขร. มีมติให้กระทรวงมหาดไทย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบเพื่อให้รองรับการจ้างงานนักบริบาลชุมชน (Care Giver) ครอบคลุมการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ๓. การจัดให้มีบริการหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติหมายเลขเดียว (National Single Emergency Number) กขร. มีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณพิจารณางบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการจัดให้มีบริการหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติหมายเลขเดียวเพิ่มเติมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14807 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กรณีการขายฝากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ | สม | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กรณีการขายฝากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเสนอแนะของ กสม. สอดคล้องกับหลักการที่กำหนดในแผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายที่กำหนดให้มีกลไกทางกฎหมายเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยกำหนดให้มีการพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกรรมการขายฝาก จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนรับไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแล้ว ซึ่งคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว รวมทั้งได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานของรัฐต่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว และจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้แจ้ง กสม. ทราบต่อไป โดยให้แจ้งเพิ่มเติมไปด้วยว่า คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งได้จัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนและหน่วยงานของรัฐต่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว และจะได้พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14808 | ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับฮังการีว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน | กต | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับฮังการีว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่คณะผู้แทนไทยประกอบด้วยผู้แทนจากสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) ได้ดำเนินการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาฯ ร่วมกับคณะผู้แทนฮังการี ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาตกลงกันได้ทุกข้อบทแล้ว โดยร่างสนธิสัญญาฯ เป็นการกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ขอบเขตของสนธิสัญญา (๒) ผู้ประสานงานกลาง (๓) บุคคลที่ถูกร้องขอให้ส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน (๔) ความผิดที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดน (๕) หลักเกณฑ์ในการส่งและปฏิเสธการส่งผู้ร้ายข้ามแดน (๖) การจับกุมชั่วคราว และ (๗) หลักเกณฑ์ว่าด้วยการพิจารณาความผิดเฉพาะเรื่อง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามสนธิสัญญาฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ในกรณีที่ผู้ลงนามไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายฮังการีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14809 | รายงานผลการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 | กค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note : PN) วงเงินที่ ๒ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ (LB28DA) อายุ ๑๐.๔๔ ปี จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลในวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๒.๗๔๑๗ ต่อปี และได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14810 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 | คค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ตามนัยมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีความเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินของ รฟม. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14811 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรประจำปีบัญชี 2560 (วันที่ 1 เมษายน 2560-31 มีนาคม 2561) | กค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประจำปีบัญชี ๒๕๖๐ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑) ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานปีบัญชี ๒๕๖๐ ยุทธศาสตร์การดำเนินงานระยะ ๕ ปี (ปีบัญชี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และนโยบายสำคัญของปีบัญชี ๒๕๖๑ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14812 | รายงานการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนเพื่อบรรเทาความยากจนของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Centre for Alleviation of Poverty through Sustainable Agriculture: CAPSA) และข้อมติของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (The United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific: UNESCAP) สมัยที่ 74 เกี่ยวกับการยุติการดำเนินงานของ CAPSA | กษ | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนเพื่อบรรเทาความยากจนของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Centre for Alleviation of Poverty through Sustainable Agriculture : CAPSA) และข้อมติของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (The United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific : UNESCAP) สมัยที่ ๗๔ เมื่อวันที่ ๑๑-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับการยุติการดำเนินงานของ CAPSA ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. CAPSA ได้สนับสนุนงานค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวข้องกับธัญพืช ถั่ว พืชหัว และราก เพื่อนำความรู้และเทคนิคต่าง ๆ มาใช้ในการพัฒนาการผลิต การใช้ประโยชน์ และการค้า นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือที่เกี่ยวกับการเกษตรยั่งยืน ความมั่นคงอาหาร และการพัฒนาชนบทในภูมิภาค ผ่านการจัดประชุม การศึกษาวิจัย และการแบ่งปันความรู้และสร้างเครือข่าย ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับ CAPSA เช่น (๑) การได้รับคัดเลือกเป็นคณะมนตรีประศาสน์การ (Governing Council : GC) ซึ่งมีหน้าที่ในการเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณากิจกรรม แผนการดำเนินงาน และแผนงบประมาณของ CAPSA (๒) โครงการวิจัยและพัฒนา หน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้เข้าร่วมทำงานวิจัยกับ CAPSA ในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการวิจัยผลกระทบการเปิดเสรีทางการค้าในด้านภาคเกษตรของไทย และการวิเคราะห์ผลกระทบของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจกับข้อเสนอนโยบายด้านการเกษตรและการบรรเทาความยากจนในชนบทของเอเชียตะวันออก (๓) การเข้าร่วมเป็น Technical Committee (TC) ซึ่งมีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาแก่ GC เกี่ยวกับการจัดทำแผนการดำเนินงานและประเด็นทางด้านเทคนิคอื่น ๆ เป็นต้น ๒. CAPSA ประสบปัญหาด้านงบประมาณในการดำเนินงานมาโดยตลอด เนื่องจากได้รับเงินสนับสนุนจากสมาชิกต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ประกอบกับองค์การสหประชาชาติ (The United Nation : UN) ได้ยุติการสนับสนุนงบประมาณแก่ CAPSA ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ทำให้ไม่มีทรัพยากรทั้งด้านงบประมาณและบุคลากรเพียงพอที่จะดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในคราวประชุม GC ครั้งที่ ๑๔ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ได้มีมติเสนอให้ CAPSA ออกจากระบบของ UN โดยเปลี่ยนสถานะเป็น “องค์กรระหว่างรัฐบาล” (Intergovernment Organization) เพื่อให้มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น และไม่มีข้อผูกพันตามระเบียบของ UN ๓. ในการประชุมประจำปีของ UNESCAP สมัยที่ ๗๔ เมื่อวันที่ ๑๑-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ CAPSA ได้รายงานผลการประชุม GC ครั้งที่ ๑๔ รวมถึงปัญหาด้านงบประมาณในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (Economic and Social Commission for Asia and the Pacific : ESCAP) และได้มีข้อมติที่ ๗๔/๕ (Resolution 74/5) เห็นชอบการออกจากระบบ UN ของ CAPSA โดยอินโดนีเซียแสดงความพร้อมในการเป็นผู้นำจัดตั้งองค์กรใหม่ และเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก ESCAP สนับสนุนองค์กรใหม่ ซึ่งในช่วงระหว่างการจัดตั้งองค์กรใหม่ของอินโดนีเซีย ประเทศไทย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะสมาชิก GC ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ CAPSA อีกต่อไป เนื่องจากมติที่ประชุม UNESCAP สมัยที่ ๗๔ ดังกล่าว มีผลให้ CAPSA สิ้นสภาพไปตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ จึงจะยุติการให้เงินอุดหนุนแก่ CAPSA ตั้งแต่งบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14813 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมือง นนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่ อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (โครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี) | คค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดสร้างโครงการขนส่งด้วยระบบรถไฟฟ้า สถานที่จอดรถสำหรับผู้โดยสาร และกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟฟ้าตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างเพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการบริหารการก่อสร้างโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ควรให้พิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม และผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งความเสี่ยงและภาระเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14814 | รัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย (นายแอลลัน เจมส์ มักคินนัน) | กต | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายแอลลัน เจมส์ มักคินนัน (Mr. Allan James McKinnon) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายพอล โรบิลลียาร์ด (Mr. Paul Robilliard) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14815 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 | กค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๐ และทิศทางและนโยบายการดำเนินงานของ บตท. ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14816 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดหาประกันภัยหรือหลักประกันทางการเงินและการออกใบรับรองความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ พ.ศ. .... | คค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดหาประกันภัยหรือหลักประกันทางการเงินและการออกใบรับรองความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดหาประกันภัยหรือหลักประกันทางการเงิน การขอใบรับรอง การออกและการสิ้นผลของใบรับรองความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมให้ครอบคลุมเรือที่บรรทุกน้ำมันในระวางอย่างสินค้าทุกขนาด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14817 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 | กค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานปี ๒๕๖๐ ผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อและรับประกัน และทิศทางและแผนงานปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ของ ธสน. ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14818 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติในส่วนของฝ่ายเลขานุการ รวมทั้งแก้ไขให้กรมการศาสนาทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ แทนสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจในการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบการร่างกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14819 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | มท | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลตาสัง ตำบลเจริญผล ตำบลตาหงาย และตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง รวมทั้งควรมีการยกเว้นให้สามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขนาดเล็กเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ กำกับ ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิงซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม รวมถึงพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมและรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีของชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14820 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2560 | กค | 04/09/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๖๐ โดยมีทุนหมุนเวียนทั้งสิ้น ๑๑๕ ทุน แต่มีทุนหมุนเวียนที่สามารถประเมินผลการดำเนินงานได้ทั้งหมด ๑๑๓ ทุน ได้แก่ (๑) ทุนหมุนเวียนในระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๙๕ ทุน ในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ยรวม ๔ ด้าน ดีกว่าเป้าหมายปกติ โดยมีคะแนนเฉลี่ยด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสูงที่สุด และมีคะแนนเฉลี่ยด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนต่ำที่สุด (๒) ทุนหมุนเวียนที่ไม่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานของกรมบัญชีกลาง ประจำปี ๒๕๖๐ จำนวน ๑๘ ทุน แบ่งเป็นทุนหมุนเวียนที่มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้มีการประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๙ ทุน และทุนหมุนเวียนที่มีสถานะไม่พร้อมเข้าสู่ระบบประเมินผล ในปีบัญชี ๒๕๖๐ จำนวน ๙ ทุน สำหรับปัญหาอุปสรรคที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ได้แก่ การขาดกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลในด้านต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้บริการที่แท้จริง การวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงการสำคัญ และการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนเทียบกับคู่เทียบในประเภททุนหมุนเวียนเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....