ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 746 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 14901 - 14920 จากข้อมูลทั้งหมด 124278 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14901 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางไซเบอร์และดิจิทัลระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย | ดศ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางไซเบอร์และดิจิทัลระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย (Memorandum of Understanding on Cyber and Digital Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of Australia) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางไซเบอร์และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมถึงนโยบายระดับชาติ แนวทางและกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยในโลกไซเบอร์และเศรษฐกิจดิจิทัล การเสริมสร้างขีดความสามารถและการสร้างความตระหนักด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในภูมิภาค ทั้งในระดับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยจะมีการลงนามระหว่างการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๒-๓ กันยายน ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14902 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559-2560 | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๑,๗๓๐,๗๑๑,๘๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้กรมราชทัณฑ์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๒๓ ที่กำหนดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดภาระงบประมาณที่ต้องจัดสรรเป็นค่าวัสดุอาหารของเรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกักขังต่าง ๆ เช่น การให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษฝึกอาชีพโดยการทำการเพาะปลูกพืชผักและการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่าง ๆ เพื่อนำผลผลิตที่ได้มาใช้เป็นวัสดุอาหารเพื่อลดปริมาณหรือทดแทนการจัดซื้อวัสดุอาหารจากเอกชนหรือหน่วยงานภายนอก การลดปริมาณผู้ต้องขังให้น้อยลง โดยพิจารณาคัดแยกผู้ต้องขังเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของผู้ต้องขัง และให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษสามารถอยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ควบคุมโดยมิต้องกักขังเพื่อฝึกอาชีพให้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ดำเนินการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ต้องขังมีความพร้อมกลับเข้าสู่สังคมและดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14903 | รายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ 3 (ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2561) | นร11 | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ ๓ (ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑) โดยตั้งแต่วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ มีแผนระดับที่ ๓ ที่ผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว จำนวน ๑๒ แผน จากจำนวนทั้งสิ้น ๓๓ แผน จำแนกได้ ดังนี้
๑. แผนที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน ๓ แผน ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์บริหารจัดการแร่ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๒) ร่างแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ (๓) แผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. แผนที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วและรับทราบ จำนวน ๙ แผน เช่น (๑) ร่างแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (๒) ร่างแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๒๐ ปี พ.ศ. (๒๕๖๐-๒๕๗๙) และร่างแผนปฏิบัติการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ (๓) แผนพัฒนามาตรฐานระบบรางของประเทศไทย โดยกระทรวงคมนาคม เป็นต้น โดยส่วนราชการเจ้าของแผนดังกล่าวสามารถขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติได้ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14904 | ผลการประชุม CLMVT Forum 2018 : CLMVT Taking - Off Through Technology | พณ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม CLMVT Forum 2018 : CLMVT Taking-Off Through Technology ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยผลการประชุมฯ สามารถสรุปได้เป็น ๕ หัวข้อร่วม (Common themes) ดังนี้
๑. การส่งเสริมทัศนคติและความไว้วางใจด้านดิจิทัล (Digital mindset and trust) ควรร่วมมือกันเสริมสร้างปลูกฝังวิธีคิด ทัศนคติ และความไว้วางใจด้านดิจิทัลผ่านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการปลูกฝังองค์ความรู้ และสร้างความเข้าใจด้านดิจิทัล และควรปรับปรุงกฎหมายด้านเศรษฐกิจดิจิทัลให้ทันสมัยสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และสอดคล้องกันระหว่างประเทศภายในภูมิภาค CLMVT ๒. การพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) ควรหาแนวทางพัฒนาทุนมนุษย์ร่วมกัน โดยพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ในภาคธุรกิจและภาคประชาชน พัฒนาทักษะใหม่และยกระดับความสามารถของแรงงาน (Re-skill & Up-skill) และควรส่งเสริมการเคลื่อนย้ายทุนมนุษย์ระหว่างกัน (People Mobility) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ผลักดันให้เกิดการพัฒนา และเพิ่มพูนคุณภาพของทุนมนุษย์ในภูมิภาค CLMVT ๓. การพัฒนาระบบนิเวศทางการค้าดิจิทัลและการปรับประสานกฎระเบียบ (Ecosystem & Harmonization) ควรส่งเสริมความร่วมมือเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมดิจิทัลของภูมิภาคอย่างเหมาะสมและเป็นเอกภาพด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้มีมาตรฐานและเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเดียวกัน การสร้างโอกาสให้ประชาชนในภูมิภาคสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึง การกำหนดบรรทัดฐานของกฎหมาย กฎระเบียบ และมาตรฐานการดำเนินงานร่วมกัน และควรสร้างกระบวนการพัฒนาผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การบ่มเพาะ การเร่งการเติบโต และการสนับสนุนด้านเงินทุน ๔. ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน (Public-Private Collaboration) ควรสร้างเวทีให้ภาครัฐและเอกชนมาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านต่าง ๆ และภาครัฐควรลดข้อจำกัดทางกฎหมายและกฎระเบียบ และปรับบทบาทมาเป็นผู้สนับสนุนมากขึ้น ๕. การเติบโตอย่างทั่วถึง (Inclusiveness) ภาครัฐควรสนับสนุนและผลักดัน SMEs และ Startups ให้ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เช่น การสร้างองค์ความรู้ในการกำหนดรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ การสร้างแพลตฟอร์มในการระดมทุน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบดิจิทัล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14905 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพิ่มเติม | กห | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงกลาโหม โดยกองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการจัดหาสะพานเครื่องหนุนมั่น (Modular Fast Bridge) สนับสนุนหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน ๒ ชุด เป็นเงิน ๘,๗๖๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๒๙๒,๕๖๒,๙๗๖ บาท เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๓๙๗๖ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ภายในกรอบวงเงิน ๒๙๒,๕๖๒,๙๗๖ บาท โดยให้กระทรวงกลาโหม โดยกองบัญชาการกองทัพไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14906 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2561 | กค | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เรียกให้ทุนหมุนเวียนที่มีทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนที่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี ๒๕๖๑ จำนวน ๑๘ ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘,๗๕๙.๗๕ ล้านบาท โดยให้ทุนหมุนเวียนนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินฯ ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๑ (ยกเว้นกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ๑.๒ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนประสานงานกับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี ๒๔๖๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ในกรอบวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ให้ตระหนักถึงศักยภาพและความเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของภารกิจในความรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และหากมีทุนหรือผลกำไรส่วนเกินให้เร่งนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14907 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน | มท | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน จนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ และการแก้ไขเพิ่มเติมหลักการในคู่มือการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ ตาม “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” (หมู่บ้าน/ชุมชนละสองแสนบาท) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้รอบคอบ ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดตามนัยความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในขั้นการดำเนินงาน ควรให้กลไกในระดับพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ กำกับ ติดตามการดำเนินงานอย่างเข้มข้นและใกล้ชิด เพื่อสามารถเร่งรัดให้การดำเนินโครงการฯ แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14908 | ร่างปฏิญญาการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ 4 | กต | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญาการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ ๔ และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ ๔ เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกเกี่ยวกับพันธกรณีต่อกรอบความร่วมมือ BIMSTEC มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความร่วมมือในสาขาความร่วมมือที่ประเทศสมาชิกมีความเชี่ยวชาญเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ในการสร้างอนุภูมิภาคที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ ๔ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ร่างปฏิญญาฯ มิได้ระบุถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาอ่าวเบงกอล เช่น จำนวนเงิน วิธีการ และข้อผูกพัน หากในอนาคตมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ต้องคำนึงถึงการดำเนินการตามบทบัญญัติในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย และการดำเนินการภายใต้ร่างปฏิญญาฯ จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14909 | ผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 11 และการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 10 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ | นร11 | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ (11th Mekong-Japan Industry and Government Dialogue) เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ โรงแรมดิแอทธินีโฮเท็ล กรุงเทพมหานคร และการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๐ (10th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ รวมทั้งเห็นชอบต่อประเด็นหารือของไทย และร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๐ เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองแถลงข่าวร่วมฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14910 | รายงานสรุปผลและการนำเสนอวีดิทัศน์สรุปผลการเดินทางเยือนเครือรัฐออสเตรเลีย | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสรุปผลการเดินทางเยือนเครือรัฐออสเตรเลียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้แทนไทย ในการเข้าร่วมประชุมและหารือข้อราชการในระดับนโยบายว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ไทย-ออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ นครเมลเบิร์น นครบริสเบน และนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การหารือกับกระทรวงสาธารณสุขของเครือรัฐออสเตรเลีย ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้องค์ความรู้ทางวิชาการจากการศึกษาวิจัยในการกำหนดนโยบาย รวมถึงการศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยฝ่ายออสเตรเลียยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านงานวิจัยและองค์ความรู้ทางวิชาการ ด้านการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด การควบคุมการใช้ยารักษาโรคในทางที่ผิด การจัดการการใช้ประโยชน์จากพืชเสพติด การป้องกัน ตลอดจนแนวทางการรณรงค์และให้การศึกษาเพื่อป้องกันการใช้ยาเสพติด ๑.๒ การหารือกับกระทรวงมหาดไทยของเครือรัฐออสเตรเลีย ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านยาเสพติดให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะภายใต้หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลีย ด้านการปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) แผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ความร่วมมือในกรอบอาเซียน และกิจกรรมของศูนย์ประสานงานยาเสพติดอาเซียนหรืออาเซียนนาร์โค (ASEAN-NARCO) โดยฝ่ายออสเตรเลียยืนยันให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากรและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การฝึกอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามยาเสพติด รวมถึงการตรวจพิสูจน์สารเสพติด ๑.๓. การศึกษาดูงานและรับฟังการบรรยายเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดของเครือรัฐออสเตรเลียในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษาดูงานการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ณ บริษัท Medifarm เมือง Surshine Coast รัฐควีนส์แลนด์ การศึกษาดูงานระบบข้อมูลและความร่วมมือการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ณ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (National Measurement Institute-NMI) และการศึกษาดูงานการดำเนินคดียาเสพติด ณ ศาลยาเสพติดแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ นครซิดนีย์ เป็นต้น ๒. มอบหมายกระทรวงยุติธรรมพิจารณายกระดับความร่วมมือระหว่างไทย-ออสเตรเลีย โดยจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓. มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศพิจารณานำข้อมูลตามรายงานดังกล่าวมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดประเด็นการหารือกับนายกรัฐมนตรีของเครือรัฐออสเตรเลียในโอกาสที่จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14911 | แต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) (จำนวน 5 ราย 1. นายสมคิด สมศรี ฯลฯ) | พม | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นายสมคิด สมศรี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ๒. นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ๓. นางไพรวรรณ พลวัน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ๔. นายอภิชาติ อภิชาตบุตร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางสุภัชชา สุทธิพล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14912 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ และนายสมณ์ พรหมรส) | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสมณ์ พรหมรส ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14913 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายนิยม เติมศรีสุข) | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิยม เติมศรีสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14914 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (จำนวน 3 ราย 1. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ ฯลฯ) | วธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนา ๒. นายชาย นครชัย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ๓. นายกฤษฎา คงคะจันทร์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14915 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) (พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร) | นร52 | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร ข้าราชการทหาร ตำแหน่งผู้ชำนาญการ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14916 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (จำนวน 7 คน 1. นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ฯลฯ) | ดศ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้
๑. นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ประธานกรรมการ ๒. นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๓. นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ๔. นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ ๕. นางสาวสิบพร ถาวรฉันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ๖. นายวิริยะ อุปัติศฤงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมศาสตร์ ๗. นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14917 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย) | กค | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14918 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวอังคณา เจริญวัฒนาโชคชัย) | สธ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอังคณา เจริญวัฒนาโชคชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานวิจัยการให้บริการทางการแพทย์และสังคม กลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14919 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี และแผนนิติบัญญัติ และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกำหนดให้การบริการประชาชนและการประสานงานระหว่างส่วนราชการต้องกระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีซึ่งให้จัดทำแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการเป็นระยะเวลา ๕ ปี เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้รับความเห็นของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ในประเด็นการกำหนดหน้าที่ให้ สพร. จัดทำแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์กลาง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของ สพร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14920 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 21/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ ๒๓๙๙ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ว่าด้วยการต่ออายุมาตรการลงโทษทางอาวุธ การห้ามเดินทาง และการอายัดทรัพย์สินต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลางตามที่ระบุไว้ในข้อมติฯ ที่ ๒๒๓๙ (ค.ศ. ๒๐๑๗) ตลอดจนข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องออกไปอีก ๑ ปี โดยให้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ร่างประกาศฯ มีผลบังคับใช้ จะทำให้มีประกาศกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรการลงโทษสาธารณรัฐแอฟริกากลางรวมทั้งสิ้น ๓ ฉบับ หากผนวกรวมปรับให้เป็นฉบับเดียว จะเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความชัดเจนในการนำไปปฏิบัติของหน่วยงานและผู้ประกอบการต่าง ๆ นอกจากนี้ ข้อมติฯ ที่ ๒๓๙๙ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นผลของมาตรการให้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ จึงควรที่จะกำหนดระยะเวลาสิ้นผลของร่างประกาศฯ ให้สอดคล้องกับพันธกรณีที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อมติฯ ดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....