ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 744 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 14861 - 14880 จากข้อมูลทั้งหมด 124278 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14861 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ศูนย์บริการร่วม ณ จุดเดียว (One Stop Service) การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภาครัฐ (Government Data Center) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล 4 คณะ (ประจำเดือนเมษายน - มิถุนายน 2561) | ดศ | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ศูนย์บริการร่วม ณ จุดเดียว (One Stop Service) การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภาครัฐ (Government Data Center) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล ๔ คณะ (ประจำเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ประกอบด้วย (๑) การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ (๒) การจัดนิทรรศการแสดงผลการดำเนินการ “การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)” (๓) การประชุมเชิงปฏิบัติการ “การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)” ครั้งที่ ๒ โดยมีการนำเสนอแนวคิด กระบวนการ และผลจากโจทย์ที่ได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งที่ ๑ และการนำเสนอแนวคิดการดำเนินการเกี่ยวกับ Big Data Sandbox (๔) การขับเคลื่อนการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ของกระทรวงต่าง ๆ (๕) ความก้าวหน้าการจัดตั้งหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษ (Special Delivery Unit : SDU) โดยจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลภาครัฐ เพื่อรองรับการให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐเพื่อการตัดสินใจของประเทศ (๖) ความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ๓ คณะ และ (๗) แผนการดำเนินการในระยะต่อไป ได้แก่ การจัดทำร่างรายงานการออกแบบสถาปัตยกรรมระบบบูรณาการฐานข้อมูลภาครัฐ รวมทั้งการหารือและคัดเลือกหน่วยงานนำร่องที่มีความพร้อมด้านข้อมูลและบุคลการเพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ๒. ศูนย์บริการร่วม ณ จุดเดียว (One Stop Service) มีผลการดำเนินการในส่วนของการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ การเชื่อมโยงข้อมูลเปิดภาครัฐ การเชื่อมโยงศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ การเชื่อมโยงกับเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ การเชื่อมโยงกับข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ การเชื่อมโยงกับข้อมูลสถิติและสารสนเทศภาครัฐ ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ และระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) ๓. การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภาครัฐ (Government Data Center) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ได้สำรวจเกี่ยวกับด้านมาตรฐานบริการศูนย์ข้อมูลภาครัฐ และด้านงบประมาณหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งเข้าหารือในระดับนโยบายกับกระทรวงครบทั้ง ๒๐ กระทรวงแล้ว และอยู่ระหว่างติดตามการตอบแบบสำรวจจากหน่วยงานภายใต้กระทรวงที่ยังไม่ได้ให้ข้อมูล ๔. ความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล ๔ คณะ ประกอบด้วย (๑) คณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลด้านความมั่นคง (๒) คณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ (๓) คณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและบริการภาครัฐ และ (๔) คณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลด้านทรัพยากรและบริการโครงสร้างภาครัฐ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14862 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | วธ | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อเป็นประธานฝ่ายไทยในการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ณ กรุงเนปยีดอ และเมืองมัณฑะเลย์ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ รวมทั้งได้ร่วมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศาสนาและวัฒนธรรมเมียนมา โดยมีประเด็นที่ฝ่ายไทยขอความร่วมมือฝ่ายเมียนมา เช่น เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศาสนาและวัฒนธรรมเมียนมาเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ การเชิญชวนให้กระทรวงศาสนาและวัฒนธรรมเมียนมาจัดกิจกรรมเผยแพร่วัฒนธรรมในต่างประเทศร่วมกัน และการให้คณะนักศึกษาและคณาจารย์ของสองประเทศดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านดนตรีระหว่างกันให้มากขึ้น เป็นต้น ซึ่งฝ่ายเมียนมาได้ตอบรับและยินดีให้ความร่วมมือตามที่ฝ่ายไทยเสนอ และแจ้งให้ทราบว่าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทยมีกำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ ๗๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เมียนมา โดยจะจัดส่งคณะนักแสดงเมียนมามาแสดงในไทยด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบริเวณพรมแดนไทย-เมียนมา ซึ่งมีระยะทางกว่า ๒,๐๐๐ กิโลเมตร ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14863 | สรุปผลการจัดประชุมสมัชชาสหพันธ์กีฬานานาชาติ SportAccord Convention 2018 | กก | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดประชุมสมัชชาสหพันธ์กีฬานานาชาติ SportAccord Convention 2018 ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯ จากหลายหน่วยงานทั่วโลก ได้แก่ สหพันธ์กีฬาในระดับนานาชาติ สมาชิกของสหพันธ์ IOC ทั้ง ๕ ทวีป และสมาชิกระดับสูงทั้งหมดของคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (International Olympic Committee/IOC) สำหรับรูปแบบการประชุมฯ เช่น การสร้างเครือข่ายทางด้านกีฬา โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริหารจากหน่วยงานด้านกีฬาจากทั่วโลกพบปะหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเจรจาทางธุรกิจ การออกบูทโดยหน่วยงาน องค์กร และสมาคมกีฬาต่าง ๆ จากทั่วโลก เพื่อนำเสนอผลงาน นวัตกรรมด้านกีฬา การนำเสนอหน่วยงานและองค์กรด้านกีฬา การสร้างเครือข่ายทางการกีฬา รวมถึงเผยแพร่กีฬาสาธิตที่จะใช้บรรจุในการแข่งขันกีฬาระดับโลก และการประชุมร่วมกันของผู้นำหน่วยงานด้านกีฬา องค์กร สหพันธ์ สมาพันธ์กีฬาจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหยิบยกประเด็นการประชุมต่าง ๆ ด้านกีฬา เป็นต้น ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการจัดประชุมฯ ถือเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อนานาประเทศ ในการเป็น Sports Hub และแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับนานาชาติ รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14864 | รายงานการชำระบัญชีที่เสร็จสิ้นขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน | กค | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการชำระบัญชีที่เสร็จสิ้นขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๕ จนถึงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดการเลิกจ้างและจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานให้แก่พนักงานของ ปรส. ที่ยังปฏิบัติงานอยู่หลังวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติยุบเลิก ปรส. จำนวน ๑๘ คน โดยได้เลิกจ้างและจ่ายค่าชดเชยพนักงานหมดสิ้นทุกคนแล้ว และมีผลในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒. การติดต่อชำระหนี้หรือยื่นคำทวงหนี้ต่อคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีของ ปรส. พบว่า มีเจ้าหนี้ จำนวน ๒๒ ราย และลูกหนี้ จำนวน ๑ ราย ซึ่ง ปรส. ได้จัดการใช้หนี้เงินเสร็จสิ้นไปตามมาตรา ๑๒๕๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ๓. การบริจาคทรัพย์สินของ ปรส. แทนการจำหน่ายก่อนการยุบเลิกและชำระบัญชีของ ปรส. เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๕ คณะกรรมการ ปรส. ได้ประมูลขายทรัพย์สินของ ปรส. ที่ไม่ได้ใช้งาน และได้บริจาคทรัพย์สินให้ส่วนราชการที่แจ้งความจำนงขอรับบริจาค รวมทั้งได้ตัดจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่สามารถรื้อถอนได้ เป็นค่าใช้จ่ายจำนวนเงิน ๕๙๕,๔๓๘.๔๑ ล้านบาท สำหรับทรัพย์สินที่มีชื่อบริจาคให้หน่วยราชการที่เคยแสดงความจำนงขอมาแต่ไม่มารับ ปรส. ได้รวบรวมและมอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดนำไปใช้ประโยชน์ ส่วนอุปกรณ์และเครื่องใช้สำนักงานที่ใช้งานไม่ได้และที่ยังเหลืออยู่บางชิ้นเพื่อการใช้งาน ได้บริจาคให้มูลนิธิพระดาบสนำไปปรับปรุงใช้ในการเรียนการสอนของโรงเรียนพระดาบส ๔. ปัญหาสำคัญที่ทำให้การชำระบัญชีของ ปรส. ยืดเยื้อเป็นเวลานานคือ การดูแลติดตามคดีที่ ปรส. ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วม ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นตอนต่าง ๆ ของศาลตั้งแต่ยังไม่ยุบเลิก ปรส.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14865 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อไทยทั้งระบบ" ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อไทยทั้งระบบ” ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยที่ประชุมเห็นชอบด้วยกับรายงานการพิจารณาศึกษาฯ และได้มีความเห็นเพิ่มเติม เช่น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะดำเนินการเร่งปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ ปัจจุบันยังไม่มีครบทุกอำเภอ กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรจะดำเนินการป้องกันปราบปรามเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์โคเนื้อ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ตามกรอบแนวทางยุทธศาสตร์ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การรักษาตลาดการบริโภคเนื้อโคไทย (๒) กระตุ้นการเพิ่มประชากรโคเนื้อและเนื้อโค และ (๓) การบริหารจัดการพืชอาหาร และอาหารสัตว์สำหรับโคเนื้อ โดยได้ดำเนินการอยู่แล้วในเกือบทุกเรื่อง เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14866 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ขออาชญาบัตร ประทานบัตร และหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการขอและออกอาชญาบัตรและประทานบัตร พ.ศ. .... | อก | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ขออาชญาบัตร ประทานบัตร และหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการขอและออกอาชญาบัตรและประทานบัตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ อาชญาบัตรพิเศษ และประทานบัตร รวมทั้งคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขข้อความเกี่ยวกับการพิจารณาออกประทานบัตรตามร่างข้อ ๑๒ (๔) และ (๕) ของร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และตรงตามข้อเท็จจริง รวมทั้งควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาให้อนุญาตอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ อาชญาบัตรพิเศษ และประทานบัตร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสำรวจแร่ของประเทศ และรองรับการใช้เครื่องมืออื่นที่เหมาะสม นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวงฯ มีข้อกำหนดบางประการที่กำหนดถึงลักษณะต้องห้ามของผู้ขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ อาชญาบัตรพิเศษ และผู้ขอประทานบัตรด้วย จึงอาจเป็นการกำหนดที่เกินไปจากบทอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้น ไปประกอบการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และกรมทรัพยากรธรณีใช้ข้อมูลจากการรายงานผลการดำเนินงานและการสำรวจแร่ตามมาตรา ๔๔ และมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ในภาพรวมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14867 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา กรณีน้ำมันรั่วไหลบริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีน้ำมันรั่วไหลบริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ เช่น จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (กปน.) ให้มีศูนย์การปฏิบัติงาน และศูนย์ประสานงาน เพื่อประสานงานให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างการจัดทำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ พ.ศ. .... เพื่อใช้แทนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และกองทัพเรืออยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างของศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ให้เป็นศูนย์อำนวยการปฏิบัติการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14868 | รายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights-NAP) | สม | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับรายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights-NAP) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั้ง ๑๒ ประเด็น ซึ่งครอบคลุมการจัดทำนโยบายว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน การนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยคำนึงถึงปัญหาอุปสรรคและข้อท้าทาย การกำหนดให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้นำในการส่งเสริมการทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน รวมถึงแนวทางมาตรการแก้ไขปัญหาช่องว่างทางกฎหมายและกระบวนการทางการปกครองที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การมีกลไกเยียวยาและร้องทุกข์นอกกระบวนการยุติธรรมของรัฐที่มีประสิทธิภาพ และเห็นควรส่งข้อเสนอแนะดังกล่าวให้กระทรวงยุติธรรมที่เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP) นำไปประกอบการจัดทำแผนดังกล่าวให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การยกระดับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประเทศในระยะยาวต่อไป ๒. ที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เช่น การกำหนดคำนิยาม “กลุ่มเปราะบาง” ให้มีความชัดเจน การกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบควรพิจารณาหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในการประกอบธุรกิจเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้วย และการวางแนวทางการติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อวัดประสิทธิภาพของแผน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14869 | รายงานผลการพิจารณาที่มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง (กรณีชุมชนป้อมมหากาฬขอความเป็นธรรมจากการถูกกรุงเทพมหานครขับไล่ออกจากพื้นที่และขอให้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมชนป้อมมหากาฬอย่างมีส่วนร่วม) | สม | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14870 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวยุวดี พัฒนวงศ์) | สธ | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวยุวดี พัฒนวงศ์ ข้าราชพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14871 | รัฐบาลสาธารณรัฐเฮลเลนิกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิกประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายนิโคเลาส์ ไคเมนาคิส (Mr. Nicolaos Kaimenakis)] | กต | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิโคเลาส์ ไคเมนาคิส (Mr. Nicolaos Kaimenakis) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิกประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเพริคลีส บูตอส (Mr. Pericles Boutos) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14872 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ และตำบลท่าวังพร้าว อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | คค | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ และตำบลท่าวังพร้าว อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางลอดต่างระดับบริเวณทางหลวงชนบท ชม.๓๐๓๕ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๖ และทางข้ามต่างระดับบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๘ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และควรให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณารูปแบบการแก้ไขปัญหาจุดตัดบริเวณทางหลวงชนบท ชม.๓๐๓๕ เชื่อมต่อกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๖ และทางข้ามต่างระดับบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๘ ที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับประมาณการปริมาณจราจรในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14873 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลบ้านด่าน และตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... | คค | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลบ้านด่าน และตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลบ้านด่าน และตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๔๖ พร้อมอาคารหรือสิ่งอื่นอันเป็นอุปกรณ์งานทาง มีส่วนแคบที่สุด ๒๐๐ เมตร และส่วนกว้างที่สุด ๑,๐๐๐ เมตร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนอันจะเป็นการอำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระยายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14874 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ และตำบลจำป่าหวาย ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ และตำบลจำป่าหวาย ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๑ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๐ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ทางราชการ และประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งความเสี่ยงและภาระเพิ่มเติมที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14875 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตทึ่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลราชาเทวะ ตำบลหนองปรือ ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี ตำบลศีรษะจระเข้ใหญ่ ตำบลบางเสาธง และตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ....) | คค | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลราชาเทวะ ตำบลหนองปรือ ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี ตำบลศีรษะจระเข้ใหญ่ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง และตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคอกกระบือ และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๕๖ กับถนนรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี และขยายทางหลวงชนบท สค.๒๐๓๒ บริเวณแยกทางหลวงหมายเลข ๓๕-บ้านโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค อันเป็นการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งระบบโลจิสติกส์ให้มีความสมบูรณ์รองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และกรณีที่เป็นการก่อสร้างถนนสายใหม่และมีมูลค่าการลงทุนสูง เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบเสนอรายงานการวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการก่อสร้างทางหลวงชนบทดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามขั้นตอนต่อไป และเห็นควรให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมของช่วงเวลาที่จะดำเนินการดังกล่าว โดยคำนึงถึงความสามารถในการรองรับปริมาณการจราจรของโครงข่ายถนนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดขนาดการลงทุนของภาครัฐ รวมทั้งให้กรมทางหลวงชนบทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กรมทางหลวง กรมโยธาธิการและผังเมือง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพ พร้อมทั้งความสำคัญของแผนและโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การลงทุนของภาครัฐเป็นไปอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14876 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแก้ไขอาคารที่มีสภาพ หรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | มท | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัยหรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแก้ไขระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัยของอาคารเก่า เพื่อให้มีความปลอดภัยในการใช้อาคารมากยิ่งขึ้นและมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเร่งรัดตรวจสอบสภาพหรือการใช้อาคารหรือระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัยของอาคารเก่าที่อาจเป็นอันตราย เพื่อให้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14877 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | สว | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าวแล้ว โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นว่า การออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนด “ผลิตภัณฑ์จากพืชอื่น” ควรคำนึงถึงกฎหมายฉบับอื่นมากกว่ากฎหมายควบคุมพืชหรือพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๑๘ และควรกำหนดบทบาทของคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทยให้มีภารกิจในการวางมาตรการการตลาด ในส่วนของการยาสูบแห่งประเทศไทยเห็นว่า การยาสูบแห่งประเทศไทยได้มีแนวนโยบายการนำเฮมพ์มาใช้ในกิจการเพื่อประโยชน์ต่อการผลิตยาสูบ โดยได้มีการศึกษา วิจัย เตรียมการและเตรียมความพร้อมแล้ว อีกทั้งยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้ความรู้ทั้งกับเกษตรกรและพนักงานของการยาสูบแห่งประเทศไทยตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ สำหรับประเด็นการพิจารณาแบ่งปันผลกำไรในรูปแบบของการสนับสนุนและการช่วยเหลือแก่ชาวไร่ยาสูบทั้งที่เพาะปลูกให้กับการยาสูบแห่งประเทศไทยและชาวไร่ยาสูบทั่วไปตามความเหมาะสมนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นด้วยกับการแบ่งปันกำไรในรูปแบบการสนับสนุนและการช่วยเหลือแก่ชาวไร่ยาสูบเฉพาะเกษตรกรไทยและพื้นที่การเกษตรในประเทศเท่านั้น แต่การยาสูบแห่งประเทศไทยเห็นว่า การยาสูบแห่งประเทศไทยไม่สามารถดำเนินการเกี่ยวกับการแบ่งปันกำไรในรูปแบบของการสนับสนุนและช่วยเหลือแก่ชาวไร่ในสังกัดและชาวไร่ยาสูบทั่วไป เนื่องจากผลกำไรที่เกิดจากการดำเนินการจะต้องนำส่งให้กระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดิน ส่วนประเด็นการให้คณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทยพิจารณาเร่งรัดออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศอื่นใดตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการโดยเร็วนั้น การยาสูบแห่งประเทศไทยได้มีความพร้อมในการแก้ไขระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ก่อนที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ และประเด็นการแต่งตั้งประธานกรรมการอื่นตามมาตรา ๑๓ ควรมีผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมเป็นองค์ประกอบสำคัญนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการยาสูบแห่งประเทศไทยเห็นด้วยกับการมีผู้แทนจากกระทรวงการคลังเข้าร่วมเป็นองค์ประกอบสำคัญ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14878 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายปรีชา สุขกล่ำ และ นายกษิเดช สุรจิรชาติ) | นร | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งและไม่ก่อนวันที่คณะกรรมการมีมติให้ผลงานผ่านการประเมิน จำนวน ๒ ราย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) เสนอ ดังนี้
๑. นายปรีชา สุขกล่ำ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นายกษิเดช สุรจิรชาติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์น้ำ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14879 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร ตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร ตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างขยายทางหลวงชนบท รย.๓๐๑๓ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กรมทางหลวงพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งความเสี่ยงและภาระเพิ่มเติมที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14880 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอและการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการขนส่ง ทางทะเลหรือผู้ประกอบกิจการอู่เรือ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแจ้งข้อมูล สถิติ และข้อความอื่นที่จำเป็นเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | คค | 28/08/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอและการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลหรือผู้ประกอบกิจการอู่เรือ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแจ้งข้อมูล สถิติ และข้อความอื่นที่จำเป็นเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการเพื่อให้ได้ข้อมูล สถิติ และข้อความอื่นที่จำเป็นจากผู้ประกอบกิจการอู่เรือและใช้เป็นฐานข้อมูลที่จะนำไปสู่การส่งเสริมกิจการพาณิชยนาวีให้มีศักยภาพ และสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ในการควบคุมอู่เรือที่รับทำการต่อ ซ่อม ดัดแปลง หรือทำลายเรือประมงที่ผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ขอแก้ไขข้อความในร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ แก้ไขข้อมูลใน ข้อ ๒ (๔) โดยขอแก้ไขเลขที่ พ.ศ. จากเดิม ๒๕๑๕ เป็น ๒๕๓๕ เนื่องจากพระราชบัญญัติโรงงาน มีเพียงฉบับ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....