ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 427 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 8521 - 8540 จากข้อมูลทั้งหมด 124009 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8521 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง นายมังกร ประทุมแก้ว) | กต. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายอภิรัตน์
สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี ๒. นายมังกร
ประทุมแก้ว ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8522 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำมูโนะ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำมูโนะ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในท้องที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก
และตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8523 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา | สว. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน (PM 2.5) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยรวบรวมผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนและในช่วงวิกฤตของทุกปี
(ธันวาคม-กุมภาพันธ์) การนำน้ำมันยูโร ๕
ไปจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในช่วงวิกฤต
ควรดำเนินการโดยขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมัน เนื่องจากการนำน้ำมันยูโร ๕
ไปจำหน่ายในสถานีน้ำมันจำเป็นต้องมีระบบการจัดเก็บและการขนส่งน้ำมันที่แยกออกมาโดยเฉพาะจากระบบการขนส่งน้ำมันตามปกติ
จึงมีผู้ค้าน้ำมันเพียงบางรายเท่านั้นที่มีศักยภาพในการดำเนินการดังกล่าว
สำหรับมาตรการระยะยาว ได้แก่ (๑) มาตรการลดการเกิดและปล่อยฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน
๒.๕ ไมครอน (PM 2.5) จากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ เช่น การคมนาคมขนส่งทางถนน
กระทรวงพลังงานได้ประกาศปรับลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วและน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์จากไม่เกิน
๕๐ ส่วนในล้านส่วน เป็นไม่เกิน ๑๐ ส่วนในล้านส่วน (๒) การเผาชีวมวลในที่โล่ง
ได้มีการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ
ที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๗
และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการอย่างจริงจัง และ (๓) ภาคอุตสาหกรรม
ได้มีการดำเนินการให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี ๑๐
เป็นน้ำมันชนิดพื้นฐานของประเทศไทยแล้ว และให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี ๒๐
เป็นน้ำมันชนิดทางเลือก เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8524 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หลอดแอลอีดีขั้วคู่ที่ออกแบบเพื่อเปลี่ยนทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนซ์ชนิดตรง-คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
หลอดแอลอีดีขั้วคู่ที่ออกแบบเพื่อเปลี่ยนทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนซ์ชนิดตรง-คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดแอลอีดีขั้วคู่ที่ออกแบบเพื่อเปลี่ยนทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนซ์ชนิดตรงซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นใหม่
เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้หลอดแอลอีดีคุณภาพต่ำหรือไม่ได้มาตรฐานและสอดคล้องกับสภาพอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8525 | ร่างแผนปฏิบัติการภูมิภาคอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเล พ.ศ. 2564 – 2568 (ASEAN Regional Action Plan for Combating Marine Debris 2021 - 2025) | ทส. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการภูมิภาคอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเล
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Regional Action Plan for Combating Marine Debris 2021-2025)
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแผนปฏิบัติการฯ โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมภายในวันที่
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการประสานงานทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศให้มีการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน
โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในทะเล เนื่องจากขยะประเภทนี้มีปริมาณและใช้เวลาในการย่อยสลายนาน
โดยเริ่มต้นตั้งแต่ต้นทางของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ไปจนถึงปลายทางในเรื่องการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8526 | การสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 | มท. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย เช่น
การส่งเสริมและสนับสนุนการสวมใส่ผ้าไทยและผ้าพื้นเมือง
การสร้างการรับรู้มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย
การจัดทำแผนงาน/โครงการรณรงค์การใช้และสวมใส่ผ้าไทยและผ้าพื้นเมือง
และการสร้างความร่วมมือกับภาคเครือข่ายในการรณรงค์ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน
เป็นต้น ๒. ปัญหา อุปสรรค
แนวทางการแก้ไขและข้อเสนอแนะ เช่น ต้นทุนการผลิตสูง เนื่องจากต้องซื้อวัตถุดิบจากนอกพื้นที่
และไม่ได้สั่งซื้อวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น ด้าย เข็ม จากโรงงานโดยตรง
รวมถึงกลุ่มทอผ้าขาดทักษะ
เทคนิคการทอไม่มีผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบลวดลายที่เป็นอัตลักษณ์
และการให้เฉดสีที่ตรงกลุ่มลูกค้า ตลอดจนผู้ทอผ้าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งแนวทางแก้ไข
เช่น ส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบการผลิตในพื้นที่เพื่อลดต้นทุน
ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการออกแบบ ทักษะการตัดเย็บ และความรู้ในด้านต่าง ๆ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8527 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2564 | คค. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
ซี่งที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
(๒) การดำเนินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๓ สายเหนือ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล
ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) และ (๓) แนวทางการปฏิรูปเส้นทางระบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง
เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8528 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสีโท เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสามเขา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสีโท
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสามเขา
ในท้องที่ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
และทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสีโท ในท้องที่ตำบลหนองมะแซว ตำบลสร้างนกทา
และตำบลคึมใหญ่ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยเห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบและแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามในแผนที่ท้ายของร่างกฎกระทรวงทั้ง
๒ ฉบับ ให้เป็นปัจจุบันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8529 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสามเขา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8530 | ขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 | ทส. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการดำเนินการและผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน
๒๕๖๓ และเห็นชอบขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
โดยให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
ภายใน ๑๒๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตฯ
ซึ่งผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓
มีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐได้มายื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
จำนวน ๕๘,๙๒๓ แห่ง มีจำนวนคำขออนุญาตฯ ที่ยื่นเกินจากบัญชีที่สำรวจไว้เดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๓๘,๑๑๐ แห่ง
เนื่องจากการตรวจสอบพบว่ามีการตกสำรวจและมีจำนวนคำขอที่ยังไม่ได้ยื่นตามบัญชีที่สำรวจไว้เดิม
จำนวน ๑,๐๙๕ แห่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลา
๑๒๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ในครั้งนี้แล้ว
ห้ามมิให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตอีกอย่างเด็ดขาด
และหากปรากฏว่ายังมีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดฝ่าฝืน
ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานศาลปกครอง เช่น
ควรกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ให้สอดคล้องกับหลักการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
หากส่วนราชการยื่นคำขออนุญาตฯ ไม่ทันภายในกำหนดระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีให้ขยายในคราวนี้อีก
ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัดต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8531 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 15/2564 | นร.11 | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา
๕ (๓) มาใช้เพื่อการตามมาตรา ๕ (๒) เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๓) จำนวน ๘๕,๐๐๐ ล้านบาท
เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ในระลอกเดือนเมษายน ๒๕๖๔ อนุมัติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ
บริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โครงการพัฒนาการตลาดสินค้ากลุ่มผู้ทำการผลิตที่บ้านหลังการแพร่ระบาดของโควิค-๑๙
ของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ
และโครงการขององค์กรภาคประชาชนภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จำนวน ๒ โครงการ อนุมัติการปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราชนะ โครงการ ม๓๓ เรารักกัน
โครงการทัวร์เที่ยวไทย โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคภาคตะวันตกด้วย BCG โมเดล
และโครงการศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร
อนุมัติการยกเลิกการดำเนินโครงการย่อยของจังหวัดศรีสะเกษ
และเห็นชอบการปรับกลไกและกระบวนการในการขับเคลื่อนภายใต้การพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
รวมทั้งรับทราบการปรับลดกรอบวงเงินของโครงการกำลังใจ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบแผนงานและโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา
และชดเชยให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรดติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เร่งจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้สามารถรองรับการบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ระลอกในเดือนเมษายน ๒๕๖๔ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังจัดลำดับความสำคัญก่อนเสนอคณะกรรมการฯ
พิจารณากลั่นกรองก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
รับทราบการปรับกลไกและกระบวนการในการขับเคลื่อนภายใต้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากให้สอดคล้องกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่
๙๙/๒๕๖๔
และการปรับคู่มือการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น
: ระดับพื้นที่ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือดังกล่าว
(ฉบับปรับปรุง) รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการอย่างเคร่งครัด ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8532 | การเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) | นร. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓
กำหนดให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นวาระแห่งชาติ
เพื่อให้การบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ไปแล้ว นั้น
เพื่อให้การดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ในปัจจุบัน
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักเร่งบูรณาการการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน
กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อให้การจัดหา
การกระจาย และการฉีดวัคซีน เป็นไปอย่างรวดเร็ว เหมาะสม ทั่วถึง
ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน โดยให้ร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้
ความเข้าใจที่ถูกต้อง
และความเชื่อมั่นแก่ประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด
เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต รวมทั้งให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ
ซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาและยุติการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ได้โดยเร็วอันจะเป็นผลให้สามารถดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8533 | ผลการสำรวจการมีส่วนร่วมของประชาชนตามแผนปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2564 | ดศ. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการสำรวจการมีส่วนร่วมของประชาชนตามแผนปฏิรูปประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘
ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน ๖,๙๗๐ คน ระหว่างวันที่ ๖ มกราคม-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่รับข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐ
ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ข่าวสารจากโทรทัศน์ (ร้อยละ ๘๙.๘) การไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการใช้สิทธิเลือกตั้งทุกครั้ง (ร้อยละ ๖๖.๗) การมีส่วนร่วมทางการเมือง
ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับทางราชการในการพัฒนาประเทศ เช่น เสียภาษี
ปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นพลเมืองที่ดี (ร้อยละ ๘๒.๒) ความเชื่อมั่นต่อระบบธรรมาภิบาล
มีคะแนนเฉลี่ย ๓.๒๐ คะแนน (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน)
โดยประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับกลาง ๆ/ไม่แน่ใจ (ร้อยละ ๔๔.๗) การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
ประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ ๓๙.๓)
และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง
(ร้อยละ ๕๑.๔) และมีข้อเสนอแนะ เช่น รับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกระดับมากขึ้น
และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ เป็นต้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒.
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เช่น ควรประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางที่สะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่าย
ควรให้ข้อมูล/ข้อเท็จจริงต่อประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินงาน
ควรส่งเสริมและสร้างความเข้าใจในทุกระดับ และควรมีการลงพื้นที่เพื่อสอบถามความต้องการ
ความคิดเห็น และรับฟังปัญหาของประชาชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ของหน่วยงานตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานของหน่วยงานและของรัฐบาล)
อย่างต่อเนื่องและจริงจังเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ ที่อยู่ในความสนใจหรือมีผลกระทบต่อสาธารณชนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง
รวมทั้งเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการรับรู้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากการเผยแพร่ข่าวหรือข้อมูลปลอม
(Fake New) ด้วย โดยในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในเรื่องสำคัญ
ๆ ข้างต้น
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐประสานส่งข้อมูลดังกล่าวในรูปแบบที่เป็นประเด็นข่าวที่ถูกต้อง
กระชับ ชัดเจน และเข้าใจง่าย
ไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ไทยคู่ฟ้า” อีกช่องทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐกำหนดหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบเพื่อทำหน้าที่ติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผลการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบใน Social
Media ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่พบว่า เรื่องใดมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่เป็นจริง
หรือไม่เป็นปัจจุบัน ก็ให้เร่งรัดชี้แจง ทำความเข้าใจ
และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องในทุกช่องทางการสื่อสารที่สามารถดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด ๔. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดทำสรุปผลการดำเนินงานตามข้อ
๓ เสนอไปยังนายกรัฐมนตรีทุก ๓ เดือน
๕. ให้กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางของประเทศฟินแลนด์
(Finland Model) ในการสร้างห้องเรียนให้พลเมืองทุกกลุ่มอาชีพและทุกวัยได้เข้ามาเรียนรู้
เสริมทักษะ และเกิดภูมิคุ้มกันให้รู้เท่าทันสื่อในโลกดิจิทัลและข่าวปลอม ไปศึกษาในรายละเอียดและประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในความรับผิดชอบให้เหมาะสมต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8534 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน เพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค | นร.01 | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นทุนประเดิมเบื้องต้นให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค ตามนัยมาตรา
๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนการดำเนินงานต่าง
ๆ ที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๓๗๘,๒๔๐,๐๐๐ บาท เห็นควรให้สภาองค์กรของผู้บริโภคพิจารณาใช้จ่ายเงินทุนประเดิมที่มีเหลือจ่าย
รวมทั้งรายได้อันเกิดจากค่าลงทะเบียน ค่าบำรุงและค่าบริการที่จะพึงเรียกเก็บจากสมาชิกหรือบุคคลภายนอก
หรือเสนอขอแปรญัตติเพิ่ม ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล การใช้จ่ายเงินงบประมาณของสภาองค์กรผู้บริโภค ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8535 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กรณีการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันเด็ก | สผผ. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
กรณีการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันเด็ก ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า
การบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันยังไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันให้แก่สถานศึกษาหลายแห่งล่าช้า
การขาดนักโภชนาการชุมชนครบทุกท้องถิ่น ค่าเฉลี่ยอาหารกลางวันในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาลดลงต่ำกว่า
๒๐ บาท การนำวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับกรณีการใช้จ่ายเงินอุดหนุนอาหารกลางวันเด็กที่เกินกว่า
๕๐๐,๐๐๐ บาท ทำให้ค่าอาหารกลางวันเฉลี่ยต่อรายเพิ่มสูงขึ้นจากการบวกกำไรเพิ่มของผู้ประมูล
รวมทั้งหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันกรณีเงินเหลือจ่ายที่กระทรวงการคลังและสถานศึกษาหลายแห่งถือปฏิบัติไม่สอดคล้องกับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข
รับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การขอรับการจัดสรรงบประมาณค่าอาหารกลางวันเด็กจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งล่าช้าเนื่องจากมีรายละเอียดขั้นตอนค่อนข้างมาก
โดยหากรัฐบาลสามารถจัดหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือนักโภชนาการหรือผู้มีความรู้ความสามารถในการจัดการด้านโภชนาการสำหรับเด็กให้เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง
จะเป็นผลดีแก่ทั้งโรงเรียนและนักเรียน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ (เรื่อง ขอปรับค่าอาหารกลางวันของนักเรียน)
ให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะข้างต้นด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8536 | โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 | กค. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปีการผลิต ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมบางประการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเสนอโครงการฯ
ต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และคณะรัฐมนตรีให้ทันก่อนเริ่มฤดูการเพาะปลูก
เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการฯ
อย่างทั่วถึงและได้รับการคุ้มครองตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นฤดูกาลเพาะปลูก |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8537 | โครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปี 2563/2564 | อก. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบแผนการดำเนินการตามมาตรการแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ เช่น แผนการลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบ
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ร้อยละ ๐ การหักเงินชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยไฟไหม้ตันละ ๓๐
บาท และการขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสดให้กับชาวไร่อ้อยในอัตราที่เหมาะสมอย่างน้อย
๒ ฤดูการผลิต เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
โดยในส่วนของการขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสดให้กับชาวไร่อ้อยในอัตราที่เหมาะสมอย่างน้อย
๒ ฤดูการผลิต
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปศึกษาผลดีผลเสียและความคุ้มค่าของการดำเนินการดังกล่าว
รวมทั้งแนวทางการลดต้นทุนการผลิตอื่น ๆ ที่มีความยั่งยืนและไม่เป็นภาระงบประมาณ
ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
อนุมัติในหลักการโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปี
๒๕๖๓/๒๕๖๔ ภายในกรอบวงเงิน ๖,๐๖๕,๕๕๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย
การช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานเท่านั้น
ในอัตรา ๑๒๐ บาทต่อตัน ในวงเงิน ๕,๙๓๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
สำหรับชดเชยต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของ ธ.ก.ส. บวก
๑ และค่าบริหารจัดการรายละ ๕ บาท วงเงิน ๑๓๑,๕๕๐,๐๐๐ บาท
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) กระทรวงอุตสาหกรรมควรมีมาตรการในการควบคุม
ตรวจสอบ และกำกับดูแลอย่างเคร่งครัดในการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิตามโครงการฯ
อย่างรอบคอบ ถูกต้อง และครบถ้วน และ (๒) โครงการฯ อาจมีผลเป็นการอุดหนุนจากรัฐซึ่งกระทบต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก
(WTO) จึงเห็นควรรับฟังความคิดเห็นของกระทรวงพาณิชย์ด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8538 | การเลื่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) | กก. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
ครั้งที่ ๖ ค.ศ. ๒๐๒๑ จากเดิม เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ในปี
พ.ศ. ๒๕๖๔ (ค.ศ. ๒๐๒๑) เป็น ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) ให้ความสำคัญในการติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมให้การจัดการแข่งขันฯ
เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัยภายใต้มาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข (๒)
ให้จัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ประโยชน์ที่จะได้รับ ความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
ความสอดคล้องและทันต่อสถานการณ์ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ และ (๓) ควรพิจารณาทบทวนการจัดทำแผนการดำเนินงานใหม่และงบประมาณให้ชัดเจน
รวมทั้งการเตรียมความพร้อมการพัฒนานวัตกรรมหรือวิธีการบริหารจัดการที่ดีภายใต้วิถีปกติใหม่
(New Normal) เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในการดำเนินงานในระยะต่อไป ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมด้วย
ดังนี้ ๒.๑
หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการดำเนินงานและกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) อย่างรอบคอบ สอดคล้อง
เหมาะสมกับสถานการณ์ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล
โดยคำนึงถึงผลกระทบและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของนักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
ทั้งนี้
ควรศึกษาแนวทางการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) จากกรณีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน
(โตเกียว ๒๐๒๐) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.๒
จัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องของการเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้การเตรียมการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลเกมส์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสามารถรักษามาตรฐานของปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการจัดการแข่งขัน
เช่น สนามสำหรับฝึกซ้อมและแข่งขัน โรมแรมที่พัก ระบบเทคโนโลยี การคมนาคมขนส่ง
บริการด้านการท่องเที่ยว บริการทางการแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8539 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล] | กค. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
(SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล] มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาท
และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสามสิบล้านบาท
สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อค่าจ้างทำหรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์
(software) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
(๑) กฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้กำหนดลักษณะของ SMEs
โดยแบ่งตามรายได้และจำนวนการจ้างงาน ไม่ใช้ทุนจดทะเบียนเป็นเกณฑ์
ซึ่งแตกต่างจากการแบ่งของกรมสรรพากร และ (๒) กระทรวงการคลังควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8540 | ร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย 6 ประเด็น) | นร.09 | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย
๖ ประเด็น) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.
๒๕๓๕
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มช่องทางโฆษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์นอกจากทางหนังสือพิมพ์
การจัดส่งหนังสือหรือเอกสาร การกำหนดให้บริษัทมหาชนจำกัดสามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการประชุมคณะกรรมการและการประชุมผู้ถือหุ้น
การเรียกประชุมกรรมการ
และการมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมผู้ถือหุ้นแทนโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-proxy) เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทมหาชนจำกัด
และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของบริษัทมหาชนจำกัดให้มีประสิทธิภาพ
มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ของกระทรวงพาณิชย์
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|