ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 422 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 8421 - 8440 จากข้อมูลทั้งหมด 124009 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8421 | สรุปผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ผ่านระบบออนไลน์ | ทส. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕ ผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ การเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ เช่น ของเสีย สารเคมี
ขยะพลาสติก เป็นต้น และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และปัญหาสุขภาพ
รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินงานวิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ทั้งนี้
ในการประชุมดังกล่าว ได้มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม เมื่อวันที่ ๒๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ได้แก่ ข้อความสาร Looking ahead to the resumed UN Environment Assembly in 2022-Message from online UNEA 5 มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๒๐๑๙ ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ ของเสีย และสารเคมี การดำเนินงานตามความร่วมมือพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8422 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 | ทส. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ ๑)
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ๒) โครงการถนนเลี่ยงเมืองสตูลฝั่งตะวันออก
ต.คลองขุด ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล ๓) โครงการศึกษาออกแบบระบบขนส่งมวลชนระบบราง อ.หาดใหญ่
จ.สงขลา และ ๔) โครงการทางหลวงหมายเลข ๒๐๓ (หล่มสัก-หล่มเก่า-เลย) ๒.
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากท่าเทียบเรือประมงบางประเภท ได้แก่
ท่าเทียบเรือประมงพาณิชย์ ท่าเทียบเรือประมงสำหรับการนำเข้าสัตว์น้ำ
ท่าเทียบเรือประมงของโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำและท่าเทียบเรือประมงที่มีการขนถ่ายสัตว์น้ำ
สำหรับการผลิตอาหารสัตว์ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ ในการประชุมครั้งที่
๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8423 | การแก้ไขเอกสารประกอบสัญญาเงินกู้ระหว่างกระทรวงการคลังกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพื่อรองรับการยุติการใช้ London Interbank Offered Rate (LIBOR) เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขเอกสารประกอบสัญญาเงินกู้ระหว่างกระทรวงการคลังกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพื่อรองรับการยุติการใช้
London Interbank Offered Rate (LIBOR) เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ซึ่งมีสัญญาเงินกู้ระหว่างกระทรวงการคลังกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศอยู่จำนวน ๕ สัญญา ได้แก่
โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒)
โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) โครงการเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ธนาคารพัฒนาเอเชีย)
และโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจาก (ธนาคารโลก) เพื่อรองรับการยุติการใช้
LIBOR เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง เนื่องจากองค์การกำกับนโยบายทางการเงินของสหราชอาณาจักร
ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะยุติการเผยแพร่และจะไม่รับรอง LIBOR ให้เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทางการโดยเริ่มหลังจากปี ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
โดยธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชียจะพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่เป็นธรรมเพื่อใหเกิดความเท่าเทียมกันและเป็นมาตรฐานสากล
และจะแจ้งต่อคู่สัญญาเพื่อให้มีผลผูกพันในโอกาสแรกต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8424 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล
ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ วงเงิน ๖๙,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งได้ชำระคืนเงินต้นพันธบัตรรัฐบาลจากเงินนำส่งจากบัญชีผลประโยชน์ จำนวน
๑๘,๙๔๖.๗๔ ล้านบาท แล ะดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น จำนวนรวม ๕๐,๐๕๓.๒๖
ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ (๑) การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ.
๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๗,๔๔๘.๕๐ ล้านบาท (๒) การกู้เงินระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ.
๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๗,๖๐๔.๗๖ ล้านบาท และครั้งที่ ๒ วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8425 | ขอแจ้งเปลี่ยนแปลงโฆษกสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร.11 | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงโฆษกกระทรวงสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการดำรงตำแหน่งระดับสูงภายใน สศช. [เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
(๕ มกราคม ๒๕๕๙) ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่โฆษกกระทรวง/หน่วยงานอย่างเป็นทางการ]
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สรุปได้ ดังนี้ ๑. นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ โฆษก สศช. ๒. นางนภัสชล
ทองสมจิตร รองโฆษก สศช.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8426 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ตผ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๓ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) การรายงานผลการดำเนินงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งได้ตรวจสอบและแสดงความเห็นต่อรายงานการเงิน
จำนวน ๘,๘๖๕ รายงาน รวม ๘,๔๙๐หน่วยงาน เป็นรายงานแบบไม่มีเงื่อนไข ๗,๕๒๕
รายงาน แบบมีเงื่อนไข ๑,๑๔๔ รายงาน รายงานการเงินไม่ถูกต้อง
จำนวน ๔๗ รายงาน และไม่แสดงความเห็น ๑๔๙ รายงาน การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย
จำนวน ๗,๖๖๓ รายงาน/สัญญา/ประกาศ รวม ๔,๐๓๖ หน่วยงาน พบข้อบกพร่อง ๔,๗๕๙ รายงาน/สัญญา/ประกาศ
รวม ๓,๒๕๗ หน่วยงาน
การตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงาน จำนวน ๖๑ เรื่อง/โครงการ รวม ๘๙
หน่วยงาน (๒) การดำเนินการด้านความผิดวินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งมีผู้ถูกลงโทษจะต้องชำระเงินค่าปรับทางปกครองและนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
จำนวน ๗๕ ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๑๔.๐๒ ล้านบาท ได้ชำระค่าปรับแล้ว จำนวน ๒๙ ราย
เป็นเงิน ๔.๐๔ ล้านบาท (๓) การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐและการใช้จ่ายเงินแผ่นดินแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
โดยจัดอบรมสัมมนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและการตระหนักถึงการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐตามหลักการบริหารการเงินการคลังภาครัฐอย่างถูกต้อง
(๔) การเสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาเงินแผ่นดินและทรัพย์สินของรัฐ
ให้แก่นิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ๑๕ แห่ง จำนวน ๕,๑๒๑
คน (๕) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจเงินแผ่น (๖) การประสานงานและความร่วมมือระหว่างประเทศ
ได้เผยแพร่ผลงานทางวิชาการในเวทีนานาชาติ จำนวน ๙ ผลงาน สร้างความยอมรับให้เกิดขึ้นกับองค์กรตรวจเงินแผ่นดินไทยในเวทีสากล
(๗) ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity
and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งได้คะแนนจากการประเมินรวม ๙๒.๑๒ คะแนน อยู่ในระดับ A สูงกว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งได้คะแนนรวม ๘๙.๙๖ คะแนน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8427 | ผลการพิจารณารายงานความก้าวหน้าการติดตามการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เรื่อง การคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานความก้าวหน้าการติดตามการปฏิรูปประเทศด้านสังคม
เรื่อง การคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เรื่อง
การคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... แล้ว โดยสรุปผลการพิจารณาเห็นว่า ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและอนุรักษ์กลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น
เพื่อจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบของกฎหมายตามมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และได้แก้ไขชื่อร่างพระราชบัญญัติเป็นร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... เพื่อให้ครอบคลุมสาระสำคัญทั้ง ๓ ด้าน คือ การส่งเสริม คุ้มครอง และการอนุรักษ์วิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8428 | รายงานประจำปีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563) | มท. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓)
ซึ่งเป็นการรายงานผลการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ของการวางและจัดทำผังเมือง
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8429 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วุฒิสภา | สว. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ วุฒิสภา ซึ่งสำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. .... วุฒิสภา เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสม และสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าว
ประกอบด้วย ภาพรวมผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องและผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ
ซึ่งครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8430 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 7/2564 | นร. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 (๒) การปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคตามระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร
สำหรับสถานศึกษา และมาตรการแนวปฏิบัติของสถานศึกษาเพื่อดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ ๒
ประจำปี ๒๕๖๔ (๓) มาตรการด้านสาธารณสุขในการจัดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญ
ประจำปีครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๔) ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
คราวที่ ๑๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
และ (๙) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8431 | ขออนุมัติงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายการแก้ไขและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำและทัณฑสถาน จากงบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | ยธ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายการแก้ไขปัญหาและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในเรือนจำและทัณฑสถาน จากงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ภายในกรอบวงเงิน ๓๑๑,๖๕๐,๓๐๐ บาท
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในเรือนจำและทัณฑสถานมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
และมีความจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคอย่างเร่งด่วน
สำหรับข้อเสนอแนะในเรื่องการขอสนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์
ขอให้กระทรวงยุติธรรมประสานการขอสนับสนุนพร้อมรายละเอียดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข
เพื่อจะได้พิจารณาการสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8432 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสม และสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าว
ประกอบด้วย ภาพรวมผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องและผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ
ซึ่งครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8433 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของราชอาณาจักรไทยกับกรมสิ่งแวดล้อมของสมาพันธรัฐสวิส ในความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของราชอาณาจักรไทยกับกรมสิ่งแวดล้อมของสมาพันธรัฐสวิสในความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนลงนาม
โดย (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการระบุถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านความร่วมมือภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตกลงปารีส
และการแสดงความตั้งใจที่จะมีการดำเนินงานร่วมกัน และร่วมกับประเทศอื่น ๆ
ในการมุ่งบรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีส
รวมทั้งนำเสนอการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิส
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ในการดำเนินการในระยะต่อไป ควรมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความเข้าใจและแนวทางการในดำเนินการร่วมกันภายใต้ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8434 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 29) พ.ศ. 2509 พ.ศ. .... | พณ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... (สินค้าเทวรูป
ชิ้นส่วนของเทวรูป พระพุทธรูป และชิ้นส่วนของพระพุทธรูป) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๐๙ เนื่องจากได้มีพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ กำกับดูแลการส่งออกสินค้าเทวรูป ชิ้นส่วนของเทวรูป
พระพุทธรูป และชิ้นส่วนของพระพุทธรูปแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8435 | การรับรองร่างปฏิญญากรุงโซลในการประชุมระดับผู้นำกรอบหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตสีเขียวและเป้าหมายโลกปี ค.ศ. 2030 (Partnering for Green Growth and Global Goals 2030: P4G) ครั้งที่ 2 | กต. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญากรุงโซล (Seoul Declaration) ในการประชุมระดับผู้นำกรอบหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตสีเขียวและเป้าหมายโลกปี
ค.ศ. ๒๐๓๐ (Partnering for Green Growth and Global Goals 2030: P4G) ครั้งที่ ๒
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม
P4G ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบวีดิทัศน์แบบถ่ายทอดสด โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อย้ำความมุ่งมั่นของประชาคมระหว่างประเทศในการส่งเสริมเป้าหมายการฟื้นฟูสีเขียวอย่างครอบคลุมเพื่อมุ่งสู่สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน
ซึ่งครอบคลุมการดำเนินการของประชาคมระหว่างประเทศในภาพรวม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นว่า
หากประเทศไทยต้องผูกมัดให้มีการดำเนินมาตรการตามปฏิญญาฯ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่ในประเทศไทย
ซึ่งยังมีความจำเป็นในการพึ่งพาเชื้อเพลิงถ่านหิน เพื่อใช้เป็นโรงไฟฟ้าฐานสำหรับสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
รวมถึงส่งผลต่อสัดส่วนที่เหมาะสมของการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า
และราคาค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8436 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนในที่ดินของรัฐให้แก่กระทรวงการคลัง ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง กำหนดอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนในที่ดินของรัฐให้แก่กระทรวงการคลัง ตามมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนในที่ดินของรัฐให้แก่กระทรวงการคลัง
กรณีที่ดินจะเวนคืนนั้นมีแนวเขตผ่านที่ดินของรัฐ ๔ ประเภท ได้แก่ (๑)
ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองที่ใช้ร่วมกัน (๒) ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ
หรือที่ดินที่ได้สงวนหวงห้ามไว้ตามความต้องการของทางราชการ (๓)
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
หรือที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนอยู่นอกเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี และ (๔)
ที่ดินที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรคำนึงถึงภาระงบประมาณและความซ้ำซ้อน
เงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของการเวนคืนเป็นสำคัญ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ
ความคุ้มค่า ต้นทุน
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นควรพิจารณาถึงความรอบคอบ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรคำนึงถึงภาระงบประมาณและความซ้ำซ้อน
เงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของการเวนคืนเป็นสำคัญ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ
ความคุ้มค่า ต้นทุน
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบในทุกมิติ ทั้งนี้
การกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าว จะต้องเป็นไปเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม
และไม่ซ้ำซ้อนกับการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ของรัฐที่ถูกเวนคืนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8437 | การรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2021 | ปช. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต
ค.ศ. ๒๐๒๑ และให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยประธานกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะหน่วยงานกลางของประเทศไทยในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต
(United Nations Convention Against Corruption : UNCAC ๒๐๐๓) ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ระหว่างวันที่
๒-๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
โดยประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารแสดงเจตจำนงร่วมกันของรัฐภาคีที่จะดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไปในอนาคต
มีสาระสำคัญครอบคลุม ๗ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) มาตรการป้องกันการทุจริต (๒) การกำหนดฐานความผิดและการบังคับใช้กฎหมาย
(๓) ความร่วมมือระหว่างประเทศ (๔) การติดตามทรัพย์สินคืน (๕) การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคและการแลกเปลี่ยนข้อมูล
(๖) การต่อต้านการทุจริตในฐานะทางลัดไปสู่วาระ ๒๐๓๐ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และ
(๗) การมุ่งพัฒนากรอบการต่อต้านการทุจริต ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8438 | หลักเกณฑ์การกำหนดค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย เบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่น ของคณะอนุกรรมการชุดหลักในคณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 | อว. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดค่าตอบแทน
ค่าใช้จ่าย เบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะอนุกรรมการชุดหลักในคณะกรรมการการอุดมศึกษา
และคณะอนุกรรมการชุดหลักในคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. และข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการ
เกี่ยวกับการกำหนดประโยชน์ทดแทนอื่นของคณะกรรมการที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ ควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
และประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๓ การกำหนดตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานของคณะกรรมการให้ชัดเจน
การกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ไม่ทับซ้อน และสามารถเชื่อมโยงการทำงานด้วยกันได้
และการกำหนดเบี้ยประชุมของเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะอนุกรรมการ
ควรพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งในส่วนของอำนาจหน้าที่ จำนวนคณะอนุกรรมการ
องค์ประกอบและจำนวนอนุกรรมการในแต่ละคณะ ทั้งนี้
เพื่อให้สอดคล้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าวและไม่เป็นภาระงบประมาณในระยะต่อไป
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการ
รวมทั้งดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓
(เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย เบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการการอุดมศึกษา
คณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา และคณะอนุกรรมการ
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒) ให้ครบถ้วนด้วย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดหลักโดยคำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสมอย่างเคร่งครัด
โดยหากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (คณะกรรมการการอุดมศึกษาและคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา)
มีภารกิจเพิ่มเติมมากขึ้นในอนาคต
ให้คณะกรรมการการอุดมศึกษาหรือคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา
พิจารณามอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ ที่มีอยู่เดิม
ปฏิบัติงานเพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มดังกล่าว โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8439 | ข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ | ยธ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ
โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดการระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ ไปพลางก่อน
สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดตรวจสอบจำนวนผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำให้ถูกต้องครบถ้วนตามจำนวนที่มีอยู่จริงเพื่อการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพให้เหมาะสม
รวมทั้งเพื่อให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
สามารถเสนอขอรับงบประมาณได้อย่างถูกต้องตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
เป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุมหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดการระบบและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสาถนะบุคคลและต่างด้าวในระยะยาวให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
เช่นหน่วยงานหลักในการดูแลระบบบริการและระบบประกันสุขภาพ
อัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมและเป็นธรรม เป็นต้น โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้กระทำความผิดให้ถูกต้อง
ชัดเจน ตั้งแต่กระบวนการจับกุมและตรวจสอบประวัติ
รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนของผู้กระทำความผิดได้ด้วย ๔. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
เร่งจัดทำแนวทางการบริหารจัดการเพื่อรองรับสถานการณ์กรณีที่มีโรคติดต่ออุบัติใหม่เกิดขึ้นในเรือนจำ
เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ให้มีความรัดกุม รอบคอบ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การป้องกันและรักษาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการควบคุมกรณีเกิดโรคติดต่ออุบัติใหม่ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8440 | การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของรัฐบาล | นร. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันรัฐบาลได้ขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่หลากหลายและสอดคล้องกับประชาชนทุกกลุ่ม
เช่น
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมในภาครัฐเพื่อยกระดับสู่รัฐบาลดิจิทัล
การวางรากฐานเพื่อพัฒนามาตรฐานการศึกษาให้เด็กและเยาวชนเป็นประชากรแห่งศตวรรษที่ ๒๑
การวางรากฐานและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และการปฏิรูปกฎหมายให้มีความทันสมัย
โปร่งใส และอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน
รวมถึงการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลผลสัมฤทธิ์และความก้าวหน้าของการดำเนินงานที่ผ่านมาและแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไปของรัฐบาลในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ ที่อยู่ในความสนใจหรือมีผลกระทบต่อสาธารณชนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง
เพื่อให้เกิดการรรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการดำเนินงานในความรับผิดชอบตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ผลการสำรวจการมีส่วนร่วมของประชาชนตามแผนปฏิรูปประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔) อย่างต่อเนื่อง จริงจัง และให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้
ในระดับจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) และสื่อท้องถิ่นของจังหวัดและพื้นที่
รวมถึงในกรณีที่พบว่าเรื่องใดมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่เป็นจริง หรือไม่เป็นปัจจุบันก็ให้เร่งรัดชี้แจง
ทำความเข้าใจ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องในทุกช่องทางการสื่อสารที่สามารถดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด
|