ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 424 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 8461 - 8480 จากข้อมูลทั้งหมด 124009 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8461 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ) | ดศ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุกันยาณี
ยะวิญชาญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้ดำรงตำแหน่ง
ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8462 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายและเลื่อนระยะเวลาการใช้บังคับอัตราภาษีสำหรับสินค้าเครื่องดื่ม
และผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะผง เกล็ด
หรือเครื่องดื่มเข้มข้นที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและสามารถละลายน้ำได้
แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบผง
ตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ออกไปอีก ๑
ปีเพื่อเป็นการเยียวยาและฟื้นฟูอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่ได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามนัยของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8463 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล และนางสาวนุชนาถ เกษมพิบูลย์ไชย) | นร.09 | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม
๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้ ๑. นายกิตติศักดิ์
จุลสำรวล ผู้อำนวยการกลาง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (นิติกร) ระดับสูง] กองหลักนิติบัญญัติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ
(นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. นางสาวนุชนาถ
เกษมพิบูลย์ไชย ผู้อำนวยการกลาง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (นิติกร)
ระดับสูง] กองกฎหมายต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8464 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน | สนง. กสม. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
กรณีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล
อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ สรุปได้ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและแวดล้อม เรื่อง
กำหนดโครงการ กิจการหรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาการกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องให้เกิดกลไกการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการให้มีความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ส่งผลจากการสร้างกำแพงริมชายฝั่งติดแนวชายฝั่งแบบครบถ้วนและยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8465 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และมาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ
[ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐
และมาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)] ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม
๔.๐) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์
เครื่องมือเพื่อระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรเพื่อระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ให้แก่ศูนย์การส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา
ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๕ แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรตามโครงการลงทุนในระบบอัตโนมัติแต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม
ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคคลกรที่มีทักษะสูง) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่การจ้างลูกจ้างที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้ที่มีทักษะสูง)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม
หรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่กำหนด ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒ ให้กระทรวงคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ให้มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นหลักสูตรซึ่งสถานประกอบการจะสามารถใช้บริการฝึกอบรม
เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ และอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนเข้ามาใช้สิทธิประโยชน์จากภาษีดังกล่าวควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคของนักลงทุนในด้านอื่น
ๆ และให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามนัยของมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8466 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม) | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการวิสาหกิจเพื่อสังคม
และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม
ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ธันวาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้
เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ที่เห็นสมควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจและประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
และจัดให้มีระบบการติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และควรพิจารณาเปรียบเทียบการสูญเสียรายได้และผลประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการออกประกาศ/กฎระเบียบภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง และภาครัฐควรให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมในด้านอื่น
ๆ ควบคู่กับการดำเนินมาตรการทางภาษี
เช่น การสนับสนุนสินเชื่อ การสนับสนุนการวิจัย
และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจในระบบตลาดปกติได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของ
สศช. ที่เห็นควรพิจารณาเปรียบเทียบการสูญเสียรายได้และผลประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการออกประกาศ/กฎระเบียบภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง
และภาครัฐควรให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมในด้านอื่น ๆ ควบคู่กับการดำเนินมาตรการทางภาษี เช่น
การสนับสนุนสินเชื่อ การสนับสนุนการวิจัย และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจในระบบตลาดปกติได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการกำหนดมาตรการภาษี
เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจดังกล่าวต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8467 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 3 ฉบับ | กษ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสกลนคร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสกลนคร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยซวง ในท้องที่ตำบลคูสะคาม
อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้
เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำและให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสกลนคร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยไร่ ในท้องที่ตำบลม่วง อำเภอม่วง
จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้
เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำและให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสกลนคร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยคำ ในท้องที่ตำบลคูสะคาม
อำเภอวานรนิวาส และตำบลบ้านเหล่า อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้
เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำและให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8468 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ และถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โฮปเวลล์) ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ
และถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(โฮปเวลล์) ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า กรณีการพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.
๒๕๔๕
ให้มีความละเอียดชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะขั้นตอนและวิธีการในการปฏิบัติงานของสำนักงานอนุญาโตตุลาการ
จะได้มีการทบทวนหรือปรับปรุงพระราชบัญญัติฯ
ตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป และการแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อกำหนดการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารศาลปกครอง และที่ประชุมใหญ่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดอาจจะมีผลเป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อออกหลักเกณฑ์ที่กำหนดการใช้ดุลพินิจของตุลาการศาลปกครองซึ่งอาจกระทบต่อความเป็นอิสระของตุลาการศาลปกครองได้
การปรับปรุงการปฏิบัติงานของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวกับการติดตามการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้มีหนังสือเวียนแจ้งให้ทุกส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ
และในส่วนการดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และบุคคลต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานต่าง ๆ
กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินคดี
รวมทั้งในส่วนของความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8469 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (จำนวน 9 ราย) | ยธ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕
พฤษภาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายศรพล ตุลยะเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒด้านเศรษฐศาสตร์ ๒. นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร ๓. พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๔. นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นายดำรงศักดิ์ เครือแก้ว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. พลเอก ณรงค์ฤทธิ์ อิศรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงประเทศ ๗. พลตำรวจเอก ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา ๘. พลตำรวจเอก ชัยยะ
ศิริอำพันธ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๙. นายมานะ นิมิตมงคล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการคดีพิเศษจัดการประชุมอย่างต่อเนื่องตามห้วงระยะเวลาประเมินผลการปฏิบัติงาน และจัดทำสรุปผลการปฏิบัติงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8470 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... | ศธ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔)
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. .... โดยนำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... (นายดิเรก พรสีมา
กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน ๑๔,๕๐๖ คน เป็นผู้เสนอ) ไปประกอบการพิจารณา
แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเสร็จแล้ว
โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นร่างพระราชบัญญัติที่จัดทำขึ้นตามมาตรา ๒๕๘ จ.
ด้านการศึกษา ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งกำหนดให้มีการปฏิรูปประเทศในด้านการศึกษา โดยเฉพาะให้มีกลไกและระบบการผลิต
คัดกรองและพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู
มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง
ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสิทธิภาพในการสอน
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญที่รัฐบาลจะต้องผลักดันให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อเป็นกฎหมายแม่บทในการบริหารและการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และแนวทางการบริหารและการจัดการศึกษาในอนาคตต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม
ยังมีความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องบางประการ ดังนั้น
เพื่อให้การจัดทำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีการนำข้อคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาอย่างครบถ้วน
จึงได้จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เลขาธิการสภาการศึกษา ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และคณะกรรมการขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปการศึกษาภาคประชาชน เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม
๒๕๖๔ โดยที่ประชุมมีมติให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้วิชาชีพครู เป็น
“วิชาชีพชั้นสูง” ๑.๒ แก้ไขคำว่า “หัวหน้าสถานศึกษา” เป็น
“ผู้บริหารสถานศึกษา” ๑.๓ แก้ไขคำว่า
“ใบรับรองการประกอบวิชาชีพครู” เป็น “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ....
ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ไปแก้ไขตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8471 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. …. | นร.09 | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยเป็นการแบ่งส่วนราชการของกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
และกำหนดหน้าที่และอำนาจของแต่ละส่วนราชการดังกล่าวให้เหมาะสมกับสภาพของงาน
เพื่อให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรับผิดชอบงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8472 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... | รง. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยปรับปรุงอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่ายเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงความตาย
หรือสูญหาย โดยกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าทำศพในอัตรา ๔๐,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๙
ธันวาคม ๒๕๖๑ [วันที่พระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลบังคับใช้]
จนถึงวันที่ร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้มีผลบังคับใช้
และกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าทำศพในอัตรา ๕๐,๐๐๐ บาท เมื่อร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการช่วยเหลือดังกล่าวควรที่จะกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับเป็นต้นไปจะเหมาะสมกว่าการกำหนดจ่ายค่าทำศพให้มีผลย้อนหลัง
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับ
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนเงินทดแทนอย่างเหมาะสมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนเงินทดแทนในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8473 | การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่ | นร.11 | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ และข้อเสนอแนะของ สศช. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเร่งรัดการดำเนินการสร้างการรับรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ
ให้ชัดเจน เพื่อให้การกำหนดเป้าหมายการพัฒนาในแต่ละระดับ (ภาค กลุ่มจังหวัด จังหวัด และท้องถิ่น)
และการจัดทำแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่
โดยให้บูรณาการร่วมกับคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาภาค
คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการดังกล่าวให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8474 | การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ | นร.11 | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อให้การดำเนินการแปลงยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในห้วงระยะเวลาที่เหลือของยุทธศาสตร์ชาติสามารถเป็นการดำเนินการบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ได้อย่างแท้จริง
โดยใช้หลักเกณฑ์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (XYZ) และวงจรนโยบาย (Policy Cycle) นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยมีแนวทางในการดำเนินการ ดังนี้ (๑) จัดทำและพัฒนาข้อมูล เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาประเทศมีข้อมูลประกอบการดำเนินการต่าง ๆ ที่สามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม
เช่น ข้อมูลสถิติ สถานการณ์ งานวิจัย/การศึกษา (๒) การจัดทำโครงการ/การดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ
โดยต้องนำข้อมูล สถิติ สถานการณ์
งานวิจัยมาประกอบในการจัดทำโครงการ/การดำเนินงานหน่วยงานเจ้าภาพแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ทั้ง ๓ ระดับ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การจัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของโครงการสำคัญ การจัดทำแผนปฏิบัติราชการราย
๕ ปี และรายตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
พ.ศ. ๒๕๔๖ และ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ (๓) การจัดทำแผนระดับที่ ๓ โดยต้องนำข้อมูล
สถิติ สถานการณ์ งานวิจัย มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนระดับที่ ๓
เพื่อให้แผนสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและสอดคล้องกับบริบท สถานการณ์ เป้าหมายแผนแม่บทฯ ซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม
(๔) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้การติดตามและประเมินผลครอบคลุมการดำเนินงานในทุกระดับ
เช่น การนำเข้าข้อมูล การเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูล และการพัฒนาระบบติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลด้วยระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเร่งรัดให้หน่วยงานจัดทำฐานข้อมูลที่มีมาตรฐานเดียวกันตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูลของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และควรกำหนดหลักเกณฑ์การจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้ชัดเจน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8475 | ร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... | นร. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่
๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ (การยกเลิกพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕)
ซึ่งอยู่ระหว่างการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
มีหลักการเพื่อยกเลิก “พืชกระท่อม” จากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
และยกเลิกบทกำหนดโทษสำหรับความผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อมตลอดจนยกเลิกบทบัญญัติเกี่ยวกับการประกาศให้ท้องที่ใดเป็นท้องที่ที่ทำการเสพพืชกระท่อมได้โดยไม่เป็นความผิด
เนื่องจากพืชกระท่อมเป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งควรนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศ
ประกอบกับยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด
และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ
ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. ....
ของกระทรวงยุติธรรม ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีมาตรการควบคุมบังคับเกี่ยวกับการใช้พืชกระท่อม
จึงเห็นควรผลักดันร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม
พ.ศ. ....ของกระทรวงยุติธรรม โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด
พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....รวม ๓ ฉบับ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา
และร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔
(การยกเลิกพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕) ซึ่งอยู่ระหว่างการนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8476 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งของออกซึ่งชำระอากรไม่ครบถ้วน
โดยไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียอากรและได้นำอากรที่ยังชำระไม่ครบถ้วนมาชำระต่อกรมศุลกากร
ให้ได้รับการลดเงินเพิ่มเหลือร้อยละ ๐.๒๕ ต่อเดือน
ของอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่ม นับแต่วันที่นำของออกไปจากอารักขาของศุลกากรหรือส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรจนถึงวันที่นำเงินมาชำระ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว โดยเฉพาะสถานการณ์ความจำเป็น
และประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
และดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8477 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 | นร.11 | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๔ และแนวโน้มปี
๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๔ ลดลงร้อยละ ๒.๖ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลงร้อยละ
๔.๒ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๔ ขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๓ ร้อยละ ๐.๒ (QoQ_SA) โดยด้านการใช้จ่าย
มีแรงสนับสนุนสำคัญจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาคเอกชน
รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายของรัฐบาลและการขยายตัวเร่งขึ้นของการลงทุนภาครัฐ
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกบริการลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙
ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล การลงทุนรวมโดยการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น
เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ รถยนต์นั่ง และลดลงในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าลดลง
ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนด้านการผลิต สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม
และสาขาก่อสร้าง สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้และประมง สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
สาขาการเงิน ขยายตัว การผลิตสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
สาขาการไฟฟ้าและก๊าซ สาขาการขายส่งการขายปลีกและการซ่อมแซมฯ ลดลงต่อเนื่อง ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี
๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๕-๒.๕ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ จากการลดลงร้อยละ ๖.๑
ในปี ๒๕๖๓ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (๑) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก (๒)
แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ และ (๓) การปรับตัวตามมาตรฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี
๒๕๖๓ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. จะขยายตัวร้อยละ ๑๐.๓
ขณะที่การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ ๑.๖ และร้อยละ ๔.๓
ตามลำดับ ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๙.๓
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๑.๐-๒.๐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ
๐.๗ ของ GDP ๓.
การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๔ ควรให้ความสำคัญกับ (๑)
การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเพื่อให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและอยู่ในวงจำกัดโดยเร็ว
และการป้องกันการกลับมาระบาดรุนแรงในระลอกใหม่ (๒)
การดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน
และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดและมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ (๓)
การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า (๔) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน (๕)
การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ (๖)
การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (๗) การรักษาบรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8478 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน พ.ศ. .... | กษ. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับวิธีการชำระค่าธรรมเนียมโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์
(e-Payment)
และรูปแบบการออกใบอนุญาตผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ด้วย
ควรมีการประชาสัมพันธ์สื่อสารทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้การดำเนินการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวกับผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8479 | ขอยุติการดำเนินการจัดทำกฎหมายเฉพาะในการบริหารจัดการขยะ | นร.09 | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยุติการดำเนินการจัดทำกฎหมายเฉพาะในการบริหารจัดการขยะ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
สืบเนื่องมาจากปัจจุบันได้มีพระราชบัญญัติรักษาความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลบังคับใช้แล้ว
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
เพื่อออกกฎหมายลำดับรองที่อยู่ภายใต้บทบาทภารกิจของตนประกอบกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างร่วมกับหน่ายงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... เพื่อให้มีระบบการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ
จึงเป็นกรณีที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑)
ได้เคยตั้งข้อสังเกตไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8480 | ร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีอากรเพื่อสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ | กค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่
สถาบันการเงิน
ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินและเจ้าของทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันการชำระหนี้ของผู้ประกอบธุรกิจเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินในบางกรณี
อันเนื่องมาจากการดำเนินมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ตามพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงิน
ในส่วนของหนี้ที่เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้
อันเนื่องมาจากมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ตามพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
โดยเฉพาะสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการสูญเสียรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
ตลอดจนการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพื่อหาแนวทางในการลดผลกระทบต่อภาระการคลังในระยะต่อไป และดำเนินตามนัยมาตรา
๒๗ ของ พระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|