ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 426 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 8501 - 8520 จากข้อมูลทั้งหมด 124009 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8501 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง และนางสาวลดาวัลย์ คำภา) | กค. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๒ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘
พฤษภาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง กรรมการ ๒. นางสาวลดาวัลย์ คำภา กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8502 | ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | กค. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... ภายใต้กรอบวงเงิน
ไม่เกิน ๗๐๐,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหา
ช่วยเหลือ เยียวยา หรือชดเชยให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดระลอกใหม่ของ
COVID-๑๙ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับค่าใช้จ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน การออกและการจัดการตราสารหนี้ภายใต้พระราชกำหนด
ที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้กระทรวงการคลังโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
จัดทำรายละเอียดวงเงินเท่าที่จำเป็นและเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒ เห็นชอบให้นำระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาใช้ในการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ร่างพระราชกำหนดนี้โดยอนุโลม
ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓.ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ร่วมกับสำนักงบประมาณในการบริหารการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้ตามร่างพระราชกำหนดฯ
เป็นไปตามความจำเป็น พร้อมทั้งให้กระทรวงการคลังปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรกำหนดให้รายจ่ายลงทุนภายใต้พระราชกำหนดฯ เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหากรณีงบประมาณของรายจ่ายลงทุน
มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปีด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8503 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านพรุ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ ตำบลทุ่งลาน และตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | คค. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านพรุ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่
ตำบลทุ่งลาน และตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๕ ทางสายถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่
ตอนถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่ ด้านตะวันออก
ตอนบ้านพรุ-ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ก่อนการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินทุกเส้นทางควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรือเกิดอุทกภัยต่อไปในอนาคต
และให้กรมทางหลวงพิจารณาดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาโครงข่ายทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ด้านตะวันตกเป็นช่วง
ๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งความพร้อมของเงินงบประมาณ
และกำชับให้กรมทางหลวงและหน่วยงานภายใต้สังกัดที่เกี่ยวข้องให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน อย่างเคร่งครัดต่อไป ทั้งนี้
หากการดำเนินงานไม่แล้วเสร็จ
และมิได้มีการเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นใหม่ภายในกำหนดเวลา
กระทรวงคมนาคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎหมายในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในครั้งต่อไปด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8504 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... | รง. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๓ และกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑
มิถุนายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔
โดยลดอัตราเงินสมทบฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ จากเดิมฝ่ายละร้อยละ
๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน เหลือฝ่ายละร้อยละ ๒.๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน
สำหรับฝ่ายรัฐบาลส่งเงินสมทบอัตราเดิม ร้อยละ ๒.๗๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน
สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามมาตรา ๔๖
วรรคสาม
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนและนายจ้างจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงแรงงานสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่นายจ้างและผู้ประกันตนจะได้รับ
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมอย่างเหมาะสม
ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบกรณีที่มีแนวโน้มว่ากองทุนจะมีเงินไม่พอจ่ายประโยชน์ทดแทนแก่ผู้ประกันตน
กระทรวงแรงงานควรประมาณการภาระงบประมาณที่รัฐจะต้องสนับสนุนและรายงานต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบล่วงหน้าด้วย
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุน
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต นอกจากนี้
สำนักงานประกันสังคมควรเร่งหามาตรการรองรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
และสร้างความมั่นคงให้กับกองทุนในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8505 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการลอบประทุษร้ายประชาชน ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาการละเมิด สิทธิมนุษยชน และการลอบประทุษร้ายประชาชน สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการลอบประทุษร้ายประชาชน
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
และการลอบประทุษร้ายประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
แล้ว สรุปผลการพิจารณาได้ว่า
ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
แล้วในหลายประเด็น เช่น (๑)
ประเด็นความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงจากความขัดแย้งทางการเมือง
ปัจจุบันได้มีการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว
รวมทั้งได้มีองค์กรอิสระและภาคประชาสังคมในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย
(๒) ประเด็นการบังคับบุคคลสูญหาย
รัฐบาลได้มีการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องและร่วมมือกับต่างประเทศในการประสานความร่วมมือเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับพลเมืองไทยที่ถูกบังคับสูญหายในต่างประเทศ
(๓) ประเด็นการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะ
หรือการคุกคามโดยการใช้กฎหมาย
ขณะนี้ประมวลกฎหมายอาญาได้มีบทบัญญัติเพื่อป้องกันการฟ้องคดีเชิงยุทธศาสตร์โดยที่ราษฎรเป็นโจทก์อยู่แล้ว
นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อป้องกันการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์
โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย (๔) ประเด็นความรุนแรงเชิงโครงสร้างทางสังคม
และความรุนแรงที่เกี่ยวกับเพศสภาพ รัฐบาลได้มีโครงการและมาตรการต่าง ๆ
ในการส่งเสริมความเท่าเทียมและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อสตรีอยู่แล้ว (๕)
ประเด็นการละเมิดสิทธิในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
รัฐบาลได้ดำเนินการทบทวนกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว
(๖) ประเด็นการละเมิดสิทธิชนเผ่าและชาติพันธุ์ รัฐบาลได้มีโครงการและแผนงานผ่านทางหน่วยงานต่าง
ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือกับชนเผ่าพื้นเมือง ทั้งด้านการส่งเสริมอาชีพ
ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่วัฒนธรรม และการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมาย และ (๗)
ประเด็นการดำเนินการให้มีกฎหมายกลางเรื่องการเยียวยาผู้เสียหายจากกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ปัจจุบันได้มีกฎหมายเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว
รวมทั้งมีโครงการในการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำหรับประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วย
เป็นต้น สำหรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในประเด็นอื่น กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการพิจารณาศึกษาเพื่อดำเนินการต่อไปในอนาคต
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8506 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | ศย. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน หมายเหตุประกอบงบการเงิน
และหมายเหตุสรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8507 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2563 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 (รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2563) | สผผ. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ประจำปี ๒๕๖๓
และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดินในด้านต่าง ๆ เช่น
ผลการดำเนินงานเรื่องร้องเรียน
ผลการดำเนินงานเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินงานตามหน้าที่และอำนาจในการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
หรือศาลปกครอง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งปัญหา อุปสรรค
และข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน
และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8508 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2563 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 (นำส่งรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน) | สผผ. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ประจำปี ๒๕๖๓
และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดินในด้านต่าง ๆ เช่น
ผลการดำเนินงานเรื่องร้องเรียน
ผลการดำเนินงานเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินงานตามหน้าที่และอำนาจในการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
หรือศาลปกครอง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งปัญหา อุปสรรค
และข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน
และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8509 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2563) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี
(กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๓) ชองธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.
ภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๓ หดตัวร้อยละ ๕.๒
จากระยะเดียวกันของปีก่อน (ปรับตัวดีขึ้นจากที่หดตัวร้อยละ ๖.๙
ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓) ซึ่งเป็นการทยอยฟื้นตัวจากการผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ การลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวสูงเนื่องจากผู้ประกอบการมีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่มาก
การใช้จ่ายภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญผ่านทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
อย่างไรก็ตาม การส่งออกบริการหดตัวรุนแรงและฟื้นตัวช้าตามกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ๒.
เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศปรับตัวดีขึ้นแต่ยังเปราะบาง
โดยตลาดแรงงานทยอยฟื้นตัว
แต่ภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวช้า
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลงตามราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
ส่วนอัตราเงินเฟ้อฟื้นฐานปรับลดลงจากกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ปรดกอบการ
ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดีและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐในภาพรวมมีทิศทางแข็งค่า ๓.
การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน
แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน
และแนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8510 | รายงานการประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน ครั้งที่ 15 การประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา+3 ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล | นร.02 | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน ครั้งที่ ๑๕
การประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา+๓ ครั้งที่ ๖
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ระหว่างวันที่
๑๐-๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)เป็นประธานและหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรี
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์)
เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) รัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนได้กล่าวถ้อยแถลงภายใต้หัวข้อการประชุม
“อาเซียน ประชาคมดิจิทัล ที่ครอบคลุมพลเมืองอาเซียนทุกกลุ่ม” โดยได้กล่าวถึงมุมมอง
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนในการยกระดับทักษะด้านดิจิทัลสำหรับพลเมืองอาเซียน
และเพิ่มโอกาสเข้าถึงสื่อสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม (๒) สำนักเลขาธิการอาเซียนได้เสนอแนวทางการทำงานด้านสื่อและการประชาสัมพันธ์แก่ประเทศสมาชิก
โดยการใช้ประโยชน์จากสื่อดิจิทัล เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การสื่อสาร
การเพิ่มขีดความสามารถของสื่อดิจิทัลและการสื่อสารสาธารณะ
การแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมและการเข้าถึงการบริการดิจิทัลในพื้นที่นอกเขตเมือง การกำหนดความหมายเชิงลึกของการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
และการสร้างแฟลตฟอร์มสำหรับการหารือกับประเทศคู่เจรจา+๑ และประเทศคู่เจรจา+๓ (Plus One and PlusThree Partner platforms) เพื่อส่งเสริมให้มีช่องทางสื่อสารที่มีนวัตกรรมและมีประสิทธิภาพ
และส่งเสริมความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้น (๓)
รับทราบผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสสารนิเทศอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ และครั้งที่ ๑๘ ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่อาวุโสสารนิเทศอาเซียน
สาธารณรัฐสิงคโปร์และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รายงานต่อที่ประชุมว่า
เจ้าหน้าที่อาวุโสสารนิเทศอาเซียน ได้ดำเนินกิจกรรมตามแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้นสื่อและสารนิเทศ
ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ ครบถ้วน (๔) ที่ประชุมรับรองเอกสารสำคัญ ๒ ฉบับ ได้แก่
กรอบความร่วมมือเพื่อพัฒนาความพร้อมด้านดิจิทัลสำหรับพลเมืองอาเซียน
และกรอบความร่วมมือของอาเซียนเพื่อส่งเสริมการรับรู้
เข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์ดิจิทัล ๒.
การประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา+๓ ครั้งที่ ๖ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายอนุชา นาคาศัย) ในฐานะประธานการประชุม ฯ ได้กล่าวเปิดประชุม โดยได้ยกตัวอย่างความร่วมมือสำคัญ
ระหว่างอาเซียนและประเทศคู่เจรจา+๓ ได้แก่
ปีแห่งการแลกเปลี่ยนสื่อมวลชนของอาเซียน-จีน
การร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการออกอากาศระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น ฯลฯ
และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทั้งดีและร้าย
เพื่อนำพาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่การเป็นประชาคมสำหรับคนทุกกลุ่ม
และรัฐมนตรีสารนิเทศประเทศคู่เจรจา+๓ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม ฯ สรุปได้ ดังนี้
(๑) สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านสื่อสารและประเทศคู่เจรจา+๓
โดยมีข้อเสนอแนะ ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑)
การพัฒนาความร่วมมือและสร้างความเชื่อมั่นในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
(๒) การประสานนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาในประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และ
(๓) การทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาการสื่อสารและสร้างประชาคมดิจิทัลสำหรับทุกคน (๒)
ญี่ปุ่นได้แสดงถึงความตั้งใจที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านระบบและเนื้อหารายการโทรทัศน์มากขึ้นและแนะนำนโยบายด้านสื่อและสารนิเทศสำหรับชาวญี่ปุ่น
ทั้งในด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร การสื่อสารภาพที่มีความคมชัดสูงระดับ 4K และ 8K
ผ่านระบบ 5G และการส่งเสริมการสื่อสารที่ครอบคลุมในพื้นที่ห่างไกล
(๓)
สาธารณรัฐเกาหลีได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้อง
โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ และผลกระทบจากข่าวลวง
และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสสารนิเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา+๓
ครั้งที่ ๖ และแผนการส่งเสริมความร่วมมือด้านสื่อและสนเทศระหว่างอาเซียนและประเทศคู่เจรจา+๓
พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๖ โดยสาธารณรัฐฟิลิปปินส์
ได้เสนอตัวเป็นประเทศที่จะเสนอโครงการภายใต้ความร่วมมือด้านสื่อและสนเทศระหว่างอาเซียนและประเทศคู่เจรจา+๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8511 | สรุปผลการดำเนินงานสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ | กษ. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ
โดยมีสาระสำคัญดังนี้ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน
โดยกำหนดนโยบายการบริหารจัดการเพื่อให้ทรัพยากรประมงและสินค้าประมงตลอดสายการผลิตของประเทศมีความยั่งยืน
(๒) การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง
การบริหารจัดการประมงทะเลไทยและการจัดการกองเรือไทย การติดตาม
ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง การบังคับใช้กฎหมาย การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ
การจัดระเบียบแรงงานประมง แนวทางและมาตรการในการพัฒนาการประมงของไทยให้ปลอดสัตว์น้ำและสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย
(๓) การดำเนินการด้านการประมงต่างประเทศ
โดยการกำหนดนโยบายด้านการประมงระหว่างประเทศ (๔) การดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐและปัญหาที่เกิดขึ้นต่าง
ๆ (๕) การขอรับการจัดสรรงบกลางเพื่อดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ
โดยมีสาระสำคัญดังนี้ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน
โดยกำหนดนโยบายการบริหารจัดการเพื่อให้ทรัพยากรประมงและสินค้าประมงตลอดสายการผลิตของประเทศมีความยั่งยืน
(๒) การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง
การบริหารจัดการประมงทะเลไทยและการจัดการกองเรือไทย การติดตาม
ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง การบังคับใช้กฎหมาย การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ
การจัดระเบียบแรงงานประมง แนวทางและมาตรการในการพัฒนาการประมงของไทยให้ปลอดสัตว์น้ำและสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย
(๓) การดำเนินการด้านการประมงต่างประเทศ
โดยการกำหนดนโยบายด้านการประมงระหว่างประเทศ (๔) การดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐและปัญหาที่เกิดขึ้นต่าง
ๆ (๕) การขอรับการจัดสรรงบกลางเพื่อดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8512 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2563 | กค. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑)
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี ๒๕๖๓ ติดลบร้อยละ ๐.๘๕ ซึ่งต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินที่ร้อยละ
๑-๓ (๒) เป้าหมายนโยบายการเงิน สำหรับปี ๒๕๖๔ กำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ
๑-๓ (๓) การประเมินภาวะเศรษฐกิจการเงินและแนวโน้ม เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๓ ปี
๒๕๖๓ หดตัวร้อยละ ๖.๔
จากระยะเดียวกันของปีก่อนและปรับตัวดีจากไตรมาสก่อนที่หดตัวสูงร้อยละ ๑๒.๑
ตามการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-๑๙ ส่วนไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๓
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง กนง. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๔ จะขยายตัวร้อยละ ๓.๒
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๕ มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ ๔.๘
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๓ เฉลี่ยติดลบที่ร้อยละ ๐.๕๖
ติดลบลดลงจากครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๓ ซึ่งติดลบร้อยละ ๑.๑๓ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วยครึ่งปีหลังของปี
๒๕๖๓ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๒๕ ลดลงจากครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓ ที่ร้อยละ ๐.๓๓ กนง.
ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายในช่วงกลางปี
๒๕๖๔ ตามแรงสนับสนุนเงินเฟ้อด้านอุปสงค์และอุปทานที่ทยอยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กนง.
คาดว่าในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๑.๐
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี ๒๕๖๔ และปี ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๐.๓ และ ๐.๔ ตามลำดับ และ (๔) การดำเนินนโยบายการเงิน
มีการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน
และการสื่อสารนโยบายการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8513 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน
และความคงทนของอาคารและพื้นที่ดินที่รองรับอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับน้ำหนัก ความต้านทาน
ความคงทนของอาคาร
และพื้นดินที่รองรับอาคารในส่วนที่เกี่ยวกับงานก่อสร้างฐานรากอาคาร
เพื่อให้งานก่อสร้างฐานรากอาคารมีความมั่นคงแข็งแรง เกิดความปลอดภัยต่อชีวิต
ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
หากมีการออกแบบลานจอดเฮลิคอปเตอร์ไว้บนอาคาร ขอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาถึงความปลอดภัยในการรับน้ำหนักของเฮลิคอปเตอร์กรณีลงจอดฉุกเฉินด้วย
และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง)
เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น หน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชน ด้านวิศวกรรม และสภาผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อใช้ประกอบการออกแบบทางวิศวกรรม
ภายหลังที่กฎกระทรวงดังกล่าวบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8514 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการให้บริการคนพิการของสายการบินภายในประเทศ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการให้บริการคนพิการของสายการบินภายในประเทศ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาแนวทางและข้อเสนอแนะ
เกี่ยวกับแนวทางการให้บริการคนพิการของสายการบินภายในประเทศ ดังนี้ (๑) กพท. ควรเร่งตราอนุบัญญัติซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ.
๒๕๖๒ และกำกับ ติดตาม
ประเมินผลการให้บริการของสายการบินให้เป็นไปตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
(๒) คค. ควรแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก
หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่ง
เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. ๒๕๕๖
ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ (๓)
สายการบิน ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารได้รับทราบข้อมูลอย่างชัดเจนโดยได้ดำเนินการสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสำหรับคนพิการ เด็ก ผู้สูงอายุ และคนทุกคนมาอย่างต่อเนื่อง (๔) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ควรให้คนพิการและองค์กรคนพิการได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และมีประสิทธิผล
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8515 | แจ้งผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ระหว่าง นางจุฑารัตน์ จันทร ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ในคดีหมายเลขดำที่ อ.๗/๒๕๖๔ ระหว่าง นางจุฑารัตน์ จันทร ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม
๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑) เรื่อง
คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ [บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)] ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๖๕๑๕
และโฉนดเลขที่ ๕๖๕๑๖ ตำบลคลองสาม (คลองประเวศบุรีรมย์ ฝั่งเหนือ) อำเภอลาดกระบัง
(แสนแสบ) กรุงเทพมหานคร พร้อมบ้านเลขที่ ๑๗๓/๑๐๑ หมู่ที่ ๓ หมู่บ้านร่มฤดี
ถนนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร จากผู้ถูกฟ้องคดีในราคา ๗,๗๙๐,๘๑๒.๐๗ บาท และชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงิน ๗,๗๙๐,๘๑๒.๐๗ บาท
นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยมีเงื่อนไขว่าหากผู้ฟ้องคดีตกลงขายที่ดินพร้อมบ้านให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ในราคาต้นเงินจำนวนดังกล่าว และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่
๔ ตามส่วนของการชนะคดี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8516 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2564 | นร.04 | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔ และให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุม
กตน. ตามที่ กตน.เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการใน กตน.
จำนวน ๔ คณะ ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(๒) คณะอนุกรรมการการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลประจำปี (๓)
คณะอนุกรรมการบูรณาการและประสานการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสารสนเทศด้านการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(๔) คณะอนุกรรมการด้านการสร้างการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน ๑.๒
สวัสดิการภาครัฐที่เกษตรกรแต่ละรายได้รับ ได้แก่ (๑) การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้านต้นทุนการผลิตและกระบวนการผลิต
เกี่ยวกับโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย การดำเนินมาตรการควบคุมค่าเช่าที่นา
ฤดูกาลการผลิตห้วงปี ๒๕๖๓/๖๔ และการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
ปีการผลิต ๒๕๖๔ (๒) การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้านราคา รายได้ และการตลาด เกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง
ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ (๓) การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้านอื่น ๆ
เกี่ยวกับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ (๓)
การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมในกลุ่มผู้พิการ (๔)
โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ (๕)
โครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการทางสังคมแก่ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และ (๖)
การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้านอื่น ๆ
ในภาพรวมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่น
การให้เงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นต้น โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำรายละเอียด ข้อมูล สวัสดิการภาครัฐของบุคคลหรือกลุ่มอาชีพ เช่น
เกษตรกร กลุ่มคนเปราะบาง กลุ่มอาชีพอิสระ และอาชีพรับจ้างทั่วไป
เพื่อให้ทราบภาพรวมการช่วยเหลือของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม
และติดตามการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการบริหารจัดการ การประชาสัมพันธ์
สร้างการรับรู้ ความเข้าใจในส่วนราชการทุกระดับ เกี่ยวกับการดำเนินงานต่าง ๆ
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานได้รับทราบงานที่มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ ๑.๓ การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแล้ง
ได้แก่ ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งในช่วงปี ๒๕๕๔-๒๕๖๔ มาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง
ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
โดยให้เพิ่มกลไกการเชื่อมโยงผ่านคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำในระดับจังหวัด
และเร่งรัดจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขน้ำแล้งร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำ
เพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้มีการพัฒนาระบบการสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำ
เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการบริหารจัดการน้ำ ๒. ให้ กตน. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่า
คณะอนุกรรมการบูรณาการและประสานการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสารสนเทศด้านการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีใน กตน.
สามารถพิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการข้อมูลสวัสดิการภาครัฐที่เกษตรกรแต่ละรายได้รับ
รวมถึงการบูรณาการข้อมูลสวัสดิการภาครัฐของบุคคล และกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8517 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้าน COVID-19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล) | กค. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์
และเครื่องมือแพทย์ต้าน COVID-19
สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล) โดยมีหลักการ (๑)
ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกัน COVID-19 เพื่อบริจาคให้แก่
สถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ
องค์กรหรือสถานสาธารณกุศลหรือสถานพยาบาลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนด
(๒)
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาค
โดยต้องไม่นำต้นทุนของสินค้ามาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ และที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วนและใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว
และให้ดำเนินการตามนัยของมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ใหครบถ้วนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8518 | ผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง ครั้งที่ 9 | กต. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong
Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ ๙ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) การรับรองปฏิญญาพนมเปญของการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี--เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ ๙ ซึ่งมีการเพิ่มเติมประเด็น
เช่น ข้อเสนอของประเทศไทยในการผลักดันหลักการใหม่เรื่อง
“อนุภูมิภาคที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้” รับทราบข้อเสนอของญี่ปุ่นในการจัดการประชุม
ACMECS สมัยพิเศษ
ที่กรุงโตเกียว ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน-พฤศจิกายน) ปี ๒๕๖๔ (๒)
ที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่าง ๆ เช่น ยินดีต่อพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของ ACMECS สนับสนุนการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS
ย้ำความสำคัญของการยกระดับความร่วมมือของประเทศสมาชิก ACMECS
(๓) ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี โดยย้ำความสำคัญของการร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือ ACMECS อย่างรอบคอบ มุ่งพัฒนาศักยภาพให้ ACMECS
มีความเข็มแข็งจากภายใน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าประเทศสมาชิก ACMECS
ต้องเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาความเชื่อมโยงในทุกมิติให้เป็นไปตามแผนแม่บท ACMECS ระยะ ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๓) และยกระดับความร่วมมือระหว่างหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ
ACMECS กับองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนการฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
กรณีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ ๙ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นตามความเหมาะสมต่อไป และการดำเนินการตามแผนแม่บท
ACMECS
ระยะ ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๓) ให้คำนึงถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8519 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 85) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | พณ. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งน้ำมันดีเซลหมุนเร็วออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๘๕) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งน้ำมันดีเซลหมุนเร็วออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๘๕) พ.ศ. ๒๕๔๑
เนื่องจากการกำกับดูแลการส่งออกน้ำมันดีเซลมีการกำหนดไว้เป็นการเฉพาะตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8520 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชุติเดช ตาบองครักษ์) | สธ. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชุติเดช ตาบองครักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล
[ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์) ระดับสูง] โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|