ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 124426 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 301 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร.52 | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๓๙,๙๓๐,๔๗๐.๗๕ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จำนวน ๒๗๙ ราย โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ทั้งนี้ เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
จะได้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๐๓/๖๙๙๗ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าวงเงินที่อนุมัติเกินกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
ขอให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้นำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
ขอให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้สำรวจผู้ได้รับผลกระทบอย่างครบถ้วน
และประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและเกิดความเป็นธรรมในการให้ความช่วยเหลือ
รวมทั้งดำเนินการตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 302 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. .... | คค. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองการให้บริการระบบสื่อสาร
ระบบช่วยการเดินอากาศ และระบบติดตามอากาศยาน ใบแทนใบรับรอง และการต่ออายุใบรับรองดังกล่าวที่ออกให้แก่ส่วนราชการเช่นเดียวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองการให้บริการการจัดการจราจรทางอากาศและใบรับรองการให้บริการอุตุนิยมวิทยาการบินที่ออกให้แก่ส่วนราชการที่ได้รับการยกเว้นไว้ตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ ไว้แล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 303 | ขอทบทวนรูปแบบการลงทุนของโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ - ป่าตอง ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 304 | โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2568-2570 | อก. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
(PM2.5) ปี ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย
กลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตร หรือสถาบันชาวไร่อ้อย หรือกลุ่มบุคคล
หรือวิสาหกิจชุมชน วงเงินปีละ ๒,๐๐๐ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท กำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามโครงการโดยแยกตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน
หากกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งโดยการพัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบการให้น้ำและเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
และหากกู้เงินเพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน
๘ ปี ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
สำหรับการชดเชยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ขอให้รัฐบาลชดเชยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้โครงการฯ
ปี ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ อัตราการชดเชยดอกเบี้ย
ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นต่องบประมาณนั้น ให้ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งข้อสังเกตและความเห็นของกระทรวงการคลัง
ตลอดจนข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมบริหารจัดการ
กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หลักเกณฑ์เงื่อนไข
ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง สอดคล้องกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM2.5 อย่างยั่งยืน ตลอดจนหามาตรการส่งเสริมการตัดอ้อยสดเพิ่มมากขึ้น
ลดการเผาอ้อย สนับสนุนให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรควบคุมดูแลให้นำสินเชื่อไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์
รวมถึงควรกำหนดเงื่อนไขการให้สินเชื่อเพิ่มเติม
โดยให้มีการเรียกคืนสินเชื่อเมื่อตรวจสอบพบการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ รวมถึงกำหนดให้มีการนำเครื่องจักรกลการเกษตรที่จัดซื้อมาเป็นหลักประกัน
เพื่อให้มั่นใจว่ามีการซื้อเครื่องจักรจริง และช่วยลดความเสี่ยงให้แก่ผู้ให้กู้ยืม
และควรมีแนวทางการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้โครงการบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
และให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 305 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุเกี่ยวกับการแก้ไขหรือป้องกันสถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือภัยคุกคามทางทหาร
ซึ่งส่งผลกระทบหรืออาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของหน่วยงานของรัฐหรือประเทศ
สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้โดยวิธีเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุอันเป็นเครื่องมือในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวให้คลี่คลายไปโดยเร็วที่สุดและภายในระยะเวลาที่จำกัด
สามารถรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและมีความคล่องตัวสูง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงกลาโหม เห็นควรกำหนดคำนิยามของคำว่า
ภัยคุกคามทางไซเบอร์และภัยคุกคามทางทหารในร่างกฎกระทรวงฯ
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้โดยมิต้องใช้ดุลพินิจในการตีความคำดังกล่าว สำนักงบประมาณ
เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับหน่วยงานของรัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโนโอกาสแรก
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ
และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 306 | ขอความเห็นชอบขอต่ออายุวงเงินกู้ระยะสั้น (Credit Line) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต่ออายุวงเงินกู้ระยะสั้น
(Credit Line) จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท เป็นระยะเวลา ๓ ปี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ นร ๑๑๒๔/๑๐๙๑๙ ลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงพลังงาน เห็นควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการวงเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ
และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 307 | การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2569 - 2573 (5 ปี) | กก. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒.
เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลตนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๓
สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทยดังกล่าว
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวเทียวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยควรมีการประเมินผลการจัดงานในแต่ละปี
สร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเตรียมความพร้อมด้านระบบขนส่งสาธารณะ
การกำกับดูแลราคาและมาตรฐานของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม
รีสอร์ต ร้านอาหาร เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 308 | มาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา | รง. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาและเห็นชอบในหลักการร่างประกาศของกระทรวงแรงงาน
จำนวน ๑ ฉบับ รวมถึงอนุมัติในหลักการร่างประกาศของกระทรวงมหาดไทยจำนวน ๑ ฉบับ รวม
๒ ฉบับ เพื่อบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรการดังกล่าว และให้กระทรวงแรงงาน
โดยกรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ
แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งพำนักอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
... ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งพำนักอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
... รวม
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรที่กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้หารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
เพื่อให้สามารถดำเนินการตามร่างประกาศทั้งสองฉบับได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกับผู้ประกอบการในการเร่งกำหนดพื้นที่ที่จะอนุญาตให้คนต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวเข้าไปทำงานได้
โดยในระยะแรกควรพิจารณาอนุญาตให้ทำงานในพื้นที่ใกล้ศูนย์พักพิงชั่วคราวก่อนเป็นลำดับแรก
ควบคู่กับการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการเพื่อนำมาจับคู่กับทักษะและความรู้ความสามารถของกลุ่มแรงงานดังกล่าว
รวมถึงการวางระบบการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน
เพื่อนำไปกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการแรงงานในแต่ละระยะต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 309 | ร่างแนวทางปฏิบัติสำหรับการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ | ทส. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแนวทางปฏิบัติสำหรับการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ
และมอบหมายให้กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมปฏิบัติหน้าที่ หน่วยประสานงาน
(National Designated Authority : NDA) และออกหนังสืออนุญาตการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ
รวมทั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแนวทางปฏิบัติสำหรับการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
แล้วแต่กรณี โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ที่จะได้รับเป็นสำคัญด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 310 | การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) รายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok ประจำปี 2568 - 2570 (3 ปี) | กก. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง
(World Capital Marathon Series)
รายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok ประจำปี
๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณค่าลิขสิทธิ์และค่าภาษีที่เกี่ยวข้องในการจัดการแข่งขันฯ
ตั้งแต่ปี ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ รวมทั้งสิ้น ๒๖๔,๓๕๒,๙๔๑.๑๕ บาท เมื่อประเทศไทยได้รับพิจารณาให้เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันแล้ว
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
โดยพิจารณาให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาความพร้อมในด้านต่าง
ๆ แนวทางการสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
และแนวทางการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง
กรณีการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้การกีฬาแห่งประเทศไทยพิจารณาเงื่อนไขการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
ตามเหตุผล ความจำเป็น เหมาะสม และความเร่งด่วน ตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(การกีฬาแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้
ควรขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนมาสมทบการดำเนินงานเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมทางด้านกีฬาและเป็นการลดภาระงบประมาณ
รวมทั้งควรประเมินผลการจัดการแข่งขันดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอนและเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 311 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 | ปสส. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ สิงหาคม
๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่
๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๘
สิงหาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 312 | ร่างถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ 15 ประจำปี พ.ศ. 2568 | พน. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค
ครั้งที่ ๑๕ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค
ครั้งที่ ๑๕ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ ๑๕
ในระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีเป้าหมายเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมไปสู่การผลักดันการบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานของเอเปคในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนภายในภูมิภาคเป็นสองเท่าภายในปี
พ.ศ. ๒๕๗๓ และการลดค่าความเข้มข้นการใช้พลังงานลงร้อยละ ๔๕ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๘
โดยมีแนวทางความร่วมมือ เช่น (๑)
การขยายศักยภาพสายส่งไฟฟ้าและการปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (๒)
การเสริมสร้างเสถียรภาพของการจัดหาแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน (๓)
สนับสนุนการพัฒนาระบบพลังงานที่ยั่งยืน (๔)
ส่งเสริมนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ในระบบพลังงาน และ (๕)
ส่งเสริมแนวทางการฟื้นตัวจากสภาวะวิกฤตอย่างครอบคลุมเพื่อบรรเทาความเสี่ยงในภาคพลังงาน
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน)
รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยโอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 313 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[กรณีรถยนต์โบราณ (Classic Cars)] | พณ. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง
กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง
กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยยกเว้นให้สามารถนำเข้ารถยนต์ใช้แล้วตามพิกัดอัตราศุลกากร
๘๗.๐๓ รถยนต์และยานยนต์อื่น ๆ ที่ออกแบบสำหรับขนส่งบุคคลเป็นหลัก
รวมถึงสเตชันแวกอนและรถแข่ง และพิกัดอัตราศุลกากร ๙๗.๐๖ รถยนต์ใช้แล้วที่มีอายุเกิน
๑๐๐ ปีขึ้นไป (รถยนต์โบราณ) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะ
ที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๖๘ [เรื่อง (การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เรื่อง
มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic
Cars)] ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรพิจารณาหลักฐานทางทะเบียนจากประเทศต้นทางที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เป็นมาตรฐานสากล เช่น The Royal Automobile Club ในการรับรองอายุของรถยนต์ที่จะนำเข้าภายใต้มาตรการ
รวมถึงการพิจารณาประเภทพิกัดศุลกากรของรถยนต์โดยเฉพาะรถยนต์ใช้แล้วที่มีอายุเกิน
๑๐๐ ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษีอากรที่อาจจะเกิดขึ้นอีกทางหนึ่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และกลไกการตรวจสอบรถยนต์โบราณให้มีความชัดเจนและพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์โบราณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม
ที่เห็นว่าคำนิยาม หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ
ที่จะถูกกำหนดในร่างประกาศกรมสรรพสามิต ควรพิจารณาให้มีความชัดเจน รัดกุม สามารถจำแนกรถยนต์โบราณสำหรับงานศิลปะออกจากรถยนต์เพื่อสันทนาการหรือรถยนต์เก่าที่มีอายุการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน
และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงาน
เพื่อให้ตรงตามเจตนารมณ์ในการดำเนินมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ และไม่ส่งผลกระทบต่อปัญหามลพิษในประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 314 | การเข้าเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษในเอเชียและแปซิฟิก | ดศ. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษในเอเชียและแปซิฟิก
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำภาคยนุวัติสาร (Instrument of Accession) เพื่อส่งมอบต่อเลขาธิการสหประชาชาติ
ซึ่งความตกลง CPTA มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและการยอมรับร่วมกันของข้อมูลและเอกสารทางการค้าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก
เพื่อให้ระบบการค้าของประเทศสมาชิกสามารถเชื่อมโยงและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
ลดอุปสรรคทางเทคนิค และเพิ่มประสิทธิภาพ และความโปร่งใสในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศซึ่งช่วยให้กระบวนการทางการค้ามีความชัดเจนและส่งเสริมการปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎระเบียบสากล
เช่น ๑) ความเท่าเทียมกันในการปฏิบัติ โดยการยอมรับข้อมูลและเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ให้มีผลทางกฎหมายเช่นเดียวกับเอกสารกระดาษ
และ ๒) การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ดีขึ้น โดยการปรับปรุงกระบวนการทางการค้าให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บูรณาการการดำเนินงานร่วมกับกรมศุลกากร
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการระบบ NSW ของประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งผลักดันการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
โดยการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษให้สามารถรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลที่มีความจำเป็น
รวมทั้งสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์และบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป
ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 315 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2569 ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย | พน. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี
๒๕๖๙ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซียเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๕,๖๔๘,๔๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้เงินที่ได้รับจากการขายปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี
๒๕๖๘ จำนวน ๕,๔๘๐,๘๕๔ ดอลลาร์สหรัฐ และจากงบประมาณเหลือจ่ายของปี
๒๕๖๗ จำนวน ๑๖๗,๕๔๖ ดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดการเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมีระยะเวลาพอสมควรในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวตามกรอบระยะเวลาที่ข้อ
๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๖)ฯ กำหนด
และเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๓ ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 316 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของสถาบันพระปกเกล้า | พป. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สถาบันพระปกเกล้าดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการบูรณะซ่อมแซมอาคารรำไพพรรณี พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
สถาบันพระปกเกล้า จำนวน ๔๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สถาบันพระปกเกล้ารับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 317 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค ประจำปี 2568 | นร.53 | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๘ และให้รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๘ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการขับเคลื่อนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม โดยเน้นการสนับสนุนผ่านนวัตกรรม
เทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์
รวมถึงการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันในภูมิภาค การใช้นโยบายอัจฉริยะ
การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี และความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ลดช่องว่างทางเทคโนโลยี
และสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในบริบทเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างแถลงการณ์ฯ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรผลักดันให้มีการส่งเสริมให้
SMEs ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
สังคม และธรรมาภิบาล |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 318 | รายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือน มกราคม-มีนาคม ๒๕๖๘ โดยมีผลการดำเนินการของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น (๑) การรายงานผลการลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทาน
(กระทรวงมหาดไทย) โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๗,๔๘๖,๓๐๑ คน (๒)
การจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่าง ๆ (๑๗ หน่วยงาน) ประกอบด้วย จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ
จิตอาสาเฉพาะกิจ และวิทยากรจิตอาสา ๙๐๔ มีการจัดกิจกรรม ๒๕,๔๔๖
ครั้ง (๓) การติดตามความก้าวหน้าโครงการในภารกิจของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
เช่น กิจกรรมจิตอาสาจัดเตรียมดินก่อนปลูกต้นไม้ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลฯ
วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๘ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 319 | รายงานตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 | พม. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานตามมาตรา ๖๘
แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ.
๒๕๖๗ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ มาตรา ๖๘ ที่บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
ดำเนินการทบทวนกฎหมายในความรับผิดชอบที่กำหนดสิทธิ หน้าที่ สถานะทางกฎหมาย สามี
ภริยา สามีภริยา หรือคู่สมรส เพื่อรองรับสิทธิหน้าที่ สถานะทางกฎหมาย หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวข้องให้แก่คู่สมรส
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยร่างพระราชบัญญัตินี้ และเสนอผลการทบทวนพร้อมทั้งร่างกฎหมายในกรณีที่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีภายใน
๑๘๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (ภายในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘) ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการทบทวนกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว
รวมทั้งหมด ๑๙ ฉบับ โดยผลการทบทวนแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ดังนี้ ๑)
พระราชบัญญัติที่ไม่มีการแก้ไขเนื้อหาในบทบัญญัติ เนื่องจากไม่มีบัญญัติคำว่า “สามี”
“ภริยา” หรือ “สามีภริยา” ในกฎหมาย จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒) พระราชบัญญัติที่ไม่มีการแก้ไข
เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายที่อ้างถึงสามี ภริยา หรือสามีภริยา
ให้ถือว่าอ้างถึงคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒ ฉบับ และ ๓) พระราชบัญญัติที่มีการแก้ไขและได้มีการส่งร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไปแล้ว
จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรเร่งแก้ไขกฎหมายที่กำลังดำเนินการหรือที่จำเป็นโดยเร็ว
เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 320 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินอากาศ) | คค. | 26/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยแก้เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (คณะกรรมการกำกับ กพท.) และผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (ผอ.กพท.) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลทางเทคนิค รวมทั้งกำหนดอำนาจสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในการออกกฎระเบียบด้านเทคนิค กำกับดูแล บังคับใช้กฎหมาย ควบคุมตรวจสอบ และดำเนินมาตรการบังคับทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) และ ผอ.กพท. ในเรื่องการกำกับดูแลด้านเทคนิค รวมถึงการปรับรูปแบบกฎหมายลำดับรองด้านเทคนิคให้เป็นอำนาจของ ผอ.กพท. และเพิ่มเติมบทบัญญัติในเรื่องความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมการบิน รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยพิจารณากำหนดนิยามโครงการสำคัญตามมาตรา ๕ (๒) ของร่างกฎหมาย และพิจารณาความเหมาะสม ให้คณะกรรมการกำกับฯ มีอำนาจเห็นชอบการแต่งตั้งหรือถอดถอนผู้ปฏิบัติงานระดับรองผู้อำนวยการขึ้นไปของสำนักงาน ตามมาตรา ๕ (๖) เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐาน ICAO รวมทั้งเห็นควรให้พิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดหลักเกณฑ์ควบคุมหรือจำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการจัดกิจกรรมทั้งภายนอกหรือภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศตามมาตรา ๕๘ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
