ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ที่จังหวัดยะลา | อก. | 27/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติผ่อนผันให้บริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด
ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่ ตามคำขอประทานบัตรที่
๖/๒๕๕๘ เพิ่มเติม เนื้อที่ ๓๔ ไร่ ๓ งาน ๒๕ ตารางวา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม
๒๕๓๓ และวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ อนึ่ง
เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่แล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จะได้ดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรต่อไป
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมไปกำกับติดตามการดำเนินการของบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน
โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นควรมีการตรวจสอบ กำกับ
และติดตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านเหมืองแร่
พร้อมทั้งคำนึงถึงความสามารถในการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษอันเนื่องมาจากการทำเหมืองแร่หินหรือกิจการที่ก่อให้เกิดมลพิษ
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการประกอบกิจการด้านการย่อยหินเป็นจำนวนมาก
เพื่อป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจร่วมกัน รวมถึงลดผล กระทบและความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการทำเหมืองแร่ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
302 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้จากสัญญาจ้างงานก่อสร้าง กรณีเงื่อนไขในสัญญากำหนดให้ผู้รับจ้างต้องจัดหารถยนต์พร้อมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ควบคุมงาน | กค. | 27/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้จากสัญญาจ้างงานก่อสร้าง กรณีเงื่อนไขในสัญญากำหนดให้ผู้รับจ้างต้องจัดหารถยนต์พร้อมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ควบคุมงาน)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
303 | ร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม 2568) | ปสส. | 27/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม
๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
304 | ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Performances and Phonograms Treaty: WPPT) | พณ. | 27/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. ๒๕๓๗
ให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
(WIPO Performances and Phonograms Treaty : WPPT) เพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิของนักแสดงและผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง
รวมทั้งรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน
โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “โสตทัศนวัสดุ” “ภาพยนตร์” “สิ่งบันทึกเสียง” “นักแสดง”
“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” และ “การโฆษณา” แก้ไขเพิ่มเติมการคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ
สิทธิทางศีลธรรมเพื่อส่งเสริมการคุ้มครองชื่อเสียงและเกียรติคุณของผู้สร้างสรรค์และนักแสดง
สิทธิแต่ผู้เดียวของนักแสดง สิทธิได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมของนักแสดง การได้มาซึ่งสิทธิของนักแสดง
การโอนสิทธิของนักแสดง อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการลิขสิทธิ์
การคุ้มครองลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดงระหว่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการทำลายของกลางในคดีแพ่ง
และปรับปรุงบทกำหนดโทษ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นสำนักงานศาลยุติธรรม ที่เห็นว่า ๑) ร่างมาตรา ๕ การแก้ไขบทนิยามคำว่า
“สิ่งบันทึกเสียง” ควรใช้ถ้อยคำอื่นที่มีความหมายกว้างกว่าถ้อยคำว่า “เครื่องมือ”
ตามร่างเพื่อให้สอดคล้องกับสื่อเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบันและอาจจะมีขึ้นในอนาคต ๒) ร่างมาตรา
๘ การแก้ไขบทนิยามคำว่า “การโฆษณา” ตามร่างอาจเกิดความลักลั่นในงานบางประเภทได้
และปัจจุบันการจำหน่ายสำเนางานไม่แน่ใจว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่
นอกจากนี้ถ้อยคำว่า “ผ่านทางอินเทอร์เน็ต” ควรใช้ถ้อยคำว่า “ผ่านทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ”
ซึ่งมีความหมายเปิดกว้างกว่าเพื่อให้รองรับเทคโนโลยีที่อาจมีขึ้นในอนาคต และ ๓) ร่างมาตรา
๑๐ กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาว่าจำเลยละเมิดสิทธิของผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์
โดยถ้อยคำว่า “ศาลอาจมีคำสั่งเพิ่มเติมให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือบางส่วนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งหรือหลายฉบับ”
นั้น ควรเพิ่มช่องทางการโฆษณาผ่านทางสื่อเทคโนโลยี โดยเพิ่มถ้อยคำว่า “และทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ”
เพื่อให้สอดคล้องกับการสื่อสารในปัจจุบัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. เห็นชอบการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
(WIPO Performances and Phonograms Treaty : WPPT) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และเสนอการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๔. เห็นชอบและมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำภาคยานุวัตรสารเพื่อการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
(WPPT) เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคี
และกระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือแจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบถึงการดำเนินการภายในต่าง
ๆ ซึ่งรวมถึงการออกกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าของลิขสิทธิ์
นักแสดง และองค์การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาที่จัดเก็บ
โดยต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียจากอุตสาหกรรมนี้ในการกำหนดอัตราค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและค่าธรรมเนียมจากการใช้งานบันทึกเสียง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
305 | รัฐบาลสาธารณรัฐสโลวักเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทย (นายอะเลคซันเดร์ มีโซฟชิน) | กต. | 27/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะเลคซันเดร์ มีโซฟชิน (Mr. Alexander Micovcin) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายยาโรสลัฟ เอาต์ (Mr. Jaroslav Auxt) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
306 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (นายนคร เสรีรักษ์) | ดศ. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนคร เสรีรักษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติ) ในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตนแทน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
307 | การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 13 สาขา | รง. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง
อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๑๔) ลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๘
เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
308 | งบการเงินแสดงฐานะการเงิน และรายงานผลการปฏิบัติงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามมาตรา 26 | สทบ. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินแสดงฐานะการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗
ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และรายงานผลการปฏิบัติงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามมาตรา ๒๖ ซึ่งกองทุนหมู่บ้านฯ มีแผนการเบิกจ่าย
ทั้งสิ้น ๓,๖๕๔.๔๕ ล้านบาท และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณ
๓,๕๖๔.๓๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๕๓ โดยมีการดำเนินโครงการและกิจกรรมสำคัญ
เช่น ๑) โครงการส่งเสริมการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืนในหมู่บ้านและชุมชนเมือง
๒) โครงการติดตามประเมินผลสถานะการเงินและศักยภาพการบริหารกองทุนหมู่บ้านฯ ๓) โครงการพัฒนาระบบคลังข้อมูลกลางสำหรับประเมินศักยภาพและประสิทธิภาพของกองทุนหมู่บ้านฯ
(SOFT POWER) และ ๔) โครงการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
อย่างไรก็ตามผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐประจำปีงบงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ อยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุง โดยมีคะแนนอยู่ที่ ๘๔.๕๒ คะแนน (จากคะแนนเต็ม
๑๐๐ คะแนน) ตามที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
309 | ร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าชนส่งมวลขนแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และสามารถส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.) ตามนโยบายรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ปรับปรุงคำนิยาม “กิจการรถไฟฟ้า”
วัตถุประสงค์ อำนาจกระทำกิจการของ รฟม. หลักเกณฑ์การออกข้อบังคับของหน่วยงาน
หลักเกณฑ์การบริหารจัดการรายได้
และการดำเนินกิจการที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
เพื่อลดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน และให้ รฟม.
สามารถดำเนินการเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้าได้อย่างครบถ้วนและครอบคลุมภารกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสามารถจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สิน และดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้ตัดประเด็นการแก้ไขร่างมาตรา
๗ ให้ยกเลิกวรรคสามของมาตรา ๑๘ และร่างมาตรา ๙ ให้ยกเลิกความใน (๓) (๔) (๕) (๖)
และ (๑๐) ของมาตรา ๗๕ แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๕๔๓ ออก สำหรับร่างมาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๔. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยควรพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับฐานะทางการเงินเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาระทางการคลังของภาครัฐในอนาคต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลขนแห่งประเทศไทยดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
310 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
311 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | สผผ. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุมการดำเนินงานเกี่ยวกับการรับเรื่องร้องเรียน การพิจารณาตรวจสอบ
แสวงหาข้อเท็จจริงจนมีคำวินิจฉัย หรือมีข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย
กฎ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน
โดยมีผลการดำเนินงาน เช่น ๑) ประเด็นเรื่องร้องเรียน ๕,๓๑๖ เรื่อง ได้แก่ เรื่องร้องเรียนเรื่องที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
๓,๑๙๙ เรื่อง เรื่องร้องเรียนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ๒,๑๑๗ เรื่อง และ ๒) การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ เช่น
ปัญหาการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา แนวทางในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น
ศิลปะและวัฒนธรรมของหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
312 | ผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้สรุปผลการพิจารณา
เช่น ๑) ข้อบังคับของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๖
ครอบคลุมในเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ในผลงานวิจัยและนวัตกรรมระหว่างภาครัฐ เอกชน
และนักวิจัย และขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดระเบียบภายใต้การกำกับของคณะกรรมการบริหารทุนของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
๒)
การกำหนดกรอบวัตถุประสงค์ของการดำเนินการกู้ยืมเงินออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือให้กู้ยืมเงินอยู่ภายใต้กรอบนโยบายการลงทุนของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการศึกษาและเตรียมการออกระเบียบ/ข้อบังคับในเรื่องจัดตั้งนิติบุคคลหรือลงทุนหรือร่วมลงทุนกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อดำเนินการที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
หรือเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการบริหารทุนของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
๓) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กำหนดกรอบการให้ทุนระดับปริญญาโทและปริญญาเอกเพื่อสนับสนุนในการต่อยอดงานวิจัยและวิทยาศาสตร์
และ ๔) ค่าตอบแทนนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ตลอดจนบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิจัยและนวัตกรรม ถูกกำหนดในสถานการณ์ที่เหมาะสมแตกต่างกันตามระเบียบหรือข้อบังคับของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
เพื่อเป็นแรงจูงใจและขวัญกำลังใจให้กับนักวิจัย ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
313 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2567 | ยธ. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
314 | (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกด้วยศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน | สภช. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง
รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกด้วยศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน โดยให้รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนสร้าง
“ศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน” และให้รัฐบาลมีการบริหารจัดการให้กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพเพียงพอสามารถเป็นผู้รับการสนับสนุนประเภทสินทรัพย์การเกษตร
ครุภัณฑ์ เครื่องจักรกล เทคโนโลยีและนวัตกรรม อาคาร และสิ่งปลูกสร้างโดยตรงภายใต้การควบคุม
กำกับ ดูแลของหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือเป็นการอุดหนุน เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานของศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน
และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว)
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่าการจัดตั้งศูนย์ข้าวเปลือกชุมชนเป็นแนวทางที่มีประโยชน์
แต่ต้องมีการวางแผนและกำกับดูแลอย่างรอบคอบเพื่อลดความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งสร้างความมั่นใจได้ว่าโครงการจะสามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
315 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2567 | นร.11 สศช | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปี ๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ ๑) การประเมินยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖
มิติ พบว่า ในภาพรวมมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายมิติ เช่น
มิติด้านความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย มิติด้านขีดความสามารถในการแข่งขัน
การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ แต่ยังคงมีบางมิติที่ปรับตัวลงเล็กน้อย ได้แก่
มิติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของดัชนีย่อย ๕ ด้าน ได้แก่
ด้านชีวิตครอบครัวและชุมชน ด้านการศึกษา ด้านการมีส่วนร่วม ด้านสุขภาพ
ด้านที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม ๒) การประเมินยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ ด้าน พบว่า สถานการณ์ในภาพรวมดีขึ้นในหลายด้าน
เช่น ด้านความมั่นคง ความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
แต่ยังคงมีบางด้านที่ปรับตัวลดลง ได้แก่
ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
และด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสถานการณ์ภาพรวมปรับตัวลดลง
และ ๓) การประเมินสถานการณ์บรรลุเป้าหมายแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๓ ประเด็น
ผ่านข้อมูลสถิติ สถานการณ์ งานวิจัย
และดัชนีชี้วัดที่จัดทำขึ้นจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ
รวมถึงการดำเนินงาน/โครงการของหน่วยงานของรัฐที่ถูกนำเข้าระบบ eMENSCR ณ สิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒๒๓,๐๐๕ โครงการ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
316 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ พ.ศ. ๒๕๓๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขชื่อหน่วยงานดูแลรับผิดชอบและหน่วยงานดูแลรับผิดชอบหลักให้เป็นปัจจุบัน
และเพิ่มให้มีศึกษาธิการจังหวัดร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการบริหารและสนับสนุนสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ในจังหวัดเพื่อให้ครอบคลุมผู้แทนที่ดูแลรับผิดชอบทุกฝ่ายในจังหวัด
รวมทั้งเพิ่มเติมหน้าที่ผู้ดูแลรับผิดชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
และให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากรณีที่ประสงค์จะให้กรรมการในสัดส่วนของบุคคลอื่นซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งตามข้อ
๖ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ พ.ศ.
๒๕๓๑ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการต่อไปได้จนครบวาระ ควรเพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับกรณีนี้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
317 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานในประเทศและการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ พ.ศ. .... | รง. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานในประเทศและการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานในประเทศและเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
เช่น ค่าธรรมเนียมคำขอใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานทำงานในประเทศ
ค่าธรรมเนียมคำขอใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
ค่าธรรมเนียมคำขอใบแทนใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมคำขอรับรองสำเนาเอกสาร และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ
เช่น ค่าธรรมเนียมคำขอใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ
ค่าธรรมเนียมคำขอการต่ออายุใบอนุญาตจัดหางาน ค่าธรรมเนียมคำขอการแปลใบอนุญาตจัดหางานเป็นภาษาต่างประเทศ
จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่ากระทรวงแรงงานควรประชาสัมพันธ์
สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึงเพื่อให้การออกกฎกระทรวงทั้ง
๒ ฉบับดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
318 | การรับรองร่างแถลงการณ์โคลัมโบ การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 24 | กต. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
319 | ขออนุมัติหลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง K (Price Adjustment) เพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 เป็นกรณีพิเศษเฉพาะสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต เฉพาะในส่วนของงานโยธาของสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 | คค. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง
K (Price Adjustment) เพื่อยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง)
ช่วงบางซื่อ - รังสิต เฉพาะในส่วนของงานโยธาของสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง
K (Price Adjustment) เพื่อยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ เป็นกรณีเฉพาะโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต เฉพาะในส่วนงานโยธาของสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒
ดังนี้ ๑.๑
การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K) ที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้
ให้ใช้หลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K) ตามที่ระบุไว้ในสัญญา
โดยใช้ดัชนีราคาฐาน ๒๘ วัน ก่อนยื่นซองประกวดราคา สำหรับสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒
เป็นฐานในการคำนวณ สำหรับประเภทงานก่อสร้าง
สูตรและวิธีคำนวณให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ ๑.๒
การขอเงินเพิ่มค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ให้เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้างที่จะต้องเรียกร้องภายใน
๙๐ วัน โดยนับจากวันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย ๒.
มอบหมายให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาและวินิจฉัยการคำนวณเงินเพิ่มหรือลด
และจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ตามข้อผูกพันของสัญญาที่ได้ลงนามไปแล้ว
และหากการจ่ายเงินเพิ่มค่างานก่อสร้างดังกล่าว ทำให้เกินกรอบวงเงินที่ได้รับจากคณะรัฐมนตรีก็ถือว่าได้รับการอนุมัติขยายกรอบวงเงินโครงการจากคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ด้วย
ส่วนการจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมเพื่อเบิกจ่ายเงินชดเชยค่าก่อสร้าง K ให้แก่ผู้รับจ้าง
ขอให้สำนักงบประมาณเป็นผู้วินิจฉัย และขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งต่อไป ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองในอนาคตขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยนำเงื่อนไข
หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตร
และวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ของการประกวดราคานานาชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ มาใช้ อย่างเคร่งครัด โดยกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
320 | การสนับสนุนค่าบำรุงของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก | สธ. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาชิกเพิ่มแบบขั้นบันได
ได้แก่ เพิ่มร้อยละ ๒๐ (จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๐
เพิ่มร้อยละ ๒๕ (จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๐) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ - ๒๕๗๒ และเพิ่มร้อยละ
๒๗ (จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๒) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๓ - ๒๕๗๔ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ (หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ
ด่วนที่สุด ที่ กต ๑๐๐๒/๙๖๖ ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘)
ไปพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสมและรอบคอบต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ กระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ในงบเงินอุดหนุน
เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก จำนวน ๗๔,๙๖๒,๒๐๐ บาท
ควรให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศแต่ละปีตามที่พันธกรณีได้กำหนดเป็นหลักเกณฑ์การคำนวณการจ่ายเงินบำรุงค่าสมาชิก
ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในแต่ละปี
เพื่อให้การกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณมีความเหมาะสม
และก่อให้เกิดผลตอบแทนด้านสุขภาพอย่างคุ้มค่าสูงสุดต่อประเทศ
|