ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 19 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 361 - 380 จากข้อมูลทั้งหมด 124426 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 361 | การออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานให้แก่บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 | กพอ. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานให้แก่
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ในการประชุมครั้งที่
๓/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ซึ่งที่ประชุมฯ
ได้มีมติ ดังนี้ ๑) อนุญาตผลิตไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง ๑๘ เมกะวัตต์ และอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า
ขนาดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ๑๕ เมกะวัตต์ ให้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ฯ
ระยะเวลา ๒๕ นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต ๒)
อนุญาตการประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ๓) อนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม (พค.๒)
ให้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ฯ ระยะเวลา ๔ ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาต ๔)
รับทราบการอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar)
ให้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ฯ และ ๕) มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในฐานะกรรมการและเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กพอ ลงนามในใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง
ให้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ฯ ทั้งนี้
หากคณะรัฐมนตรีรับทราบโดยไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหรือเห็นชอบตามมติ กพอ. ครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ เมื่อวันที่
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เพื่อ กพอ. จะออกใบอนุญาตฯ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้บริษัท
บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) คำนึงถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการก่อสร้างอาคารโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
(Solar) และหลังจากการก่อสร้าง
รวมทั้งการดำเนินการต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการหรือเงื่อนไขตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และควรนำมาตรการภายใต้กลยุทธ์และยุทธศาสตร์ของแผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ มาประยุกต์ใช้ในการประกอบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น
การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรเร่งจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ
หรือเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานตามมาตรา ๓๗
แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีขั้นตอนและกรอบระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติ
อนุญาต ให้สิทธิที่ชัดเจน และคำนึงถึงกรอบวัตถุประสงค์ในการกำกับกิจการพลังงานแห่งพระราชบัญญัติการกำกับกิจการพลังงาน
พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างการดำเนินการดังกล่าว
ควรกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกปฏิบัติตามมาตรา
๙๖ แห่งพระราชบัญญัติการกำกับกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปพลางก่อน และกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
จัดส่งข้อมูลการผลิต การส่ง และการจำหน่ายไฟฟ้าให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกระทรวงพลังงานทราบเป็นระยะ
ๆ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า และการบริหารระบบไฟฟ้าของประเทศในภาพรวม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 362 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568 | ปสส. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ๑) ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ๒) ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การกำหนดตำแหน่งเจ้าพนักงานคดีประจำศาลยุติธรรม)
และ ๓)
การสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
(WIPO Performances and Phonograms Treaty : WPPT) พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)
วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๑
สิงหาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 363 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568) | ศย. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอ ๑. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
รวม
๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 364 | การสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Performances and Phonograms Treaty: WPPT) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568) | ปสส. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
(WIPO Performances and
Phonograms Treaty : WPPT) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 365 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่บริเวณเกาะสะเก็ด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. .... | ทส. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่บริเวณเกาะสะเก็ด ตำบลมาบตาพุด
อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่บริเวณเกาะสะเก็ด
ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อสงวนคุ้มครอง อนุรักษ์แนวปะการัง
และจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืน
รวมทั้งการสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรพิจารณายกเว้นโครงการของหน่วยงานรัฐ
เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการและเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ และเป็นการสงวนคุ้มครอง อนุรักษ์
ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้กลับมามีความสมบูรณ์
อันเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน
และช่วยให้ภาคประชาชนและสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการประสานความร่วมมือในการสงวน
คุ้มครอง และอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการกำหนดมาตรการในเรื่องนี้อาจส่งผลต่อกรมเจ้าท่าทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามภารกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำและการขุดลอกร่องน้ำในพื้นที่บริเวณที่
๔ จึงควรพิจารณายกเว้นโครงการของหน่วยงานรัฐ
เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการและเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 366 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. .... | คค. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 367 | ขอความเห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุด ตามบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนระบบ 53 ขั้น | อก. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(กนอ.) ปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของพนักงานจากเดิมขั้นที่ ๔๖.๕ อัตรา
๑๑๓,๕๒๐ บาท เป็นขั้นที่ ๕๒ อัตรา ๑๓๘,๒๗๐ บาท ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ระดับ ๑๒ จากอัตรา ๑๑๓,๕๒๐ บาท เป็นอัตรา ๑๓๘,๒๗๐
บาท ระดับ ๑๑ จากอัตรา ๑๐๘,๘๑๐ บาท เป็นอัตรา ๑๓๓,๗๗๐
บาท ระดับ ๑๐ จากอัตรา ๑๐๔,๓๑๐ บาท เป็นอัตรา ๑๒๙,๒๗๐
บาท ระดับ ๙
จากอัตรา ๙๕,๘๑๐ บาท เป็นอัตรา ๑๒๔,๗๗๐
บาท ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ
โดยจะทำให้ กนอ. มีภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรต่อปีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ไม่กระทบต่อผลประกอบการในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ และ กนอ. ควรกำกับติดตามการดำเนินการตามแนวทางการเพิ่มรายได้และประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมควรกำกับให้
กนอ. ดำเนินการตามแผนการจัดหารายได้เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้นอย่างเคร่งครัดและกำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 368 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๓ ราย ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) ๒. รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิชัย
ชุณหวชิร) ๓. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์
ศิรินิล)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 369 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. ๒๕๔๖ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์) ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 370 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายวิชัย ไชยมงคล) | นร.04 | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิชัย ไชยมงคล
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 371 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ครั้งที่ 1 (นายปริญญา โพธิสัตย์) | มท. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายปริญญา โพธิสัตย์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘
ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 372 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลเอก คำรณ เครือวิชฌยาจารย์) | กห. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พลเอก คำรณ เครือวิชฌยาจารย์
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ณัฐพล
นาคพาณิชย์) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 373 | รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลากิจ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2568 | นร.05 | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่
๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๖.๓๐ น. ทั้งนี้
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 374 | การพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย | มท. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
และคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคพ้นจากตำแหน่งกรรมการทั้งคณะ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙
มีนาคม ๒๕๓๗ (เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการพ้นจากตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ
และบทกำกับข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๓ (เรื่อง
การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ไปพิจารณาดำเนินการโดยเร็วต่อไป
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรที่จะเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่โดยเร็ว
เนื่องจากหลายกิจการของรัฐวิสาหกิจต้องได้รับอนุมัติหรือความเห็นชอบจากคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจก่อน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เห็นควรดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และประกาศ สคร. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลา
ในการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ
กรณีรัฐวิสาหกิจมีกรรมการไม่เพียงพอที่จะทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.
๒๕๖๖ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 375 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 3 | กษ. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง
ระยะที่ ๓ เพื่อเสริมสภาพคล่องโดยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการประมงพาณิชย์และพื้นบ้าน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง
ระยะที่ ๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและครบถ้วนด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติผู้ประกอบการประมงในการขอสินเชื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 376 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2568/69 | พณ. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 377 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... | กค. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ
(Nation Credit Guarantee Agency : NaCGA) โดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์
ขอบเขตการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการ และการกำกับดูแลการดำเนินการของ
NaCGA รวมทั้งกำหนดแนวทางและระยะเวลาในการจัดตั้ง NaCGA
ตลอดจนแนวทางการผนวกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
กับ NaCGA เพื่อยกระดับกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมความยั่งยืนทางการคลัง และสามารถส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายได้ด้วยต้นทุนทางการเงินในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง
(Risk-based Pricing) มากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ
และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าในประเด็นที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลให้แก่สถาบัน
NaCGA เพื่อเป็นฐานข้อมูลและแบบจำลองด้านเครดิตตามภารกิจของสถาบันฯ
ภายใต้ร่างมาตรา ๕๓ อาจต้องพิจารณากฎหมายของหน่วยงานของรัฐนั้นประกอบด้วย
เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายอื่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมบทบาทสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ
ในด้านการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบ (Formalization) และให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการทบทวนภารกิจและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐอื่นที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมผู้ประกอบการ
SMEs ในลักษณะที่เกี่ยวเนื่องและคล้ายคลึงกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานและช่วยลดภาระทางการคลัง ทั้งนี้ ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานหรือลูกจ้างตามมาตรา
๑๓๐ ของร่างพระราชบัญญัติฯ
ควรให้มีการดำเนินการโดยให้ความสำคัญกับความคล่องตัวและการสร้างประสิทธิภาพให้กับ NaCGA
ตามรูปแบบองค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย
สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรกำหนดกลไกการบริหารความเสี่ยง
การตรวจสอบความคุ้มค่า และการควบคุมการใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม
เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงทางการคลังของประเทศในระยะยาว
และป้องกันไม่ให้เกิดหนี้สินแฝงที่อาจกระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศในอนาคต สำนักงาน ก.พ. เห็นควรมีการพัฒนาความรู้ความสามารถบุคลากรที่มีอยู่ให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับภารกิจที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
รวมถึงพิจารณาการถ่ายโอนภารกิจบางส่วนให้ภาคเอกชนดำเนินการแทน
เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐในระยะยาว และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สนับสนุนการปฏิบัติงาน
เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจของสถาบันฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 378 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบคู่มือคนงาน ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาต ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอรับใบคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาต
ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับ
การตรวจสอบ การออกใบคู่มือคนงาน ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
หรือทำการบำรุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าหรือไม้ยืนต้นในเขตป่าเสื่อมโทรม
เพื่อให้การเข้าไปดำเนินการต่าง ๆ
ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเป็นไปตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มเติมคำนิยาม “คนงาน” “ผู้รับจ้าง”
และ “ผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาต” ไว้ในร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ด้วย ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าร่างกฎกระทรวงฉบับนี้กำหนดรองรับการขอรับใบคู่มือเฉพาะกรณีการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์และอยู่อาศัยในป่าสงวนแห่งชาติตามมาตรา
๑๖ และการอนุญาตให้ทำการบำรุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าในเขตป่าเสื่อมโทรมตามมาตรา ๒๐
เท่านั้น ซึ่งอาจยังไม่ครอบคลุมการอนุญาตตามที่พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ กำหนดไว้ในกรณีอื่น
เช่น การทำไม้หรือเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามมาตรา ๑๕ การอนุญาตให้บุคคลทำประโยชน์และอยู่อาศัยในเขตป่าเสื่อมโทรมตามมาตรา
๑๖ ทวิ การอนุญาตให้กระทำการเพื่อการศึกษา หรือวิจัยทางวิชาการตามมาตรา ๑๗ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่าร่างกฎกระทรวงข้อ ๕
ควรกำหนดการดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมกรณีการแจ้งยกเลิกใบคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนและการยื่นคำขอใบแทน และร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๗ และข้อ
๘ ที่กำหนดให้ส่งคืนใบคู่มือคนงานฯ แก่จังหวัดท้องที่ กรณียกเลิกใบคู่มือคนงานฯ หรือขอใบแทนกรณีชำรุดเสียหาย
เห็นควรกำหนดให้รองรับกรณีการออกใบอนุญาตโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ด้วย และในแบบคำขอรับใบแทนใบคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้าง
หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ
กำหนดให้แนบสำเนาหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลและหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
ซึ่งเป็นข้อมูลที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐ
เห็นควรให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อยกเลิกการขอเอกสารดังกล่าวซึ่งเป็นการลดภาระเอกสารและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอรับใบอนุญาต ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด
รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th)
ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 379 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2566-2570) | อว. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 380 | การติดตามการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ | นร.04 | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ มกราคม และ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า
ประปา และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ
ซึ่งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการขอผ่อนผันการดำเนินการต่าง
ๆ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐที่เกี่ยวข้อง
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
หรือในที่ดินของรัฐที่ถูกบุกรุก หรือในที่ดินที่อยู่ระหว่างพิสูจน์สิทธิการครอบครองมาก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในวันดังกล่าว
(๙ มกราคม ๒๕๖๗) สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาได้ในอัตราค่าบริการที่เหมาะสม
นั้น โดยที่ในขณะนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนว่ายังคงได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานดังกล่าวข้างต้นได้
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ) รวมทั้งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๗
การช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า
ประปา
และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ) ให้แล้วเสร็จและครบถ้วนโดยด่วน ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งจัดการประชุมร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าและรวบรวมปัญหา
อุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้การดำเนินการเกี่ยวกับการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐเกิดความล่าช้า
รวมทั้งให้จัดทำกรอบระยะเวลาในการดำเนินการในเรื่องนี้ให้เหมาะสมและชัดเจน
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
