ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 19 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 361 - 380 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
361 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ | สธ. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขในสาขาต่าง
ๆ ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ควรให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
362 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
363 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลปกครอง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | ศป. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลปกครอง
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
364 | ข้อเสนอแนะตามรายงานคู่ขนานการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และข้อสังเกตเชิงสรุปของคณะกรรมการต่อต้านการทรมานต่อรายงานประเทศ ฉบับที่ 2 | สนง. กสม. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะตามรายงานคู่ขนานการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย
ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี
และข้อสังเกตเชิงสรุปของคณะกรรมการต่อต้านการทรมานต่อรายงานประเทศ ฉบับที่ ๒
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
365 | ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็กและผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราขนาดกลาง ตามนโยบายการสร้างโอกาสต่อยอดจากอุตสาหกรรมเดิมเพื่อส่งเสริม Soft Power ของประเทศและนโยบายการยกระดับการบริการภาครัฐ | กค. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการผลิตสุรา
พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยการแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตผลิตสุราจากโรงอุตสาหกรรมสุราขนาดกลาง
แก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโรงอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็ก และโรงอุตสาหกรรมสุราขนาดกลาง
เช่น สถานที่ตั้งของโรงอุตสาหกรรมสุรากลั่น และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน
รวมทั้งแก้ไขคำนิยามเกี่ยวกับโรงอุตสาหกรรมสุราแช่ชนิดเบียร์ประเภทผลิตเพื่อขาย ณ
สถานที่ผลิต เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันทางการค้า การสร้างรายได้
และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็กและผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราขนาดกลาง
ตามนโยบายการสร้างโอกาสต่อยอดจากอุตสาหกรรมเดิมเพื่อส่งเสริม Soft Power ของประเทศ
โดยการปรับใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านและสุราชุมชน และนโยบายการยกระดับการบริการภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นควรคำนึงถึงสุขลักษณะความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยสามารถต่อยอดสร้างการกระจายรายได้
และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
366 | กรแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒
รายเพิ่มเติม ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(นายพิชัย ชุณหวชิร) ๒. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์
ศิรินิล)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
367 | ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมของการหารือระดับผู้นำครั้งที่ 1 ว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ | กต. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมของการหารือระดับผู้นำครั้งที่
๑ ว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์
และให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมฯ ในการหารือระดับผู้นำครั้งที่
๑ ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘ โดยร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลทั้งสองประเทศในการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์
และติดตามความคืบหน้าความร่วมมือระหว่างไทยกับอินโดนีเซียในมิติที่สำคัญ ได้แก่ ๑)
ด้านการเมืองและความมั่นคง เช่น การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ๒) ด้านเศรษฐกิจ เช่น
การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน
๓) ด้านสังคมและวัฒนธรรม เช่น ความร่วมมือด้านการศึกษาวัฒนธรรม และ ๔)
ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนรวมถึงการสนับสนุนในเวทีพหุภาคีอื่น
ๆ เช่น BRICS องค์การสหประชาชาติเพื่อรับมือกับความท้าทายในระดับภูมิภาคและระดับโลกร่วมกัน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามประเมินผล และสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
368 | ทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2568-2570 | ศธ. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ พ.ศ.
๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานให้ทุนและหน่วยงานทำวิจัยนำทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐
ไปใช้เป็นกรอบในการพิจารณาให้ทุนและจัดทำงานวิจัยทางการศึกษาตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการ สภาการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรให้มีการติดตามและประเมินผลที่เชื่อมโยงกับตัวชี้วัดสากลด้านความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาและภาพรวมของประเทศ
และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะกำลังคนที่มุ่งเน้นทักษะดิจิทัลเพื่อพัฒนาคุณภาพแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาดและสร้างพลเมืองดิจิทัล กระทรวงแรงงาน เห็นควรให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษาและตลาดแรงงานอย่างเป็นระบบ
โดยเฉพาะการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม
เพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบ แนวทาง การจัดการศึกษา และการจัดการเรียนการสอน ให้ชัดเจน เหมาะสม
และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งมีการประเมินผลและการกำหนดตัวชี้วัดในเรื่องต่าง
ๆ ที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล เช่น การประเมินจากโปรแกรมการประเมินสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากล
(Programme for International Student
Assessment : PISA)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
369 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | บจธ. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการยุบเลิกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ออกไปเป็นภายในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๙
เพื่อศึกษาทบทวนบทบาทภารกิจและความจำเป็นในการมีอยู่ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) โดยในช่วงการขยายระยะเวลาดังกล่าวนี้ ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ปฏิบัติภารกิจเท่าที่จำเป็นและไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น
ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ทั้งนี้
ตามมติของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๘
เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และให้ปรับแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาการยุบเลิกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรี แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
370 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 และวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 | นร 05 | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น.
เป็นต้นไป และวันพุธที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๒.๐๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
371 | ขอความเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB Women's World Championships 2025 | กก. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล
FIVB Women’s World Championships 2025
ภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑,๑๒๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้การกีฬาแห่งประเทศไทยใช้จ่ายจากเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ วงเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท รายได้ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดและโซเชียลมีเดียภายในประเทศ
รายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน การสนับสนุนจากภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ
ที่ได้ประมาณการไว้วงเงิน ๔๗๔,๕๐๐,๐๐๐
บาท และขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๔๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความจำเป็นและเหมาะสม และเป็นไปตามขั้นตอนของตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๓/๔๕๗ ลงวันที่
๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘) ทั้งนี้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินงานดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าการดำเนินงานต้องควบคุมและกำกับการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้
กระทรวงสาธารณสุขจะเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับการจัดงานในช่วงเวลาดังกล่าว
เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยสูงสุดกับเจ้าหน้าที่ นักกีฬา
และประชาชนที่เข้าชม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
372 | แนวทางการดำเนินการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ (Outstanding Development Opportunity Scholarship: ODOS) | นร.10 | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ
(Outstanding Development
Opportunity Scholarship : ODOS) เพื่อให้นักเรียนซึ่งขาดแคลนโอกาส
มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี มีศักยภาพ ได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณภาพและมีศักดิ์ศรี
รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนซึ่งขาดแคลนโอกาส
ให้เข้าถึงการศึกษาและพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างมีคุณภาพ และปลูกฝังทัศนคติให้แก่เด็กและเยาวชนของประเทศในการพัฒนาตนเองอย่างมีเป้าหมายและต่อเนื่อง
ตามที่คณะกรรมการอำนวยการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศเสนอ ให้คณะกรรมการอำนวยการโครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ
และสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางแผนรองรับภายหลังสำเร็จการศึกษาของผู้รับทุนที่มีความชัดเจนและรัดกุม
โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากผู้รับทุนในการสนับสนุนเป็นกำลังสำคัญของภาครัฐและภาคเอกชน
ให้มีความสอดคล้องตามความต้องการท้องถิ่นและทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาวต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการดังกล่าวในทุกปีการศึกษา เพื่อให้ทราบปัญหาอุปสรรคและนำผลการติดตามประเมินผลดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการและจัดสรรงบประมาณในระยะต่อไปด้วย โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
373 | ขออนุมัติปรับชื่อ วัตถุประสงค์ และกลุ่มเป้าหมาย โครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการ (เช่าซื้อ) จังหวัดสงขลาและจังหวัดปัตตานี | พม. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การเคหะแห่งชาติปรับชื่อโครงการ
วัตถุประสงค์ และกลุ่มเป้าหมายโครงการบ้านสวัสดิการ (เช่าซื้อ) จังหวัดสงขลาและจังหวัดปัตตานี
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และการเคหะแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๐๖/๒๘๐๕ ลงวันที่ ๙
พฤษภาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากโครงการดังกล่าวมีเนื้อที่เกินกว่า
๑๐๐ ไร่ จะเข้าข่ายการจัดทำและเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามขั้นตอนของกฎหมายกำหนดต่อไป
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
374 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - เนปาล | คค. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - รวันดา ไทย
- โมร็อกโก และไทย - เนปาล และบันทึกการหารือระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ๒.
ให้ความเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - รวันดา ไทย -
โมร็อกโก ไทย - เนปาล และไทย - ซาอุดีอาระเบีย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย ๔. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
เพื่อยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ/ร่างความตกลงฯ ระหว่างไทย –
รวันดา ไทย - โมร็อกโก และไทย - เนปาล รวมถึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตดังกล่าว
โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๕. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นเพื่อให้ร่างความตกลงฯ
ระหว่างไทย - ชาอุดีอาระเบีย มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเนปาลและร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรพิจารณาหารือกับฝ่ายรวันดาและเนปาลอีกครั้งถึงความจำเป็นในการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าภายหลังจากร่างความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณาแนวทางการส่งเสริมให้สายการบินสัญชาติไทยสามารถใช้ประโยชน์จากผลการเจรจาได้อย่างเต็มศักยภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
รวมถึงพิจารณาบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สายการบินในประเทศสามารถเข้าสู่ตลาดเส้นทางบินระหว่างประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
375 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว | ศธ. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
มีผลการพิจารณาสรุปในภาพรวมคือ การดำเนินงานในระยะเร่งด่วน เช่น
กระทรวงศึกษาธิการได้มีหนังสือแจ้งแนวทางการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว
เพื่อให้ทำหน้าที่ประสานงานหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดรับเด็กต่างด้าวที่มีความประสงค์เข้าเรียนครบทุกคน
การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวควรดำเนินการเฉพาะในเขตพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
โดยเฉพาะประเทศเมียนมา การจดแจ้งจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวจะต้องขึ้นทะเบียนครูและนักเรียน
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลเชิงสถิติอย่างเป็นทางการ
ส่วนกรณีการปิดศูนย์การเรียนรู้มิตตาเย๊ะบางกุ้ง จังหวัดสุราษฎร์ธานีและศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารับเด็กต่างด้าวเข้าเรียนให้ครบทุกคนตามความสมัครใจแล้ว
และการดำเนินงานในระยะถัดไป จะต้องผลักดันให้ศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย
โดยปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
376 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-รวันดา | คค. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - รวันดา ไทย
- โมร็อกโก และไทย - เนปาล และบันทึกการหารือระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีสาระสำคัญเป็นเอกสารสรุปผลการเจรจาหารือร่วมกันระหว่างคู่ภาคี ๒. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย
- รวันดา, ไทย - โมร็อกโก, ไทย - เนปาล และไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิ และข้อบทต่าง
ๆ ในการดำเนินการบริการเดินอากาศระหว่างประเทศไทยกับประเทศดังกล่าว ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ๔. ในส่วนของรวันดา โมร็อกโก และเนปาล :
เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเพื่อยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ/ร่างความตกลงฯ
รวมถึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูต โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๕. ในส่วนของซาอุดีอาระเบีย : มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูต
เพื่อให้ร่างความตกลงฯ ระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีผลใช้บังคับ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
377 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย | คค. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑.
รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - รวันดา ไทย - โมร็อกโก และไทย - เนปาล และบันทึกการหารือระหว่างไทย
- ซาอุดีอาระเบีย ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ๒.
เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - รวันดา ไทย - โมร็อกโก ไทย
- เนปาล และไทย - ซาอุดีอาระเบีย ๓.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย ๔.
เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย เพื่อยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ/ร่างความตกลงฯ
ระหว่างไทย - รวันดา ไทย - โมร็อกโก และไทย – เนปาล รวมถึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตดังกล่าว
โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๕. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นเพื่อให้ร่างความตกลงฯ
ระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย มีผลใช้บังคับ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
378 | การบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการหารือเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับผู้บัญชาการทหารบก
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย
เพื่อกำหนดแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว
ซึ่งนอกจากจะมุ่งเน้นการดำเนินงานด้านความมั่นคงการดูแลความสงบเรียบร้อย
และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิดระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนในพื้นที่แล้ว
ยังต้องให้ความสำคัญกับการดูแลและสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนในด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย
โดยให้ถือเป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับงานด้านความมั่นคงอย่างบูรณาการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่มีบุคลากรประจำอยู่ในพื้นที่ เช่น กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกำชับให้หน่วยงาน
และเจ้าหน้าที่ในสังกัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ [จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา
(อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย)] ปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจอย่างเต็มที่ภายใต้การกำกับและบูรณาการการดำเนินงานในภาพรวมของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด
ทั้งนี้ ให้น้อมนำหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในเรื่อง “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาเป็นหลักในการปฏิบัติงานร่วมกันด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการศึกษา
และการเรียนการสอนให้แก่เด็กและเยาวชนในโรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ
รวมถึงการสื่อสารและสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ให้ถูกต้อง ชัดเจน น่าเชื่อถือ เพื่อปลูกฝังทัศนคติที่ดีและถูกต้อง ในการเป็นพลเมืองของชาติ
โดยไม่ถูกหลอกลวงหรือครอบงำด้วยข้อมูลข่าวสารในเรื่องต่าง ๆ อันเป็นเท็จ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
379 | การเตรียมการจัดประชุมทูตไทยประจำปี | นร. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกและกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดจัดการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
(การประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก) ขึ้นเป็นประจำทุกปี นั้น
เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายด้านการต่างประเทศและการพาณิชย์ของไทยมีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเอกภาพ
จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์จัดการประชุมประจำปีดังกล่าวในปีต่อ
ๆ ไปร่วมกัน
โดยให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือที่มีสำนักงาน/ผู้แทนประจำอยู่ในต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมด้วยให้ครบถ้วน
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
เพื่อจะได้ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางและกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศของทีมประเทศไทย
(Team Thailand) ให้ชัดเจน เหมาะสม ครบถ้วน
และเป็นไปในทิศทางเดียวกันโดยยึดผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับนานาประเทศในมิติต่าง
ๆ การดึงดูดการลงทุน การส่งออก และการแสวงหาตลาดใหม่ ๆ ให้แก่สินค้าไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
380 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 13/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว
โดยปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว
ประเภทค้าข้าวส่งไปจำหน่ายต่างประเทศที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไปและผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ
และยกเว้นค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตและการต่ออายุหนังสืออนุญาตดังกล่าวแก่เกษตรกร
กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ ซึ่งได้จดทะเบียนรับรองไว้กับหน่วยงานราชการ
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมีการกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการตลาดและความสามารถในการส่งออกข้าวไปจำหน่ายต่างประเทศสำหรับเกษตรกร
กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ และผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพควบคู่กับการบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมฯ ดังกล่าว |