ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 124426 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 221 | ขออนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | พม. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๒๐๙,๐๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
ที่จะได้รับเงินต่อเนื่องในเดือนกันยายน ๒๕๖๘
ตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ แล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๒/๘๓๔๔ ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘) ที่เห็นควรให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนตรวจสอบข้อมูลผู้มาลงทะเบียนให้ถูกต้อง
และกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์
วิธีการ และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ตลอดจนกำหนดให้มีกลไกการติดตามตรวจสอบการใช้เงินอุดหนุนดังกล่าวที่ชัดเจน
โปร่งใส เป็นรูปธรรม ตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 222 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (นายคุณดร งามธุระ) | คค. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 223 | ข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ | นร.12 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่
ประกอบด้วย (๑) หลักการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) (๒)
วัตถุประสงค์ในการพัฒนา นปร. (๓) สมรรถนะหลักของ นปร. (๔)
การคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนา นปร. (๕) สถานภาพผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนา นปร.
(๖) แนวทางการพัฒนาผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนา นปร. (๗) การประเมินผลและการจัดสรร และ
(๘) การออกจากโครงการพัฒนา นปร. การออกจากราชการ และการชดใช้ทุน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน
ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงศึกษาธิการไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นควรพิจารณาการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงภาครัฐ (Gov Change Center) เพื่อทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้ผ่านโครงการ
ให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคและติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการหลังสิ้นสุดหลักสูตร รวมทั้งพิจารณาจัดสรรนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่
ไปยังหน่วยงานของรัฐในรูปแบบอื่น ๆ และในการจัดสรรนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ไปปฏิบัติราชการ
ณ ส่วนราชการต่าง ๆ นั้น
ควรให้มีการประสานการดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่ประสงค์จะรับนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ไปปฏิบัติราชการ
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานในหน่วยงานผู้รับได้ทันที
เมื่อสำเร็จการฝึกอบรมจากโครงการ กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าประเด็นสถานภาพผู้เข้าร่วมโครงการฯ
กรณีข้าราชการที่กำหนดไว้เพียงว่า “ระหว่างการเข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นข้าราชการช่วยราชการสำนักงาน
ก.พ.ร.” ควรปรับเงื่อนไขให้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น และควรมีสิ่งจูงใจด้านความก้าวหน้าในสายอาชีพข้าราชการภายหลังเข้าร่วมโครงการ
เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์การต่อไป รวมถึงการจัดสรร นปร.
ประเภทบุคคลทั่วไป และให้ส่วนราชการมีส่วนร่วมในการพิจารณาคัดเลือก นปร.
ที่จบตามระยะเวลาโครงการฯ เข้ามาปฏิบัติงานในส่วนราชการ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 224 | รายงานผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน และงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน และงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้ว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
(กปพ.) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕
- ๒๕๖๗ กปพ. บริหารเงินที่ใด้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ วงเงินรวม
๑,๖๖๕,๖๒๖ ล้านบาท และได้รับผลตอบแทนเพื่อให้กระทรวงการคลังนำไปสมทบการชำระหนี้
จำนวน ๑๑,๓๖๘ ล้านบาท และ ๒) รายงานฐานะทางการเงินและงบการเงินของ
กปพ. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 225 | การเสนอความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนในการขอจัดตั้งกองทุนภูมิอากาศตามร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .. | กค. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
| 226 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... | นร.09 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 227 | กรอบแนวทางการดำเนินการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานของรัฐ สำหรับการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้เกิดการรั่วไหล | กมช. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบแนวทางการดำเนินการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานของรัฐ
สำหรับการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้เกิดการรั่วไหล ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบสำหรับหน่วยงานของรัฐ
หน่วยงานควบคุม หรือกำกับดูแลและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศเพื่อเป็นกรอบแนวทางฯ เช่น (๑) งดใช้ข้อมูลจริงในการพัฒนาระบบ
หรือลบออก ภายใน ๓ วัน หลังจากทดสอบแล้วเสร็จ (๒)
ตรวจสอบและประเมินผลการทำงานของระบบอย่างสม่ำเสมอ (๓)
อบรมเรื่องการออกแบบและพัฒนาระบบให้ปลอดภัย และ (๔)
จัดให้มีกลไกเฝ้าระวังเพื่อแจ้งเตือนและตอบสนองต่อการโจมตี/ช่องโหว่ที่เกิดขึ้น
และอนุมัติให้ทุกหน่วยงานนำไปดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับระบบงานของหน่วยงานต่อไป ตามที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรให้มีการกำหนดกลไกในการติดตาม
ตรวจสอบและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์และภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อันจะนำไปสู่ระบบดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐที่มีความมั่นคงปลอดภัย
และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างแท้จริง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เห็นควรสร้างความรู้
ความเข้าใจในการกำหนดขอบเขตของงานพัฒนาระบบ ควรมีแนวทางที่ยืดหยุ่นในการกำหนดเกณฑ์ให้พัฒนาซอฟต์แวร์มีมาตรฐานที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย
ควรมีความชัดเจนว่าการจ้างพัฒนาจากภายนอกหรือหน่วยงานรัฐจำเป็นต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน
ISO/IEC 27001
หรือไม่ และควรระบุความชัดเจนของข้อความที่ครอบคลุมถึงวิธีการลบหรือทำลายข้อมูลที่ปลอดภัย
เป็นต้น
๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติจัดให้มีกิจกรรมหรือการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานของรัฐ
เช่น
การให้บริการตรวจค้นหาช่องโหว่หรือการทดสอบเจาะระบบแก่ระบบสารสนเทศก่อนนำไปใช้งานจริงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายการเป็นหน่วยงานกลางในการจัดฝึกอบรมผู้พัฒนาระบบและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสนับสนุนการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้แก่ระบบสารสนเทศของหน่วยงานของรัฐทั้งหมด
เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลมิให้เกิดการรั่วไหล |
|||||||||||||||||||||||||||
| 228 | รายงานผลการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ประจำปี 2566 | นร.14 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 229 | การจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | พม. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ
ประจำปี ๒๕๖๖ - ๒๕๖๗ และให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ ๑๐๐ คนขึ้นไป
เร่งรัดดำเนินการจ้างงานคนพิการตามที่กฎหมายกำหนดให้ครบถ้วนภายในปี ๒๕๖๘
และรายงานผลการจ้างงานคนพิการประจำปีต่อกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลังและกระทรวงวัฒนธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรคนพิการ
เพื่อเป็นบัญชีร่วมสำหรับให้ส่วนราชการใช้บรรจุและแต่งตั้งคนพิการเข้ารับราชการ
โดยจัดทำบัญชีร่วมแยกตามประเภทความพิการ คุณวุฒิการศึกษา และความรู้ความสามารถ
ทักษะ และสมรรถนะที่เหมือนหรือใกล้เคียงกันให้ส่วนราชการสามารถดำเนินการคัดเลือกจากบัญชีร่วมดังกล่าวได้ตามความเหมาะสม กระทรวงพลังงาน เห็นควรให้มีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานของรัฐเพื่อจ้างเหมาบริการคนพิการโดยเฉพาะ
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถจ้างงานคนพิการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำข้อมูลการรายงานผลการจ้างงานคนพิการของหน่วยงานของรัฐ
รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ถึงประเด็นปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดของการไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการ
และเร่งกำหนดมาตรการหรือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจ้างงานคนพิการได้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 230 | รัฐบาลสาธารณรัฐออสเตรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทย (นางคาทารีนา วีเซอร์) | กต. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางคาทารีนา
วีเซอร์ (Mrs. Katharina Wieser) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายวิลเฮ็ล์ม มัคซีมีลีอาน ด็องโค (Mr.
Wilhelm Maximilian Donko) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 231 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3/2568 และครั้งที่ 4/2568 | นร.04 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ และครั้งที่ ๔/๒๕๖๘ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) กรอบและแนวทางการทำรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๑ (๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ - ๑๒ กันยายน ๒๕๖๘) และ (๒)
ประเด็นการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วน ๑๐ ประเด็น เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
การส่งเสริมผู้ประกอบการไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยว
และนโยบายเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหามลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม ตามที่คณะกรรมการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 232 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงกัวเตมาลาซิตี สาธารณรัฐกัวเตมาลา (นายเอนริ ฟิลิป กอมเต เบลัสเกซ) และการขอปรับสถานะของสถานทำการทางกงสุล ณ กรุงกัวเตมาลาซิตี สาธารณรัฐกัวเตมาลา | กต. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. แต่งตั้ง นายเอนริ ฟิลิป กอมเต เบลัสเกซ (Mr. Henry Philip Comte Velasquez) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงกัวเตมาลาซิตี สาธารณรัฐกัวเตมาลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐกัวเตมาลา
สืบแทน นายหลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ (Mr. Louis T. Leonowens) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงกัวเตมาลา
สาธารณรัฐกัวเตมาลา ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากชราภาพ
และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ถอดถอนจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 233 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำจังหวัดเชียงใหม่และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นางเยอันแน็ตเตอ กอร์เนลียา อาลีดา วูลิงงา) | กต. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายพีเทอร์
อัลเบิร์ต นิคอลัส ฟาน ลู (Mr. Peter Albert Nicolas van Loo) กงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๕๕ เนื่องจากได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลส่วนตัว ๒. อนุมัติการแต่งตั้ง นางเยอันแน็ตเตอ กอร์เนลียา
อาลีดา วูลิงงา (Ms. Jeannette Kornelia Alida
Woelinga) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ณ
จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง
แพร่ พะเยา น่าน เชียงราย และอุตรดิตถ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 234 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามลำดับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้
คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ ดังนี้ ๑.๑
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ๑.๒ นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค ๑.๓
นายพิชัย ชุณหวชิร ๑.๔.
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 235 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ฯลฯ จำนวน 10 ราย) | นร.04 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๑๐ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย) ๒. นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ๓. นายชื่นชอบ คงอุดม ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ๔.นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร) ๕. นายฉัตริน จันทร์หอม ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(รองนายกรัฐมนตรี
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ๖. นายกฤช เอื้อวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร
สินธุไพร) ๗.นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๘. นายธเนศ กิตติธเนศวร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์
ศิรินิล) ๙. นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 236 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) | นร.09 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๓. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน
บริษัท และองค์กรทางธุรกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 237 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายจักรพงษ์ แสงมณี ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | นร.04 | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๕ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายจักรพงษ์ แสงมณี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๒. นายสมคิด เชื้อคง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๓. นางสาวธีราภา ไพโรหกุล ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๔. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
๕. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 238 | โครงการขยายเขตไฟฟ้าด้วยวิธีปักเสาพาดสายให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ ระยะที่ 3 (คฟม.3) | มท. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
| 239 | การเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐ ให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 และเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 | สคทช | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
| 240 | ขอความเห็นชอบยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 | มท. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
