ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
321 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารีขึ้นเป็นองค์การมหาชน
เพื่อดำเนินภารกิจในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมบนพื้นฐานทางธรรมชาติในรูปแบบไนท์ซาฟารีที่มีความหลากหลาย
และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการโอนเงินและทรัพย์สินของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร
(องค์การมหาชน) ไปเป็นทุนขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาประเมินรูปแบบองค์กรและการบริหารจัดการองค์กรที่เหมาะสมระหว่างองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) และองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ภายในระยะเวลา ๒ ปี ๓ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ ในส่วนที่เกี่ยวกับการประเมินรูปแบบองค์กรและการบริหารจัดการองค์กรที่เหมาะสมระหว่างองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) และองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าในการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่องค์การบริหารไนท์ซาฟารีฯ
ควรมีการเตรียมความพร้อมการดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดในบทเฉพาะกาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๒ ฉบับ
มีผลใช้บังคับแล้วให้องค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การบริหารกิจการของรัฐเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ
รวมไปถึงควรกำหนดมาตรการ/แนวทางการประเมิน และการบริหารจัดการที่เหมาะสม
เพื่อให้การจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
บรรลุตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
322 | ปัญหาการลักลอบนำเข้าปูนและเหล็กไม่ได้มาตรฐาน (มอก.) | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ได้รับข้อร้องเรียนจากภาคเอกชนว่า
ปัจจุบันมีความพยายามลักลอบนำเข้าสินค้าวัสดุก่อสร้างประเภทปูนและเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานตามบริเวณแนวชายแดนเป็นจำนวนมาก
โดยสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบหรือรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม และอาจมีการปลอมแปลงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
(มอก.) ด้วย ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการตรวจสอบ
โดยให้ประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด แล้วดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้เฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
323 | การแก้ไขปัญหาช้างป่ารุกล้ำพื้นที่เกษตรกรรม | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากสถานการณ์ปัญหาประชากรช้างป่าที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันและรุกล้ำเข้ามาหากินในพื้นที่เกษตรกรรม
ส่งผลให้พื้นที่และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
รวมทั้งเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และบริเวณโดยรอบมากยิ่งขึ้น
เช่น พื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี จึงขอมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและดำเนินการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างจริงจังต่อเนื่อง
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้
ขอให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับจัดสรรไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
324 | มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2568 และส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในฤดูแล้ง ปี 2568/2569 | กนช. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี ๒๕๖๘
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘
และส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๘/๒๕๖๙ และมอบหมายหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
โดยรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
325 | มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นการปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า | สช. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นการปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า
และเห็นชอบมาตรการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ๕
มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการที่ ๑ พัฒนาและจัดการองค์ความรู้ มาตรการที่ ๒
สร้างการรับรู้ภยันตรายและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็ก เยาวชน และสาธารณชน มาตรการที่
๓ เฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า มาตรการที่ ๔
พัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่าย เพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกัน ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า
และมาตรการที่ ๕ ยืนยันนโยบายและมาตรการป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้า
โดยที่คำนึงถึงพันธสัญญาที่ประเทศไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกและต้องดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยองค์กรสหประชาชาติ
และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามภาระหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้หน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลในระบบออนไลน์ดำเนินการปิดกั้นหรือปิดระบบมิให้เกิดการโฆษณาหรือเป็นการปิดช่องทางการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าได้มากขึ้น
และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญกับบทบาทสถาบันครอบครัว
ซึ่งเป็นส่วนช่วยสนับสนุนพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนที่สำคัญที่สุดในการให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตัว
รวมทั้งในการเฝ้าระวังและกำหนดมาตรการเพื่อกำกับการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
มุ่งเน้นสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายและผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า
เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกันในตนเองและคำนึงถึงผลกระทบเชิงลบต่อผู้อื่น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
326 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | สธ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง
- ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางการดำเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาสุขอนามัย
เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คน
และโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพของแม่และเด็กตามแนวชายแดนของไทย สปป. ลาว
และเวียดนาม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขระมัดระวังและไม่ดำเนินการใดที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศจากการแลกเปลี่ยนการใช้การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีความอ่อนไหว
หรือเป็นองค์ความรู้หรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งควรเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทยเท่านั้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงาน
รวมถึงกำกับและดูแลการประเมินผลโครงการทั้งด้านการวางแผนโครงการและการดำเนินงานโครงการ
รวมถึงกิจกรรมและการบริหารงบประมาณให้เป็นไปตามข้อกำหนด
รวมถึงสื่อสารผลการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงได้รับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
327 | แนวทางการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดจำนวนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๗๒ คน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)
ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
328 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒.
มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลและจัดทำประเด็นเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อประกอบการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
329 | การขอรับความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 การประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 2 และการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับกับสาธารณรัฐประชาชนจีน | กต. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
330 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร.01 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว
ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช ๒๕๖๘
โดยไม่ถือเป็นวันลา ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการเข้าร่วมบวชชีพรหมโพธิและบวชเนกขัมมะพรหมโพธิของสตรีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้
ให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง
การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม) ด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการบรรพชาอุปสมบท ๙๙ รูป
และบวชชีพรหมโพธิ ๗๓ คน
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในส่วนของการขอยกเว้นการดำเนินการตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เรื่อง แนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการให้ข้าราชการ
เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง
ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ รวมถึงประกาศที่เกี่ยวข้อง นั้น
ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งประสานหารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและดำเนินการให้ถูกต้องตามหน้าที่และอำนาจตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อโปโดยด่วน ๓.
ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน
เพื่อสามารถรองรับให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
331 | การประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 16 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT - GT ที่จะมีการรับรองในการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT - GT และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน IMT - GT ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ
ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ รวมทั้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) มอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT
- GT และเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT-GT
ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้แผนงาน
IMT - GT ในด้านต่าง ๆ เช่น การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
332 | การเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความเดือดร้อนในสังคมและชุมชน รวมทั้งปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัวซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้ติดยาเสพติด
นับวันจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ก่อให้เกิดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด-สำนักงาน ป.ป.ส.) กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจตรา
ตรวจสอบ จับกุม และยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการ
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินการควบคุมตัวและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดด้วย โดยให้สำนักงาน
ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานประสานการดำเนินการและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงให้จัดทำแผนกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานต่าง ๆ ในภาพรวม ทั้งนี้
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดเป็นตัวชี้วัดผลงานที่สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
333 | การปราบปรามปัญหาการพนันออนไลน์ | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ไปแล้วเป็นจำนวนมาก
แต่ปัญหาการพนันออนไลน์ดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในสื่อสังคมอย่างแพร่หลายและส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง
มีประชาชนจำนวนมากมีปัญหาหนี้สินจากการเล่นพนันและปัญหาครอบครัวแตกแยก
รวมทั้งยังเป็นบ่อเกิดของปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการปราบปรามการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง
เข้มข้นและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น และให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว แล้วให้ประชาสัมพันธ์ผลงานและการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในเรื่องนี้ให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
334 | ขอมอบหมายการดำเนินการสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการและสำรวจตลาดผลไม้ของไทยในจังหวัดจันทบุรีของนายกรัฐมนตรี | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดจันทบุรี
ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกผลไม้ที่สำคัญของประเทศไทย (เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด)
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ และได้รับฟังปัญหาของสินค้าผลไม้ในเรื่องคุณภาพและภาวะผลไม้ล้นตลาด
รวมทั้งอุปสรรคในกระบวนการและขั้นตอนของการส่งออกสินค้าผลไม้ไปยังตลาดต่างประเทศ
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดติดตามให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีจัดการประชุม (workshop) ร่วมกับทุกภาคส่วนภายในจังหวัดทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและส่งออกสินค้าผลไม้ให้ครบทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
เพื่อรับฟังปัญหา ความเห็น ข้อเสนอแนะ และแนวทางการดำเนินการ
แล้วนำมาใช้เป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งในด้านของการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าผลไม้ให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด
รวมทั้งการดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ซึ่งจะนำไปปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนดบทลงโทษ
ให้มีความเหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้นต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม
ถูกต้อง อย่างเคร่งครัด เช่น
การควบคุมสินค้าเกษตรตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agriculture Practice :
GAP) รวมทั้งให้เร่งพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
และให้กำหนดบทลงโทษให้เหมาะสมและชัดเจนด้วย ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดให้มีห้องปฏิบัติการประจำจังหวัด
(Lab) เพื่อใช้ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าผลไม้
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่จะมีการส่งออกสินค้าผลไม้ไปยังต่างประเทศมาก ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงแรงงานและหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการออกใบอนุญาตเพื่อให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานข้ามจังหวัดได้ในช่วงระยะเวลาที่กำหนดตามความจำเป็นในแต่ละกรณี
เช่น ช่วงระยะเวลาที่จังหวัดมีผลิตผลทางการเกษตรออกสู่ตลาดมากและขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยว
โดยให้กำหนดมาตรการควบคุมและบทลงโทษตามกฎหมายที่เหมาะสมและชัดเจนด้วย ๕.
ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ ในการประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการกำหนดให้มีด่านตรวจสอบคุณภาพสินค้าผลไม้เพียงด่านเดียวจากฝั่งประเทศไทย
รวมทั้งเร่งกำหนดมาตรการร่วมกันเพื่อลดระยะเวลาการตรวจกักสินค้าผลไม้ให้เหลือเพียงไม่เกิน
๗ วัน เพื่อให้สินค้าผลไม้ของไทยออกสู่ตลาดของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ภายในเวลาอันควรและสามารถรักษาคุณภาพมาตรฐานของสินค้าผลไม้ไว้ได้ตลอดจนลดความเสียหายอันอาจเกิดขึ้น
รวมทั้งขอให้พิจารณาจัดหาพื้นที่หรือโกดังสินค้าที่เหมาะสมและมีคุณภาพในการรองรับการเก็บสินค้าผลไม้ของไทยเพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าผลไม้ดังกล่าวให้คงอยู่ได้อย่างยาวนานด้วย ๖.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเร่งศึกษานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิตสินค้าผลไม้ต่าง ๆ
ของไทย
รวมทั้งพัฒนาสายพันธุ์ของผลไม้ที่เหมาะสมกับประเทศไทยและตรงตามความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ๗.
ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการออกใบรับรองวิชาชีพสำหรับเกษตรกรที่ได้รับการฝึกอบรมและมีประสบการณ์และความชำนาญเพื่อเป็นนักคัดนักตัดทุเรียน
เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพของการเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐานและความต้องการของตลาด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
335 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ทส. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมควบคุมมลพิษก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑,๕๖๐,๒๔๖.๙๖ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรเป็นค่าสาธารณูปโภคได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
336 | แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท | กค. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน
๑๕๗,๐๐๐ ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานรับงบประมาณจัดทำโครงการและคำของบประมาณ
เพื่อดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าว ตามมติคณะกรรมการฯ ครั้งที่
๒/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ตามนัยข้อ ๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าในการจัดทำโครงการและการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ.
๒๕๖๗ รวมทั้งกฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่าหากหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านน้ำแล้ว
ขอให้เร่งรัดดำเนินการ พร้อมทั้งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
337 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย รัฐบาลแห่งมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันปาล์ม | กษ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
รัฐบาลแห่งมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันปาล์ม
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน
สนับสนุนและเอื้ออำนวยการส่งเสริมการค้า
รวมถึงเสริมสร้างประสบการณ์และการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน
บนพื้นฐานของการต่างตอบแทนและผลประโยชน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาน้ำมันปาล์ม
มีสาขาความร่วมมือ เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในอนุภูมิภาค
IMT - GT เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ไห้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่เห็นควรคำนึงถึงพื้นที่ที่ใช้ในการปลูกปาล์ม
ควรเป็นพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีการบริหารจัดการต้นปาล์มตามหลักวิชาการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และหากประสงค์จะดำเนินการในเขตพื้นที่ป่าไม้ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
338 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 (เรื่อง ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร) | กษ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
ในประเด็นเงินจ่ายขาด จากจำนวน ๑๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๒๕.๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการวิเคราะห์ลูกหนี้เพื่อจัดชั้นลูกหนี้
บริหารจัดการหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ พร้อมกำหนดมาตรการสร้างแรงสูงใจให้กลุ่มเกษตรกรชำระหนี้ควบคู่กับการขยายระยะเวลา ๕ ปี
โดยกำหนดเป้าหมายการรับชำระหนี้และส่งเงินต้นคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ต่อปี รวมถึงกำหนดแผนการดำเนินงานและแนวทางการช่วยเหลือ
กลุ่มเกษตรกร เพื่อให้สามารถเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าการพิจารณาดำเนินโครงการฯ
รวมถึงการเบิกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จะต้องคำนึงถึงเหตุผล ความจำเป็น
ความคุ้มค่า รวมถึงเป็นไปด้วยความโปร่งใส
ตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้ และให้มีการติดตามประเมินผลโครงการและการชำระหนี้ของเกษตรกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้สามารถส่งคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์)
เร่งรัด ติดตามการชำระหนี้เงินกู้ของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกรเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการผลิตและการตลาดและบริหารจัดการหนี้ที่ผิดนัดชำระอย่างเหมาะสม
โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๗๓ และไม่ให้มีการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวออกไปอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
339 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นสำนักงานพระคลังข้างที่
และรวมกิจการของสำนักพระราชวังเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานพระคลังข้างที่เดิมเข้ามาบริหารจัดการโดยสำนักงานพระคลังข้างที่ตามพระราชบัญญัตินี้
เพื่อเป็นการสืบทอดประวัติความเป็นมาให้สอดคล้องกับโบราณราชประเพณี และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
340 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | นร 05 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า
โดยที่ปัจจุบันคณะรัฐมนตรียังไม่ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของกระทรวงยุติธรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและต่อเนื่อง
และเป็นไปตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๓๔ จึงเห็นควรพิจารณามอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ซึ่งในครั้งนี้คณะรัฐมนตรีอาจพิจารณามอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงว่า
กรณีดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.
๒๕๓๔ ที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
และเมื่อคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว
ก็เป็นผู้สั่งและปฏิบัติราชการในกรมสอบสวนคดีพิเศษและสามารถเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษในฐานะผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้
|