ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1197 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 23921 - 23940 จากข้อมูลทั้งหมด 124345 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23921 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ 3 | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในส่วนเพิ่มเติมหรือต้องการปรับปรุง และ (๒) การพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมถนน ๑.๒ การส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ ได้แก่ (๑) การบังคับใช้บทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๒) การบังคับใช้การตรวจปล่อยจุดเดียวที่จุดผ่านแดนสะหวันนะเขต-มุกดาหาร (๓) การผนวกเส้นทางตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในเมียนมาเข้าไปในบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๔) การจัดตั้งเส้นทางรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม และศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับเมียนมา (๕) การเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานสามฝ่าย ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม เพื่อหารือและผลักดันความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบในการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดน (๖) การส่งเสริมให้ธนาคารพัฒนาเอเชียสนับสนุนการพัฒนาเมืองในบริเวณชายแดนและตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก และเส้นทางต่อขยาย (๗) การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของธนาคารพัฒนาเอเชีย หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและภาคเอกชนในการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (๘) การสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตร การฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และ (๙) การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เพื่อส่งเสริมให้เป็นแนวพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมืองและการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ โดยเพิ่มกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบให้มีความสอดคล้องกัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (เมียนมา-ไทย-ลาว-เวียดนาม) โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และการเร่งรัดการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้า ณ บริเวณด่านศุลกากรจังหวัดมุดาหาร-สะหวันนะเขต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรเร่งผลักดันการผนวกเส้นทาง R12 เข้าไว้ในความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยเร็วเพื่อขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
23922 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย - ลาว | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Foreign Ministers’ Retreat) ไทย-ลาว ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการหารือดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านแรงงาน ฝ่ายลาวจะระบุสัญชาติในหนังสือยืนยันสถานภาพบุคคล (Corporate Identity : CI) ที่จะออกให้แก่แรงงานสัญชาติลาวที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานชั่วคราวในไทยแล้ว และจะส่งเจ้าหน้าที่กลับมาตรวจสัญชาติแรงงานลาว ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ และจะแก้ไข CI ของแรงงานลาวที่มิได้ระบุสัญชาติ รวมทั้งยินดีจะรับคณะฝ่ายไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-ลาว ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงในภูมิภาค ฝ่ายลาวไม่ขัดข้องที่จะเพิ่มเส้นทาง R12 เข้าไปอยู่ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยขอให้ฝ่ายไทยช่วยปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน และยินดีเข้าร่วมประชุม ๓ ฝ่ายเกี่ยวกับการเปิดบริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ที่เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ ๓. ความร่วมมือด้านการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ฝ่ายลาวเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเป็นกลไกหารือการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของสองประเทศ ๔. บุคคลที่มีพฤติการณ์หมิ่น/จาบจ้วงสถาบันฯ ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีอยู่ในลาว ฝ่ายลาวพร้อมสอดส่องและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติไทยที่มีพฤติการณ์หมิ่นและจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีไปอาศัยอนู่ในลาว ๕. การประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิคภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ฝ่ายไทยได้ผลักดันให้ฝ่ายลาวจัดการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งฝ่ายลาวรับที่จะเร่งรัดการพิจารณาจัดประชุม ๖. ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนความร่วมมือด้านการซื้อ-ขายไฟฟ้าในลักษณะระบบต่อระบบ (Grid to Grid) ระหว่างไทยกับลาว โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดต่อไป ๗ ประเด็นเขตแดน ทั้งสองฝ่ายพร้อมแก้ไขปัญหาเขตแดนภายใต้กลไกที่มีอยู่ และการพบหารืออย่างสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง รวมทั้งการพัฒนาการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวข้ามแดนร่วมกันบริเวณภูชี้ฟ้า โดยมีแผนจะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมกัน ๘. การสนับสนุนลาวเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ ฝ่ายลาวขอรับการสนับสนุนต่าง ๆ จากไทยในช่วงที่ลาวจะเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในนครหลวงเวียงจันทน์ ๙. กรณีไม้พะยูง จำนวน ๑๑ ตู้คอนเทนเนอร์ ฝ่ายไทยขอรับเอกสารและหลักฐานจากฝ่ายลาวที่เป็นประโยชน์ต่อการแสดงความเป็นเจ้าของไม้พะยูงของกลางของรัฐบาลลาว และการสืบสวนสอบสวนคดีปลอมเอกสารและการใช้เอกสารปลอม |
||||||||||||||||||
23923 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๓๖๙-๒๕๕๗ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๖๗๘ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้ยานพาหนะ และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23924 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิขา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชานิเทศศาสตร์ รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23925 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำปาง พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำปาง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลต้นธงชัย ตำบลพิชัย ตำบลเวียงเหนือ ตำบลสบตุ๋ย ตำบลหัวเวียง ตำบลสวนดอก ตำบลปงแสนทอง ตำบลพระบาท ตำบลชมพู และตำบลกล้วยแพะ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23926 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23927 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23928 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลหนองปลิง บางส่วนของตำบลทรงธรรม บางส่วนของตำบลสระแก้ว บางส่วนของตำบลนครชุม ตำบลในเมือง บางส่วนของตำบลเทพนคร และบางส่วนของตำบลท่าขุนราม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23929 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย - เวียดนาม | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-เวียดนาม (Foreign Ministers’ Retreat) ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเข้าร่วม และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการหารือเพื่อผลักดันให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลและเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การเชิญนายกรัฐมนตรีเวียดนามเยือนไทยอย่างเป็นทางการและจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat : JCR) ครั้งที่ ๓ ในช่วงวันที่ ๒๐-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่กรุงเทพฯ การลงนามในความตกลง ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (๒) ความตกลงว่าด้วยการจ้างงาน (๓) ความตกลงเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดคอนตูม และ (๔) ความตกลงเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดลองอาม รวมทั้งการเตรียมการเยือนและการจัดการประชุมทั้งด้านสารัตถะและด้านพิธีการ ๑.๒ ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยเพิ่มเป้าหมายมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น ๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๓ และฝ่ายเวียดนามรับที่จะพิจารณาข้อเสนอนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผ่อนผันการนำเข้าผลไม้ไทย ๔ ชนิด (มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ) และการจัดตั้งกลไกอย่างไม่เป็นทางการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม ๑.๓ การฉลองครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม ในปี ๒๕๕๙ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันจัดกิจกรรมตลอดปี ๒๕๕๙ ทั้งในไทยและในเวียดนาม โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลัก ๑.๔ ความร่วมมือด้านการคมนาคมและการพัฒนาความเชื่อมโยง ได้แก่ การประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-ลาว-เวียดนาม) ครั้งที่ ๑ เพื่อจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการเปิดบริการรถโดยสารประจำทางไทย-ลาว-เวียดนาม ซึ่งเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ และการจัดประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) ว่าด้วยการพัฒนาการเดินเรือตามแนวชายฝั่งทะเล ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ ๑.๕ ความร่วมมือด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพราคาของข้าวและยางพาราในตลาดโลก ๑.๖ การสมัครตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC CEO) ฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุนผู้แทนจากเวียดนาม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรปรับแก้ตารางผลการหารือฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยแยกเรื่องการจัดตั้งกลไกอย่างไม่เป็นทางการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยและเวียดนามออกมาเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพื่อให้มีความชัดเจนสำหรับหน่วยงานในทางปฏิบัติ ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23930 | แนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทย | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเสนอให้มีการจัดกลุ่มพื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการจัดการขยะมูลฝอย แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มพื้นที่ขนาดใหญ่ (L) กลุ่มพื้นที่ขนาดกลาง (M) และกลุ่มพื้นที่ขนาดเล็ก (S) และพื้นที่พิเศษ คือ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจและหน้าที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแนวทาง/วิธีการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้ประชาชนได้รับทราบ และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการปัญหาขยะในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการขยะของประเทศในภาพรวมทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีกลไกเพื่อบูรณาการการแก้ปัญหาขยะในภาพรวมให้เป็นเอกภาพ และการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทที่สำคัญในฐานะเป็นหน่วยงานกำกับ ควบคุม ดูแล และติดตามตรวจสอบการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเห็นควรพิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอย เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้เป็นเอกภาพ ไม่เกิดความซ้ำซ้อน หรือขัดแย้งกันเอง รวมทั้งมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหา และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนภาระงานของราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยั่งยืน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
23931 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... | วท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้มีหน่วยงานเพื่อทำหน้าที่บูรณาการข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำของประเทศให้มีเสถียรภาพ โดยต้องมีการเชื่อมโยงกับองค์กรและหน่วยงานอื่น ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... จึงเห็นควรดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้รวมสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติไว้ในร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงบประมาณที่ควรกำหนดบทบัญญัติให้ส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าของข้อมูลทรัพยากรน้ำ ทั้งข้อมูลพื้นที่ ข้อมูลสถิติ ข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลคาดการณ์ มีหน้าที่ต้องเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ส่วนการกำหนดให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติมีวัตถุประสงค์ในการบริการข้อมูลด้านน้ำและภูมิอากาศ อาจมีความซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของกรมอุตุนิยมวิทยาในบางส่วน นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมให้มีอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||
23932 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ยธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้ช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปรับปรุงโครงสร้างของคณะกรรมการฯ ในส่วนของการได้มา องค์ประกอบ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่ง และเห็นชอบในหลักการให้นำคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๙/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบไปบัญญัติเพิ่มเติมไว้ในร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
23933 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) | ศป | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองเพื่อกำหนดรายละเอียดในการดำเนินการบังคับคดีปกครองให้ครอบคลุมคดีปกครองทุกประเภท และไม่ให้ประชาชนต้องรอการปฏิบัติตามคำพิพากษาในระหว่างการพิจารณาคดีชั้นอุทธรณ์ ตามที่ศาลปกครองสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างมาตรา ๔๔ และมาตรา ๗๐ วรรคสองและวรรคสาม หากจะมีการทุเลาการบังคับคดี ศาลปกครองควรคำนึงถึงว่าจะต้องไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของภาครัฐหรือการจัดทำบริการสาธารณะ และร่างมาตรา ๗๒/๑ การชำระเงินค่าปรับของหน่วยงานทางปกครองเป็นเพียงการโยกย้ายเงินงบประมาณแผ่นดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเท่านั้น หาได้เป็นการลงโทษปรับที่ทำให้ผู้ถูกปรับต้องสูญเสียในเชิงทรัพย์สินที่แท้จริง และในส่วนที่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องรับผิดชำระค่าปรับนั้น การหาผู้ที่จะต้องรับผิดอาจทำได้ยากในทางปฏิบัติและเกิดเป็นภาระในการไต่สวนที่เป็นกระบวนพิจารณาเพิ่มเติมขึ้น รวมถึงความรับผิดอันเป็นส่วนตัวที่เพิ่มเติมมากไปกว่าที่ต้องรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องรับผิดเฉพาะกรณีที่กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และเห็นควรรับฟังความคิดเห็นและปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากฝ่ายปกครอง องค์กร และหน่วยงานของรัฐด้วย เพื่อให้การบังคับคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และกำหนดกระบวนการบังคับคดีและมาตรการไว้ในบทบัญญัติของกฎหมายโดยตรง มิใช่ออกเป็นระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด นอกจากนี้ การทุเลาการบังคับคดีโดยอัตโนมัติควรใช้เฉพาะคดีปกครองบางประเภทไม่ควรนำมาใช้กับคดีปกครองทั้งหมด โดยอาจบัญญัติไว้ในกฎหมายแยกประเภทคดีให้ชัดเจนว่าคดีปกครองประเภทใดที่สามารถให้ทุเลาการบังคับคดีโดยอัตโนมัติหรือคดีประเภทใดที่ให้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นมีผลบังคับ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลให้มีการทุเลาการบังคับคดีในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
23934 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี จากเดิมในอัตราเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นอัตราเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท และแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องของผู้รักษาการตามกฎหมาย จากคำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23935 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปและนำเข้ามาจากสาธารณรัฐสังคมนิยม ประชาชนอาหรับลิเบีย พ.ศ. .... | พณ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปและนำเข้ามาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ ต่อการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับลิเบีย โดยปรับเปลี่ยนในรายละเอียดของมาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีที่รัฐสภาแห่งชาติ (General National Congress : GNC) ของลิเบีย ได้เปลี่ยนชื่อประเทศ จากเดิม “สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย” (Great Socialist People’s Libyan Arab Jamahiriya) เป็น “รัฐลิเบีย” (State of Libya) ดังนั้น จึงควรพิจารณาเปลี่ยนชื่อประเทศในร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับชื่อประเทศที่ถูกต้องในปัจจุบัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23936 | การประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ 6 | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญากรุงเนปิดอว์การประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ ๖ และร่างแผนปฏิบัติการ ACMECS ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๑ โดยร่างปฏิญญาฯ กล่าวถึงการรับรองแผนปฏิบัติการ ACMECS ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๑ การแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำที่จะส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนาที่ยั่งยืน และความร่วมมือใน ๘ สาขาความร่วมมือ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน การเกษตร อุตสาหกรรมและพลังงาน การเชื่อมโยงคมนาคม การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนให้หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการและแผนงานต่าง ๆ ภายใต้กรอบ ACMECS ด้วย ส่วนร่างแผนปฏิบัติการฯ มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการเป็นฐานการผลิตเดียวกันของอนุภูมิภาคสนับสนุนการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและพัฒนาความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก และระบุถึงการสนับสนุนให้หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาสนับสนุนเงินทุนสำหรับโครงการภายใต้กรอบ ACMECS และชุมชนท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการสำคัญตามระเบียงเศรษฐกิจ ตลอดจนสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและการจัดตั้งเมืองคู่แฝดเพื่อสร้างเสริมความร่วมมือระหว่างเมืองชายแดน ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสาร ๒ ฉบับดังกล่าว ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันการใช้นโยบาย ACMECS Single Visa อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งจะมีผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังกลุ่มประเทศ ACMECS เพิ่มขึ้น รวมทั้งควรผลักดันให้กลไกความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมภายใต้กรอบ ACMECS มีความเข้มแข็ง มีการหารือสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างประเทศสมาชิก ACMECS อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการจัดเตรียมประเด็นการหารือในด้านต่าง ๆ เช่น ท่าทีและความพร้อมของฝ่ายไทย รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อพิจารณาก่อนการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ ๖ ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23937 | ขอความเห็นชอบโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก (Strengthening Capacity and Incentives for Wildlife Conservation in the Western Forest Complex) | ทส | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก (Strengthening Capacity and Incentives for Wildlife Conservation in the Western Forest Complex) โดยโครงการฯ มีเป้าหมายในการส่งเสริมกระบวนการพัฒนาแห่งชาติต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และมีวัตถุประสงค์เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการ และงบประมาณที่ยั่งยืนสำหรับพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และกระตุ้นให้ชุมชนท้องถิ่นช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงนามร่วมกับผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program : UNDP) ประเทศไทย ในเอกสารโครงการฯ ๒. ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
23938 | ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนและร่างความตกลงเพื่อดำเนินโครงการ Competition Policy and Law in ASEAN Phase ll | พณ | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรับจากสำนักเลขาธิการอาเซียนที่มีถึงเยอรมนี (Exchange of Notes) และร่างความตกลงเพื่อดำเนินโครงการ Competition Policy and Law in ASEAN Phase II (CPL II) ที่ระบุความตกลงกรณีการให้ความช่วยเหลือตามโครงการ CPL ใน Phase II ต้องแจ้งยืนยันให้ผู้แทนสำนักเลขาธิการอาเซียนมีอำนาจลงนามในเอกสารความตกลงการขอรับความช่วยเหลือผ่านโครงการ CPL ดังกล่าวทั้งสองฉบับ ๑.๒ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่า รัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ปัจจุบัน ไทยอยู่ระหว่างการปรับปรุงพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ กลไกตลาด และการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม ประเด็นการแก้ไขปรับปรุงควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมทั้งการพัฒนากระบวนการที่จำเป็นในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการสอบสวนร่วมกันระหว่างประเทศ ตลอดจนความเชื่อมโยงกับการเจรจาข้อตกลงเสรีการค้า ซึ่งเป็นประเด็นนโยบายแข่งขันทางการค้ามักจะถูกนำมาอยู่ภายใต้ข้อบทการเจรจามากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23939 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ของกรมทางหลวง | คค | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกรมทางหลวง จำนวน ๓ โครงการ วงเงิน ๓๙๗.๙๗ ล้านบาท จากเดิมมีระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ ให้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ประกอบด้วย ๑.๑ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลอง ๕ แห่ง บนทางหลวงหมายเลข ๓๔ ตอนแยกทางหลวงหมายเลข ๓ (บางนา)-กิโลเมตรที่ ๓๕+๖๐๐ (ต่อเขตแขวงการทางฉะเชิงเทรา) จังหวัดสมุทรปราการ (คลองจระเข้ใหญ่ คลองบางกระเทียม คลองบางเสาธง คลองสนามพลี และคลองบ้านระกาศ) ๑.๒ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต บนทางหลวงหมายเลข ๓๔ ตอนแยกทางหลวงหมายเลข ๓ (บางนา)-กิโลเมตรที่ ๓๕+๖๐๐ (ต่อเขตแขวงการทางฉะเชิงเทรา) จังหวัดสมุทรปราการ ๑.๓ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองบนทางหลวงหมายเลข ๓๐๕ ตอน กิโลเมตรที่ ๑๕+๑๔๕ (ต่อเขตแขวงการทางปทุมธานี)-องครักษ์ จังหวัดปทุมธานี ช่วงกิโลเมตรที่ ๒๙+๕๐๐-กิโลเมตรที่ ๓๖+๐๐๐ ๒. หากกรมทางหลวงดำเนินโครงการแล้วเสร็จและมีวงเงินเหลือจ่าย ให้แจ้งคืนเงินตามแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการโอนเงินเหลือจ่ายโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
||||||||||||||||||
23940 | โครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพระนครศรีอยุธยา และเพชรบุรี ปี 2558 | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาพระนครศรีอยุธยา และเพชรบุรี ปี ๒๕๕๘ วงเงินลงทุนรวม ๒,๙๙๗.๖๓๙ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ กปภ. กู้เงินภายในประเทศ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป โดยให้ กปภ. ใช้เงินรายได้ชำระคืนการกู้เงินดังกล่าว ๒. ให้ กปภ. ไปหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการทั้งหมดว่าอยู่ในเขตพื้นที่ที่ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และกิจกรรมที่ดำเนินการเข้าข่ายห้ามกระทำการตามข้อ ๑๐ ในประกาศดังกล่าวหรือไม่ ก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการพร้อมจัดทำแผนรองรับปัญหาขาดแคลนน้ำดิบ ภัยพิบัติ การลดอัตราน้ำสูญเสีย และการบริหารจัดการแรงดันน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของ กปภ. และจัดทำแผนการตลาดในการเพิ่มผู้ใช้น้ำรายใหม่ให้เป็นไปตามเป้าหมายและควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการผลิตและบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงด้านแหล่งน้ำดิบเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำดิบและน้ำประปา รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อลดอัตราน้ำสูญเสียขององค์กร โดยแสดงรายละเอียด เป้าหมาย ตัวชี้วัด วงเงินลงทุน และผลลัพธ์เป็นรายปี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาโครงการปรับปรุงขยายการประปาที่จะเสนอใหม่ต่อไป ตลอดจนประสานงานระหว่างส่วนราชการ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับส่วนกลาง อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และหน่วยงานผู้ปฏิบัติในพื้นที่เพื่อบูรณาการเรื่องการใช้ประโยชน์แหล่งน้ำในพื้นที่มาเป็นแหล่งต้นทุนน้ำดิบในกระบวนการให้เป็นไปด้วยความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาดำเนินการด้วยความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ และให้มีการพิจารณาการจ้าง ดำเนินการโดยแรงงานท้องถิ่นในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....