ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1191 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 23801 - 23820 จากข้อมูลทั้งหมด 124340 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23801 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยจัดทำเป็นร่างกฎกระทรวงฉบับแก้ไขเพิ่มเติมแทนฉบับปรับปรุง เนื่องจากเป็นการแก้ไขชื่อส่วนราชการเพียงส่วนราชการเดียว รวมทั้งได้แก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงให้สอดคล้องกับรูปแบบของร่างกฎกระทรวงฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และได้แก้ไขเล็กน้อยเฉพาะถ้อยคำ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23802 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติ สรุปได้ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กรมป่าไม้ยกร่างกฎกระทรวงและระเบียบกรมป่าไม้ที่จะออกตามความในพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ไม่ก่อให้เกิดภาระโดยไม่จำเป็น และควรให้บริการประชาชนในลักษณะแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services) ๒. กรมป่าไม้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำโครงสร้างของกรมป่าไม้ใหม่ โดยได้ดำเนินการจัดทำคำขอจัดตั้งหน่วยราชการในภูมิภาค (ป่าไม้จังหวัด) แล้ว โดยได้รับคำแนะนำจากสำนักงาน ก.พ.ร. ว่าให้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างของกรมป่าไม้ในภาพรวมทั้งหมดในคราวเดียว ๓. กรณีที่ราษฎรครอบครองที่ดินโดยไม่ถูกต้อง แล้วได้ทำการปลูกป่า จะต้องพิจารณาในข้อกฎหมายประกอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากสาเหตุใด เช่น กรณีเป็นที่ดินที่ไม่อยู่ในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งอาจอยู่ในข่ายที่สามารถขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามกฎหมายที่ดินได้ ราษฎรต้องไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของกรมที่ดินในท้องที่นั้น หรือกรณีเป็นที่ดินที่เคยได้รับหนังสืออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐแล้ว แต่ครบกำหนดเวลาการอนุญาตไปแล้ว ต้องติดต่อกรมป่าไม้เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ซึ่งหากหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ดินที่ราษฎรครอบครองอยู่ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติ ควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ดินดังกล่าวแจ้งเรื่องมาที่กรมป่าไม้เพื่อรวบรวมส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาตินำเสนอให้ที่ประชุมซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาต่อไป ๔. มอบหมายให้กรมป่าได้ดำเนินการบรรจุเรื่องดำเนินการตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้ในคำของบประมาณประจำปี ๒๕๕๙ โดยได้เตรียมการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติของกรมป่าไม้และจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่แก่ประชาชนด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
23803 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. การไปตรวจเยี่ยมกองกำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในต่างประเทศของฝ่ายอำนวยการเป็นครั้งคราวนั้น ไม่สามารถขอพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนได้ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการขอพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ๒. ผู้ที่สนับสนุนทางการเงินให้กับรัฐบาลหรือพรรคการเมืองต่าง ๆ ไม่มีสิทธิได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน เนื่องจากไม่มีรายชื่อและไม่มีหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจนั้น ๆ ๓. สำหรับผู้ที่จะได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกระเบียบเพื่อให้เกิดความชัดเจนในคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับพระราชทาน กล่าวคือ จะต้องมีรายชื่อบรรจุปฏิบัติภารกิจนั้น ๆ อย่างน้อยสี่เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||
23804 | การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี | นร | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องเชื่อมโยงกับกรอบการปฏิรูปทั้ง ๑๑ ด้าน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติและกรอบแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในระยะ ๒๐ ปี ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้เพิ่ม พลเอก ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ เป็นกรรมการ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อให้แนวทางปฏิรูปดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ๔. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการศึกษากรอบและแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และดำเนินการจัดทำข้อมูลในความรับผิดชอบของหน่วยงานให้ครบถ้วน เพื่อส่งให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติดำเนินการต่อไป ๔.๒ ให้ทุกส่วนราชการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของส่วนราชการให้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน วาระแห่งชาติ ประเด็นการปฏิรูปตามนโยบาย ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในช่วงระยะการดำเนินการของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ (ระยะที่ ๒ ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙) และการส่งต่อไปสู่การปฏิรูปและให้รัฐบาลต่อไป (ระยะที่ ๓ ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นไป)
|
|||||||||||||||||||||||||||
23805 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2558 เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น | สลธ.คสช. | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ๓. ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๒ กลุ่มที่ ๓ และกลุ่มที่ ๔ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ๔. ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๕ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดแต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคำร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคำสั่งนี้ ๕. นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคำสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคำสั่งตามข้อ ๑ ถึงข้อ ๕ ได้ตามที่เห็นสมควร
|
|||||||||||||||||||||||||||
23806 | สรุปมติ - สั่งการสำคัญ ในวาระการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558 | สลธ.คสช. | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติและข้อสั่งการในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ/กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุหลักสูตร “โตไปไม่โกง” ในโครงสร้างส่วนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จำนวน ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ รวม ๔๐ ชั่วโมงต่อปีการศึกษา ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โดยเริ่มตั้งแต่ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ ทุกโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและโรงเรียนในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของส่วนราชการซึ่งได้จัดสรรไว้แล้ว ทั้งนี้ กรณีขาดแคลนบุคลากรในการสอนหลักสูตรดังกล่าวให้พิจารณาจ้างบัณฑิตจบใหม่ที่ยังว่างงานเพื่อเป็นการสร้างงานอีกทางหนึ่ง และนำแบบการสอนเรื่อง “สมบัติผู้ดี” และ “หน้าที่ของเด็ก” กลับมาใช้ประกอบการเรียนการสอนในปัจจุบันด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการให้มีการสร้างการรับรู้ในภาพกว้างด้วยสารคดีสั้นชุดสำนึกไทยไม่โกง โดยเผยแพร่ในสื่อกระแสหลัก โดยให้ กสทช. ขอความร่วมมือเผยแพร่ในสื่อกระแสหลัก รวมทั้งให้ ททบ.๕ และสถานีวิทยุกองทัพบกดำเนินการเผยแพร่ผ่านสื่อในความรับผิดชอบ และให้ดำเนินการปลูกฝังความรักชาติควบคู่กับการสร้างสำนึกไทยไม่โกง ๓. เห็นชอบในหลักการให้เร่งรัดบังคับใช้พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการบังคับใช้พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ โดยเร่งรัดให้มีกระบวนการเปิดเผยขั้นตอนการขออนุญาตของทางราชการ และร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์) เร่งรัดการใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ โดยจัดให้มีการใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน (Data Center) การจัดมาตรฐานข้อมูล การเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลและพัฒนาแนวทางเชื่อมโยงในลักษณะ National Single Window : NSW รวมทั้งจัดหมวดหมู่ เป้าหมาย กิจกรรม ตามความต้องการผู้ใช้งาน เพื่อรองรับ Digital Economy และให้นำเสนอในวาระการประชุมครั้งต่อไป ๔. เห็นชอบในหลักการให้ส่งผู้แทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมประชุมกับองค์กรนานาชาติที่ส่งเสริมความโปร่งใสของรัฐ (Open Government Partnership : OGP) รวมทั้งให้พิจารณาเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกภาคีเครือข่าย โดยให้กระทรวงการคลังศึกษาในรายละเอียด หลักเกณฑ์และวิธีการ นำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป ๕. เห็นชอบในหลักการให้ใช้ระบบ E-Bidding และ E-Market เพื่อลดการสมยอมการประมูลในระบบ E-Auction โดยเฉพาะที่ใช้กับงานก่อสร้าง โดยให้กรมบัญชีกลางเร่งรัดดำเนินการให้สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๖. รับทราบกำหนดการจัดงานประกาศเจตนารมณ์ “ต่อต้านการทุจริต สร้างจิตสำนึกไทยไม่โกง” ในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และให้มีการจัดงานในลักษณะดังกล่าว ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ๗. เห็นชอบในหลักการให้นำหลักการและมาตรการทางปกครอง และกลไกขับเคลื่อนของฝ่ายบริหารบรรจุไว้ในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) โดยให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนพิจารณาสร้างกลไกในการปกป้องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนระดับสูงให้พ้นจากอำนาจของฝ่ายการเมือง ในลักษณะเช่นเดียวกับข้าราชการทหาร และให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดการอบรมให้ความรู้ด้านการบริหารราชการ เช่น การงบประมาณ การพัสดุ ฯลฯ ให้กับข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้มีความรู้และสามารถปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๘. รับทราบผลการดำเนินงานระบบข้อตกลงคุณธรรมใน ๒ โครงการนำร่อง และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยสนับสนุนข้อมูล และให้คณะผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในวาระการประชุมคณะกรรมการ ตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของระบบข้อตกลงคุณธรรม ๙. รับทราบกรอบความต้องการงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ วงเงิน ๗๓.๐๔ ล้านบาท โดยให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายละเอียดโดยความเห็นชอบของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ๑๐. เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายองค์กรเพื่อความโปร่งใสในอุตสาหกรรมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (The Extractive Industries Transparency Initiative : EITI) โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้แทนรัฐบาล “EITI Champion” ในการเสนอตัวเข้าร่วมโครงการ และให้จัดตั้งคณะทำงานในกระทรวงพลังงานขึ้นชุดหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน (National Coordinator) ๑๑. รับทราบข้อเสนอให้นำหลักการตามร่างพระราชบัญญัติการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ พ.ศ. .... ในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติมาใช้กับการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประชาสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวมทั้งการแก้ไขระเบียบดังกล่าวในส่วนของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติรับไปศึกษาและเสนอในการประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23807 | ข้าราชการการเมืองลาออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตำแหน่ง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พลโท ทิวะพร ชะนะพะเนาว์) | นร04 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลโท ทิวะพร ชะนะพะเนาว์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23808 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม) | กก | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23809 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพลังงาน) (นายชวลิต พิชาลัย และนายทวารัฐ สูตะบุตร) | พน | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. นายชวลิต พิชาลัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายทวารัฐ สูตะบุตร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
23810 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสุเทพ ชิตยวงษ์ และนางทิพย์สุดา สุเมธเสนีย์) | ศธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒. นางทิพย์สุดา สุเมธเสนีย์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||
23811 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานกลาง เพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด | ยธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล โดยมีเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และผู้อำนวยการสำนักงานกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเป็นผู้ลงนามฝ่ายรัสเซีย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเป็นประธานในพิธีลงนามดังกล่าว โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดกรอบความร่วมมือในภาพกว้างด้านการปราบปรามยาเสพติดและด้านวิชาการที่เกี่ยวข้อง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศในการมีความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
|
|||||||||||||||||||||||||||
23812 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย | นร07 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่กรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑ รายการ งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน ๓๗๕,๗๐๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๑๒,๓๓๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๖.๕ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๕,๖๗๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖.๘ ๒. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเหลือจ่าย (เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๗ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๓๕๑,๓๒๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๗๖,๑๗๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๐.๑ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖,๕๙๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔.๗
|
|||||||||||||||||||||||||||
23813 | ข้อมูลการดำเนินงานและผลงานบางส่วนของหน่วยงานด้านสังคมของรัฐบาล ประกอบการประชุม ครม. สัญจร ภาคเหนือ - จังหวัดเชียงใหม่ | นร | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อมูลการดำเนินงานและผลงานบางส่วนของหน่วยงานด้านสังคมของรัฐบาล ประกอบการประชุม ครม.สัญจร ภาคเหนือ-จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยประเด็นสำคัญของงานด้านสังคมของรัฐบาลที่ครอบคลุมภาคเหนือ โดยเฉพาะในด้านพัฒนาอาชีพและแก้ปัญหาเกษตรกร ชุมชน โดยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา ด้านสาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนาสังคมโดยทั่วไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23814 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7 (7th Economic Corridor Forum: ECF-7) ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน | นร11 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๗ (7th Economic Corridor Forum : ECF-7) ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้เหล่ารัฐมนตรี ECF ได้ร่วมทบทวนและประเมินผลความคืบหน้าของแผนงานการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจใน GMS ร่วมยืนยันความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคและเป้าหมายร่วมกัน ให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่แผนงาน และโครงการกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งมอบแนวทางในภาพรวมแก่แผนงานการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศในระยะต่อไป ๒. ที่ประชุมได้เห็นชอบต่อแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๗ (Joint Ministerial Statement) ซึ่งมีประเด็นสาระสำคัญคือ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ การอำนวยความสะดวกการคมนาคมขนส่งและการค้าในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงในระยะต่อไป รวมทั้งรัฐมนตรี ECF ให้ความเห็นชอบการจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่เฉพาะ (Section-Specific Concept Plan) ของแนวระเบียงเศรษฐกิจ และเห็นชอบข้อเสนอของจีนที่เสนอให้เพิ่มความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ภายในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ๓. การประชุมเวทีหารือระดับผู้ว่าราชการจังหวัด (Governors’ Forum) ในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ มณฑลยูนนาน กระทรวงพาณิชย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว โดยที่ประชุมได้ให้การรับรองฉันทามติ (Consensus) ในอันที่จะร่วมกันประสานการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจและสังคมของทุกภาคส่วน ในพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โดยต่างได้ร่วมเน้นย้ำการพัฒนาในประเด็นการเชื่อมโยงการผลิตอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร ความร่วมมือในเขตนิคมอุตสาหกรรม การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาโครงการสำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่ และเห็นชอบที่จะให้จัดการประชุมระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ECF เป็นประจำทุกปี เพื่อหารือในเรื่องเชิงนโยบายและโครงการความร่วมมือต่าง ๆ รวมถึงเป็นกลไกในการติดต่อและประสานงานระหว่างรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ๔. การประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๘ กำหนดจัดขึ้น ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในปี ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
23815 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 8/2558 | นร11 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรกร ปี ๒๕๕๗/๕๘ และนำเสนอคณะกรรมการฯ อีกครั้งหนึ่ง ๒. รับทราบและมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยและนโยบายรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙ ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น เร่งจัดทำรายละเอียดแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งในมาตรการด้านการเกษตรและมาตรการด้านการเงินที่เสนอ รวมทั้งให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาปรับแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานให้นำข้อสังเกตตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการฯ ไปพิจารณาในการจัดทำรายละเอียดการดำเนินงาน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๔. เห็นชอบให้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี โดยให้มีคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี รวมทั้งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อให้แนวทางปฏิรูปดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแนวทางการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในรูปของคณะกรรมการเพื่อกำกับดูแลในภาพรวมเพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23816 | การปรับปรุงเพิ่มเติมร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน | ทส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ฉบับปรับปรุง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้พิจารณาดำเนินการจัดทำแผนขับเคลื่อน (Road Map) ในลักษณะเดียวกันนี้สำหรับพื้นที่อุทยานทางทะเลและพื้นที่อื่น ๆ ด้วย ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23817 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ ตุลาคม ๒๕๕๘) มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักเรียนในสถาบันอาชีวศึกษา นั้น ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการหารือสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ และก่อปัญหาต่อพฤติกรรมและคุณภาพในการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การติดเกมส์ออนไลน์ การเข้าถึงสื่อที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการจัดตั้ง Single Gateway เพื่อใช้เป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและการไหลเข้าของข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต โดยให้ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องออกกฎหมายเพิ่มเติม ก็ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ นั้น ในการจัดทำเอกสารดังกล่าวให้เพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพของบูรพกษัตริย์แต่ละยุคแต่ละสมัย โดยมุ่งเน้นการน้อมนำพระราชดำริและพระราชดำรัสไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เช่น การปฏิบัติตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ การใช้พลังงานทดแทน ทั้งนี้ ให้จัดทำทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ให้แก่ชาวต่างชาติได้รับรู้ต่อไปด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานทุกส่วนราชการเพื่อจัดทำสื่อหรือเอกสารเผยแพร่เรื่องราวที่มีลักษณะเด่นประจำแต่ละภาคของประเทศไทยในความรับผิดชอบ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โบราณสถานที่สำคัญ สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่มีชื่อเสียง โดยให้จัดทำทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ให้แก่ชาวต่างชาติได้รับรู้ต่อไปด้วย ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ และ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘) เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๓.๑ กำหนดให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันดำเนินการ และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องมีการจัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหา แผนการบริหารจัดการน้ำ แผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ชัดเจนทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ให้สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อน (Road Map) ของรัฐบาล และแนวทางการบริหารจัดการน้ำของนานาประเทศ ๒.๓.๒ ในการบริหารจัดการน้ำให้นำหลักการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติและคำนึงถึงประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น พิจารณาแนวทางการเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนหลักของประเทศ ขยายร่องน้ำและเชื่อมโยงแหล่งน้ำใกล้เคียงเข้าด้วยกันปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์หรือจัดระเบียบพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ (Zoning) สร้างแหล่งกักเก็บน้ำในฤดูน้ำหลากเพื่อเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง ๒.๓.๓ เร่งศึกษาแนวทางในการพัฒนาแหล่งน้ำใหม่เพิ่มเติมเพื่อการกักเก็บน้ำหลากและชะลอน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่น สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างระบบโครงข่ายแก้มลิง หรือวิธีอื่น ๆ โดยให้เร่งจัดทำแผนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมผลการดำเนินงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น การจัดทำฝนหลวง การบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง การจัดที่ดินทำกิน เพื่อนำความกราบบังคมทูลรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสอันควรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23818 | การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ | นร | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การดำเนินการจัดทำหนังสือสัญญาหรือเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือเกี่ยวกับองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการ ดังนี้
๑. นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างหนังสือสัญญาก่อนดำเนินการลงนามทุกครั้ง ๒. ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของหนังสือสัญญาที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้ว ๒.๑ หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.๒ หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวขัดหรือไม่สอดคล้องกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการโดยห้ามมิให้แก้ไขหรือลงนามก่อนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบการปรับเปลี่ยนนั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
23819 | สรุปผลการดำเนินงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงาน สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ด้านการกีฬา ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมด้านการกีฬาในปี ๒๕๕๘ โดยการสนับสนุนของรัฐบาล โดยเป็นเจ้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๘ ณ ประเทศสิงคโปร์ (๙๕ เหรียญทอง ๘๓ เหรียญเงิน และ ๖๙ เหรียญทองแดง) และเป็น ๑ ใน ๕ ทีมที่ดีที่สุดของทวีปเอเชียไปแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก ณ ประเทศแคนาดา นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน เพื่อสุขภาพด้วย ซึ่งในปัจจุบันกรมพลศึกษาได้จัดสร้าง Bike Lane แล้วเสร็จ จำนวน ๑๐๔ เส้นทาง ใน ๕๕ จังหวัด และจะสร้างเพิ่มเติมอีกกว่า ๑๒๐ เส้นทางครอบคลุม ๗๗ จังหวัด ภายในปี ๒๕๕๘ ๑.๒ ด้านการท่องเที่ยว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวนานาชาติประจำปีของประเทศไทย (Thailand Travel Mart Plus Amazing Gateway to the Greater Mekong Sub-region : TTM+) เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสทางการตลาด และเป็นการรักษาจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวที่เน้นศักยภาพความเป็นศูนย์กลางการเดินทางในกลุ่มภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งไทยเหมาะจะเป็นจุดเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งของอนุภูมิภาค มีการวางแผนเส้นทางท่องเที่ยว “2 Kingdoms 1 Destination” เชื่อมโยงแหล่งอารยธรรมอีสานใต้ของไทยและกัมพูชา รวมทั้งวางยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษพื้นที่ชายแดน ตามแนวคิดท่องเที่ยว “ASEAN Connect” กับเมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เพื่อความร่วมมือใน ๓ ระดับ ได้แก่ อาเซียนเที่ยวไทย ไทยเที่ยวอาเซียน และทั่วโลกเที่ยวอาเซียน นอกจากนี้ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มตลาดมุสลิม และภาพลักษณ์ความเป็นมิตรที่พร้อมต้อนรับในโครงการ “Thailand Muslim Friendly Destination” ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังได้มีการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูกาล โดยเน้นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ ตามนโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญอีกด้วย ๒. เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาไทยให้กระจายไปในทุกภูมิภาค ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ดำเนินการจัดตั้งสมาคมกีฬาประเภทต่าง ๆ ในแต่ละภาคขึ้น เพื่อคัดเลือกนักกีฬาในส่วนภูมิภาคที่มีทักษะความสามารถมาร่วมแข่งขันกับตัวแทนนักกีฬาในส่วนกลาง เพื่อคัดเลือกนักกีฬาที่มีความสามารถสูงสุดไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติต่อไป นอกจากนี้ ในทุก ๆ ครั้งที่มีการส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดูแลให้มีการทดสอบสมรรถนะของนักกีฬาตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมไปจนภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน โดยให้นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น รับไปดำเนินการหาแนวทางการบริหารจัดการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถให้บริการนักกีฬาและประชาชนได้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่บริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น พื้นที่จอดรถ เส้นทางสัญจร ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นต้น ให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
23820 | การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 | นร | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประสานกับหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ เกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐในการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน ตลอดจนให้ประสานกับหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการบริหารจัดการคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การประพฤติผิดของเจ้าหน้าที่ การหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด หรือการทุจริต ให้มีการพิจารณาคดีดังกล่าวด้วยความรวดเร็วขึ้น ๒. การดำเนินการใด ๆ ที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ให้หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการรายงานผลการปฏิบัติให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบอย่างต่อเนื่องด้วย ๓. ให้ทุกกระทรวงพิจารณาตรวจสอบการดำเนินการใด ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่คณะรัฐมนตรีเข้ารับหน้าที่ เช่น การแต่งตั้งข้าราชการ การใช้จ่ายงบประมาณ การดำเนินการลงทุนที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก การกู้เงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือสัญญาระหว่างประเทศหรือพันธกรณีระหว่างประเทศ หากมีความจำเป็นต้องใช้อำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าว ให้เสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณากลั่นกรองก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการใด ๆ จะต้องมีความถูกต้องและโปร่งใส |
.....