ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1193 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 23841 - 23860 จากข้อมูลทั้งหมด 124345 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 23841 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 30/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การแก้ไขอำนาจหน้าที่ในการออกใบอนุญาตของคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม และอำนาจหน้าที่ในการอนุญาตของรัฐมนตรีไปเป็นอำนาจของเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เห็นควรให้เลขาธิการฯ รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการฯ เพื่อรับทราบผลการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด หรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ๑.๒ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมควรมีการพิจารณากำหนดแก้ไขหรือยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้รวดเร็วและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ๑.๓ เห็นควรให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรับไปพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของอัตราโทษตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ๒. มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 23842 | รายงานผลการจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมรัตนโกสินทร์ "ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์" | วธ | 25/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมรัตนโกสินทร์ “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” (The 233rd Year of Rattanakosin City under Royal Benevolence) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณท้องสนามหลวง สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่มาของการจัดงาน เนื่องจากวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีฝังหลักพระนคร และทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นเมืองหลวงของประเทศ ยืนยาวมาเป็นเวลา ๒๓๓ ปี จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ กระทรวงวัฒนธรรมจึงกำหนดจัดงาน "ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์" ขึ้น ๒. กิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ริ้วขบวน “ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” นิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องกรุงรัตนโกสินทร์ การแสดงชุด “รำอาเศียรวาทราชสดุดี” และ “รำแว่นเทียน” กิจกรรมรำวงย้อนยุคและลีลาศย้อนยุค การประกวดกุลสตรีศรีรัตนโกสินทร์ และดนตรีร่วมสมัย การแสดงมหกรรมโขน และการแสดงของศิลปินแห่งชาติ กิจกรรมทางศาสนา (ประกอบด้วย พิธีบวงสรวงเทพยดาและดวงพระวิญญาณสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า พิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พิธีเจริญพระพุทธมนต์และตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน ๒๓๔ รูป และพิธีศาสนามหามงคล โดยประกอบกิจกรรมทางศาสนา ๕ ศาสนา และไหว้พระ ๙ วัดสืบสิริสวัสดิ์ ๙ รัชกาล) ศิลปะการแสดงเวทีกลาง (ประกอบด้วย กิจกรรมทางวัฒนธรรมของชุมชนรอบเกาะรัตนโกสินทร์และทุกเขตในกรุงเทพมหานคร มหกรรมภาพยนตร์ย้อนยุค มหกรรมว่าวไทยและว่าวนานาชาติ การสาธิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและของดีบ้านฉันทั่วประเทศ การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ และการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง เหลียวหลังแลหน้ากรุงรัตนโกสินทร์) ๓. ผลการดำเนินงาน การจัดพิธีเปิดงาน “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ มีคนเข้าร่วมชมขบวนแสดงประมาณ ๑,๐๙๐,๐๐๐ คน จากการเผยแพร่ผ่านช่องทาง Online Media โดยการถ่ายทอดสดทางทีวีช่อง ๕ ทั้งในและต่างประเทศครอบคลุม ๑๗๗ ประเทศ ใช้เวลา ๑.๓๐ ชั่วโมง มีผู้ชมประมาณ ๓๕ ล้านคนทั่วโลก และถ่ายทอดผ่าน You Tube หลังจากการจัดงาน มีผู้ชม ๗,๔๓๗ คน รวมตลอดระยะเวลาการจัดงานดังกล่าวระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ มีผู้เข้าชมงานกว่า ๔๕๒,๑๑๕ คน มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม จำนวน ๑๘,๗๒๕,๒๖๑ บาท โดยเป็นการจ่ายในหมวดอาหารมากที่สุด มีเม็ดเงินสะพัดกว่า ๘๔ ล้านบาท รวมเงินทุนมีเงินทุนหมุนเวียนกระจายตัวในระบบเป็นเงินจำนวนกว่า ๑๖๗ ล้านบาท ผู้เข้าชมงานมีความพึงพอใจมากที่สุด คือนิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องกรุงรัตนโกสินทร์ รองลงมา คือ การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมบนเวทีริ้วขบวน "ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์" กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ไหว้พระ ๙ วัดสืบสิริสวัสดิ์ ๙ รัชกาล มหกรรมว่าวและการเล่นพื้นบ้าน ตามลำดับ ความพึงพอใจโดยรวมจากกลุ่มตัวอย่าง ๔,๖๙๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๙๕ สูงกว่าการจัดงานปีที่ผ่านมา
|
||||||||||||||||||||||||
| 23843 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 | กษ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน ทั้งมาตรการเร่งด่วน มาตรการระยะ ๓ เดือน และมาตรการระยะยาว โดยมาตรการเร่งด่วนให้กรมการค้าภายในกำหนดราคาแนะนำในการรับซื้อผลปาล์มทะลาย ผลปาล์มร่วง และน้ำมันปาล์มดิบ โดยออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยรับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๗ ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๔.๒๐ บาท ณ หน้าโรงสกัดน้ำมันปาล์มและจุดรับซื้อในพื้นที่ (ลานเท) รวมทั้งกำหนดให้โรงกลั่นฯ โรงผลิตไบโอดีเซล และผู้รับซื้อน้ำมันดิบทั่วไปรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๒๖.๒๐ บาท ณ หน้าคลังผู้รับซื้อในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ๑.๒ เห็นชอบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเก็บสต็อกตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้องค์การคลังสินค้าซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ปริมาณ ๑๐๐,๐๐๐ ตัน จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๒๖.๒๐ บาท ส่งมอบ ณ หน้าคลังสินค้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มจะต้องแสดงหลักฐานในการรับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงจากเกษตรกรที่อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๗ ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๔.๒๐ บาท ๑.๓ เห็นชอบผลการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ๑.๔ มอบหมายให้กรมศุลกากร กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานผลการลักลอบนำเข้าและการนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ ทุก ๑๕ วัน ๑.๕ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ๒. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน และการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเก็บสต็อก รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||
| 23844 | รายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 | คค | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ ๒ อยู่ระหว่างรอการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ประชุมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เพื่อปรับขั้นตอนการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คาดว่าจะผ่านการพิจารณาภายในปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ หรือต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ และสามารถประกวดราคา ก่อสร้าง ได้ทันในปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ โครงการก่อสร้างทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อนนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อไป ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ประชุมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ทอท. เพื่อพิจารณาแนวทางเร่งรัดการพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ภายในต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๓ โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ อยู่ระหว่าง ทอท. พิจารณาปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยบรรจุโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ ไว้ในแผนแม่บทฯ และจะเร่งรัดเสนอโครงการให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการ เพื่อสามารถดำเนินการออกแบบและก่อสร้างต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการภายใต้แผนงานโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายภายในปี ๒๕๖๒ โดยในการปรับลดการลงทุน ให้ ทอท. พิจารณาความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างที่เกินความจำเป็นโดยไม่กระทบต่อระดับและมาตรฐานคุณภาพการให้บริการ (Level of Service) พร้อมทั้งเร่งปรับปรุงพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองให้มีขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารสายการบินต้นทุนต่ำที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และให้เร่งดำเนินการตามแผนโครงการก่อสร้างทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ระยะทาง ๓,๗๐๐ เมตร แทนการก่อสร้างทางวิ่งสำรองความยาว ๒,๙๐๐ เมตร โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับปัญหาทางวิ่งที่มีอยู่เดิม ความจำเป็นที่จะต้องสร้างทางวิ่งขึ้นลงเพิ่มเติม และขีดความสามารถของทางวิ่งที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงวิธีการกำหนดหลักเกณฑ์ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางเสียง พร้อมกับเร่งการจ่ายชดเชยผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเห็นควรปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยให้ความสำคัญกับความสามารถในการอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางของผู้โดยสารและอากาศยานในระดับคุณภาพบริการที่เป็นสากล และมาตรฐานความปลอดภัยตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศเป็นลำดับแรก ตลอดจนพิจารณาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่เดิมเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน นอกจากนี้ ให้ ทอท. พิจารณาทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียในประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผลกระทบโดยรวมต่อการให้บริการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และการลงทุนระหว่างการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ และอาคารผู้โดยสารทางด้านทิศใต้ พร้อมกับจัดทำแผนการบริหารจัดปริมาณการจราจรทางอากาศทั้งในเขตการบิน (Airside) และเขตนอกการบิน (Landside) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 23845 | ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 | ทก | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
| 23846 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดและที่ดินจัดสรร) | นร09 | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยเพิ่มมาตรา ๓๐๙ จัตวา เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด และที่ดินจัดสรรตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 23847 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา | สม | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้เสนอให้มีการพิจารณาแนวทางการกำหนดให้มีกระบวนการโต้แย้งหรืออุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ๓ ฝ่าย ฝ่ายระดับอำเภอในพื้นที่เกิดเหตุ (ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ พนักงานวินิจฉัยฝ่ายปกครอง) และการพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการกำหนดกระบวนการหรือวิธีการโต้แย้งหรืออุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ๓ ฝ่ายในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการแก้ไขปัญหาและสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคประชาชน อันจะนำไปสู่การลดปัญหาหรือขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าว ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) เป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการแล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 23848 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. .... | นร09 | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยได้ปรับปรุงร่างพระราชกฤษฎีกาโดยตัดความในวรรคสามของร่างมาตรา ๑๑ ออก และแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง โดยกำหนดให้การเบิกจ่ายและการใช้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายที่ได้รับเป็นไปตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 23849 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 22 (การประชุมครั้งที่ 90/2558) | นร | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒๒ (การประชุมครั้งที่ ๙๐/๒๕๕๘) เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาปรึกษาหารือเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน ๔ ประเด็น ประกอบด้วย
๑. ประเด็นการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ๒. ประเด็นการเปลี่ยนแปลงชื่อ “คณะอนุกรรมาธิการพิจารณายกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่จำเป็นต้องตราขึ้นตามร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ” เป็น “คณะอนุกรรมาธิการศึกษาเตรียมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและคณะอนุกรรมาธิการศึกษาเตรียมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติที่จำเป็นต้องตราขึ้นตามร่างรัฐธรรมนูญ” ๓. ประเด็นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๔. ประเด็นของดใช้ข้อบังคับเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานยกร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๗ บางส่วน
|
||||||||||||||||||||||||
| 23850 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาของที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยาน พ.ศ. .... | คค | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาของที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยานมีระยะเวลาการใช้งานตามภารกิจที่ขออนุญาตจัดตั้ง แต่ต้องไม่เกินสองปีติดต่อกันนับแต่วันที่อนุญาต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 23851 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 21 (การประชุมครั้งที่ 89/2558) | นร04 | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒๑ (การประชุมครั้งที่ ๘๙/๒๕๕๘) เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการอภิปรายของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อร่างรัฐธรรมนูญ โดยเห็นควรให้มีการสื่อสารต่อสังคมและประชาชนในประเด็นที่อาจยังไม่ชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ตรงตามเจตนารมณ์ของการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีประเด็น “สมัชชาพลเมือง” และ “สภาตรวจสอบภาคพลเมือง” เพื่อเป็นกลไกในการเพิ่มสิทธิแก่พลเมืองให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมเกี่ยวกับการบริหารงานระดับท้องถิ่นนั้น ควรขยายความให้ชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่า องค์การทั้งสองเป็นกลไกที่ทำหน้าที่แตกต่างกันและไม่ซ้ำซ้อนกัน โดย “สมัชชาพลเมือง” ออกแบบให้เป็นองค์กรของพลเมืองที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ทั้งระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่น หรือพื้นที่อื่น เช่น พื้นที่ลุ่มน้ำระดับท้องถิ่น ส่วน “สภาตรวจสอบภาคพลเมือง” ออกแบบให้เป็นองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐระดับจังหวัดของพลเมือง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการวางหลักการให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปที่ต้องการสร้างให้พลเมืองเป็นใหญ่ เป็นต้น ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 23852 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง นโยบายของรัฐบาล "เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน" | สม | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง นโยบายของรัฐบาล “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน” และผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ได้จัดประชุมหารือร่วมกันระหว่างคณะอนุกรรมการบริหารระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในโรงพยาบาล ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นอนุกรรมการบริหารระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในโรงพยาบาล ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีผลการพิจารณาพร้อมกับผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย โดยรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 23853 | รายงานผลความคืบหน้ามาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano - Finance) | กค | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้ามาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อ Nano-Finance ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ มีจำนวนทั้งหมด ๒๐ บริษัท แบ่งออกได้เป็น ๔ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว จำนวน ๕ บริษัท กลุ่มที่อยู่ระหว่างการจัดส่งเอกสารให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่มเติม จำนวน ๑๑ บริษัท กลุ่มที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง จำนวน ๒ บริษัท และกลุ่มที่ขอยกเลิกคำขออนุญาตเนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ครบและยังไม่พร้อมดำเนินการ จำนวน ๒ บริษัท ๒. บริษัทที่เปิดให้บริการแล้ว ๒ ราย ได้แก่ บริษัทไทยเอช แคปปิตอล จำกัด เริ่มให้สินเชื่อประมาณ ๑๕ ราย รายละ ๑๐,๐๐๐-๑๕,๐๐๐ บาท ผู้ขอกู้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด เริ่มให้สินเชื่อประมาณ ๕๐ ราย รายละ ๑๐,๐๐๐ บาท ผู้ขอกู้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดปทุมธานี ทั้งนี้ ผู้ประกอบการทั้งสองบริษัทจะต้องส่งรายงานปริมาณสินเชื่อ Nano-Finance งวดแรกในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยภายในวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการการให้สินเชื่อ Nano-Finance โดยพิจารณาจากส่วนของผู้ถือหุ้นและสินทรัพย์ของผู้ประกอบธุรกิจ ภายใต้สมมติฐานว่า ผู้ยื่นคำขอทั้ง ๑๘ ราย ได้รับอนุญาต คาดว่าจะสามารถให้สินเชื่อ Nano-Finance รวมสูงสุดประมาณ ๘๐,๒๔๒ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
| 23854 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 7 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 30 เมษายน 2558) | นร | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๐ เมษายน ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ ซึ่งมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์โดยศูนย์ดำรงธรรม และจากการประเมินผลสำเร็จในการดำเนินงาน ขณะนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรง การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต้องแก้ไขที่แนวคิดของประชาชนและแกนนำให้มีความคิดร่วมที่จะทำเพื่อประเทศชาติส่วนรวมไม่ยึดผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่ ๑.๒ การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้แจ้งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และเรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่ง กขร. จะได้ติดตามรายงานผลการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวต่อไป ๑.๓ การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียนการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลดำเนินการโดยเน้นการปรองดองซึ่งเกิดขึ้นจากจิตใจของตนเอง ไม่ถูกบังคับ บิดเบือน ชักจูง ให้คิดเป็น และเข้าใจประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเห็นต่างแต่ต้องไม่ขัดแย้ง โดยร่วมสนับสนุนการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล เข้าใจผลประโยชน์ชาติ เพื่อสร้างสรรค์ เผื่อแผ่ แบ่งปันให้คนไทยทั้งประเทศ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 23855 | รายงานการเดินทางไปราชการต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับนโยบายด้านคนพิการและผู้สูงอายุ ณ ประเทศญี่ปุ่น | พม | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางไปราชการต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับนโยบายด้านคนพิการและผู้สูงอายุ ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ในประเด็นผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้มีความร่วมมือด้านการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้สูงอายุระยะยาว ทั้งนี้ ควรมีการศึกษาแนวทางด้านการแก้ปัญหาวัยแรงงานและวัยเด็กที่ลดน้อยลง รวมถึงการขยายระยะเวลาเกษียณอายุราชการ สำหรับประเด็นคนพิการเห็นควรมีความร่วมมือในประเด็นการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับคนทั้งมวล (Universal Design) การสนับสนุนการจ้างงานคนพิการ และการจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติสำหรับคนพิการ ๒. การประชุมร่วมกับนาย Yasuhisa Shiozaki รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ โดยเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อให้ได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาองค์ความรู้ระหว่างกันด้านผู้สูงอายุและคนพิการ ๓. การประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ โดยเสนอให้มีความร่วมมือด้านการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิคนพิการ และดำเนินการเพื่อรองรับสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการจัดระบบสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ๔. การประชุมร่วมกับองค์กร Red Cross General Welfare Center ได้มีการศึกษารูปแบบและแนวทางการจัดบริการสวัสดิการด้านสังคมสำหรับดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว ตลอดจนบทบาทของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและคนพิการดำเนินการร่วมกับกลไกระดับท้องถิ่นและชุมชน รวมถึงการศึกษาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการและคนทั้งมวล ๕. การประชุมร่วมกับบริษัท ISF Net ศึกษาการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพการเตรียมความพร้อมคนพิการเข้าสู่ตลาดแรงงาน รูปแบบและแนวทางการจ้างงานคนพิการและงานที่เหมาะสมกับความพิการแต่ละประเภท เช่น การประกอบอาหารโดยคนพิการทางสติปัญญา
|
||||||||||||||||||||||||
| 23856 | สรุปผลการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ครั้งที่ 48 | ศธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ครั้งที่ ๔๘ (48th Seameo Council Conference : SEAMEC) ระหว่างวันที่ ๖-๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเต็มคณะ (Plenary Session) ในระหว่างพิธีเปิดการประชุมเต็มคณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาซีเมคและประธานการประชุมสภาซีเมค ครั้งที่ ๔๘ มีวาระ ๒ ปี สำหรับสาระสำคัญของการประชุมเต็มคณะ คือ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าและติดตามผลการดำเนินโครงการและกิจกรรมของซีมีโอและศูนย์ระดับภูมิภาค เห็นชอบสถานะและการใช้ประโยชน์จากเงินบริจาคโดยสมาชิกสมทบและประเทศไทยมอบให้แก่สำนักงานเลขาธิการซีมีโอ รวมถึงสถานะของเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาการศึกษาของซีมีโอ พิจารณาอนุมัติงบประมาณราย ๓ ปี ของซีมีโอ (๒๕๕๘/๒๕๕๙-๒๕๖๐/๒๕๖๑) รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการร่วมกับองค์การระหว่างประเทศ ภาคีเครือข่าย และหุ้นส่วนความร่วมมือ อาทิ การดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ ๑๐ ปีของซีมีโอ การประชุมการศึกษาและการพัฒนาระดับภูมิภาคว่าด้วยวาระการศึกษาภายหลังปี ๒๕๕๘ การดำเนินโครงการ SEAMEO College การดำเนินงานพัฒนาตามข้อเสนอแนะที่ได้จากการประชุมหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับรัฐมนตรีศึกษาของซีมีโอ การประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการเสริมสร้างสมรรถนะขององค์การซีมีโอ และการดำเนินกิจกรรมระดับภูมิภาคในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี องค์การซีมีโอ เป็นต้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในฐานะประธานสภาซีเมคได้กล่าวนำในการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี หัวข้อ ซีมีโอในทศวรรษหน้า (Ministerial Round-table Meeting on SEAMEO in the Next Decade) เกี่ยวกับความมุ่งมั่นขององค์การซีมีโอในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานให้ก้าวทันกระแสโลกมาโดยตลอด รวมทั้งพยายามกำหนดวิสัยทัศน์ในการมองไปข้างหน้า และในการประชุมครั้งนี้ได้อ้างอิงตาม ๗ ประเด็นของที่ประชุมหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับรัฐมนตรีศึกษาของซีมีโอ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ที่ สปป.ลาว ทั้งนี้ ที่ประชุมโต๊ะกลมฯ มีข้อเสนอแนะ ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) การใช้ประโยชน์จากศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอ จำนวน ๒๑ แห่ง (๒) การเชื่อมโยง ๗ ประเด็นระดับภูมิภาคไปสู่การให้การศึกษาเพื่อการเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ (๓) การสนับสนุนการพัฒนาครูและการสร้างมาตรฐานสมรรถนะของครูโดยใช้เวทีการพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเนื่องในโอกาสวันครูโลกเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน (๔) การสนับสนุนการเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนด้านความรู้และทักษะฝีมือในทุกระดับ และ (๕) การส่งเสริมบทบาทสถาบันครอบครัวในการจัดการศึกษา นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของไทยได้กล่าวเน้นย้ำถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การพัฒนาคุณภาพครู และการส่งเสริมการฝึกอบรมในสายอาชีพเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้สามารถเตรียมความพร้อมสู่การมีงานทำในตลาดโลก ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ประชุมหารือทวิภาคีกับ ๕ ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย สปป.ลาว อินโดนีเซีย และติมอร์-เลสเต ซึ่งเน้นส่งเสริมการจัดอาชีวศึกษาและมองว่าประเทศไทยควรเป็นศูนย์กลางในการจัดอาชีวศึกษาโดยมีความร่วมมือกับภาคเอกชน และจากการหารือครั้งนี้ทำให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสนใจที่จะเข้ามาศึกษาดูงานเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านการจัดอาชีวศึกษาของไทย รวมถึงมาเลเซียซึ่งให้ความสนใจมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหรือมหาวิทยาลัยนอกระบบของไทย โดยขอศึกษาดูงานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||
| 23857 | รายงานผลการประชุม 22nd Intergovernmental Meeting of the Coordinating Body on the Seas of East Asia (COBSEA IGM) | ทส | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระหว่างรัฐบาลของสมาชิกองค์กรสิ่งแวดล้อมทางทะเลของภูมิภาคเอเชียตะวันออก สมัยที่ ๒๒ (22nd Intergovernmental Meeting of the Coordinating Body on the Seas of East Asia : COBSEA IGM) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในหัวข้อ (๑) การรายงานผลการดำเนินกิจกรรมของ COBSEA ระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๑๓-๒๐๑๔ (๒) ประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA (๓) แผนงานและงบประมาณของ COBSEA สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๖ (๔) สถานะปัจจุบันของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งประกอบด้วยโครงการ Implementing the Strategic Action Programme for the South China Sea และโครงการ Establishment and Operation of a Regional System of Fisheries Refugia in the South China Sea and Gulf of Thailand และ (๕) ร่างระเบียบทางการเงิน (Financial rules and procedures for COBSEA) ๒. การพิจารณาประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA ที่ประชุมได้ใช้วิธีการลงคะแนนเสียงลับ โดยผลการลงคะแนนเสียง ครั้งที่ ๑ ประเทศไทยได้รับคะแนนเสียง ๔ คะแนน สาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับคะแนนเสียง ๓ คะแนน และสาธารณรัฐเกาหลีได้รับคะแนนเสียง ๑ คะแนน และเนื่องจากไม่มีประเทศที่ได้รับคะแนนเสียงแบบเด็ดขาด จึงต้องมีการลงคะแนนเสียงครั้งที่ ๒ ซึ่งผลการลงคะแนนเสียงครั้งที่ ๒ ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับคะแนนเสียงเท่ากัน คือ ๔ คะแนน ด้วยการลงคะแนนเสียงที่เท่ากันของทั้ง ๒ ประเทศ จึงจำเป็นต้องให้ประธานการประชุมจับสลากรายชื่อประเทศที่จะได้รับเลือกให้เป็นประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA ซึ่งประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพสำนักเลขาธิการ COBSEA จากผลการจับสลากดังกล่าว ๓. จากการที่ประเทศสมาชิกยังไม่ได้ยืนยันการเพิ่มเงินสนับสนุนครบตามจำนวนที่ได้ตกลงในที่ประชุมระหว่างรัฐบาลของ COBSEA สมัยที่ ๒๑ ประเทศสมาชิกจึงต้องร่วมกันหาแนวทางแก้ไขเพื่อให้ COBSEA มีงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงานที่เพียงพอและมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งต่อไป โดยที่ประชุมขอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาเพิ่มเงินสนับสนุนอย่างน้อยตามจำนวนที่ระบุในมติที่ประชุมระหว่างรัฐบาลของ COBSEA สมัยที่ ๒๑ ๔. ที่ประชุมได้กำหนดจัดประชุม Extra-ordinary Intergovernmental Meeting of COBSEA ครั้งที่ ๒ ประมาณต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และการประชุม 23rd Intergovernmental Meeting of COBSEA ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) จะประสานกับประเทศสมาชิกเพื่อพิจารณารับเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดประชุมทั้งสองรายการดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 23858 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน ปี 2558 | พณ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทย การส่งออกเดือนเมษายน ๒๕๕๘ สถานการณ์ในภาพรวมส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยชะลอตัวในอัตราที่ลดลงและยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในตลาดสำคัญไว้ได้ โดยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกเดือนเมษายน ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑๖,๙๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๑.๗๐ การนำเข้ามีมูลค่า ๑๗,๔๒๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๖.๘๔ ส่วนมูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินบาท การส่งออกเดือนเมษายน ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๕๔๘,๔๖๑ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๐.๕๐ การนำเข้ามีมูลค่า ๕๗๒,๒๘๔ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๕.๖๖ สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๓.๙ ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๐.๓ จากปัจจัยหลักคือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวลดลง ๒. ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกของไทย การส่งออกของไทยที่ยังคงหดตัวเกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันที่ชะลอตัว เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดโลกยังคงลดลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น และอาเซียนที่มีมูลค่าการนำเข้ารวมจากทั่วโลกลดลงอย่างมากส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ๓. แนวโน้มการส่งออกของไทยไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๘ แบ่งสถานการณ์เป็น ๓ กลุ่ม คือ (๑) สินค้าที่ขยายตัวในช่วงไตรมาส ๑ ของปี ๒๕๕๗ และคาดว่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๘ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ จักรยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป น้ำตาลทราย และปูนซีเมนต์ เป็นต้น (๒) สินค้าที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นและมีสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๘ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่แปรรูป และทองคำ เป็นต้น และ (๓) สินค้าที่มีแนวโน้มชะลอตัว ได้แก่ ยางพารา เคมีภัณฑ์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง และอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป
|
||||||||||||||||||||||||
| 23859 | แผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น | วธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แผนปฏิบัติการโครงการสืบทอดประเพณี ส่งเสริมค่านิยมและความเป็นไทย วงเงินงบประมาณจำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจัดทำโครงการสืบทอดและส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ด้วยการให้งบสนับสนุนทุกจังหวัดในการจัดกิจกรรมที่จะอนุรักษ์ ถ่ายทอด หรือเผยแพร่รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ขึ้นทะเบียนแล้วในจังหวัดของตนให้เด็ก เยาวชน และชุมชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมในการสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมดังกล่าวให้สืบเนื่องต่อไป อีกทั้งเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกับภาครัฐและนำไปสู่การพัฒนามรดกภูมิปัญญาเหล่านี้ให้เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อไป ๒. แผนปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนในการดำเนินงานจัดเก็บข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม วงเงินงบประมาณจำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจัดทำโครงการจัดเก็บข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้วยการให้งบอุดหนุนในการเก็บข้อมูลภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วหรือที่ใกล้จะสูญหาย โดยสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้ปฏิบัติ สืบทอด โดยมีนักวิชาการเป็นหลัก เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ ๓. แผนปฏิบัติการโครงการปกป้องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม วงเงินงบประมาณจำนวน ๑๕,๘๓๕,๐๐๐ บาท มีกิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วย (๑) การขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเพื่อเก็บรวบรวมและขึ้นทะเบียนรายชื่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศของไทย และ (๒) การคัดเลือกชุมชน/หน่วยงานที่มีการสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมดีเด่น (Best Practice) เพื่อเป็นการให้กำลังใจและยกย่องชุมชน/หน่วยงานดีเด่นให้เป็นแบบอย่างแก่ชุมชน/หน่วยงานอื่นในเรื่องการบริหารจัดการที่เป็นระบบและมีผลต่อการสืบทอดดำรงอยู่ของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในชุมชนนั้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 23860 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนดำรงรักษ์กับถนนบำรุงเมือง สายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนจักรพรรดิพงษ์ และ ตรอกโรงเลี้ยงเด็ก พ.ศ. .... | มท | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนดำรงรักษ์กับถนนบำรุงเมือง สายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนจักรพรรดิพงษ์ และตรอกโรงเลี้ยงเด็ก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนดำรงรักษ์กับถนนบำรุงเมือง สายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนจักรพรรดิพงษ์ และตรอกโรงเลี้ยงเด็ก ในท้องที่แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการในการกำหนดเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองนั้น ไม่สามารถคำนวณเงินค่าทดแทนย้อนหลังไปถึงวันตราพระราชกฤษฎีกาฉบับแรกได้ เพราะจะก่อให้เกิดการกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ถูกเวนคืนอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
.....
