ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1194 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 23861 - 23880 จากข้อมูลทั้งหมด 124345 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23861 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏกำแพงเพชร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา รวมทั้งสีประจำสาขาวิชา ของสาขาวิชานิเทศศาสตร์และสาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23862 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏพิบูลสงคราม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขานิเทศศาสตร์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ และสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23863 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | มท | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23864 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. .... | มท | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการออกบัตรใหม่ กรณีบัตรหายหรือถูกทำลาย บัตรชำรุดในสาระสำคัญ หรือแก้ไขชื่อตัว ชื่อสกุล หรือชื่อตัวและชื่อสกุลในทะเบียนบ้าน หรือย้ายที่อยู่ จากเดิมฉบับละ ๒๐ บาท เป็นฉบับละ ๑๐๐ บาท เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการผลิตและจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนที่สูงขึ้น รวมทั้งให้อธิบดีกรมการปกครองมีอำนาจพิจารณาประกาศให้เขตท้องที่ใดท้องที่หนึ่งในเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเป็นเขตยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23865 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีคำร้องที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการกระทำทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่ไร้มนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สม | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีคำร้องที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการกระทำทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่ไร้มนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ โดยมีข้อเสนอแนะนโยบาย ดังนี้ ๑.๑ ควรกำชับให้กับเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือมาตรการการแก้ไขปัญหาที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเคยเสนอไว้ตามรายงานผลการตรวจสอบที่ ๒๗๕-๓๐๘/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ (๓๔ คำร้อง) และรายงานผลการตรวจสอบที่ ๖๗-๘๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (๒๓ คำร้อง) อย่างเคร่งครัด ๑.๒ ควรประสานความร่วมมือจากแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัดให้เป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจร่างกายและจัดทำบันทึกการตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐานก่อนเพื่อแสดงความโปร่งใส โดยดำเนินการก่อนที่จะมีการควบคุมตัวผู้ที่ถูกเชิญตัวมาซักถาม ๑.๓ ควรเร่งรัดการอนุวัติกฎหมายภายในให้เป็นไปตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับเพื่อป้องกันการทรมานและการลงโทษและการปฏิบัติอย่างทารุณ ผิดมนุษย์หรือลดทอนความเป็นมนุษย์อย่างครอบคลุมและครบถ้วน ๑.๔ ควรร่วมกันพัฒนาระบบการเข้าเยี่ยมสถานที่ซึ่งทำให้บุคคลเสื่อมเสียซึ่งอิสรภาพเพื่อป้องกันการทรมานและการลงโทษและการปฏิบัติอย่างทารุณ ผิดมนุษย์หรือลดทอนความเป็นมนุษย์ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการแล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23866 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องที่ขอให้เสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีขอให้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องในการออกประกาศกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และติดตามตรวจสอบความคืบหน้า ในการดำเนินงานของรัฐบาลและความจริงจังในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง | สม | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีขอให้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องในการออกประกาศกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินงานของรัฐบาลและความจริงจังในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง และผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ) ได้ประชุมเรื่อง การพิจารณารายงานผลการพิจารณาคำร้องที่ขอให้เสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชนฯ เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๑ กระทรวง เข้าร่วมประชุม โดยรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
23867 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยเพิ่มวัตถุประสงค์ในการเวนคืนและให้รัฐสามารถนำที่ดินที่เหลือจากการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนไปใช้ในเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคมหรือเพื่อประโยชน์ด้านสวัสดิการของรัฐ การยื่นคำร้องขอรังวัดต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายที่ดินแทนเจ้าของหรือผู้ครอบครองได้ การให้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของเจ้าหน้าที่นับแต่วันที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายได้รับเงินค่าทดแทนที่เจ้าหน้าที่ได้วางไว้ เพิ่มเติมให้ผู้อยู่อาศัยหรือประกอบการค้าขาย หรือการงานอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนมีสิทธิการได้รับค่าทดแทน กำหนดระยะเวลาการยื่นคำร้องและพิจารณาคำร้อง และสิทธิในการอุทธรณ์เกี่ยวกับการร้องขอจัดให้ซื้อโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างส่วนที่เหลือจากการเวนคืนซึ่งใช้การไม่ได้ หรือที่ดินส่วนที่เหลืออยู่จากการเวนคืน ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าทดแทนเพื่อให้เป็นธรรมมากขึ้น ตลอดจนการขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์การได้รับเงินค่าทดแทนและการพิจารณาอุทธรณ์ รวมทั้งการขยายระยะเวลาการฟ้องคดีในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนไม่พอใจคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้ตัดคำว่า “ใช้การไม่ได้” ในร่างมาตรา ๘ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๐ ออก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความของหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติในการเวนคืน แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
23868 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา | กต | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๔ (๙) โดยให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ร่างเอกสารที่จะมีการรับรองหรือลงนามระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง) ซึ่งได้เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา แต่ต่อมาประเทศอินเดียได้ขอแก้ไขบันทึกความเข้าใจในประเด็นการระงับข้อพิพาท โดยเพิ่มเนื้อหา ข้อ ๘ เรื่อง การระงับข้อพิพาท ซึ่งระบุว่า ข้อพิพาทอันเกิดจากการตีความและการปฏิบัติใช้ของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ให้แก้ไขด้วยการหารือ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติบันทึกความเข้าใจที่ปรับใหม่ โดยคณะรัฐมนตรีไม่ขัดข้องในการปรับแก้ไขและอนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ก็ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||
23869 | ร่างความตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เรื่อง การขยายเวลาความร่วมมือในด้านการวิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้า | ทส | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำความตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เรื่อง การขยายเวลาความร่วมมือในด้านการวิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้า โดยร่างความตกลงฯ มีความมุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการวิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้าดำเนินการต่อไป โดยขยายเวลาการอาศัยอยู่ของหมีแพนด้า “ช่วงช่วง” และ “หลินฮุ่ย” ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป จนถึงวันที่โครงการความร่วมมือในการอนุรักษ์และวิจัยรอบใหม่จะเริ่มต้น หรือจนถึงเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขถ้อยคำในร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการโดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๑.๒ เห็นชอบให้ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายไทยต้องสนับสนุนเงินเพื่อเป็นกองทุนสำหรับการอนุรักษ์หมีแพนด้าของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามข้อตกลงฯ ปีละ ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน ๒ ปี รวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ที่องค์การสวนสัตว์ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงฯ หากมีการจัดทำเป็นคู่ฉบับภาษาอังกฤษและภาษาจีน ก็ควรยืนยันให้มีการจัดทำความตกลงฯ เป็นคู่ฉบับภาษาไทยด้วย รวมทั้งเห็นควรเร่งดำเนินการจัดทำความตกลงฯ โดยเร็ว เนื่องจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มอบหมีแพนด้า (Giant Panda) ให้ประเทศไทยในฐานะทูตสันถวไมตรีเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศประกอบกับความตกลงฯ ฉบับเดิมได้สิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23870 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าระหว่างไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 2 | พณ | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าสำหรับการหารือกับมาเลเซีย ได้แก่ การตั้งเป้าหมายการค้าสองฝ่าย การส่งเสริมการค้าชายแดน การลดอุปสรรคทางการค้าและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ความร่วมมือเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ ความร่วมมือด้านฮาลาล ความร่วมมือด้านยางพารา และความร่วมมือภาคเอกชน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ หากในการประชุมดังกล่าวมีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทย-มาเลเซีย ให้กระทรวงพาณิชย์และคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๒ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรผลักดันการดำเนินการในประเด็นความร่วมมือด้านการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-มาเลเซีย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการขนส่งทางถนนระหว่างสองประเทศลุล่วงโดยเร็ว และเห็นควรจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพียงคณะเดียวเพื่อลดขั้นตอน ความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน และเพื่อขจัดความล่าช้าในการพิจารณาประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากทั้งฝ่ายไทยและมาเลเซีย รวมทั้งควรมีการพิจารณาการส่งเสริม สนับสนุนให้ครอบคลุมในเรื่องต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากสินค้าฮาลาล เช่น การทำธุรกิจฮาลาล การบริการฮาลาล และผลักดันความร่วมมือด้านยางพาราให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจังในด้านการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายและการผลิตระหว่างกัน การทำวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา และการสร้างเสริมความเข้าใจระหว่างไทยและมาเลเซียให้เป็นพันธมิตรทางการค้าการผลิตมากกว่าคู่แข่งทางการค้า นอกจากนี้ ควรให้ข้อมูลความก้าวหน้าในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของไทยบริเวณชายแดนไทยกับมาเลเซีย ได้แก่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส และเชิญชวนนักลงทุนมาเลเซียที่สนใจมาร่วมลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว พร้อมทั้งติดตามความก้าวหน้าในการจัดทำข้อเสนอการจัดตั้งแนวพื้นที่ยางพารา (Rubber Corridor) เชื่อมโยงระหว่างสามประเทศตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจ IMT-GT จากฝ่ายมาเลเซียเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านยางพารา และพิจารณาเพิ่มความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อการเพิ่มมูลค่าการค้าทั้งของไทยและมาเลเซีย เช่น ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยและมาเลเซีย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
23871 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปลี่ยนแปลงชื่อและเป้าหมายโครงการ จากเดิม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบเซาร์ รายการค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม สำรวจ ออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงานการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม เป็น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา รายการค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม สำรวจ ออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงานการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้ รฟท. เปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ภายในกรอบวงเงิน ๒๗๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท ตามผลการจัดหา ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ รฟท. ถือปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน และติดตามการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายรถไฟและสิ่งอำนวยความสะดวกตามแนวเส้นทางให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังท่าเรือน้ำลึกในจังหวัดสงขลา รวมทั้งประสานกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของรูปแบบการเชื่อมโยงโครงข่ายและการเดินรถไฟทั้ง ๒ เส้นทางร่วมกัน เพื่อให้การเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างสะดวกและเกิดการใช้ประโยชน์โครงข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในการเสนอโครงการต่าง ๆ ในโอกาสต่อไป ให้กระทรวงคมนาคมตรวจสอบความพร้อมของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบให้ละเอียดรอบคอบก่อนเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการเพื่อมิให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนของโครงการในลักษณะนี้อีก |
||||||||||||||||||
23872 | การก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครพนม จังหวัดนครพนม | ศธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครพนม จังหวัดนครพนม โดยมีวงเงินค่าก่อสร้าง จำนวน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ จำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย งบประมาณกันเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จำนวน ๑๔ รายการ จำนวนเงิน ๔๖,๔๓๗,๐๐๐ บาท และปรับปรุงสิ่งก่อสร้างของศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด จำนวน ๔ รายการ จำนวนเงิน ๑๒,๔๗๒,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดหาครุภัณฑ์และดำเนินการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ รายการที่ดำเนินการใหม่จะต้องมีความพร้อมและสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23873 | การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ยังไม่ได้เข้าร่วมมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยกรณีเกษตรกรภาคใต้ที่เพาะปลูกในช่วงเวลาหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือน และกรณีรายชื่อเกษตรกรตกหล่น | กษ | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาให้เกษตรกรในจังหวัดภาคใต้ที่มีการเพาะปลูกข้าวในช่วงหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระยะ ๓ เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๗,๔๐๒ ครัวเรือน สามารถเข้าร่วมมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้ สำหรับกรณีเกษตรกรที่รายชื่อตกหล่น จำนวน ๒,๐๙๑ ครัวเรือน ซึ่งยังไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการฯ ได้ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวให้ถูกต้อง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดก่อนแล้วจ่ายเงินช่วยเหลือเฉพาะเกษตรกรรายที่มีผลการตรวจสอบถูกต้องเท่านั้น ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยว่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการและมีผลเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่อย่างไร ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการตามมาตรการฯ ให้ครบทุกพื้นที่โดยเร็ว โดยให้ตรวจสอบบัญชีการดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน และให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. ขออนุมัติตั้งงบประมาณชดใช้คืนเงินตามที่จ่ายจริงพร้อมดอกเบี้ยให้ครบถ้วนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง อย่างโปร่งใส เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งเข้มงวดกับการตรวจสอบและรับรองสิทธิ และข้อมูลการใช้สิทธิอย่างละเอียดและรอบคอบ โดยจะต้องเป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเปิดบัญชีกับ ธ.ก.ส. ไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการดำเนินงานในภายหลัง และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ทั้งนี้ หากตรวจพบว่ามีการแจ้งข้อมูลเท็จ และรับเงินเกินสิทธิ์ ให้คณะกรรมการบริหารมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ระดับจังหวัด เป็นผู้ดำเนินการแจ้งความและดำเนินคดีจนกว่าคดีเป็นที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23874 | ขอความเห็นชอบหลักการกรณีที่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานที่ไม่อยู่ภายใต้กำกับของฝ่ายบริหาร เสนอเรื่องขออนุมัติงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการ | นร05 | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการกรณีที่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานที่ไม่อยู่ภายใต้กำกับของฝ่ายบริหาร เสนอเรื่องขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ในกรณีที่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญหรือหน่วยงานที่ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลของฝ่ายบริหาร เสนอเรื่องขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการนัยมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘) ก่อนเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. มอบให้สำนักงบประมาณกำหนดแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้ให้ชัดเจนต่อไป แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||
23875 | รายงานผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน | กค | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียน จำนวน ๔ ทุน ได้แก่ กองทุนยุติธรรม กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และเงินทุนหมุนเวียนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาตามร่างพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ โดยให้จัดตั้งกองทุนฯ ขึ้นในสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการกองทุนฯ รวมทั้งการกำหนดระยะเวลาในการส่งงบการเงินให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรอง ๑.๒ การจัดสรรเงินงบประมาณเป็นทุนประเดิม จำนวน ๓๐ ล้านบาท ให้แก่เงินทุนหมุนเวียนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา งบประมาณที่จะใช้ในการจัดตั้งทุนหมุนเวียนให้เป็นการพิจารณาร่วมกันระหว่างหน่วยงาน กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ๑.๓ แหล่งที่มาของเงินกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. .... ให้ทบทวนร่างพระราชบัญญัติฯ ให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมก่อนนำเสนอคณะกรรมการฯ อีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยให้เสนอวิธีการนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็นไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วง ๑ ปี ต่อคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการนำเงินทุนหมุนเวียนส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินให้ครบถ้วนโดยด่วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบทุนหมุนเวียนทั้ง ๔ ทุน (เงินทุนหมุนเวียนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนยุติธรรม และกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา) รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ควรพิจารณาดำเนินการโดยคำนึงการใช้ประโยชน์จากโครงการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว และควรพิจารณาขยายขอบเขตการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาไปยังคนกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง รวมทั้งควรพิจารณาการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นนอกเหนือจากเชิงวิชาการ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างความเสมอภาคและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการเรียนรู้แก่ผู้เรียน อีกทั้งการพัฒนานวัตกรรม/สื่อดิจิทัลที่เอื้อต่อการเรียนรู้และสนับสนุนการเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านระบบเทคโนโลยีทางการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับกองทุนหมุนเวียนในอนาคต ว่าควรเป็นอย่างไร เพื่อรองรับการปฏิรูปที่จะมีขึ้นในระยะต่อไป เช่น จะยุบ ยกเลิก หรือให้คงอยู่ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย |
||||||||||||||||||
23876 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินโรงไฟฟ้าจะนะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การบริหารส่วนตำบลคลองเปียะลดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินปี ๒๕๕๘ ให้โรงไฟฟ้าจะนะ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยคิดเป็นค่ารายปีเป็นจำนวน ๔๑,๗๒๔,๗๔๔.๙๓ บาท และค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นจำนวน ๕,๒๑๕,๕๙๓.๑๒ บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้เป็นระบบ มีมาตรฐานเดียวกัน เป็นธรรม และมีผลบังคับใช้ทั่วไปกับทุกรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภา ประจำปี ๒๕๕๖) และวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินโรงไฟฟ้าจะนะ ประจำปี ๒๕๕๖ และประจำปี ๒๕๕๗) แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
23877 | ขอต่ออายุเงินกู้ระยะสั้น | พน | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ในวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ระยะเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ภายใต้เงื่อนไขเดิม ประกอบด้วย กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) โดยให้พิจารณาทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ/หรือธนาคารพาณิชย์อื่น ตามที่ธนาคารแต่ละแห่งเสนอในรูปแบบที่มีต้นทุนต่ำที่สุดตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้เงินดังกล่าว เพื่อให้ กฟผ. สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ กฟผ. เสนอขอบรรจุวงเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณต่อไป รวมทั้งพิจารณาตลาดเงินในประเทศที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เพื่อเป็นกรอบวงเงินกู้ระยะสั้นสำรองไว้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานและกรณีจำเป็นเร่งด่วน และทบทวนเงื่อนไขและต้นทุนที่เหมาะสมตามสภาพตลาดก่อนดำเนินการในแต่ละปี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
23878 | การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณในห้วงประกาศใช้กฎอัยการศึกในปี 2549 ถึง 2558 | ตช | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรในห้วงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗-๑ เมษายน ๒๕๕๘ มีสิทธิได้รับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญต่อไป ๒. ในส่วนการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณในห้วงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙-๒๖ มกราคม ๒๕๕๐ นั้น เนื่องจากระยะเวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว หากให้สิทธิการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณในช่วงระยะเวลาดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการนับเวลาการปฏิบัติราชการ การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือการคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดังนั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาทบทวนผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในเรื่องดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
23879 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 18 - 22 พฤษภาคม 2558) | สผ | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๘-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๕-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||
23880 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 25 - 29 พฤษภาคม 2558) | สผ | 23/06/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๘-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๕-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
.....