ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1199 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 23961 - 23980 จากข้อมูลทั้งหมด 124345 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23961 | ขออนุมัติการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development - UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development2 : ICAD2) | ยธ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development-UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development 2 : ICAD2) ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณในการจัดประชุมฯ ในครั้งนี้ จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับงบประมาณในการจัดประชุมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท และที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไว้อีก จำนวน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
23962 | ขออนุมัติดำเนินการต่อโครงการ/รายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณ ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ปีงบประมาณ 2558 | สลธ.คสช. | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการที่มีความพร้อมผูกพันงบประมาณภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๕๙ โครงการ/รายการ วงเงิน ๑๐,๓๑๔.๐๔ ล้านบาท ดำเนินการผูกพันงบประมาณ โดยไม่ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ใหม่อีกครั้ง ๒. สำหรับโครงการ/รายการที่มีการลงนามในสัญญาแล้ว และการโอนงบประมาณเบิกจ่ายแทนแต่ดำเนินการในระบบไม่สมบูรณ์ ให้ส่วนราชการดำเนินการให้ครบถ้วนสมบูรณ์ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๓. สำหรับโครงการ/รายการที่ไม่พร้อมลงนามภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวน ๓๘ โครงการ/รายการ วงเงิน ๔,๗๖๐.๑๙ ล้านบาท เป็นโครงการ/รายการที่ไม่สามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ได้ทันภายในระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม) และวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) จะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23963 | ผลการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความสัมพันธ์ทวิภาคี ได้แก่ การติดตามการทาบทามการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ การเตรียมการเข้าร่วมงานเฉลิมการครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาประเทศสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้แทนพระองค์ และหัวหน้ารัฐบาลวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ และการเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้แก่ Civil Service Exchange Program (CSEP) ครั้งที่ ๑๒ และการประชุม Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship (STEER) ครั้งที่ ๔ ในปี ๒๕๕๘ ๒. การค้าและการลงทุน ได้แก่ การเชิญชวนภาคเอกชนสิงคโปร์ร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะภาคบริการและโลจิสติกส์ และโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและคมนาคม การดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ฉบับแก้ไข การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่าง Singapore Manufacturing Federation (SMF) กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจสำหรับความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์และการเข้าร่วมกิจกรรมด้านการผลิตและการตลาดสินค้าประเภท Digital Content ระหว่างสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับ Media Development Authority (MDA) การอำนวยความสะดวกการลงทุนในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในประเทศไทย เช่น ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการกำหนดสัดส่วนถือกรรมสิทธิ์ในธุรกิจดังกล่าว การกระตุ้นบทบาทของสภาธุรกิจไทย-สิงคโปร์ การเพิ่มคลื่นความถี่ของสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และการพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในไทย ๓. การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ การเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีด้านการศึกษา และการเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของสิงคโปร์เพื่อนำมาปรับใช้ในการจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลของไทย ๔. การท่องเที่ยว ได้แก่ การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับสิงคโปร์ และการกำหนดจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทย เช่น ภูเก็ต กระบี่ สงขลา พัทยา เกาะสมุย เป็นต้น ๕. ความมั่นคงและการทหาร ได้แก่ การพิจารณาให้สิงคโปร์ใช้พื้นที่ในไทยเพื่อการจัดเก็บยุทโธปกรณ์ และการส่งเสริมความร่วมมือด้าน cyber security ๖. อาเซียน ได้แก่ การร่วมมือกับสิงคโปร์ผ่านโครงการ Initiative for ASEAN Integration (IAI) เพื่อยกระดับการพัฒนาในภูมิภาคให้มีความใกล้เคียงกัน และการประสานสิงคโปร์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการและการตลาดเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ (ข้าวและยางพารา) ๗. สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ได้แก่ สนับสนุนสิงคโปร์ในการทำหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานอาเซียน-จีนต่อจากไทยในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ และสนับสนุนให้อาเซียนและจีนเร่งรัดการดำเนินมาตรการเร่งด่วนควบคู่ไปกับการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ให้เสร็จโดยเร็ว ๘. สถานการณ์ในภูมิภาค ได้แก่ การร่วมมือในการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านดิจิทัลและไซเบอร์ รวมทั้งสื่อออนไลน์
|
|||||||||||||||||||||
23964 | ผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอิตาลี | กษ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอิตาลี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ “Recognizing notable and outstanding progress in fighting hunger” เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) ได้จัดพิธีมอบรางวัล (Achievement Award) ให้กับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ รวม ๗๒ ประเทศ เพื่อเชิดชูเกียรติประเทศเหล่านี้ที่บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่บรรลุทั้งเป้าหมาย MDG 1.C และเป้าหมายของการประชุมอาหารโลก (World Food Summit : WFS) ซึ่งจัดประชุมไปเมื่อปี ๒๕๓๙ (ค.ศ. ๑๙๙๖) ๒. การประชุมสมัชชาองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO Conference) ครั้งที่ ๓๙ จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กล่าวถ้อยแถลงมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้าของประเทศไทยในด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท การดำเนินการเพื่อความมั่นคงอาหาร โดยได้เน้นเรื่องการพัฒนาการเกษตรโดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เรื่องมาตรฐานสินค้าเกษตร และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาการเกษตรและชนบท ซึ่งมาตรการเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยยังดำรงความเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาชนบทอย่างต่อเนื่องต่อไป ๓. การหารือทวิภาคีกับผู้อำนวยการองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยได้หารือเรื่อง FAO ขอให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร (The International Treaty on Plant Genetic Resource for Food and Agriculture : ITPGRFA) รวมทั้งการนำเรื่อง Agreement on Port State Measure ซึ่งเป็นมาตรฐานของ FAO มาใช้เป็นหลักการในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||
23965 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ 2558 | นร | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๒๑๙,๘๗๘ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๘๖,๗๑๗ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ๒. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ดังนี้ ๒.๑ กรณีโครงการ/รายการซึ่งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม) และวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) และได้เริ่มดำเนินงานหรือดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนประกาศเชิญชวน แต่ยังไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ให้หน่วยงานดำเนินโครงการ/รายการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณาใหม่อีกครั้ง และเร่งรัดให้เริ่มดำเนินงานหรือก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ กรณีโครงการ/รายการอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้เสนอให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณา ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23966 | แนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน | นร07 | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้ส่วนราชการเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาเห็นชอบก่อน เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23967 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นผู้ชี้แจงและประสานเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23968 | สถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร | มท | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ในช่วงวันที่ ๗-๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ เกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครเกินกว่า ๑๐๐ มิลลิเมตร มากกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ ๑๕๖.๖ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ เช่น ถนนอโศกมนตรี ถนนสุขุมวิท ถนนลาดพร้าว โดยมีฝนตกเฉลี่ยสูงสุดในเขตคลองเตย ๑๔๑ มิลลิเมตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนเป็นจำนวนมาก กระทรวงมหาดไทยจึงได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.๑ ประชุมมอบหมายหน้าที่ โดยให้กรุงเทพมหานครดูแลเรื่องระบบระบายน้ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลเรื่องการจราจร กองทัพบกและกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย/อาสาสมัคร) ดูแลเรื่องการจัดหากำลังพลเพื่อช่วยเข็นรถ ซ่อมรถ กรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ดูแลเรื่องช่างซ่อมรถพร้อมเครื่องมือ และการไฟฟ้านครหลวงเตรียมความพร้อมกรณีเกิดไฟฟ้าดับบริเวณจุดสูบน้ำ ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยพร้อมปฏิบัติงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๑.๒ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดตั้งศูนย์ประสานการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนกรณีน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์ประสานการปฏิบัติการฯ ได้ประสานกรุงเทพมหานคร กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ และให้เขตต่าง ๆ บริหารจัดการพื้นที่ของตนเองมิให้มีขยะขนาดใหญ่มากีดขวางเส้นทางของอุโมงค์ระบายน้ำ พร้อมส่งกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณอุโมงค์ดินแดง รวมทั้งอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ๑.๓ ประสานการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซมไฟฟ้าให้ใช้การได้โดยเร็วเพื่อให้เครื่องสูบน้ำสามารถทำงานได้ตามปกติ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยประสานกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลเรื่องการระบายน้ำในช่วงที่มีฝนตกเพื่อไม่ให้เกิดกรณีน้ำท่วมขังบริเวณเส้นทางสัญจรและบ้านเรือนของประชาชน โดยตรวจสอบดูแลเครื่องมือต่าง ๆ เครื่องสูบน้ำให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เป็นต้น พิจารณาหามาตรการหรือจัดให้มีระบบสำรองเพื่อรองรับเหตุกรณีไฟฟ้าดับ รวมทั้งดูแลเรื่องการจัดเก็บขยะโดยเฉพาะบริเวณแนวเขตเครื่องสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำเพื่อไม่ให้ขยะกีดขวางหรืออุดตันเครื่องสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำ
|
|||||||||||||||||||||
23969 | มาตรการช่วยเหลือเยียวยาสำหรับผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง | กษ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอมาตรการช่วยเหลือเยียวยาสำหรับผู้ประสบปัญหาภัยแล้งให้คณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพิจารณาในวันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23970 | การจัดทำแผนงานเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง | นร04 | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เกี่ยวกับการจัดทำแผนการเชื่อมโยงเส้นทางและการลงทุน แผนการดำเนินงานของแต่ละโครงการ ตามห้วงเวลา และแผนการจัดหาเงินลงทุน (Financing) และรูปแบบการลงทุน เพื่อเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพิจารณาในวันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
23971 | การให้พนักงานอัยการเป็นผู้แก้ต่างดคีให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร05 | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการและมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้พนักงานอัยการเป็นผู้แก้ต่างคดีให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป ดังนี้
๑. ปัจจุบันพนักงานอัยการมีอำนาจหน้าที่ในการรับแก้ต่างในคดีแพ่ง คดีปกครอง หรือคดีอาญาให้แก่ส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ และมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙) อยู่แล้ว แต่พนักงานอัยการจะไม่รับแก้ต่างให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ซึ่งถูกหน่วยงานของรัฐ เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีในกรณีที่พนักงานอัยการรับดำเนินการฟ้องคดีแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ๒. ที่ผ่านมาปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการโดยไม่ใช่พนักงานอัยการเป็นผู้ดำเนินการฟ้องคดี เช่น กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการฟ้องคดีเอง เพราะพนักงานอัยการมีความเห็นไม่ควรฟ้อง เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องว่าจ้างทนายความในการแก้ต่างคดีด้วยตนเอง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ทางราชการย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกฟ้องคดีอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการในกรณีดังกล่าว เห็นควรประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดให้พนักงานอัยการพิจารณารับแก้ต่างให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกฟ้องคดีในกรณีตามข้อ ๑ และข้อ ๒ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
23972 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) | มท | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๔๗ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๖๒.๓๘ ๒. การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ปัจจุบันได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยเหลือพื้นที่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบอีกประมาณ ๒๐ ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนของงานปรับภูมิทัศน์ ๓. การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง จากปริมาณดินทั้งหมด ๑,๐๔๓,๖๙๐ ลูกบาศก์เมตร ขนดินออกจากพื้นที่ได้แล้ว ๗๖๓,๒๓๐ ลูกบาศก์เมตร เหลือดินในพื้นที่ต้องขนออก ๒๘๐,๔๖๐ ลูกบาศก์เมตร ๔. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงาน ได้แก่ ปัญหาอุปสรรคในเรื่องการมอบพื้นที่ยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้าง ปัญหากรณีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ ในพื้นที่ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้าร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีเพื่อขอรับการชดเชยที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม และปัญหากรณีชาวบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภาบริเวณก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ
|
|||||||||||||||||||||
23973 | การดำเนินงานด้านผังเมืองกับการพัฒนาอุตสาหกรรม | มท | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการชี้แจงกรณีสื่อมวลชนเสนอข่าวเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและกฎหมายผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงาน สรุปได้ว่า เนื่องจากมีการนำเสนอข่าวที่มีเนื้อหากล่าวถึงการลดพื้นที่อุตสาหกรรมของผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชน จังหวัดระยอง (ผังมาบตาพุด) ทำให้ไม่สามารถขยายการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม และการกำหนดเป็นที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) ทำให้ไม่สามารถสร้างเตาเผาขยะผลิตไฟฟ้าขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองกับกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ รวมทั้งมีข้อเสนอให้เตาเผาขยะสามารถสร้างในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศได้โดยไม่ติดกฎหมายผังเมือง จึงมีความจำเป็นที่ต้องสร้างความเข้าใจต่อประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้ส่งผลด้านการลงทุนอันจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม โดยมีประเด็นการดำเนินงานที่ควรชี้แจงให้ทราบ ๓ ประเด็น ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าและการกำจัดขยะได้ในกรณีของผังเมืองรวมจังหวัดที่ได้มีการประกาศใช้บังคับไปแล้ว จำนวน ๑๙ จังหวัด ๑.๒ ประเด็นการลดพื้นที่อุตสาหกรรมของผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชน จังหวัดระยอง (ผังมาบตาพุด) ๑.๓ ประเด็นไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างเตาเผาขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความจำเป็นและประโยชน์ในการก่อสร้างเตาเผาขยะและโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะให้กับประชาชนได้รับทราบเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้านและคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23974 | ผลการประชุมความร่วมมือระบบรางระดับรัฐมนตรี ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น | คค | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมความร่วมมือระบบรางระดับรัฐมนตรีระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดินฯ ของญี่ปุ่น ๑.๑ การก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีชินคันเซ็นของญี่ปุ่น ๑.๒ การพัฒนาเส้นทางแนวเศรษฐกิจด้านใต้ เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ อยู่ในแผนงานที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันต่อไป ซึ่งนอกจากจะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนแล้ว ยังเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างทวาย-กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ และต่อไปยังเวียดนาม ๑.๓ การพัฒนาเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร (Upper East-West Corridor) ทั้งสองฝ่ายจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบรถไฟในเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร ตามแนวเศรษฐกิจด้านตะวันออก-ตะวันตก ๑.๔ โครงการรถไฟฟ้าในเขตเมือง ฝ่ายญี่ปุ่นจะเร่งดำเนินการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ๓ ขบวนแรก ในปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๘ และจะส่งมอบครบทั้ง ๒๑ ขบวนภายในปีนี้ โดยจะเริ่มทดสอบระบบและทดลองการเดินรถก่อนเปิดให้บริการประชาชนได้ในกลางปี ๒๕๕๙ ๑.๕ ความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศ ทั้งสองฝ่ายรับทราบว่า กรมการบินพลเรือน และสำนักการบินพลเรือนญี่ปุ่น (Japan Civil Aviation Bureau : JCAB) ได้ตกลงกันเพื่อประกันความปลอดภัยในการเดินอากาศระหว่างประเทศ โดย JCAB จะอนุญาตให้สายการบินของไทยที่ทำการบินแบบประจำและสายการบินที่ให้บริการแบบเช่าเหมาลำ สามารถทำการบินไปยังญี่ปุ่นได้ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมการบินพลเรือนและ JCAB ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. การลงนามบันทึกความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น รัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง โดยทั้งสองกระทรวงจะร่วมกันพัฒนารถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และการพัฒนาและ/หรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในเส้นทางแนวเศรษฐกิจด้านใต้ (กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ) รวมทั้งจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบรถไฟในเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านตะวันออก-ตะวันตก ตลอดจนการศึกษาการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางรางของไทย และศึกษาความเหมาะสมเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการบริหารร่วมระดับรัฐมนตรีเพื่อกำกับการดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดินฯ ของญี่ปุ่น จะเป็นประธานร่วม และจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินงานร่วมกัน ประกอบด้วย (๑) คณะทำงานโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (๒) คณะทำงาน เส้นทาง กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และ (๓) คณะทำงานด้านการเงินและรูปแบบการลงทุน
|
|||||||||||||||||||||
23975 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะจังหวัดปทุมธานี "ปทุมธานีโมเดล" | พม | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะจังหวัดปทุมธานี “ปทุมธานีโมเดล” ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะทำงานตรวจสอบการเปลี่ยนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้ในการแก้ไขปัญหาคนยากจนบุกรุกที่สาธารณะได้นำเสนอรูปแผนที่คลองเชียงรากใหญ่ จำลองจากระวางแผนที่ (ไม่ได้รังวัดหน้างานจริง) เนื้อที่โดยประมาณ ๔๒-๑-๓๘.๖ ไร่ ไว้สำหรับจัดสรรให้กับประชาชนและมีการจัดทีมลงสำรวจข้อมูลผู้เดือดร้อนรายครัวเรือน จับพิกัด GPS จำนวน ๑๐ ชุมชน ๑,๐๖๐ ครัวเรือน และประสานคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อออกแบบแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยได้เปิดเวทีประชาพิจารณ์ทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาชุมชนริมคลองให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๓๖๔ ครัวเรือน รวมทั้งได้จัดกิจกรรมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะจังหวัดปทุมธานี “ปทุมธานีโมเดล” เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนที่บุกรุกที่ดินสาธารณะ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์โครงการ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเจตนารมณ์ร่วมกันในการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกคลองตามมาตรการจัดระเบียบแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด และการก่อสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำลำคลองและการระบายน้ำ ๑.๒ ในระยะต่อไป จะดำเนินการเรื่องที่ดินเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดสรรที่อยู่อาศัย ลงพื้นที่ทำความเข้าใจรายชุมชน/จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยระยะแรก จำนวน ๓๖๔ ครัวเรือน ในพื้นที่เทศบาลท่าโขลง จำนวน ๕ ชุมชน ได้แก่ ชุมชนวัดบางขัน ชุมชนบัวหลวง ชุมชนวันครู ชุมชนคุณหญิงส้มจีน และชุมชนท่าโขลง และในส่วนพื้นที่เทศบาลคลองหลวง จะมีการเปิดเวทีประชุมประชาพิจารณ์ เพื่อทำความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดทำข้อมูลผู้เดือดร้อนเพิ่มเติม เพื่อนำไปสู่การพิจารณาสิทธิในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ปทุมธานีโมเดลต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกพื้นที่สาธารณะในภาพรวมทั้งประเทศ โดยยึดหลักการจัดหาที่อยู่อาศัยตามความต้องการของชุมชนเพื่อให้มีที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นและเหมาะสม ซึ่งอาจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ชุมชนจะสามารถอยู่อาศัยในพื้นที่เดิม โดยในเขตกรุงเทพมหานคร เช่น ชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ริมคลองอาจสร้างอาคารสูงในพื้นที่เดิมเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย และนำพื้นที่ที่เหลือไปใช้เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ เช่น สวนสาธารณะ ลานกีฬา ร้านอาหาร สถานที่พักผ่อนในชุมชม เป็นต้น ส่วนในต่างจังหวัดควรดำเนินการในพื้นที่ใกล้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นลำดับแรก และบริเวณพื้นที่เลียบทางรถไฟที่จะก่อสร้าง ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อาจดำเนินการโดยให้ภาคเอกชนร่วมดำเนินการ และพิจารณาปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ยังจำหน่ายไม่หมดของบริษัทเอกชน เพื่อนำมาดำเนินการกับที่อยู่อาศัยในโครงการของรัฐ เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทรที่ยังจำหน่ายไม่หมด (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘) ทั้งนี้ ให้เสนอแผนดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ และเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑-๒ ปี
|
|||||||||||||||||||||
23976 | สรุปผลการดำเนินการลดค่าเช่านา ปีการผลิต 2557/58 และแนวทางการดำเนินการควบคุมค่าเช่านา ปีการผลิต 2558/59 | มท | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการดำเนินการลดค่าเช่านา ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ ๑.๑ ผู้เช่านา จำนวน ๓๘๐,๙๖๕ ราย ๑.๒ ผู้ให้เช่านา จำนวน ๔๑๑,๕๑๙ ราย ๑.๓ อัตราค่าเช่านาต่อไร่ที่คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก. ตำบล) ประกาศลด สรุปผลรายภาค ได้แก่ ภาคกลาง จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๑,๐๐๐-๑,๕๐๐ บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๘๐๐-๑,๒๐๐ บาท ภาคเหนือ จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐-๑,๘๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๘๐๐-๑,๒๐๐ บาท และภาคใต้ จากเดิมไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท เหลือไร่ละ ๘๐๐ บาท ๑.๔ สามารถเจรจาเพื่อลดค่าเช่านาลงได้ทุกราย จำนวน ๓๘๐,๙๖๕ ราย ๑.๕ สามารถลดค่าเช่านาลงได้ เฉลี่ยไร่ละ ๒๐๐-๘๑๖ บาท ๑.๖ เกษตรกรได้รับการลดค่าเช่านาลงเฉลี่ยรายละ ๖๓๑-๒๒,๒๓๘ บาท ๑.๗ จำนวนเงินที่สามารถเจรจาลดค่าเช่านาลงได้ ๓๔๒,๑๓๙,๓๐๘ บาท ๒. แนวทางการดำเนินการควบคุมค่าเช่านา ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ๒.๑ แจ้งจังหวัดให้จัดประชุมนายอำเภอและเกษตรอำเภอเพื่อทบทวนผลการดำเนินการควบคุมค่าเช่านา ในฤดูการผลิตที่ผ่านมา หากพบว่าในพื้นที่ยังมีการเรียกเก็บค่าเช่านาไม่เป็นไปตามอัตรา คชก. ตำบลที่คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลกำหนด ให้จังหวัดกำหนดมาตรการควบคุมค่าเช่านาให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ๒.๒ ทบทวนบัญชีรายชื่อผู้เช่านาและผู้ให้เช่านาให้เป็นปัจจุบัน ๒.๓ ตรวจสอบการจ่ายค่าเช่านาในรอบปีที่ผ่านมา (ฤดูการผลิต ๒๕๕๗/๕๘) หากพบว่ามีการเรียกเก็บค่าเช่านาเกินกว่าที่ คชก. ตำบล กำหนด ให้ คชก. ตำบลแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ให้เช่าทุกราย ๒.๔ แจ้งให้ผู้เช่านาและผู้ให้เช่านาทราบอัตราค่าเช่าขั้นสูงที่ คชก. ตำบล กำหนด ในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๕๙ และแจ้งบทกำหนดโทษ หากมีการเรียกหรือรับค่าเช่านาเกินกว่าอัตราขั้นสูงที่ คชก. ตำบล กำหนด จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ๒.๕ กำหนดช่องทางการร้องเรียน ร้องทุกข์และประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้เช่านาและผู้ให้เช่านาทราบทุกราย ๒.๖ ดำเนินการควบคุมค่าเช่านาทุกรายในพื้นที่ให้มีการเช่านาในอัตราที่เหมาะสม และไม่เกินอัตราค่าเช่าขั้นสูงที่ คชก. ตำบล กำหนด ๒.๗ มอบหมายให้ คชก. ตำบล ชุดปฏิบัติการประจำตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ติดตามตรวจสอบและควบคุมการเช่านาในพื้นที่ให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย พร้อมจัดทำป้ายแสดงอัตราค่าเช่านาประจำตำบลให้ประชาชนทราบอย่างน้อย จำนวน ๑ ป้าย
|
|||||||||||||||||||||
23977 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | พศ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร จำนวน ๒ แปลง แปลงที่ ๑ ที่วัด ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๖๘๗๘๒ เนื้อที่ ๙๖ ตารางวา และแปลงที่ ๒ ที่ธรณีสงฆ์ ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๖๓๓๔๒ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓๘ ตารางวา รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๑ ไร่ ๑ งาน ๓๔ ตารางวา ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนคู้บอนกับถนนกาญจนาภิเษก และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23978 | รายงานประจำปี 2555 และ 2556 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | สธ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืนหน้าที่สำคัญของการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การสร้างความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพ การพัฒนาความเข้มแข็งระบบสุขภาพชุมชน การพัฒนาระบบอภิบาลสุขภาพ การพัฒนานโยบายสุขภาพที่ส่งเสริมความเป็นธรรม และการพัฒนาระบบวิจัยสาธารณสุข ๒. ผลการประเมิน สวรส. ตามตัวชี้วัด บริษัทไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (TRIS) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ มีผลรวมคะแนน ๔.๕๗๒๘ คะแนน หรือร้อยละ ๙๑.๔๖ และ ๔.๐๐๐๗ คะแนน หรือร้อยละ ๘๐.๐๑ ตามลำดับ ๓. รายงานทางการเงิน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบกระแสเงินสด โดยในปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ มีสินทรัพย์ ๘๐๔,๔๐๕,๙๑๕.๗๒ บาท และ ๑,๐๓๕,๖๑๒,๙๓๔.๔๔ บาท หนี้สิน ๑๔๔,๗๐๔,๔๓๐.๓๐ บาท และ ๑๘๕,๕๕๖,๙๓๑.๐๗ บาท รายได้จากการดำเนินการ ๓๒๙,๖๐๐,๘๔๖.๑๗ บาท และ ๔๖๗,๓๘๖,๑๙๗.๑๒ บาท ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการ ๓๒๒,๘๐๐,๗๙๐.๘๗ บาท และ ๒๗๖,๕๓๘,๑๘๖.๓๖ บาท และรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ๖,๘๐๐,๐๕๕.๓๐ บาท และ ๑๙๐,๘๔๘,๐๑๐.๗๖ บาท ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
23979 | ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
23980 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
.....