ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1068 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21341 - 21360 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21341 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ | ศธ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากวงเงินเดิม ๑๘๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๑๙๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑๖๔,๙๓๗,๕๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๕,๕๖๒,๕๐๐ บาท โดยในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ จำนวน ๑๐๗,๒๕๒,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๕๗,๖๘๕,๕๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า กรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมาย นั้น กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวและได้ข้อสรุปแล้วว่าไม่มีมูลตามข้อกล่าวหา และจะเร่งแจ้งผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งเร่งรัดให้ดำเนินการกรณีข้อร้องเรียนของผู้บริหารมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์แจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกายด้วย |
|||||||||||||||||||||
21342 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงอุตสาหกรรม) (นายอดิศัย อยู่อินทร์) | อก | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอดิศัย อยู่อินทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21343 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย - ลาว ครั้งที่ 22 | กห | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานร่วม โดยการประชุมดังกล่าวทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ความร่วมมือในการรักษาเส้นเขตแดน ไทย-ลาว ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การติดต่อประสานงานและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากลระหว่าง ไทย-ลาว ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ให้มีการส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์ทหารระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพประชาชนลาว และการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ ๒๓ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการพัฒนาบนเส้นลำน้ำระหว่างประเทศ ควรมีข้อตกลงร่วมกันบนพื้นฐานประโยชน์ของประชาชนทั้ง ๒ ฝ่าย และกลุ่มประเทศในอาเซียนตลอดจนประชาชนที่อยู่ปลายน้ำ เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน สำหรับด้านความร่วมมือการอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยเฉพาะงาช้าง ที่มีการเคลื่อนย้ายไปมาของกลุ่มช้างป่าระหว่างประเทศ ควรวางแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ในรูปแบบของ Transboundary Protected Area Conservation และประกาศพื้นที่กลุ่มป่าอนุรักษ์ที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพระหว่างประเทศ ทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์โบราณ เป็นมรดกอาเซียนระหว่างประเทศ และประกาศให้เป็นพื้นที่มรดกโลกร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21344 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลนิคมลำนารายณ์ ตำบลลำนารายณ์ ตำบลบ้านใหม่สามัคคี ตำบลบัวชุม ตำบลชัยนารายณ์ ตำบลท่ามะนาว และตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลนิคมลำนารายณ์ ตำบลลำนารายณ์ ตำบลบ้านใหม่สามัคคี ตำบลบัวชุม ตำบลชัยนารายณ์ ตำบลท่ามะนาว และตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21345 | ร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอและการรับรองสมาคมและมูลนิธิเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... | นร03 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอและการรับรองสมาคมและมูลนิธิเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการรับรองให้สมาคมและมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภคหรือการต่อต้านการแข่งขันอันไม่เป็นธรรมทางการค้าให้มีสิทธิและอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21346 | สรุปผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล | นร01 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองปี ๒๕๕๓ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๙ พิจารณาแล้วมีมติเห็นควรมีกฎหมายกลางในระดับพระราชบัญญัติ เพื่อรองรับกระบวนการชดเชยและเยียวยาผู้เสียหายจากการชุมนุมทางการเมืองตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมได้มีการศึกษาหรือปรับปรุงพัฒนากฎหมายต่อไป และในระหว่างที่กระทรวงยุติธรรมศึกษาหรือปรับปรุงพัฒนากฎหมาย เห็นควรให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรียกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ไปพลางก่อน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการเยียวยาฯ เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21347 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "แนวทางการปฏิรูปการศึกษา" | สว | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “แนวทางการปฏิรูปการศึกษา” ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิรูปด้านโครงสร้างและระบบบริหารจัดการ การปฏิรูปด้านการเรียนการสอน การปฏิรูปด้านครูและบุคลากรทางการศึกษา และการปฏิรูปด้านทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21348 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสลายการชุมนุมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | สม | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสลายการชุมนุมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยข้อเสนอดังกล่าวเป็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะขององค์กรตามรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21349 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบแทน และการออกใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... | กษ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบแทน และการออกใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบแทน และการออกใบแทนใบสำคัญขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21350 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505) | พศ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการมหาเถรสมาคมมีความเห็นว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนะให้มีการออกหนังสือรับรองสถานะความเป็นนักบวชทางพุทธศาสนาประเภทหนึ่งให้แก่สตรีที่ได้ผ่านพิธีกรรมการบรรพชาหรืออุปสมบทเป็นสามเณรหรือภิกษุณีแล้ว และกำหนดให้อารามหรือสถานที่อื่นใดซึ่งภิกษุณีอาศัยและปฏิบัติศาสนากิจเป็นนิติบุคคลต่างหาก นั้น เนื่องจากภิกษุณีได้ขาดสูญ หมดผู้สืบต่อเชื้อสายมานานแล้ว จึงถือว่าภิกษุณีเป็นบุคคลที่คณะสงฆ์ไทยไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้น การปรับปรุง การให้การยอมรับ การให้สิทธิตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ได้เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายและกฎ จึงไม่อาจดำเนินการให้เป็นไปได้ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21351 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับถนนลาดกระบัง พ.ศ. .... | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับถนนลาดกระบัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับถนนลาดกระบัง ในท้องที่แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เพื่อบรรเทาความคับคั่งของการจราจรและอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21352 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2555) | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ในที่ดินประเภทชุมชน ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม รวมทั้งยกเลิกบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงที่การประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน ๑๓ ประเภท ๑๑๗ โรงงาน คิดเป็นร้อยละ ๔.๔๕ ของโรงงานทั้งหมดในพื้นที่วางผัง ไม่ได้กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ จึงเห็นควรให้เพิ่มประเภทโรงงานในร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งในการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
21353 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับโทษปรับ การรอการกำหนดโทษและรอการลงโทษ และแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของผู้ใช้และผู้ถูกใช้) | สว | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับโทษปรับ การรอการกำหนดโทษและรอการลงโทษ และแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของผู้ใช้และผู้ถูกใช้) ว่า เนื่องจากมีการแก้ไขมาตรา ๓๐/๑ โดยยกเลิกอัตราค่าปรับที่อาจขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับได้ จึงควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการปรับปรุงอนุบัญญัติต่าง ๆ ที่ออกตามความในมาตราดังกล่าวให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่ และควรประชาสัมพันธ์ให้จำเลยและบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบถึงสิทธิที่จะขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับตามบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่ รวมทั้งควรมีการพิจารณาทบทวนอัตราการกักขังแทนค่าปรับทุก ๆ ห้าปี ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21354 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อให้การดำเนินการตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การให้ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาภายใต้พระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อทั้งต่างประเทศในฐานะประเทศผู้ร้องขอ และประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนการรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาจากต่างประเทศว่ามีกระบวนการรับรองและคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยในกระบวนการยุติธรรมอย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21355 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 25 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญา | ยธ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๒๕ เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นว่า กฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันมีการดำเนินการเกี่ยวกับการพิมพ์ลายนิ้วมือและการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ครอบคลุมแล้ว ทั้งในส่วนของการกำหนดหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาในการพิมพ์ลายนิ้วมือ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานให้สามารถออกคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญาพิมพ์ลายนิ้วมือได้ รวมถึงกำหนดโทษทางอาญาในกรณีที่ฝ่าฝืน การขัดคำสั่ง ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ ๒๕ สามารถนำมาบังคับใช้ได้ โดยไม่มีความขัดแย้งกัน ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายตามข้อเสนอเพื่อให้เจ้าพนักงานมีอำนาจบังคับผู้ต้องหา จะทำให้กฎหมายมีสภาพบังคับมากเกินไป ซึ่งเป็นกรณีที่กระทบต่อสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของบุคคล จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมายในขณะนี้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21356 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการฝึกอบรมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรม เรื่อง หลักสำคัญในการทดสอบการใช้เภสัชรังสีเพื่อการบำบัดรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและเนื้องอกส่วนอื่น ๆ (IAEA/RCA Regional Training Course on the Principles and Practice of the Use of Radiopharmaceuticals for the Treatment of Lymphoma and Other Malignancies) ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้งทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21357 | แนวทางการดำเนินการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการตามแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ รวมทั้งปรับปรุงระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้รองรับการดำเนินการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยในระยะแรกของการดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดรูปแบบและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) การป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการรักษาความมั่นคงของประเทศ ความมั่นคงและปลอดภัยในการใช้งานระบบสารสนเทศ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนราษฎรตามแนวทางดังกล่าวจะต้องไม่เป็นการนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการให้ความสำคัญในการวางแผนเพื่อรองรับการดำเนินการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศและภัยคุกคามด้านไซเบอร์ การจดแจ้งรายได้และอาชีพของประชาชนดำเนินการภายใต้โครงการ e-Payment ของภาครัฐ การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้อง การจัดทำฐานข้อมูลประชาชนโดยใช้เลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก เป็นดัชนีจัดเก็บข้อมูลและการปรับปรุงบริการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจให้รองรับการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) จำเป็นต้องมีโปรแกรมใช้ในการอ่านข้อมูลจากบัตร และจะต้องพัฒนาระบบเพื่อรองรับการใช้บัตรประชาชนฯ อย่างเพียงพอ รวมถึงควรมีหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเจ้าภาพร่วมดำเนินการในการกำหนดให้มีหน่วยงานกลางเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชาชนของส่วนราชการและทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการข้อมูล การพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินการของหน่วยงานที่มีการจัดเก็บฐานข้อมูลประชาชนที่ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก เช่น แรงงานต่างด้าว และเด็กแรกเกิด และการมีหน่วยงานกลางเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ Service Platform ในการจัดทำระบบให้บริการตรวจสอบข้อมูล การจัดให้มีระบบในการเชื่องโยงฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐกับฐานด้านความมั่นคง รวมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงานในแต่ละด้านให้ชัดเจนและรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21358 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ลักเซมเบิร์ก | คค | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจลับระหว่างไทย-ลักเซมเบิร์ก ฉบับลงนามวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๙ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและลักเซมเบิร์ก มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดสายการบิน การให้อนุญาตและเพิกถอนใบอนุญาต ข้อบทความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยการบิน ความจุความถี่ และพิกัดอัตราค่าขนส่ง ๑.๒ มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร และกรมควบคุมโรค เป็นต้น กำกับการให้บริการและการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานไทยให้ได้มาตรฐานตามข้อตกลงระหว่างประเทศ รวมทั้งวางแผนการบริหารจัดการห้วงอากาศเพื่อให้สามารถรองรับปริมาณความต้องการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21359 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมที่มีรูปแบบเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมเองและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของวิสาหกิจเพื่อสังคม และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมสำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นเงินลงทุนในหุ้นสามัญของวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือเงินได้เท่ากับจำนวนเงินที่มอบให้หรือมูลค่าของทรัพย์สินที่โอนให้วิสาหกิจเพื่อสังคมโดยไม่มีค่าตอบแทน เพื่อให้มีการประกอบกิจการเพื่อสังคมให้มากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้พิจารณาด้วยว่าการรับรองการเป็นกิจการเพื่อสังคมเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างแท้จริงและต้องมิให้เกิดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการให้คณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติซึ่งมีสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพรับรองการเป็นกิจการเพื่อสังคมด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
21360 | การเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ จำนวน 4 คัน พร้อมคนขับ และการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ | ยธ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐขยายวงเงินและระยะเวลาเพิ่มอีก ๑ ปี เป็นจำนวนเงิน ๑,๔๐๑,๖๐๐ บาท สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ในการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ จำนวน ๔ คัน พร้อมคนขับ รวมทั้งขยายวงเงินและระยะเวลาเพิ่มอีก ๓ ปี ในการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พร้อมพนักงานขับรถ เพิ่มเติม จำนวน ๑ คัน เป็นจำนวนเงิน ๒,๒๓๗,๐๔๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับดำเนินการเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และมาตรฐานของทางราชการ ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับรถยนต์เพื่อใช้ในราชการ โดยให้พิจารณารายละเอียดต่าง ๆ เช่น กำลังของเครื่องยนต์ ปริมาตรความจุของกระบอกสูบของเครื่องยนต์ (CC) อัตราเร่งของเครื่องยนต์ ยี่ห้อรถยนต์ เป็นต้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและไม่เป็นภาระต่องบประมาณ รวมทั้งพิจารณาความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลด้านพลังงานและการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศด้วย และให้ส่งคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในเรื่อง การปรับอัตรา ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการผู้มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่งด้วย ๓. กรณีการเสนอเรื่องเกี่ยวกับการเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ หากกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้เสนอความเห็นมาประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วยแล้วว่าเห็นชอบด้วย ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อคณะรัฐมนตรีทราบ ซึ่งหากไม่มีข้อทักท้วง ให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหรืออนุมัติตามที่เสนอ |
.....