ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1064 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21261 - 21280 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21261 | ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จาง (ตอนขุน) บางส่วน ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จาง บางส่วน ในท้องที่ ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง (ตอนขุน) บางส่วน ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เพิกถอนพื้นที่บางส่วนของป่าแม่จาง (ตอนขุน) ซึ่งอยู่ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๙๙ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ๒. ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เพิกถอนพื้นที่บางส่วนของป่าแม่จาง ซึ่งอยู่ในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๐๒ (พ.ศ. ๒๕๐๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช ๒๔๘๑ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21262 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 12 | กษ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ ๑๒ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี ประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการที่สอดคล้องกับผลการประชุม และการแต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย มีการประชุมย่อยที่สำคัญ ๔ รายการ ได้แก่ (๑) การประชุมคณะกรรมการกลาง (๒) การประชุมคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๓) การประชุมคณะกรรมการทบทวนการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ และ (๔) การประชุมหารือของกลุ่มประเทศเอเชีย หรือกลุ่ม Annex 2 ของอนุสัญญาฯ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ เช่น การกำหนดแนวทางในการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมาสู่การดำเนินงานของอนุสัญญาฯ โดยเฉพาะการนำแนวคิดการมีสถานะความเสื่อมโทรมของที่ดินที่เป็นกลาง (Land Degradation Neutrality : LDN) มาดำเนินการ การเสนอข้อเสนอแนะจากผลการประชุมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของอนุสัญญาฯ ครั้งที่ ๓ (UNCCD 3rd Scientific Conference) การพัฒนาการดำเนินงานของอนุสัญญาฯ และแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มประเทศเอเชีย รวมทั้งการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานตามแนวคิด LDN ของประเทศสมาชิกในกลุ่มประเทศเอเชีย เป็นต้น ๒. ประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการ กรมพัฒนาที่ดินในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานอนุสัญญาฯ จะต้องประสานและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดทำเป้าหมาย LDN การศึกษาประเมินความพร้อมด้านข้อมูลสำหรับเป็นตัวชี้วัด Land Based Indicators การรวบรวมผลการดำเนินงาน และการปรับแผนปฏิบัติการแห่งชาติและการวัดผลมาบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการแห่งชาติ ๓. การแต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาฯ โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านวิชาการ เป็นกรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจหน้าที่ในด้านการพัฒนานโยบาย แนวทาง หลักเกณฑ์และกลไกการดำเนินงาน การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรภาคประชาสังคม และภาคเอกชน กำหนดท่าทีการเจรจาการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ กำกับการดำเนินงาน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21263 | ผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลลอยกระทง 2558 และเทศกาลปีใหม่ 2559 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลลอยกระทง ๒๕๕๘ และเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้อำนวยความสะดวกและปลอดภัย โดยจัดการระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการเดินทางของประชาชน ปรับปรุงและตรวจสอบทุกช่องทางสัญจร ยานพาหนะ และผู้ขับขี่ให้มีความปลอดภัย รวมทั้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ เป็นต้น สำหรับสถิติอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลลอยกระทงลดลงร้อยละ ๘.๙๑ ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๓๓ ผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔.๗๗ ส่วนสถิติอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๗๕ ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๔๔ และผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๔๕ ยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงเทศกาลลอยกระทง คือ รถยนต์นั่ง และยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ คือ รถจักรยานยนต์ โดยมูลเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดทั้งสองเทศกาล คือ การขับรถเร็วเกินกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
21264 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐบัลแกเรีย | รง | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีเอเชียและยุโรปด้านการจ้างงาน ครั้งที่ ๕ (Fifth ASEM Labour and Employment Ministers'' Conference : ASEM LEMC) ณ กรุงโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๑-๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้มีการหารือร่วมกับ Mr. Peter Zwerenz, Director, Fixed Income EMEA, บริษัท Deutche Asset & Wealth Management International GmbH ซึ่งเป็นบริษัทบริหารกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่สำนักงานประกันสังคมเป็นผู้ถือหน่วยรายเดียว จำนวน ๑ กองทุน จากจำนวนทั้งหมด ๖ กองทุนของบริษัท เกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ และการหารือข้อราชการกับกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต และอัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงาน ประจำกรุงเบอร์ลิน เกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานท้องถิ่นและแรงงานต่างชาติที่ทำงานในเยอรมัน ๒. การเข้าร่วมประชุม ASEM LEMC ณ กรุงโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย ระหว่างวันที่ ๓-๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งการประชุมมีหัวข้อที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การสร้างเสริมผลลัพธ์ตลาดแรงงานเยาวชน (๒) การส่งเสริมงานที่มีคุณค่าและสถานประกอบการที่ปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทาน (๓) การส่งเสริมระบบการคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอต่อการเติบโตและงาน (๔) การรับรองปฏิญญาโซเฟีย ๓. การหารือทวิภาคีอย่างไม่เป็นทางการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน การจ้างงานและการคุ้มครองทางสังคมเมียนมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และการฝึกอบรมกัมพูชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้พิการ และสวัสดิการสังคมเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||||||||
21265 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรองประธานาธิบดีอินเดีย | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายเอ็ม (โมฮัมมัด) ฮามิด อันสารี รองประธานาธิบดีอินเดีย ระหว่างวันที่ ๓-๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศในทุกมิติ และติดตามประเด็นความร่วมมือที่ยังคั่งค้างระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีอินเดียได้มีการหารือแบบสองต่อสองและการหารือทวิภาคีในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ ความสัมพันธ์ในภาพรวม การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจไทย ความร่วมมือทางการทหารและความมั่นคง ด้านการลงทุน ความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง ความร่วมมือระดับประชาชน และความร่วมมือในกรอบอาเซียน-อินเดีย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าวเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลและเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือระดับประชาชน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตกับกระทรวงอายุรเวทอินเดียในการเปิดหลักสูตรการแพทย์อายุรเวท ระดับปริญญาตรี ควรมอบหมายกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และประเด็นสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจไทย เห็นควรเพิ่มเติมประเด็นด้านความร่วมมือที่มีความเป็นไปได้ระหว่างอินเดียกับอนุภูมิภาคในอาเซียน ได้แก่ แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) และแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และการเสริมสร้างความร่วมมือกับอินเดียภายใต้ความร่วมมือแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) รวมทั้งประเด็นความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง เห็นควรเร่งรัดการเชิญอินเดียเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาและเข้าร่วมประชุมในกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมรับพิจารณารายละเอียดของโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยซึ่งเตรียมเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศรวมทั้งอินเดีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21266 | การขออนุมัติเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแกมเบียประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแกมเบียประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21267 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟินแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางซาตู ซุยก์การี - เคลฟเวน (Mrs. Satu Suikkari - Kleven)] | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางซาตู ซุยก์การี-เคลฟเวน (Mrs. Satu Suikkari-Kleven) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางกีร์สติ เวสต์ฟาเลน (Mrs. Kirsti Westphalen) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21268 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | พน | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... โดยกระทรวงพลังงานและกระทรวงยุติธรรมเห็นว่า การออกกฎหมายกลางเพื่อรองรับสถานะและความสามารถทางกฎหมาย รวมทั้งการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่องค์การระหว่างประเทศจะมีผลทำให้เป็นการรับรองสถานะการเข้าเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาใด ๆ กรณีที่องค์การระหว่างประเทศประสงค์ที่จะดำเนินงานหรือจัดประชุมในประเทศไทย หรือในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศโดยปริยาย และในการดำเนินการใด ๆ ที่ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่เกี่ยวข้องกับองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย ควรได้รับการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นรายกรณีแต่ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. .... และได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการต่างประเทศแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21269 | ผลการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ตามคำเชิญของนางเร็ตโน เลสตารี เปรียนซารี มาร์ซูดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย โดยผลการเยือนดังกล่าวมีประเด็นสำคัญเชิงนโยบายด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง ความพร้อมของไทยในการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission : JC) ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๙ การส่งเสริมมูลค่าทางการค้าและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างกัน การส่งเสริมความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้ายระหว่างประเทศ แนวคิดสุดโต่ง การลักลอบยาเสพติด การค้ามนุษย์ รวมทั้งการลักลอบค้าสัตว์ป่าสงวน ความร่วมมือด้านการประมง ความร่วมมือในกรอบอาเซียน และการขอเสียง/แลกเสียงระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือด้านการประมง ซึ่งในการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงไทย-อินโดนีเซีย จะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทะเลและประมงอินโดนีเซียเยือนไทยเพื่อเป็นประธานการประชุมคณะทำงานร่วมฯ และการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านประมงระหว่างไทยและอินโดนีเซีย จะเป็นความก้าวหน้าสำคัญในกรอบความร่วมมือด้านการเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตรและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ในช่วงการขับเคลื่อนความร่วมมือตามกรอบแผนงานระยะห้าปีแผนที่สอง (IMT-GT Implementation Blueprint) ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ และสามารถใช้เป็นกรอบการดำเนินความร่วมมือต่อเนื่องในช่วงแผนระยะห้าปีแผนที่สาม ระหว่างปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ จึงเห็นควรมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๒ แผนงาน IMT-GT ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดพังงา และประเด็นการค้าและการลงทุน ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารระหว่างไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งครอบคลุมเรื่องผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล เห็นควรผลักดันความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไทยและอินโดนีเซีย โดยเฉพาะด้านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลระหว่างกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21270 | ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World | กษ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World โดยเปลี่ยนชื่องานเป็น ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World and 11th Asian Fisheries and Aquaculture Forum and Exhibition : Asian Food Security for the World โดยมีเจ้าภาพหลักร่วมจัดงาน คือ กรมประมง องค์การข่ายงานศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Network of Aquaculture Centres in Asia-Pacific : NACA) ASEAN Fisheries Society และผู้สนับสนุนการจัดงาน คือ องค์กรระหว่างประเทศ สมาพันธ์และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้โอกาสจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวแสดงข้อมูลและผลงานในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของไทย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ เทคโนโลยี และแนวทางในการควบคุมดูแลและแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อนำมาปรับปรุงศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแสดงให้นานาประเทศรับทราบถึงเจตนารมณ์และความพยายามของไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย รวมทั้งร่วมกับนานาประเทศแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น งานศึกษาวิจัย และพิจารณาแนวทางความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคกุ้งตายด่วนในภูมิภาคอาเซียนไม่ให้กลับมาระบาดซ้ำได้อีก ไปพิจารณาดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21271 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [(การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครองการปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) | สว | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครองการปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียน] ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีที่นายทะเบียนได้รับจดทะเบียนให้กับผู้ยื่นขอจดทะเบียนรายใหม่ที่ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า ซึ่งต่อมาผู้ขอจดทะเบียนที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น และให้รับจดทะเบียนได้ ทำให้เกิดปัญหาถึงสถานะของการจดทะเบียนของเครื่องหมายการค้าที่ยื่นขอจดทะเบียนรายใหม่ที่ได้รับการจดทะเบียนไป จึงเห็นควรให้กรมทรัพย์สินทางปัญญานำประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาให้มีความชัดเจนต่อไป และต้องมีการศึกษาและแก้ไขในประเด็นระยะเวลาการฟ้องคดีต่อศาลให้สอดรับกันในพระราชบัญญัติทั้งฉบับ รวมทั้งให้ศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของต่างประเทศ เพื่อนำมาพิจารณากำหนดอัตราค่าธรรมเนียมของไทยให้เหมาะสม ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21272 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตนำเข้าอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... | กษ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตนำเข้าอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตนำเข้าอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับข้อกำหนดในกรณีการระงับหรือห้ามนำเข้าสินค้าที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์หรือมนุษย์ผู้บริโภคจะต้องเป็นไปตามหลักข้อยกเว้นทั่วไป (General Exception) ภายใต้องค์การการค้าโลกที่กำหนดว่า ประเทศผู้นำเข้าสามารถปฏิเสธการนำเข้าได้หากจำเป็นเพื่อปกป้องชีวิต หรือสุขภาพมนุษย์ สัตว์ หรือพืช และในการกำหนดมาตรฐานสำหรับสินค้านำเข้าจะต้องอิงกับมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับ หากจะกำหนดมาตรฐานสูงกว่าหรือเข้มงวดกว่ามาตรฐานสากลต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ และจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกับสินค้าภายในประเทศตามหลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ (National Treatment) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
21273 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... | วธ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... โดยกระทรวงวัฒนธรรมอยู่ระหว่างยกร่างประกาศคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เรื่อง การกำหนดลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา ระดมความคิด และยกร่างระเบียบที่เกี่ยวข้องเมื่อพระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้แล้ว และมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแล้วจะนำเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้ความเห็นชอบและออกระเบียบเกี่ยวข้อง จัดเตรียมรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิด้านมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและด้านบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รวมทั้งจัดทำคู่มือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทั่วไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21274 | ร่างกฎกระทรวงและร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน | ปง | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงและเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๙ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงบางฉบับและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินสดและมูลค่าทรัพย์สินในการทำธุรกรรมที่สถาบันการเงินต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินในการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสดซึ่งผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา ๑๖ ต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดผู้ประกอบอาชีพที่ดำเนินธุรกิจทางการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินที่มิใช่เป็นสถาบันการเงินที่ต้องรายงานการทำธุรกรรมต่อสำนักงาน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๔ (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดธุรกรรมที่สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา ๑๖ ต้องจัดให้ลูกค้าแสดงตน พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าสำหรับผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา ๑๖ (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๑๐) พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบ รายการ หลักเกณฑ์ และวิธีการ บันทึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกรรม พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้รับข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๗ ควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าสำหรับผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา ๑๖ (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๑๐) ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถปฏิบัติได้โดยไม่เป็นภาระจนเกินไป และเห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา ๑๖ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ทราบถึงผลกระทบจากการประกาศใช้ร่างกฎกระทรวงทั้ง ๘ ฉบับ และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย ส่วนร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๕ เห็นควรให้เวลาเตรียมการแก่สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพในการปรับปรุงระบบงานให้รองรับก่อนกฎกระทรวงจะมีผลบังคับใช้ ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๖ และ ๑.๗ ควรจัดรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบอาชีพอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันมิให้มีลักษณะเป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยเกินสมควร รวมทั้งร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ข้อ ๕ (๖) วรรคสาม เกี่ยวกับการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน เห็นควรระบุข้อความเพิ่มเติมว่า “... ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ไม่อนุมัติและให้ขยายระยะเวลาส่งคืนทรัพย์สินได้อีก ๒ ครั้ง ๆ ละไม่เกินสิบห้าวัน กรณีมีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจส่งคืนได้ตามกำหนดหรือ ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
21275 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... | มท | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าชัย ตำบลหนองอ้อ ตำบลสารจิตร และตำบลศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ และแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้วนั้น อย่างไรก็ตามหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งที่ ๔/๒๕๕๙ ยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภทให้สามารถดำเนินการได้ ซึ่งกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างกำหนดหลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจการที่อยู่ในแผนดังกล่าว เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
21276 | แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 (ปี 2559 - 2563) | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๓ (ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการวางกรอบพัฒนาระบบสถาบันการเงินภายใต้แนวคิด “แข่งได้ เข้าถึง เชื่อมโยง ยั่งยืน” ประกอบด้วย ๔ นโยบายหลัก ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการใช้บริการทางการเงินและการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ (Digitization & Efficiency) (๒) การเชื่อมต่อการค้าการลงทุนในภูมิภาค (Regionalization) (๓) การส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Access) และ (๔) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน (Enablers) ๒. ให้กระทรวงการคลังประสานธนาคารแห่งประเทศไทยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เกี่ยวกับความชัดเจนในประเด็นมาตรการในแต่ละด้านที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาองค์กรการเงินชุมชนโดยเฉพาะสหกรณ์ การพิจารณาถึงความเชื่อมโยงและการกำหนดช่วงเวลาของแผนฯ ให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และ (ร่าง) กรอบยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) การให้ความสำคัญกับการเข้าถึงทางการเงินของวิสาหกิจชุมชน การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของสถาบันการเงิน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสถาบันการเงิน การผลักดันให้สถาบันการเงินพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของ SME ในแต่ละช่วงวงจรชีวิตธุรกิจ (Business Life Cycle) รวมทั้งการส่งเสริมให้สถาบันการเงินจัดตั้งหน่วยพัฒนาผู้ประกอบการ SME ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดดัชนีตัวชี้วัดผลการดำเนินการ (KPI) ในแต่ละด้านเพื่อใช้เป็นเป้าหมายและประเมินความสำเร็จของมาตรการและติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฯ ๒.๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามและรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฯ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อทราบทุกครึ่งปี |
|||||||||||||||||||||||||||
21277 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2558/59 ครั้งที่ 15 และครั้งที่ 16 | กษ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑๕ ๑.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๖,๓๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๒ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๒,๘๓๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๗ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๑.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒ มีนาคม ๒๕๕๙ แผนการใช้น้ำอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๖,๔๓๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๖ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๒,๐๒๙ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๖๓ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๖.๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๓ การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ช่วงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์-๒?๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อนจำนวน ๔ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เฉลี่ยวันละ ๑๗.๙๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๔ สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ แผนเพาะปลูก ๗.๔๕ ล้านไร่ ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ ไม่ปลูก ๑.๐๕ ล้านไร่ โดยในพื้นที่ที่ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ แบ่งเป็น เก็บเกี่ยวแล้ว ๖.๓๘ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๒ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว พื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๙๗ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๐.๘๒ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๐๓ ล้านไร่ ๒. สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑๖ ๒.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๖,๑๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๑ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๒,๕๙๗ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๗ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๒.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๖ มีนาคม ๒๕๕๙ แผนการใช้น้ำอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๖,๗๕๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๙ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๒,๑๐๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๖๖ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๖.๕๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓ การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ช่วงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์-๖ มีนาคม ๒๕๕๙ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อนจำนวน ๔ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เฉลี่ยวันละ ๑๗.๘๖ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๔ สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ แผนเพาะปลูก ๗.๔๕ ล้านไร่ ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ ไม่ปลูก ๑.๐๕ ล้านไร่ โดยในพื้นที่ที่ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ แบ่งเป็น เก็บเกี่ยวแล้ว ๖.๓๘ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๒ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว พื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๙๗ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๐.๘๒ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๐๓ ล้านไร่
|
|||||||||||||||||||||||||||
21278 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยการปฏิบัติต่อผู้ต้องกักขังหญิงตั้งครรภ์และเด็กติดผู้ต้องกักขัง กรมราชทัณฑ์ได้จัดทำแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้หน่วยงานในสังกัดนำไปปฏิบัติ เช่น การจัดทำทะเบียนประวัติผู้ต้องกักขังหญิงและเด็กติดผู้ต้องกักขัง โครงการจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ต้องกักขังหญิงและเด็กติดผู้ต้องกักขัง การอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องกักขังหญิงตั้งครรภ์และเด็กติดผู้ต้องกักขัง ตลอดจนการจัดสวัสดิการด้านต่าง ๆ ให้แก่กลุ่มผู้ต้องกักขังเหล่านั้น เป็นต้น และได้จัดทำข้อตกลงความร่วมมือในการปกป้องคุ้มครองเด็กติดผู้ต้องกักขัง ผู้ถูกควบคุม และเด็กซึ่งคลอดในระหว่างที่มารดาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ระหว่างกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้เด็กติดผู้ต้องกักขังเหล่านี้มีพัฒนาการที่ดีทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ได้ยกร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการใช้เครื่องพันธนาการ โดยได้กำหนดหลักการห้ามมิให้ใช้เครื่องพันธนาการกับผู้ต้องกักขังที่พิการ เว้นแต่เป็นคนดุร้ายหรือมีพฤติกรรมหรืออาการส่อว่าเป็นบุคคลวิกลจริต ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21279 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม วิชาการ เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ (Joint Commission - JC) ไทย - อิหร่าน ครั้งที่ 9 | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม วิชาการ เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ (Joint Commission : JC) ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ ๙ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและการเข้าร่วมการประชุม JC ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ ๙ นี้เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ในสาขาที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกันและมีศักยภาพ และเป็นโอกาสในการขยายความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ นอกจากนี้ ระหว่างการเยือนฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีอิหร่าน และพบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เหมืองแร่และการค้าอิหร่านด้วย ทั้งนี้ มอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และอุตสาหกรรม ความร่วมมือด้านการเกษตรและประมง ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสื่อมวลชน ความร่วมมือด้านพลังงานและเหมืองแร่ รวมทั้งความร่วมมือด้านคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21280 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริจาคให้แก่งานวัฒนธรรมและพัฒนาการเรียนรู้ | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนสองเท่า สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ และกองทุนโบราณคดี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....