ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1063 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21241 - 21260 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21241 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ และผลการทบทวนในเรื่องพื้นที่และแผนการดำเนินการเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 | อก | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการจัดทำแผนหลักการใช้พื้นที่ในภาพรวมทั้งโครงการ (Master Plan and Layout) เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการระยะที่ ๑ ให้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการค่าชดเชยปลูกป่า (พื้นที่ ๑,๒๓๔.๙๘ ไร่) ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติตามกรอบวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นไว้เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ (ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๓๘๑ ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙) ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนจัดทำแผน/แนวทางการบริหารจัดการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อที่ชัดเจน โดยเฉพาะการดำเนินงานภายหลังจากการลงทุนก่อสร้างในโครงการแล้วเสร็จ โดยมีสาระครอบคลุมด้านโครงสร้างและรูปแบบการบริหารงาน กรอบระยะเวลาดำเนินการ เป้าหมายที่จะลดการพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐในแต่ละปี แหล่งเงินทุนในการดำเนินงาน ระยะเวลาคืนทุนของโครงการ และควรให้ความสำคัญกับการดึงดูดการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนรายใหญ่ในการดำเนินโครงการ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือในลักษณะบูรณาการเป็นเครือข่ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำแนวทางในการสร้างแรงจูงใจด้านการลงทุนและใช้ประโยชน์ในพื้นที่โครงการหรือบริเวณใกล้เคียงของผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งกลุ่มผู้ผลิต OEM และ REM โดยเฉพาะการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งในลักษณะคลัสเตอร์ที่มีความร่วมมือระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการด้วยกัน ตลอดจนความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยคำนึงถึงการรองรับการทดสอบยางล้อที่มีส่วนผสมของยางพาราเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการยางพาราของรัฐ ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
21242 | ขอความเห็นชอบขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพารา (วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท) ภายใต้แนวทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบ | กษ | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพารา (วงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท) ภายใต้แนวทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบต่อไปอีก ๑ ปี โดยให้ดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินสินเชื่อเดิม (วงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท) เพื่อให้สอดคล้องกับฤดูการผลิตและรอบปีบัญชีของสถาบันเกษตรกร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เริ่มตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ให้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๑๒ เดือน ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตั้งงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่สถาบันเกษตรกร ร้อยละ ๓ จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันภัยในอัตราร้อยละ ๐.๕ เป็นเงิน ๕๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๕๐ ล้านบาท ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ โดยให้ ธ.ก.ส. ตั้งงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายชำระคืนเงินต้น ๑.๓ มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับ ธ.ก.ส. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับอัตราค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันภัยและรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้อัตราการคำนวณเดียวกันกับค่าประกันวินาศภัยโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพารา (วงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท) ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในอัตราร้อยละ ๐.๓๖ ภายในกรอบวงเงิน ๓๖ ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจียดจ่ายจากงบประมาณปกติ รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นภายในกรอบวงเงิน ๓๓๖ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายชำระคืนเงินต้น ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรการเสริมต่าง ๆ ของรัฐบาล อาทิ แนวทางการนำยางพาราไปใช้ในการดำเนินโครงการของส่วนราชการ เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวทางการเพิ่มมูลค่าการใช้ยางภายในประเทศอีกทางหนึ่ง และยังมีส่วนช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงของตลาดรับซื้อผลผลิตกับผู้ประกอบการแปรรูปยางภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางเพื่อให้สถาบันเกษตรกรสามารถระบายยางในสต็อกให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ และสามารถชำระคืนเงินกู้ได้ครบตามกำหนด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21243 | หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... | นร07 | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ....ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายการที่นำงบประมาณมาจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ พ.ศ. .... เป็นรายการในลักษณะงบลงทุนในทุกงบรายจ่ายตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ไม่สามารถลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ไม่รวมงบกลาง ๑.๒ รายการที่ไม่นำงบประมาณมาจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ พ.ศ. .... ๑.๒.๑ เป็นรายการในลักษณะงบลงทุนที่เป็นงานดำเนินการเอง ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน งบลงทุนที่มีคุณลักษณะพิเศษต้องใช้เทคโนโลยีหรือข้อเทคนิคพิเศษชั้นสูง หรือต้องจัดหาจากต่างประเทศ รายการที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในการขยายระยะเวลา และเงินงบประมาณเหลือจ่าย ๑.๒.๒ เป็นรายการในลักษณะงบลงทุนที่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และพิจารณาแล้วว่าจะสามารถลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความต่อเนื่อง และเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ๑.๒.๓ เป็นรายการในลักษณะงบลงทุนจากการโอนเปลี่ยนแปลงเงินเหลือจ่ายจากรายจ่ายลงทุนหรือรายจ่ายประจำ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ดำเนินการได้โดยต้องลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๑.๓ ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ได้เสนอแผนการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณพร้อมชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความเห็นชอบส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๖/ว ๖๒ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้วนั้น สำนักงบประมาณจะนำแผนดังกล่าวมาประกอบการพิจารณา และหากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นก็จะดึงงบประมาณคืน และจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ต่อไป ๑.๔ สำหรับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ให้รวบรวมรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันงบประมาณได้ทันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๙ ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||
21244 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร] | กค | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายได้ ๒ เท่า สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ กำหนดให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ มาหักจากเงินได้พึงประเมินเสมือนเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ เฉพาะค่าบริการหรือค่าที่พักที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและการแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว รวมทั้งติดตามประเมินผลมาตรการดังกล่าวทั้งที่ได้ดำเนินมาตรการไปแล้วในช่วงก่อนหน้าและมาตรการในครั้งนี้ นอกจากนี้ จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจทราบและเข้าใจสาระสำคัญ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่ชัดเจน รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับตามมาตรการดังกล่าวอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21245 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร] | กค | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๑.๑.๑ กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็น (๑) ค่าอาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม (๒) ค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบกิจการนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ (๓) ค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ต้องซื้อสินค้าหรือรับบริการและชำระค่าสินค้าหรือบริการระหว่างวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๙ ถึง ๑๗ เมษายน ๒๕๕๙ จากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ๑.๑.๒ กำหนดให้ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร โดยการซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่รวมถึงการซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าบริการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และค่าที่พักในโรงแรมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในระยะ ๑-๒ ปีต่อจากนี้ไปกระทรวงการคลังควรเร่งดำเนินการขยายฐานภาษีโดยอาจพิจารณาใช้มาตรการจูงใจผู้ประกอบการที่อยู่นอกระบบภาษีให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มเติมจากที่ดำเนินการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีบัญชีเดียว และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสม และจัดให้มีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบกิจการและประชาชนทราบสาระสำคัญและประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการดังกล่าวโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21246 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม) | อก | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
21247 | รายงานผลการเดินทางไปลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการดัดแปรสภาพอากาศโดยเทคโนโลยีฝนหลวง และการหารือทวิภาคี ณ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน | กษ | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการเดินทางไปลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการดัดแปรสภาพอากาศโดยเทคโนโลยีฝนหลวง และการหารือทวิภาคี ณ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการดัดแปรสภาพอากาศโดยเทคโนโลยีฝนหลวง โดยเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของจอร์แดน ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้จอร์แดนได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำฝนหลวงที่มาจากโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำไปใช้แก้ไขและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนชาวจอร์แดนจากปัญหาฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีอายุ ๓ ปี แบ่งการดำเนินงานออกเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ การฝึกอบรม การปฏิบัติการสาธิตโครงการ และจัดหาบริภัณฑ์และเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามที่จำเป็นให้แก่ฝ่ายจอร์แดน ๒. การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของจอร์แดน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของจอร์แดน มีข้อสรุปร่วมกันใน ๔ ประเด็น ได้แก่ (๑) ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันดำเนินงานตามข้อตกลงต่าง ๆ ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการดัดแปรสภาพอากาศโดยเทคโนโลยีฝนหลวง เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ (๒) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดดำเนินการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรให้เกิดผลเป็นรูปธรรม (๓) ทั้งสองฝ่ายจะให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกการนำเข้าสินค้าเกษตรระหว่างกันเพิ่มขึ้น และ (๔) ไทยยินดีสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาให้จอร์แดนใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรและประชาชนจอร์แดน ๓. การหารือกับหน่วยงานด้านการเกษตรและภาคเอกชน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หารือกับผู้บริหารของหน่วยงานด้านการเกษตรและภาคเอกชนจอร์แดน ได้แก่ เอกชนที่ทำธุรกิจเกษตรแบบน้ำหยด เอกชนผู้ทำการเพาะเลี้ยงปลาในโรงเรือน และตลาดกลางสินค้าเกษตร โดยได้ศึกษาเทคโนโลยีความก้าวหน้าการทำการเกษตรแบบน้ำหยด และศึกษาระบบการเพาะเลี้ยงปลาในโรงเรือนที่มีการหมุนเวียนการใช้น้ำและบำบัดน้ำเสียอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการบริหารจัดการตลาดสินค้าเกษตรของไทย พร้อมทั้งเสนอให้จอร์แดนนำเข้าสินค้าผลไม้จากประเทศไทยมาจำหน่ายยังตลาดดังกล่าว รวมทั้งได้หารือถึงโอกาสในการขยายการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยและจอร์แดน โดยจอร์แดนสนใจที่จะนำเข้าสินค้าผลไม้ โดยเฉพาะมะม่วงจากประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||
21248 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การโทรคมนาคมดาวเทียมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21249 | รายงานผลการจัดงาน "ตลาดวัฒนธรรม ทุนวัฒนธรรมสร้างชาติ ตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข" | วธ | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินงาน “ตลาดวัฒนธรรม ทุนวัฒนธรรมสร้างชาติ ตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างวันที่ ๑-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม โดยรูปแบบของตลาดได้จัดให้สอดคล้องกับเทศกาลสำคัญ ได้แก่ ตลาดมั่งมีศรีสุข ตลาดสร้างรัก ตลาดสร้างสุข และตลาดสร้างบุญ โดยนำผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ และหน่วยงานในสังกัดมาร่วมจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม จำนวน ๕๑๙ ร้าน มียอดผู้เข้าชมงาน จำนวน ๑๕๒,๗๘๖ คน มียอดรายได้ จำนวน ๒๖,๒๗๘,๑๙๒ บาท และมียอดสั่งซื้อ จำนวน ๑๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๓๘,๔๗๘,๑๙๒ บาท ซึ่งผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารมากที่สุด รองลงมา คือ เครื่องดื่ม ผ้า เครื่องประดับ ตามลำดับ และเพื่อขยายผลการจัดงานกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมเสริม ดังนี้
๑. นำคณะนักศึกษาอาสาสมัครจากประเทศออสเตรเลียกว่า ๔๐ คน ชมการแสดงและเลือกซื้อสินค้า ๒. พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมนำคณะทูตานุทูตและผู้แทน ๑๕ ประเทศ เยี่ยมชมสินค้าทางวัฒนธรรมและการแสดงทางวัฒนธรรม ๓. จัดเสวนาทางวิชาการ “เรื่อง แนวทางการจัดตลาดทางวัฒนธรรม” ให้กับวัฒนธรรมจังหวัดและเครือข่ายชุมชนวัฒนธรรม ๔. การต่อยอดและจับคู่ธุรกิจของร้านค้า
|
|||||||||||||||||||||
21250 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การโทรคมนาคมทางดาวเทียมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การโทรคมนาคมทางดาวเทียมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
21251 | โครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง | พน | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานเกี่ยวกับโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง โดยกระทรวงพลังงาน (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน) ได้ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับวิสาหกิจชุมชนการเกษตรนอกเขตชลประทาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้าระดับครัวเรือนหรือชุมชนที่สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบ ทดแทนการใช้เครื่องสูบน้ำที่ใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งมีราคาแพง โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานได้เริ่มดำเนินการร่วมกับชุมชนในพื้นที่ชุมชนต้นแบบอำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี พัฒนาระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อสูบน้ำจากแหล่งน้ำผิวดิน และแบบบ่อลึกหรือแหล่งน้ำบาดาลมาเก็บไว้ในถังเก็บน้ำของชุมชน สำหรับใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร นอกจากนี้ ยังได้นำร่องโครงการต้นแบบด้วยการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่เกษตรนอกเขตชลประทานอีก ๖ แห่ง ในจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา นครสวรรค์ และอำนาจเจริญ และวางแผนจะขยายโครงการไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้งอื่นทั่วประเทศในปี ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดหาเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งโดยให้สอดคล้องกับพื้นที่เป้าหมายตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่มีอยู่แล้วด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21252 | โครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวด้านอาหารไทย | กก | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานเกี่ยวกับโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวด้านอาหารไทยว่า ได้ดำเนินการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้มีคุณภาพ ส่งเสริมภาพลักษณ์และพัฒนามาตรฐานอาหารไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล สร้างประเทศไทยให้เป็นแหล่งรวมอาหารและวัตถุดิบที่มีคุณภาพในระดับโลก โดยได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์อาหารและวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วโลก สร้างการรับรู้ผ่านทางสื่อสาธารณะต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนให้มีการผสมผสานและดัดแปลงวัตถุดิบในท้องถิ่นโดยเฉพาะจากพื้นที่ของโครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริมาใช้ในการประกอบอาหาร เพื่อกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การจัดงานประกาศรางวัล ๕๐ ภัตตาคารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s 50 Best Restaurants 2016) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานฯ เมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพฯ ซึ่งมีภัตตาคารในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล จำนวน ๔ แห่ง ๑.๒ การเชิญเชฟชั้นนำระดับโลกร่วมทัศนศึกษาโครงการหลวง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ โครงการหลวงอินทนนท์ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก และโครงการหลวงหนองหอย (ม่อนแจ่ม) ระหว่างวันที่ ๑ -๓ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อเรียนรู้คุณภาพอาหารและการผสมผสานดัดแปลงวัตถุดิบในท้องถิ่นจากโครงการหลวง และการจัดบรรยายพิเศษเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารไทยและความสำคัญของโครงการหลวง โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพฯ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบร้านอาหารในประเทศไทยทั้งหมดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในด้านคุณภาพ รสชาติ และความสะอาด เพื่อรับรองขึ้นบัญชีร้านอาหารชวนชิมต่อไป รวมทั้งพิจารณาสนับสนุนและส่งเสริมการจัดทำรายการโทรทัศน์/สื่อดิจิตอลในด้านการท่องเที่ยวที่เน้นการแนะนำอาหารหรือศิลปวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมและการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับอาหารไทย เพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ของอาหารไทย รวมทั้งส่งเสริมประชาสัมพันธ์อาหารไทยแบบดั้งเดิมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
|
|||||||||||||||||||||
21253 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
21254 | ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... | นร | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ดังนี้
๑. มอบหมายให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำเสร็จแล้ว เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ตามมาตรา ๓๙/๑ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๙ บัญญัติให้เมื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้แจ้งคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ และให้คณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำเสร็จแล้วให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21255 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตรวจพิจารณาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ที่ได้มีการลงนามไปแล้ว หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขหรือจัดทำบันทึกความเข้าใจขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนได้หารือร่วมกัน ให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการบ่มเพาะและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมทั้งที่ประดิษฐ์คิดค้นโดยเยาวชนและประชาชนทั่วไป รวมถึงการแปลงนวัตกรรมให้เป็นสินค้าออกสู่ท้องตลาด โดยใช้กลไกประชารัฐที่มีภาคเอกชนมาร่วมดำเนินการ เช่น การจับคู่ธุรกิจกับเยาวชนที่มีความรู้ความสามารถ การกำหนดมาตรการสนับสนุนผู้เริ่มทำธุรกิจ (New Start-up) โดยอาจพิจารณานำรูปแบบการส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศเกาหลีใต้มาปรับใช้ในประเทศไทย ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้ทุกกระทรวงจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการเสนอร่างกฎหมายใหม่ การแก้ไขกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินการในภารกิจที่สำคัญเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ต่อการปฏิรูปและการบริหารราชการแผ่นดินตาม Road Map โดยจำแนกให้ชัดว่า เรื่องใดสามารถจัดทำเป็นกฎหมาย หรือเรื่องใดมีความจำเป็นต้องใช้อำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ให้ทุกกระทรวงนำเสนอให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาภายในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ เพื่อดำเนินการรวบรวมเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กลั่นกรองก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการที่มีหน้าที่กำหนดนโยบาย ขับเคลื่อนและติดตามงานที่สำคัญในเรื่องต่าง ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน ควรกำหนดคุณสมบัติในเรื่องอายุของกรรมการไว้ให้มีความเหมาะสมด้วย เช่น ควรมีอายุไม่เกิน ๗๐ ปีบริบูรณ์ ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดประเด็นการขับเคลื่อนการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่เหลือของการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบการบูรณาการในแต่ละประเด็นนั้น ในการดำเนินการดังกล่าวให้คำนึงถึงความเชื่อมโยงในมิติต่าง ๆ เช่น ความเหมาะสมตามมิติเชิงพื้นที่ในระดับต่าง ๆ (ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด ประเทศ) ความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐ (ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน) แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓.๓ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำจัดทำข้อมูลสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเตรียมการรองรับฤดูฝนที่จะมาถึงนี้ เช่น ปริมาณน้ำต้นทุน ระบบส่งน้ำ ปริมาณน้ำในแต่ละพื้นที่ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงกลาโหม (กองทัพอากาศ) จัดทำแผนการผลิตนักบินให้สอดรับกับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการบินทั้งในและระหว่างประเทศ โดยพิจารณาร่วมกับสถาบันด้านการบินของทั้งภาครัฐ กองทัพอากาศ และภาคเอกชน ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการดำเนินการผลิตนักบินให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ นี้ ๓.๕ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ (ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากต่างประเทศเสนอค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวแบบเหมาจ่ายในรูปแบบซื้อบริการนำเที่ยวเสริมและนำเที่ยวในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน) และปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยให้คนไทยเป็นตัวแทน (nominee) เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินภายในประเทศในภาคการท่องเที่ยวมากขึ้นและไม่ให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยเสียหาย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน รวมทั้งกำกับดูแลราคาของบริการนำเที่ยวให้มีมาตรฐาน ไม่สูงเกินความเป็นจริง ๓.๖ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการปราบปราม และพิจารณาให้มีมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันไม่ให้มีการแสดงที่เข้าข่ายลามกอนาจารในที่สาธารณะเพื่อใช้ในการโฆษณาหรือเชิญชวนให้ประชาชนเข้าชมการจัดแสดงสินค้า โดยให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๓.๗ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการจัดทำข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปตำรวจ โดยให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการจัดทำแผนการปฏิรูปตำรวจโดยให้ครอบคลุมเรื่องอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน การกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ด้วย และเสนอแผนดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
21256 | รายงานผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง (Mekong - Lancang Cooperation : MLC) ครั้งที่ 1 และการประชุม Boao Forum for Asia ประจำปี 2559 | กต | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) ครั้งที่ ๑ และการประชุม Boao Forum for Asia ประจำปี ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๑ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานร่วมกับนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้ผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลดความยากจน เพิ่มรายได้ และพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกร การสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือทรัพยากรน้ำของจีนเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกมิติเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน การส่งเสริมการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนกับประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมห่วงโซ่อุปทาน การสนับสนุนการลงทุนของเอกชน รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๑.๒ การรับรองเอกสารผลลัพธ์ ๓ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาซานย่าการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ (Sanya Declaration of the First Lancang-Mekong Cooperation Leaders’ Meeting) แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านศักยภาพในการผลิตระหว่างประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Joint Statement on Production Capacity Cooperation Among Lancang-Mekong Countries) และรายงานโครงการเร่งด่วนเพื่อดำเนินการทันทีภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง [Tentative Joint List of the Lancang-Mekong Coopreration (LMC) Early Harvest Projects] ๒. การประชุม Boao Forum for Asia ประจำปี ๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ (๑) เอเชียมีศักยภาพที่จะนำโลกฟื้นตัวจากสภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนการเจริญเติบโตในภูมิภาค (๒) ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เช่น กลไกประชารัฐ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งจะต่อยอดไปสู่ความเข้มแข็งในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค รวมถึงการเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก และ (๓) ภาคเอกชนต้องเพิ่มบทบาทในการมีส่วนร่วมและเป็นตัวเชื่อมเพื่อสร้างหุ้นส่วน 4Ps (Public-Private-People-Partnership) ๓. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ปล่อยน้ำจากเขื่อนในมณฑลยูนนานลงสู่แม่น้ำโขงตามคำขอของประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังประสบภาวะภัยแล้ง และขอความร่วมมือสาธารณรัฐประชาชนจีนในการนำเข้าข้าวและยางพาราจากไทย รวมทั้งได้แจ้งว่า ไทยตัดสินใจจะดำเนินโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ในรูปแบบโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยระยะแรกจะดำเนินการในเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด แต่ขอความร่วมมือจากจีนในการปรับลดราคาการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ตอบรับเรื่องกรอบเวลาและจะจัดทำข้อเสนอ/เงื่อนไขที่ไทยยอมรับได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21257 | โครงการศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2563) | วท | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาทบทวนแนวทางปฏิบัติของโครงการศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓) และจัดทำแผนงบประมาณบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ รวมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนในการดำเนินงานระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดยุทธศาสตร์และบทบาทหน้าที่ของศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาคให้มีความชัดเจน มีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ปรับปรุงการประชาสัมพันธ์เชิงรุก พัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้พร้อมต่อการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างความตื่นตัวเรื่องการสร้างนวัตกรรมให้กับท้องถิ่นและชุมชน นอกจากนี้ ควรมีกลไกผลักดันให้ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าเป็นคณะทำงานกลุ่มภารกิจด้านบริหารจัดการในคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21258 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | ทก | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เกี่ยวกับหลักการกำกับดูแลด้วยผู้เชี่ยวชาญ หลักความเป็นอิสระของหน่วยงานกำกับดูแล หลักการกำกับดูแลการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรม หลักวินัยการเงินการคลัง หลักการประเมินผลการปฏิบัติงาน รวมทั้งการมอบหมายอำนาจหน้าที่ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21259 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เช่น ปัญหาการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ คนชรา หรือผู้สูงอายุ อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา พ.ศ. ๒๕๔๘ กระบวนการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ทำแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชนเพื่อให้หน่วยงานใช้ประกอบการจัดทำรายงาน ส่วนประเด็นการกำหนดวิธีการขออนุญาต และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ อยู่ระหว่างการทบทวนและพิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน สำหรับข้อสังเกตเกี่ยวกับการสนับสนุนการทำงานแก่ราชการส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด นั้น จะได้จัดฝึกอบรมสัมมนาและให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ และปีต่อ ๆ ไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21260 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน พ.ศ. .... | มท | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน ในท้องที่แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง และแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....